ตอนที่ 15 ฝีมือแปลกประหลาด
สาวน้อยผู้นั้นโวยวายอย่างอับอาย ก็ไม่รู้ว่าใบหน้างามนั้นแดงเพราะโกรธเคืองหรือกระดาก นางยกคันธนูในมือขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ต้องคิด หยิบลูกศรออกมาพาดสายธนูและเล็งยิงไปที่เฟิ่งจิ่ว
“ฟิ้ว!”
ลูกศรที่มีกลิ่นอายพลังเร้นลับพุ่งมายังขั้วหัวใจของเฟิ่งจิ่วด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาด ดูเหมือนนางหมายจะเล่นงานเฟิ่งจิ่วให้ถึงตาย จึงลงมืออย่างมาดร้ายเช่นนี้
คนทางด้านสาวน้อยยืนนิ่งไม่ไหวติง ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าเองก็ราวกับจงใจเมินเฉย ถึงอย่างไรในสายตาพวกเขา เฟิ่งจิ่วก็แค่ขอทานตัวเล็กๆ ที่ไม่มีพลังเร้นลับอะไร อาจเพียงเพราะโชคดีถึงเข้ามาด้านในนี้ได้ คนเช่นขอทานผู้นี้ พวกเขาใช้แค่นิ้วมือเดียวก็สามารถบีบคอตายได้ตามใจชอบแล้ว
ตอนนี้หลิงโม่หานที่อยู่ห่างจากเฟิ่งจิ่วไปไม่กี่ก้าวก็ไม่คิดขัดขวาง เขาอยากลองดูว่าขอทานน้อยคนนี้จะมีฝีมือสักแค่ไหนกัน? จากที่เขาสังเกตนางมา นางไม่ใช่พวกไร้สมอง ในทางตรงกันข้าม นางหัวแหลมมากเลยทีเดียว และจะไม่ทำเรื่องอะไรที่ตัวเองไม่มั่นใจแน่
แต่เห็นชัดว่าบนตัวนางไม่มีกลิ่นอายของพลังเร้นลับ แล้วนางเอาความมั่นใจมาจากไหนกันแน่ ถึงได้กล้ามายุแหย่ผู้อื่นเช่นนี้?
ขณะที่กำลังคิด สายตาเขาหรี่ลงในทันใด
เขาเพียงเห็นนางโต้ตอบด้วยการพลิกตัวตีลังกาหลบลูกศรอย่างปราดเปรียว ลูกศรดอกนั้นพุ่งผ่านใต้ร่างนางไปพอดีโดยไม่ทำให้บาดเจ็บแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นภาพเช่นนั้น ไม่เพียงแค่หลิงโม่หาน แม้กระทั่งดวงตาของชายวัยกลางคนกับชายหนุ่มก็ฉายประกายประหลาดใจ ต้องรู้ไว้ว่าเดิมทีบนร่างของอีกฝ่ายก็ไม่มีกลิ่นอายพลังเร้นลับ อีกทั้งความเร็วของลูกศรที่ยิงออกไปเร็วและแรงแค่ไหน พวกเขาล้วนชัดเจนดี หากว่ากันตามปกติ ขอทานคนนั้นไม่อาจหลบมันได้เลยด้วยซ้ำ
แต่กลายเป็นว่าเขากลับหลบได้ นั่นก็พิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เห็นภายนอกสักนิด
“น่ารังเกียจ!”
สาวน้อยตะโกนเสียงหวานอย่างเกรี้ยวกราด นางเอื้อมมือไปด้านหลัง หยิบลูกศรมาวางบนสายธนูแล้วยิงออกไปอีกครั้ง
ทว่าเห็นได้ชัด ลูกศรคมที่เล็งเป้าหาขอทานน้อยไม่สามารถยิงถูกเขาได้เลย ไม่ว่านางจะยิงสักกี่ดอกก็โดนแต่ที่ว่างเปล่า มองเห็นขอทานน้อยผู้นั้นเชิดคางขึ้นมองนางด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มเยาะ ราวกับกำลังบอกว่า ‘นี่น่ะหรือฝีมือของเจ้า?’
นางโกรธจนต้องเก็บธนู แล้วดึงกริชที่เอวมาจู่โจมใส่เฟิ่งจิ่ว
“ยังมาอีก? ถ้ามาอีกข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!” ริมฝีปากเฟิ่งจิ่วยกยิ้มประหลาด สายตากวาดมองสาวน้อยผู้นั้น แล้วออกตัวไปรับกริชที่โจมตีมาหาโดยไม่คิดหลบ
“ขอทานน้อย! เจ้าตายซะเถอะ!”
สายตาหลิงโม่หานจับจ้องที่การเคลื่อนไหวของเฟิ่งจิ่ว เขาเห็นแต่นางพุ่งไปทันควันพร้อมใช้วิธีการแปลกประหลาดยึดกริชจากมือสาวน้อยมาได้ ความรวดเร็วนั้น ขนาดเขาเองก็ยังเห็นไม่ชัดว่านางทำได้อย่างไรกันแน่
พอมองอีกครั้ง กริชเล่มนั้นก็อยู่ในมือนางแล้ว นางสาวเท้าเคลื่อนตัวมาอยู่ด้านหลังของสาวน้อย และนึกไม่ถึงว่าจะอาศัยโอกาสนี้ใช้มือลากผ่านผิวขาวๆ ของอีกฝ่าย เขามองเสียจนเหงื่อตกอย่างอดไม่ได้
นี่นางเป็นผู้หญิงจริงๆ รึ? ไม่ใช่อันธพาลแน่นะ?
“จิ๊ๆ ลื่นจังนะ”
เฟิ่งจิ่วพูดชม ดวงตาเธอหรี่ลง มือข้างหนึ่งโอบเอวบางอันอ่อนนุ่มของสาวน้อย ส่วนอีกมือก็ถือกริชจี้ไว้ที่คอขาวระหง เสมือนจงใจหยอกล้อนาง เธอขยับเข้าไปสูดดมกลิ่นใกล้ๆ คอนางก่อนทำหน้าเคลิบเคลิ้ม
“หอมมากนะเนี่ย!”
ครั้งนี้ แม้แต่ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่เคยไม่แยแสยังคร่ำเคร่ง
ชายหนุ่มข้างๆ เองก็โกรธ ในดวงตาเขามีความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด มือใต้แขนเสื้อกำหมัดแน่น ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นสาวน้อยตกอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม เขาคงลงมือไปอย่างอดใจไม่ได้จริงๆ แล้ว
หลิงโม่หานปิดตาลงอย่างหมดคำพูด ไม่อาจทนดูต่อไปได้แล้วจริงๆ
…………………………………………….……….
ตอนที่ 16 สบโอกาสขู่กรรโชก
และตอนนี้เด็กสาวกลับนิ่งอึ้งไปแล้ว นางทำหน้าเหลือเชื่อ ไม่กล้าเชื่อว่าตัวเองจะถูกขอทานน้อยคนหนึ่งยึดกริชไปซ้ำยังถูกจับอีก
หนำซ้ำยิ่งไม่กล้าเชื่อว่าขอทานน้อยจะใจกล้าขนาดนี้ ต่อหน้าคนตั้งมากมายก็ยังกล้าเอาเปรียบนาง!
“หลานสาวข้ามักมีนิสัยหยิ่งผยอง จึงเสียมารยาทไปบ้าง ขอคุณชายน้อยอย่าได้ถือสานางเลย”
น้ำเสียงที่ทั้งทุ้มต่ำและแฝงไว้ซึ่งความน่าเกรงขามดังลอยมา เฟิ่งจิ่วเปรยตามองไป แววตาเป็นประกาย
แน่นอนว่าชายวัยกลางคนเป็นคนพูด เขาไม่ได้พูดเพื่อข่มขู่ แต่เพื่อขอโทษ เขาสามารถเก็บกลั้นความโกรธในใจและสีหน้าไม่สบอารมณ์ ทั้งยังคุยกับเธอได้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน ช่างทำให้รู้สึกแปลกใจจริงๆ!
“มีนิสัยจองหองแล้วจะคร่าชีวิตใครได้ตามใจชอบรึ? หากข้าหลบได้ไม่เร็วพอ เดาว่าคงไปรายงานตัวที่ยมโลกแล้ว”
เฟิ่งจิ่วมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาเย็นเยียบ ริมฝีปากผลิรอยยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เมื่อให้มาแล้วไม่ใช้คืนคงเสียมารยาทแย่ อันที่จริงข้าก็อยากตอบแทนคุณหนูผู้งดงามท่านนี้ให้ดีๆ เสียหน่อย” ระหว่างพูด กริชที่จ่ออยู่ตรงคอของเด็กสาวก็กดลงไปเล็กน้อย เลือดสดๆ ไหลออกมาทันที ช่างเด่นชัดเป็นพิเศษเมื่ออยู่บนผิวขาวนวล
“อ๊ะ!”
เพราะความเจ็บเด็กสาวถึงได้สติ แต่ตัวนางกลับแข็งทื่อไปเพราะกริชที่จี้อยู่ตรงคอ ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย ใบหน้าก็ปรากฏความตื่นตกใจ “เจ้า เจ้าอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ!”
“ปัดโธ่เอ๊ย ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ลูกศรที่ท่านยิงมาเมื่อครู่ทำข้าตกใจ ตอนนี้มือข้าจึงสั่นอยู่นิดหน่อย ไม่ระวังทำท่านเลือดออกเสียแล้ว!”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า สีหน้าชายวัยกลางคนมืดครึ้มลง รอยยิ้มเป็นมิตรหายไปภายในพริบตา เขามองเฟิ่งจิ่วพลางถามด้วยเสียงที่กดต่ำลง “เจ้าคิดจะเอาอย่างไรกันแน่?”
เฟิ่งจิ่วได้ยินเช่นนั้นก็หยีตายิ้ม “ข้าไม่คิดจะเอายังไง แค่กำลังคิดว่าหากมีเงินทองมาปลอบขวัญสักหน่อย มือข้าก็คงไม่สั่นแล้ว”
ชายวัยกลางคนได้ฟังคำพูดนั้น สีหน้าก็กลับเป็นปกติบ้างแล้ว เขาส่งสัญญาณไปทางเด็กหนุ่มด้านข้าง แล้วจึงเห็นเด็กหนุ่มพยักหน้าก้าวเดินออกมา ดึงถุงใบเล็กที่ดูไม่สะดุดตามาจากตรงเอว จากนั้นหยิบทองหยวนเป่า[1]สองก้อนออกมา
“ทองคำสองก้อนนี้ ให้คุณชายน้อยไว้ปลอบขวัญเป็นอย่างไร?”
ตอนนี้ดวงตาของเฟิ่งจิ่วกวาดมองถุงใบเล็กของเขาที่ดูไม่เตะตาสักเท่าไหร่ ตามความทรงจำในหัวนาง นั่นน่าจะเป็นถุงฟ้าดินที่สามารถใช้เก็บสิ่งของ เป็นของที่ประเมินค่าไม่ได้ ดูท่าฐานะของเด็กหนุ่มคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่!
สายตาเธอหันมองทองสองก้อนบนมือเขา แล้วกล่าวอย่างดูหมิ่นว่า “นี่ท่านให้ขอทานรึไง? คิดว่าทองคำสองก้อนนี้จะปลอบขวัญข้าได้หรือ?”
สีหน้าเด็กหนุ่มทะมึนลงน้อยๆ เขาชายตามองขอทานน้อยที่เนื้อตัวมอมแมมผู้นั้น แอบคิดว่า ‘แล้วเจ้าไม่ใช่ขอทานหรือไง?’
แม้ในใจจะดูถูก แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออก และยังหยิบทองคำออกมาอีกสี่ก้อน “แบบนี้ล่ะพอไหม?”
หลิงโม่หานเหลือบมองทองเหล่านั้น แล้วจึงเบนสายตาไปเงียบๆ
เงินประเภททองคำและเงินจะซื้อได้เพียงพวกของในทางโลก ถ้าอยากซื้อของสำหรับการฝึกวิชา หากไม่มีเหรียญมณีก็ไม่สามารถซื้อได้ เมื่อเทียบกับเหรียญมณีราคาแพง ทองคำพวกนี้ยังไม่พอจริงๆ ทว่าสิ่งที่ขอทานน้อยร้องขอกลับไม่ใช่สิ่งอื่น นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะขอเงินทอง ช่างโง่เขลาเสียจริง
เฟิ่งจิ่วคร้านสนใจว่าคนอื่นคิดเช่นไร พอเห็นทองคำพวกนั้นก็ขบคิดในใจ ก่อนพูดว่า “ถือว่าถ้าพวกเราไม่กระทบกระทั่งก็คงไม่รู้จักกัน หากข้าปล่อยนางแล้ว พวกท่านอย่าได้ลงมือกับข้าอีก”
“แน่นอน” ชายวัยกลางคนตอบรับเสียงเบา
“เจ้าล่ะว่าอย่างไร?” เธอขยับเข้าใกล้ใบหน้าของสาวน้อย แล้วยิ้มตาหยีถาม
…………………………………………………….
[1] หยวนเป่า เงินจีนในสมัยโบราณประเภทหนึ่ง มีลักษณะคล้ายเรือ นูนป่องตรงกลาง ทั้งสองข้างยกโค้ง นิยมแกะสลักลวดลายมงคลและอักษรมงคลแบบต่างๆ