ตอนที่ 177 นายแห่งตำหนักยมราช!
หลิงโม่หายออกไปไล่ตาม แต่ไม่นานนักก็กลับมา กล่าวกับทุกคนอย่างขออภัย “อีกฝ่ายมากันว่องไว ไปก็รวดเร็ว ไม่เห็นร่องรอยแล้ว”
คนของสมาคมนักปรุงยาได้ยินแต่ละคนก็ส่ายหน้า ประมุขอวี๋ถอนใจเอ่ยว่า “ไม่โทษท่านหรอก คนของตำหนักยมราชลึกลับซับซ้อนมาแต่ไหนแต่ไร หนำซ้ำกำลังยังแข็งแกร่ง หนุ่มน้อยนั่นถูกพวกเขาเพ่งเล็ง เกรงว่าเป็นเพราะพรสวรรค์การปรุงยา”
“ตำหนักยมราชเป็นกองกำลังใดกันแน่? นายท่านข้าจะมีอันตรายหรือไม่?” เหลิ่งซวงมายังเบื้องหน้าพวกเขาพลางเอ่ยถามเสียงร้อนรน
ประมุขตลาดมืดเดินเข้ามา กล่าวว่า “กองกำลังตำหนักยมราชยังแกร่งกว่าตลาดมืดนัก เป็นกองกำลังหนึ่งที่ไม่ว่าสำนักศึกษาหมอกดาราหรือวงศ์ตระกูลแต่ละถิ่นไม่อาจตอแย นายท่านเหยียนยิ่งเป็นผู้แกร่งกล้าดั่งเทพมังกรที่เห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่มีใครรู้ว่าที่มั่นตำหนักยมราชอยู่ที่ใด น้องชายภูตหมอตกอยู่ในมือพวกเขาแล้ว เกรงว่าจะร้ายมากกว่าดี…”
“เป็นไปไม่ได้! นายท่านข้าจะไม่เป็นไร!” นางตะคอกเสียงดัง มองประมุขตลาดมืดด้วยแววตาเย็นเยียบ “พวกท่านตลาดมืดต้องช่วยข้าตามหานายท่าน!”
“เจ้าวางใจเถอะ พวกเราจะไถ่ถามเบาะแสของนายท่านเจ้าแน่” ข้อนี้ประมุขเคอไม่ปฏิเสธ
“เจ้าสบายใจได้ ตามที่ข้ารู้ ช่วงนี้ตำหนักยมราชจับตัวนักปรุงยาและนักเล่นแร่แปรธาตุไปไม่น้อย ไม่แน่ นายท่านเจ้าคงไม่มีอันตรายหรอก” ประมุขสมาคมนักปรุงยาบอก ถอนหายใจ งานแข่งปรุงยาทิพย์ที่ดีๆ เดิมจะคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์ แต่ใครรู้ว่าจะถูกคนตำหนักยมราชทำให้กลายเป็นเช่นนี้
เรื่องแพร่ออกไปราวกับขนนกในสายลม ทำเอาผู้คนถอนใจไม่สิ้นสุด ต่างกำลังคาดเดาว่าคุณชายชุดแดงผู้นั้นจะเป็นหรือตาย?
ทว่าตลอดจนค่ำคืนมาเยือน เงาร่างสีดำกระโดดไม่กี่ทีก็มาถึงบริเวณในเรือนอย่างเงียบเชียบไร้เสียง
“คารวะนายท่านเหยียน!”
ผู้ฝึกตนชุดดำสิบหกนายในลานบ้านคำนับหนึ่งเข่าด้วยความเคารพ
“ลุกขึ้นเถอะ!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเยือกเย็นแฝงด้วยแรงกดดันทรงพลังดังขึ้น เสื้อคลุมเขาสะบัดขึ้น นั่งลงข้างโต๊ะหินในสวน พอหมุนตัวนั่งลง ใบหน้าก็เผยออกตามมา
นั่นเป็นใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้คนตกตะลึงยิ่ง อวัยวะทั้งห้าราวกับสวรรค์แกะสลักสรรสร้างมาอย่างวิจิตร โครงหน้าคมชัดดั่งใบมีด เฉยชาแต่กลับไม่สูญเสียความงดงาม ใต้คิ้วทรงดาบ ดวงตาคู่นั้นทั้งลึกล้ำและแฝงด้วยประกายลึกลับ ภายในเก็บไว้ซึ่งคมมีดดุร้ายน่าสะพรึง แค่แวบเดียว ก็ทำให้คนก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้าสบรับกับนัยน์ตาดำน่ากลัวที่แฝงด้วยแรงกดดันแกร่งกล้าและคมมีด
และใต้จมูกสูงโด่ง คือริมฝีปากบางน่าหลงใหล ตอนนี้มันเหยียดอยู่น้อยๆ กลิ่นอายเยือกเย็นน่าหวาดหวั่นทั่วร่าง สูงส่งเช่นเทพสวรรค์ และดุดันรุนแรงราวกับราชันย์แห่งใต้หล้า!
หากตอนนี้เฟิ่งจิ่วเห็นเข้า ต้องอุทานเรียกว่า ‘ท่านอาหลิง!’ แน่
ถูกต้อง นายท่านเหยียนผู้นำตำหนักยมราช ก็คือหลิงโม่หานที่เฟิ่งจิ่วคุ้นเคย แต่หลิงโม่หานเป็นแค่ตัวตนปลอมที่เข้าสำนักศึกษาหมอกดาราไปเป็นอาจารย์ในโลกภายนอก หนวดเคราหนาเตอะที่ปกติอยู่บนใบหน้า ก็ผ่านการจัดการอย่างประณีตก่อนจะติดขึ้นไป จึงสมจริงมากพอ
“คนเป็นยังไงบ้าง?” นายท่านเหยียนเอ่ยถามเสียงเข้ม น้ำเสียงทุ้มต่ำมีความเกียจคร้าน และท่าทางของผู้เหนือกว่า
“เรียนนายท่านเหยียน เด็กที่จับมาสลบอยู่ ยังไม่ฟื้นขอรับ” ผู้ฝึกตนชุดดำนายหนึ่งพูดอย่างยำเกรง
“ดูคนให้ดีๆ พรุ่งนี้พากลับตำหนักยมราชไปพร้อมข้า”
ได้ยินคำพูดนี้ ผู้ฝึกตนชุดดำสิบหกนายต่างระรื่น “นายท่านจะกลับตำหนักยมราชแล้วรึขอรับ?”
สิ้นสุดน้ำเสียง พลันได้ยินทหารอารักขาด้านหลังกู่ร้อง “แย่แล้ว! เจ้าเด็กนั่นจะหนีไปแล้ว!”
…………………………
ตอนที่ 178 แม้ติดปีกก็ยากจะบินหนี!
ทั้งสิบหกคนได้ยิน ก็โผพุ่งตัวออกไปด้านหลังทันที
เห็นเช่นนี้ นายท่านเหยียนลุกยืนขึ้น ขณะกำลังจะเดินไปด้านหลัง ฝีเท้าก็ชะงักลง ลูบๆ คาง จากนั้นค่อยหยิบหน้ากากครึ่งหน้าสีเงินจากในห้วงมิติขึ้นมาสวม ถึงจะสาวก้าวเดินไปด้านหลัง
เมื่อเขามาถึงด้านหลัง เห็นเพียงเงาร่างสีแดงบนหลังคากำลังรับมือกับลูกน้องเขาราวกับภูตผี ความเร็วที่พุ่งขยับถอยหลบ และการโจมตีอันร้อนแรง ทำให้ดวงตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย
ตอนแรกบนยอดเขา อาศัยที่ภูตหมอไม่ทันระวังทำให้สลบจากด้านหลัง ทว่าตอนนี้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม ลูกน้องผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานก็ไม่มีทางจับตัวไว้ได้ ไม่พูดไม่ได้ ว่ามันทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง
น่าเสียดาย เมื่อตกอยู่ในมือเขา คิดจะหนี ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“ซี๊ด!”
คนชุดดำวรยุทธ์ระดับสร้างรากฐานถูกเฟิ่งจิ่วเตะเข้าทีหนึ่ง ร่างกายถอยหลังไปป้องกันอยู่หลายก้าว กุมหน้าอกที่ถูกถีบจนเจ็บแล้วลูบๆ ก่อนจะสบถด่าเสียงเบา
“บ้าเอ้ย! เจ้าเด็กนี่กินอะไรโตมาเนี่ย? แรงเท้าหนักขนาดนั้นเลยรึ?”
เฟิ่งจิ่วเก็บเท้าชกหมัดโจมตีออกไปหาคนชุดดำระดับสร้างรากฐานอีกคนที่เข้ามาใกล้ ยิ้มเยือกเย็น “แน่นอนว่าต้องกินนมแม่โตมาน่ะสิ!”
ฟังคำพูดนี้ นายท่านเหยียนที่ยืนมือไพล่หลังอยู่ด้านล่างก็ยกมุมปากขึ้นมุมโค้งที่ยากจะสังเกตเห็น ดวงตาลึกล้ำจับจ้องบนร่างชุดแดง สั่งการว่า “จับคนลงมา”
“ขอรับ!”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่มองอยู่ข้างๆ ขานรับทันที สองคนในนั้นโผตัวออกไป แรงกดดันทรงพลังปกคลุมไว้ พอลงมือ ก็จับตัวเฟิ่งจิ่วไว้ได้
“เจ้าพวกบ้า! ไม่เพียงหมาหมู่ ยังจะใช้กำลังรังแกคนอ่อนแออีก! ซี๊ด! อย่าบิดซิ! แขนข้า!”
เธอร้องอย่างเจ็บปวด เบิกดวงตาขึ้นด้วยความโกรธ นี่คือความแตกต่างของพละกำลัง ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งเป็นใหญ่
ต่อให้พละกำลังเธอเรียกได้ว่าเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใครในแคว้นเล็กระดับเก้าอย่างแสงสุริยัน แต่พอมาถึงแคว้นกลางระดับหก เผชิญหน้ากับเหล่าเซียนผู้แข็งแกร่ง ก็ยังอ่อนแอโดยสิ้นเชิง
ผจญกับศัตรูเก่งกาจเช่นนี้ เดิมทีเธอก็รู้ว่าหนีไม่พ้น แต่ยังคิดจะลองดู เป็นไปตามคาด ผลลัพธ์ที่ได้ลองคือสองแขนถูกพลิกบิดไว้
ซี๊ด! ทุกทีที่บิดแขนคนอื่นก็ไม่คิดว่าจะเจ็บ ทำไมพอตัวเองถูกคนพลิกบิดไว้ ถึงรู้สึกเหมือนกระดูกจวนจะแยกจากกันเสียแล้วเล่า?
“นายท่าน จับคนกลับมาแล้วขอรับ” ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสองนายจับคนคุมตัวมาด้านหน้านายท่านเหยียน
เฟิ่งจิ่วเงยหน้า ถึงจะเห็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีดำลายเมฆหลบยืนมือไพล่หลังอยู่ตรงหน้า ถึงแม้อีกฝ่ายจะใช้หน้ากากสีเงินครึ่งหน้าปกปิดใบหน้าไว้ เผยให้เห็นเพียงริมฝีปากบางน่ามองใต้จมูกและคางเฉยชารูปทรงคมชัด แต่เรือนร่างสูงโปร่งกำยำ รูปร่างตั้งตรงแข็งแรง รวมถึงท่าทางบนร่าง ยังคงทำให้ดวงตาเธอเป็นประกาย
ทันใดนั้น จึงผิวปากออกมาราวกับคุณชายผู้ลากมากดี เอ่ยชมว่า “ช่างเป็นหนุ่มรูปงามที่ทรงเสน่ห์น่าเย้ายวนจริงๆ!”
เห็นเขาพบหน้านายท่านก็ทำตัวลามปามขึ้นมาต่อหน้าทุกคนด้วยความหยอกล้อ ผู้ฝึกตนชุดดำทั้งสิบหกคนก็ผงะไป เหลือบมองนายท่านอย่างรวดเร็ว แล้วเร่งรีบก้มหน้าลงปกปิดรอยยิ้มที่เอ่อล้นตรงมุมปากอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
หนุ่มรูปงามทรงเสน่ห์น่าเย้ายวน? พูดถึงนายท่านพวกเขารึ?
เด็กน้อยนี่คงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง
เมื่อนายท่านเหยียนได้ยินคำพูดเฟิ่งจิ่ว ก็เลิกคิ้วขึ้น มุมปากยกโค้งชั่วร้าย
“ทรงเสน่ห์? น่าเย้ายวนรึ? อาจจะใช่ ข้าถือว่านี่เป็นคำชมก็ได้”
แต่น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยที่ทุ้มต่ำและมีแรงดึงดูดนั้น ไม่ว่าฟังเช่นไร ล้วนคล้ายจะเคลือบแฝงด้วยอันตรายถึงชีวิต
คำ คำชมรึ?
คนชุดดำสิบหกนายมองหน้ากันแวบหนึ่ง ผิวหนังตึงตัว ยิ่งก้มหัวต่ำลงอีก
……………………………