ตอนที่ 191 ไสหัวออกไป!
บุรุษผู้นั้นยิ้มด้วยเจตนาร้าย “แน่นอนว่าต้องทำตามคำสั่งนายท่าน! เจ้าคงไม่คิดว่า ข้าจะปล่อยให้เจ้าหลบอยู่ในห้องตลอดโดยไม่ออกไปได้งั้นสิ?”
“เฮ้ยๆ! เริ่นเสียง เจ้าอย่าทำเกินไปนักนะ!”
“ข้าแค่ทำตามคำสั่งนายท่าน คงทำไม่เกินไป เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะดูแลเจ้าหน่อย ไม่ให้เสียตัวหรอกน่า” เขายิ้มๆ โบกมือให้สัญญาณเด็กรับใช้เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าเขา
“ข้าจะเปลี่ยนเอง! พวกเจ้าไม่ต้อง!” ฮุยหลางตะโกนลั่น แต่เมื่อหยิบชุดสีแดงตัวนั้นที่บางราวปีกแมลงโปร่งใส สีหน้ากลับดำมืดเสียจนเหมือนก้นหมอ “จะ จะให้ข้าสวมเจ้านี่รึ? นี่ นี่มันบางโปร่งเห็นชัดเลยนะ!”
เริ่นเสียงเหลือบมองเขา กล่าวยิ้มๆ “เจ้าจะเลือกเปลือยกายออกไปก็ได้นะ ข้าเชื่อว่าหากมีเจ้าเป็นไพ่ตาย สองสามวันนี้ธุรกิจเราจะต้องเป็นที่นิยมมากแน่””
เช่นนี้ ฮุยหลางจึงถูกพวกเขาบังคับเปลี่ยนสวมชุดสีแดงโปรงแสงนั่น ซ้ำยังแต่งหน้าทาปากส่งขึ้นเวที…
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่ได้ข่าวว่านายท่านเหยียนออกไปข้างนอก คืนนี้จึงเข้าไปแช่น้ำที่บ่อน้ำพุร้อนหลังเขา
สำหรับเธอแล้ว บ่อน้ำพุร้อนหลังเขานี้ยังปลอดภัยกว่าเรือนเธอนัก ที่เรือนคนพวกนั้นคิดจะเข้ามาก็เข้า หนำซ้ำยังเข้าห้องไม่เคาะประตู ทำให้เธออาบน้ำอย่างอกสั่นขวัญแขวน มักจะลนลานอาบน้ำแล้วก็จบ ไหนเลยจะเทียบได้กับความสะดวกสบายที่นี่และไม่มีใครกล้าบุกเข้ามากันเล่า?
พอแช่น้ำไปครึ่งชั่วยาม เธอสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยก็หยิบยาทาจากห้วงมิติมาผอกลงบนหน้าชั้นหนึ่ง ช่วงนี้ บนหน้าไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนล้วนต้องผอกยาไว้ เธอเคยดูแล้ว ว่าแผลเป็นบนหน้าจางลงไม่น้อย เดาว่าผ่านไปอีกสักพักก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง
หลังผอกยาเรียบร้อย ก็ออกจากบ่อน้ำพุร้อนหลังเขาอย่างเงียบเชียบ ไปยังเรือนตัวเอง กลับมาในห้อง ล็อคประตูหน้าหน้าต่างทั้งด้านในด้านนอก ก่อนจะดับไฟมืดสนิทแล้วเข้าไปฝึกฝนกลิ่นอายพลังเร้นลับในห้วงมิติ
ช่วงนี้อยู่ที่นี่ไม่มีโอกาสได้ฝึกวิชาเลย สุดท้าย หากไม่ระมัดระวัง ก็มีความเป็นไปได้ที่สมบัติในห้วงมิติบนตัวกับพลังวิญญาณบนร่างจะถูกพบเข้า
พอเข้าห้วงมิติมา เธอมองหงส์ไฟที่หลับใหล เห็นเขายังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ก็นั่งลงขัดสมาธิท่องคาถารวมพลังเพื่อฝึกตน…
จนกระทั่ง เวลากลางดึก การเคลื่อนไหวด้านนอกทำให้เธอในห้วงมิติตกใจตื่น รีบร้อนแวบตัวออกจากห้วงมิติมาโผล่บนเตียง ก็ได้ยินเสียงประตูห้องถูกผลักออกอย่างกะทันหัน
“ภูตน้อย! รีบ รีบตามข้ามาเร็วเข้า!” หลินเหล่าเข้ามาลากคนไปด้วยท่าทางวิตกกังวล
“หลินเหล่า?”
เฟิ่งจิ่วมองเขาอย่างตื่นตกใจ ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ดึกดื่นมืดค่ำจะไปไหนขอรับ?”
“นายท่านเหยียนไปขโมยบัวเพลิงแก่นสวรรค์ที่หุบเขาพิษ ได้รับบาดเจ็บ เจ้ารีบตามข้าไปดูหน่อย!” เพราะรู้ว่าทักษะการรักษาเขาไม่ธรรมดา ดังนั้นเมื่อรู้ว่านายท่านได้รับบาดเจ็บ วินาทีแรกเขาจึงรีบมาลากเขาไปด้วยกันก่อน
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วสีหน้าแปลกใจ “วรยุทธ์เขาแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงบาดเจ็บได้ขอรับ?” แม้จะพูดอยู่ แต่ยังหยิบเสื้อคลุมที่หัวเตียงมาสวม แล้วเดินตามหลินเหล่าออกไป “ไหนเลยเจ้าจะรู้ว่าหุบเขาพิษเป็นสถานที่เช่นไร? ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งมีพิษ หนำซ้ำ นายของหุบเขาพิษยังเป็นผู้แข็งแกร่งระดับกำเนิดวิญญาณ เซียนผู้แกร่งกล้ารวมกับพิษที่ชำนาญ ต่อให้นายท่านเก่งกาจก็ยากจะเลี่ยงการบาดเจ็บ”
เฟิ่งจิ่วรีบร้อนตามหลินเหล่ามายังเรือนหลัก เรือนของนายท่านเหยียน และนี่ยังเป็นครั้งแรกที่เธอเข้ามา
หลินเหล่าพาเฟิ่งจิ่วเร่งฝีเท้าเดินเข้าห้อง พลางถามด้วยความกังวลใจ “อิ่งอี? นายท่านเป็นยังไงบ้าง? เจ็บตรงไหน? ร้ายแรงหรือไม่?”
นายท่านเหยียนที่นอนอยู่บนเตียงและกำลังเปลือยกายให้อิ่งอีจัดการบาดแผลหันมาด้านข้าง เหลือบเห็นเงาร่างนั้นตามหลินเหล่าเข้ามา จึงดึงผ้าห่มขึ้นไปปิดท่อนล่างไว้ทันที ขณะเดียวกันน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเยือกเย็นก็แผดเสียงลั่นด้วยความเหนียมอายที่ยากจะสังเกต
“ไสหัวออกไปซะ!”
…………………………
ตอนที่ 192 อยู่เฝ้าค้างคืน!
เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันเห็นชัดว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ก็เห็นสายลมโบกพัดโจมตีมาเสียดื้อๆ ผลักตัวเธอออกไป
ไม่ต้องพูดถึงที่เธอตะลึงงัน แม้แต่อิ่งอีที่ช่วยเขาจัดการบาดแผลและหลินเหล่าที่รีบปรี่มายังชะงัก
“นาย นายท่าน?”
“ให้นางออกไปซะ!” นายท่านเหยียนพูดเสียงเข้ม
อิ่งอีเห็นท่าทาง ถึงจะรีบร้อนเดินออกมา บอกกับเฟิ่งจิ่วที่อึ้งๆ อยู่ว่า “เจ้าออกไปก่อนเถอะ”
เฟิ่งจิ่วหันไปสำรวจเล็กน้อย กำลังจะมองเข้าไปด้านใน เพื่อลองดูว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร ก็ได้ยินเสียงเขาดังมาอีกครั้ง
“อิ่งอี โยนนางออกไปซะ!”
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่งจึงหนีออกไปทันที พลางกระซิบกระซาบด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่ว่าข้าอยากมาเสียหน่อย ตะโกนอะไรของเขา? ช่างเข้าใจยากจริงๆ!”
หลินเหล่าเร่งรีบเดินไปด้านใน พลางถามว่า “นายท่านบาดเจ็บตรงไหนรึขอรับ?”
“หลังต้นขาถูกงูพิษกัด ข้าช่วยนายท่านจัดการบาดแผล รีดพิษออกมา และให้นายท่านทานยาล้างพิษแล้ว คงไม่มีอะไรร้ายแรง แต่ตรงแขนถูกฟัน เดาว่าสองสามวันนี้คงขยับมากนักไม่ได้”
อิ่งอีพูดจบ ก็มองไปที่นายท่านเหยียน เอ่ยว่า “นายท่าน บาดแผลยังไม่ได้ทายานะขอรับ”
ฟังเช่นนี้ นายท่านเหยียนถึงจะเปิดผ้าห่มออก เผยให้เห็นบาดแผลตรงหลังต้นขาใกล้ๆ บั้นท้าย
เพราะโดนงูพิษกัด อิ่งอีจึงกรีดรูปกากบาทเล็กๆ ไว้ตรงแผล แล้วให้เขาเกร็งกำลังรีดพิษออก เมื่อครู่กำลังจะทายา ก็เห็นพวกเขาพรวดเข้ามา
แต่ว่า เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งนั้น ทำไมนายท่านถึงไล่ภูตหมอออกไปเล่า?
ในใจนึกสงสัย กลับไม่กล้าเอ่ยถาม เขาถอยมาข้างๆ ให้หลินเหล่ารับช่วงต่อ หลังจากทายาก็พันบาดแผล ถึงจะนำกางเกงมาสวม ผูกผ้าคาดเอว แล้วค่อยจัดการบาดแผลตรงแขน
นอกเรือน เฟิ่งจิ่วนั่งมองดาวอยู่ในสวนอย่างเบื่อหน่าย ไม่รู้ว่าตอนนี้เหลิ่งซวงจะเป็นยังไงบ้าง? ไม่มีเบาะแสเธอ กลัวว่าจะกังวลใจแทบตายเลยกระมัง?
นึกถึงตรงนี้ เธอคิดว่าตัวเองจวนใกล้เวลาที่ควรจะแอบหนีออกไป
แต่ว่า มาที่นี่ตั้งหลายวัน ตลอดมากลับยังไม่รู้ชัดแจ้งว่านายท่านเหยียนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
บัวเพลิงแก่นสวรรค์ที่เขาไปขโมยยังหุบเขาพิษเป็นยาทิพย์จิตวิญญาณล้ำค่าที่จะขาดไม่ได้ในการรักษาพิษเหมันต์พันปี พิษเหมันต์พันปี? นายแห่งตำหนักยมราช? ยังมีท่านอาหนวดเฟิ้มนั่นอีก ระหว่างสามคนนี้ จะมีอะไรเกี่ยวข้องกันรึเปล่านะ?
ขณะกำลังครุ่นคิด ก็ได้ยินเสียงหลินเหล่าดังขึ้นมาข้างหู
“ภูตน้อย เจ้ายังอยู่นี่อีกรึ? รีบกลับไปนอนเถอะ! นายท่านไม่เป็นอะไรแล้ว” เขากล่าวอย่างขอโทษนิดหน่อย เดิมนึกว่าบาดแผลร้ายแรงมาก ดังนั้นตอนที่กำลังมาถึงได้ลากเขามาด้วยกัน นึกไม่ถึงว่าเขาจะถูกนายท่านไล่ออกมา
“หลินเหล่า บัวเพลิงแก่นสวรรค์คือยาทิพย์ที่จำเป็นสำหรับพิษเหมันต์พันปี นายท่านเหยียนพยายามถึงเพียงนั้นเพื่อไปขโมยมันจากหุบเขาพิษ คนที่ถูกพิษเหมันต์พันปี เป็นอะไรกับนายท่านเหยียนกันแน่?”
“เรื่องนี้… เหอะๆ อีกหน่อยเจ้าจะรู้เอง”
หลินเหล่าหัวเราะเหอะๆ บอกว่า “ค่ำคืนดึกดื่น เจ้าไม่กลับไปนอน ข้ายังต้องกลับไปนอนอีกสักพัก ข้าแก่แล้ว เทียบไม่ได้กับหนุ่มๆ อย่างพวกเจ้าหรอกนะ” พูดจบ ก็โบกบ่ายมือ ก่อนจะเดินออกไป
เห็นเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็ลุกขึ้นยืน เตรียมจะกลับเรือนไปนอนสักหน่อย ใครจะรู้ ว่าเสียงอิ่งอีจะลอยมาจากด้านหลัง
“ภูตหมอ นายท่านให้เจ้าอยู่เฝ้าค้างคืน”
ได้ยินคำพูดนี้ เธอจึงหันกลับไปอย่างตกใจ “เฝ้าค้างคืน? เพื่ออะไรกัน?”
อิ่งอีมองเขาแวบหนึ่ง บอกว่า “คำสั่งนายท่าน ไหนเลยต้องมีเหตุผลมากมายเพียงนั้น? แขนขานายท่านใช้การไม่สะดวก เขาให้เจ้าทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
เห็นอิ่งอีทิ้งคำพูดไว้ก็เดินไป เฟิ่งจิ่วจึงเบิกดวงตา
………………………………