บทที่ 199 ได้ยินมาว่ามีคนจะมอบหยกพลังปราณให้ผม
“ซุนชือปล่อยหมัดไปทางสามนาฬิกา!”
ซูเย่ด้านหนึ่งรับการโจมตีจากคนทั้งสาม อีกด้านหนึ่งคอยออกคำสั่ง
ภายใต้คำบัญชาของซูเย่ เฉินเซียนเยว่ ซุนชือ จินฟานและพี่น้องไป๋ที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดก็ออกการโจมตีถูกฝ่ายตรงข้ามจังๆ
ไม่เพียงแต่ให้ตัวเองอยู่ในสภาวะเตรียมการป้องกันที่ปลอดภัยเท่านั้น แต่ในตอนที่รักษาระยะความปลอดภัย ยังสามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามได้
ส่วนคนอื่นๆ ล้วนอยู่แต่ในมุมห้องอย่างเงียบๆ ในสภาวะพร้อมตั้งรับ
แม้ว่าไม่ได้ออกฝีมือ แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะสร้างความวุ่นวายเพิ่ม
ในสถานการณ์เช่นนี้
กลุ่มคนชุดดำต่างขมวดคิ้วแน่น เดิมทีคิดว่าการจัดการกับเด็กๆ พวกนี้คงง่ายพอๆ กับการหั่นผักหั่นแตง แต่คิดไม่ถึงว่าจะแตกต่างจากที่พวกตนจินตนาการไว้!
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ใช้เพียงคำพูดปากเปล่าก็สามารถช่วยกลุ่มนักศึกษาพวกนั้นรับการโจมตีไว้ได้…
ในสถานการณ์ที่เขาแข็งแกร่งกว่านักศึกษากลุ่มนี้ แต่กลับทำอะไรพวกมันไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ…!
“แม่งเอ้ย! สถานการณ์ที่ไม่คาดคิด…” หัวหน้ากลุ่มผู้โจมตีสบถอย่างโกรธเกรี้ยว
ขณะที่เขากำลังเกรี้ยวกราด แววความตกใจที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้นในหัวสมองของเขา
จากระดับความสามารถของเป้าหมายที่เขากำลังโจมตีในตอนนี้ ในใจของเขาก็มีภาพคลุมเครือปรากฏผ่าน
“นี่ดูเหมือนจะเป็นค่ายกลประสานแบบย่อส่วน?”
เขาคิดไม่ถึงแม้แต่น้อย ในกลุ่มนักศึกษาที่ราวกับลูกเจี๊ยบกลุ่มนี้ กลับมีคนรู้จักค่ายกลประสาน!
“ฆ่ามันก่อน!” หัวหน้าเริ่มร้อนใจ หากยังถูกต่อต้านแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ละก็พวกทีมช่วยเหลือก็คงมาถึงกันพอดี
เมื่อได้ฟังคำบัญชา เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองที่โจมตีพลาดหกคนนั้นก็พลันหันกายไปล้อมทางซูเย่อย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมที่จะโจมตีพร้อมกัน
ต้องฆ่าซูเย่ให้ได้ก่อน!
“ก็เข้ามาสิ…”
ซูเย่กล่าวพลางยิ้มเย็น
โจมตีฉันน่ะไม่กลัวหรอก กลัวก็แต่พวกแกจะโจมตีคนอื่น…
เขาน่ะคือปีศาจที่อยู่มาแล้ว 2500 ปี มีสถานการณ์เช่นใดไม่เคยพบพานบ้างเล่า นับประสาอะไรกับพวกตัวเล็กตัวน้อยระดับสองระดับสามพวกนี้กัน?
เขาโคจรพลังรวบรวมลมปราณ ชั่วพริบตา ปราณที่ถูกเก็บไว้ในร่างกายก็มากพอที่จะเปิดจุดลมปราณหกจุดทั้งหมดระเบิดออกมา พลังงานปราณทั้งหมดปกคลุมทั่วทุกอณูของร่างกาย ควบแน่นในทุกจุดลมปราณ และระเบิดพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมา…
“พลั่ก!”
สะบัดหมัดขวาออกไป
หมัดของซูเย่ปะทะกันกับหมัดของคนที่โจมตีมาจากด้านหน้า
พลังระเบิดในทันที ในขณะที่ทั้งสองหมัดปะทะกัน
“กร่อบ!”
แขนขวาของฝ่ายตรงข้ามหัก เคล้าไปด้วยเสียงกรีดร้องอย่างทรมาน คนที่บุกโจมตีเข้ามาก็กระเด็นออกไปทันที
ระดับสองเปิดสี่จุดลมปราณงั้นหรือ แต่พลังการต่อสู้ของเขาคือระดับสามและหนึ่งเส้นลมปราณ!
และตอนนี้เขาเป็นระดับสองเปิดหกจุดลมปราณ!
“คิดจะจัดการเสี่ยวเย่ ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ!”
ซุนชือตะโกนทันที
ผู้ฝึกปราณระดับสองหกคนที่เข้ามาเพื่อปิดล้อมซูเย่ กลัวที่จะถูกโจมตีอีก เท้าที่ก้าวออกชะงักค้างครู่หนึ่ง…
วินาทีที่พวกมันลังเล ซูเย่สบโอกาสพุ่งกายออกไปทันที!
ราวกับอสรพิษพุ่งตรงไปเบื้องด้านชายชุดดำคนหนึ่ง สลายท่าเตรียมโจมตีอันรุนแรงของอีกฝ่าย แล้วบิดตัวพลิ้ว…พลังที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนก็ปะทุออกมา ตรึงร่างฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ได้ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหาอีกคน
เพราะมันมืดเกินไป…ต่อให้ความสามารถจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยากที่จะระบุได้ว่าอีกฝ่ายคือใคร…
ภายใต้การชักจูงของซูเย่ มันทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรง พลังมหาศาลกระจายออกและสะบัดมันทั้งสองถอยร่นออกไป
และในตอนนี้เอง…
“ล้มลงซะ” ฝ่ามือของซูเย่โบกหนึ่งที ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังลมปราณของซูเย่สับลงไปที่หลังคอของหนึ่งคนนั้นจนสลบทันที ก่อนจะรีบพุ่งเข้าหาอีกคนอย่างรวดเร็ว
ในตอนที่ฝ่ายตรงข้ามมีปฏิกิริยาออกหมัดโต้กลับ ซูเย่หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน ปล่อยให้การโจมตีของคู่ต่อสู้เฉียดผ่านข้างหน้าเขาไปห้าเซนติเมตร จากนั้นจึงเริ่มลงมือ…
เสียงกระแทกดังขึ้น
ซูเย่ทุบศีรษะของคู่ต่อสู้โดยตรงด้วยหมัด และพลังมหาศาลก็ระเบิดออก ผลักคู่ต่อสู้ลงกับพื้นอย่างแรง
ภายในระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่สิบวินาที ยอดฝีมือระดับสามทั้งสามคนนั้นก็ล้มลงไปกองกับพื้น โดยทั้งสองคนสลบไป ส่วนอีกคนนอนแผ่อยู่ที่พื้นสูญเสียกำลังในการโจมตี
ซูเย่หันหลังพุ่งไปทางมุมห้อง เขาปรากฏกายมาที่เบื้องหน้าของผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองทั้งหกที่กำลังโจมตี
หนึ่งคนหนึ่งหมัด
ไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสโต้กลับ พวกมันสลบลงไปทั้งหมด
“ฟู่……”
ซูเย่สูดหายใจเฮือกใหญ่และพูดอย่างเรียบๆ ว่า “วิกฤตการณ์นี้คลี่คลายลงชั่วคราว แต่พวกคุณต้องระแวดระวัง ทุกคนอย่าเพิ่งเคลื่อนไหวในตอนนี้…”
ทุกคนโล่งใจเมื่อได้ยิน
จากเสียงการต่อสู้ที่กระทบโสตประสาท สัมผัสได้ว่าการต่อสู้นั้นดุเดือดมากเพียงใด
ในที่สุดก็ไม่มีอะไรแล้ว…ซูเย่รีบไปที่นอกห้องฝึก ทางเดินด้านนอกก็มืดสนิทเช่นกัน
แต่ในตอนนี้ เขาไม่รู้ว่ายอดฝีมือระดับสามที่เปิดหกเส้นลมปราณพุ่งมาจากทิศทางไหน ระดับความเร็วนั้นเร็วมากและไม่มีใครหยุดมันได้!
ซูเย่เคร่งขรึมลง…
ตอนที่กำลังเตรียมจะปล่อยหมัด
“ถิ่นของฉันเป็นที่ที่พวกแกจะเข้ามาตามอำเภอใจได้งั้นรึ?”
เสียงเย็นเยียบดังขึ้น ในขณะเดียวกันกระแสแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวหนึ่งสายก็พุ่งออกมาจากทิศของคนชุดดำ กดดันทุกคนในที่เกิดเหตุอย่างหนัก…
มันคือพลังปราณ!
เป็นปราณที่แผ่กระจายออกมาจากคนที่คอยออกคำสั่ง!
และต้องอยู่ที่ระดับสี่ขึ้นไปถึงจะมีปราณกดดัน
“เข้ามามีเรื่องในสถานีตำรวจต่อหน้าฉัน ยังคิดจะฆ่าคนอีกด้วย พวกแกคิดว่าหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างฉันไร้ประโยชน์งั้นรึ?”
ยามงั้นหรือ?!
พวกหวังห่าวชะงักค้าง…
ลุงยามของสถานีตำรวจ ไม่ใช่พวกคนแก่ที่อยู่รอวันตายไปวันๆ งั้นเหรอ?
ทำไมถึงมีแรงกดดันหาศาลเพียงนี้? สถานีตำรวจมียอดฝีมือแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!
แม้ว่าจะไม่รู้ที่มาของอีกฝ่ายอย่างแน่ชัด แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมาเพื่อช่วยเหลือ หวังห่าวพลันยินดี เขารีบหันกายวิ่งอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปที่ห้องฝึกซ้อม
ซูเย่ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องฝึกสังเกตเห็นหวังห่าวกำลังวิ่งมา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาหันกายเข้าไปในห้องซ้อมทันที แล้วนอนลง…
ณ ขณะนี้
“โหลดสำเร็จ สามารถเชื่อมต่อกับแหล่งจ่ายไฟสำรองได้”
ในห้องซ้อม เสียงเตือนจากระบบดังขึ้นในทันที
หวังห่าวตบลงบนกำแพงทางเข้าห้องซ้อมอย่างรุนแรงและกดปุ่มเพื่อเปิดเครื่องสำรองไฟ
“พรึ่บ!”
ไฟสว่างขึ้นมาแล้ว มันสว่างจ้าเสียจนทุกคนลืมตาไม่ขึ้น…
ภายใต้แสงสว่างจ้า หวังห่าวเหลือบมองลงไปที่พื้น พบว่าทุกคนที่อยู่บนพื้นล้วนเป็นลมหมดสติไป และคนพวกนั้นล้วนเป็นผู้บุกโจมตี เพราะเสื้อผ้าของพวกมันแตกต่างไปจากชุดนักศึกษาอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเห็นคนที่สลบไปทั่วพื้น หวังห่าวและนักศึกษาในที่เกิดเหตุก็ชะงักค้าง
ผู้ฝึกยุทธ์เขตมหาวิทยาลัยเท่านั้นที่รู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดเพียงใด
พวกเขายิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก สิ่งเหล่านี้ซูเย่จัดการคนเดียวเหรอ?
แล้วซูเย่ล่ะ?
ทันใดนั้นสายของของทุกคนก็ไปจับจ้องบนร่างซูเย่ที่สลบเหมือดอยู่บนพื้นอย่างร้อนใจ
“เสี่ยวเย่!”
ซุนชือและจินฟานตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ ทั้งสองก้าวเท้าวิ่งมาทางซูเย่
หวังห่าวก็รีบวิ่งพุ่งตรงเข้ามา หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว หวังห่าวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วกล่าว “ไม่เป็นไร แค่หมดสติไปเท่านั้น ไม่ได้รับบาดเจ็บ อีกสักพักก็คงฟื้นขึ้นมา”
ซุนชือและจินฟานถอนหายใจด้วยความโล่งอกในเวลาเดียวกันจากนั้นก็แบกซูเย่ออกไป
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีอะไรหรือเปล่า?” หวังห่าวถาม
ทันทีที่เพิ่งพูดจบ การต่อสู้อันดุเดือดข้างนอกก็หยุดลง…
“พลั่ก! พลั่ก!”
ชายชราในชุดเครื่องแบบรักษาความปลอดภัยจุดไปป์ยาสูบแล้วเดินเข้ามา เขาหยุดและมองทุกอย่างในห้องฝึกด้วยความประหลาดใจ
เจ้าลูกเจี๊ยบกลุ่มนี้จัดการพวกที่มาโจมตีได้งั้นรึ?
ในเวลาเดียวกัน ชายชราก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทุกคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…
ก่อนที่ศัตรูจะบุกโจมตี เขาพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติ จึงออกไปตรวจสอบ ก่อนพบหัวหน้าของพวกมันคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นคนอื่นๆ จึงเริ่มเข้าโจมตี ซึ่งก็โชคดีที่เขาย้อนกลับมาได้ทันท่วงที
ทางฝั่งนี้ พวกกลุ่มนักศึกษาได้เริ่มอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เป็นเพราะซูเย่ครับ”
“เมื่อครู่นี้ไฟทั้งหมดดับลง พวกเรามองอะไรไม่เห็นเลย เป็นซูเย่ที่คอยออกคำสั่งให้เราหลบเข้าไปในมุม”
“แล้วซูเย่ก็คอยออกคำสั่งให้พวกเฉินเซียนเยว่ว่าต้องทำยังไง”
ทุกคนมองไปที่พวกเฉินเซียนเยว่ทั้งห้าคนทันที พวกเขาเป็นพยานและผู้เกี่ยวข้องโดยตรง
ไป๋จื่อหรานยืนขึ้นและมองไปที่ซูเย่ด้วยสายตาชื่นชม เมื่อพวกเขาเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เราไม่ได้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามสลบลง น่าจะเป็นซูเย่ที่ทำให้พวกมันสลบ และยังหันกลับมาช่วยพวกเราอีก” ไป๋จื่อหรานกล่าวสรุป หวังห่าวและคนอื่นๆ ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และมองไปที่ซูเย่ที่อยู่ในสภาวะไม่ได้สติอย่างตกตะลึง…
ทั้งหมดนี้ เป็นเขาที่จัดการทั้งหมดงั้นหรือ? คนหนึ่งคนปกป้องคนทั้งหมด?
สีหน้าของหวังห่าวซับซ้อนขึ้น มองตรงไปยังซูเย่ที่กำลังสลบอยู่ มีทั้งความซาบซึ้งใจ ความฉงนใจ และความสงสัยใคร่รู้
แท้จริงแล้วเขาคือ X หรือไม่?
“คลื่นลูกใหม่แทนที่คลื่นลูกเก่าสินะ หากไม่มีเด็กคนนี้ เกรงว่าวันนี้จะต้องสูญเสียอย่างหนัก”
ชายชรารักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาเอ่ยพลางถอนหายใจ
“คุณคือ?”
หวังห่าวมองไปทางลุงยามอย่างฉงน
“ทีมสืบสวนย่อยทุกทีมจะมีผู้พิทักษ์ และฉันคือผู้พิทักษ์ของทีมคุณ รับผิดชอบในการจัดการกับเหตุฉุกเฉิน” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม
“เป็นอย่างนี้นี่เอง…”
เส้นประสาทที่ตึงเครียดของหวังห่าว ในที่สุดก็ผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์
ดีที่หน่วยงานเตรียมการได้รอบคอบ
มิฉะนั้นคืนนี้คงต้องตกที่นั่งลำบากจริงๆ “คืนนี้น่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้ว แต่น่าเสียดายที่ปล่อยให้หัวหน้าของพวกมันหนีไปได้…”
ชายชราถอนหายใจพลางกล่าว “อย่างไรก็ตาม มันได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของฉัน คงยากที่จะฟื้นตัวในเวลาอันสั้น…”
หากไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเจ้าพวกลูกเจี๊ยบเหล่านี้ เขาก็คงจะตามไปจัดการมันอย่างแน่นอน
“ขอบคุณครับท่านผู้อาวุโส” หวังห่าวกล่าวขอบคุณทันที
“ขอรางวัลมาให้เจ้าหนุ่มนี่สักหน่อยเถอะ” ชายชราโบกไม้โบกมือพลางชี้ไปที่ซูเย่
“แน่นอนครับ”
หวังห่าวพยักหน้า “ครั้งนี้ถือว่าเขามีความดีความชอบ ผมคิดว่าจะยื่นเรื่องขอหยกพลังปราณให้เขาห้าก้อน”
จากนั้นก็ขมวดคิ้วและมองไปที่ซูเย่ “เพียงแต่ สถานการณ์ตอนนี้ของเขาจะยังโอเคอยู่ไหม?”
เพิ่งพูดจบ ซูเย่ก็ตื่นขึ้นอย่างสบายอกสบายใจ เด็กหนุ่มลืมตามองไปที่หวังห่าว สอดส่ายสายตาไปโดยรอบ
“นี่ผมอยู่ที่ไหนครับ เหมือนว่าผมได้ยินว่ามีคนจะมอบหยกพลังปราณให้ผม” ซูเย่ถามด้วยความสงสัย
หวังห่าว “……”
ชายชรา “……”
ทุกคน “……”
ในใจของทุกคนแฝงไปด้วยความโล่งอกทันทีทันใด ฟื้นแล้วก็ดี
“ฟื้นมาได้ถูกจังหวะเสียจริง…” หลังจากเงียบไปนาน หวังห่าวก็กัดริมฝีปากและชี้ไปทางคนเป็นลมแล้วพูดว่า “ฉันจะยื่นเรื่องให้นาย แต่ก่อนหน้านั้น นายจะต้องบอกฉันว่านายทำได้ยังไง!”