บทที่ 77 ถูกหมด
จางกงอี้พยายามข่มความเศร้าในจิตใจ และหันมามองหน้าหลี่เคอหมิง พร้อมกับพูดจาน้ำเสียงเหยียดหยาม “แต่สงสัยคุณคงไม่มีดวงเสียแล้วล่ะ เพราะลูกศิษย์ที่ผมพามาด้วยในวันนี้ มีความยอดเยี่ยมมากกว่าลูกสาวของคุณหลายเท่า ผมขอบอกเลยว่าเด็กคนนี้เพิ่งจะเริ่มฝึกตรวจคนไข้ได้ไม่ถึงครึ่งปีด้วยซ้ำ แต่ก็มีความสามารถมากพอที่จะเข้าสอบใบอนุญาตครั้งนี้ได้แล้ว อาจารย์หลี่ว่าน่าเหลือเชื่อไหมล่ะ? ด้วยความเก่งกาจระดับนี้ อีกหน่อยเขาคงจะต้องเป็นเพชรน้ำหนึ่งแห่งวงการแพทย์แผนจีนแน่นอน!”
พูดจบแล้ว จางกงอี้ก็เชิดหน้าขึ้น จ้องมองหลี่เคอหมิงด้วยแววตาของผู้ชนะ
“ฮ่าฮ่า…”
หลี่เคอหมิงยิ้มออกมาเล็กน้อย ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก พร้อมกับพูดว่า “ถ้าอาจารย์จางคิดว่าความรวดเร็วระดับนั้นน่าทึ่งแล้วล่ะก็คงต้องเสียใจด้วยนะครับ เพราะลูกศิษย์ของผมคนนี้เพิ่งจะเริ่มเรียนแพทย์แผนจีนจริงจังได้แค่ครึ่งเดือนเท่านั้นเอง”
เพิ่งเริ่มเรียนจริงจังได้แค่ครึ่งเดือน?
นั่นทำให้จางกงอี้ชะงักไปเล็กน้อย ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน แต่สุดท้ายก็ต้องกัดฟันพูดออกมาว่า “อาจารย์หลี่ พูดแบบนี้ออกจะเป็นการคุยโวเกินไปหน่อยกระมัง?”
ทันใดนั้น
ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง
“มีคนส่งข้อสอบแล้วล่ะ”
ผู้มาเยือนเอ่ย
“หืม?”
ไม่ใช่แต่เพียงหลี่เคอหมิงกับจางกงอี้เท่านั้นที่จะตกใจ แต่เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ที่นั่งอยู่ในห้องก็อดตกตะลึงไม่ได้
ทำไมถึงทำได้รวดเร็วขนาดนี้?
ข้อสงสัยมากมายผุดขึ้นในหัวใจ
“ใครเป็นคนส่ง?”
“ใช้เวลาทำข้อสอบแค่ 20 นาทีเนี่ยนะ?”
“เขาตั้งใจทำข้อสอบมั่ว ๆ หรือเปล่า?”
ผู้มาเยือนได้พกกระดาษข้อสอบติดตัวมาด้วย
และเพื่อคลายข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในใจ เจ้าหน้าที่ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้น ต่างก็รีบเดินเข้าไปดูกระดาษข้อสอบโดยทันที
“ซูเย่?”
จางกงอี้เบิกตาโตเมื่อเห็นชื่อของซูเย่ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าหลี่เคอหมิงด้วยความเหลือเชื่อ ปรากฏว่าผู้ที่ส่งกระดาษข้อสอบเป็นคนแรก ก็คือลูกศิษย์ของอาจารย์หลี่นี่เอง
หลี่เคอหมิงเองก็แปลกใจไม่น้อยกว่าใคร เขาประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ซูเย่น่าจะต้องใช้เวลาทำข้อสอบประมาณ 40 นาที คิดไม่ถึงเลยว่าเพียง 20 นาที ซูเย่กลับทำเสร็จแล้ว
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งใหญ่โตในวงการแพทย์แผนจีน และมีความชื่นชอบในด้านการคัดตัวอักษร พลันดวงตาเป็นประกายแวววาว พูดขึ้นว่า “เรื่องอื่นเราอย่าเพิ่งไปสนใจ แต่เพียงดูลายมือของคนคนนี้ ก็สามารถบอกได้เลยว่าเขามีรากฐานความรู้ที่ดีมาก และอาจจะดีกว่ารากฐานของคนทั่วไปหลายเท่าด้วยซ้ำ”
นั่นเอง หลายคนจึงได้สนใจลายมือของซูเย่มากขึ้นกว่าเดิม
นับเป็นลายมือที่เป็นระเบียบ และสวยงามจริง ๆ
แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาชื่นชมความสวยงามของการคัดตัวอักษร
สิ่งที่พวกเขาควรสนใจก็คือคำตอบที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ต่างหาก
กลุ่มคณะอาจารย์ผู้ตรวจข้อสอบรีบตรวจดูคำตอบไม่รอช้า
คำตอบข้อแรก ถูกต้อง
คำตอบข้อที่ 2 ถูกต้อง
คำตอบข้อที่ 3 ถูกต้อง
คำตอบข้อที่ 4 ถูกต้อง
…
คำตอบสำหรับคำถามปรนัยถูกต้องทั้งหมด
เมื่อดูในส่วนของคำตอบที่เป็นการเติมคำในช่องว่าง
คำตอบข้อแรก ถูกต้อง
คำตอบข้อที่ 2 ถูกต้อง
คำตอบข้อที่ 3 ถูกต้อง…
แล้วก็มาถึงข้อสอบในส่วนที่เป็นคำถามหลอก…
ข้อสอบในส่วนที่เป็นคำถามวิเคราะห์…
หลังจากอ่านการวิเคราะห์ของซูเย่แล้ว ทุกคนก็ต้องเบิกตาโตด้วยความมหัศจรรย์ใจ
เพราะว่ามันถูกต้องทั้งหมด!
ไม่มีคำถามข้อไหนที่ตอบผิดเลยสักข้อเดียว!
“คนคนนี้มีความแม่นยำด้านทฤษฎีแพทย์แผนจีนสูงมาก หมายความว่ารากฐานความรู้ของเขาไม่ธรรมดา!”
แพทย์แผนจีนคนหนึ่งถึงกับกล่าวชมเชยออกมาจากใจจริง
“ไม่ใช่แค่ความรู้ดีมีลายมือสวยงามเท่านั้นนะ แต่เขายังส่งข้อสอบได้ใน 20 นาทีอีกด้วย แสดงว่าเขาจำทุกอย่างได้ขึ้นใจหมดแล้ว”
แพทย์แผนจีนอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนสอบข้อเขียนได้เต็ม 100 คะแนน แต่นี่คือครั้งแรกที่มีคนทำข้อสอบเสร็จในเวลาแค่ 20 นาทีเท่านั้น”
ทุกคนกำลังพูดคุยกันด้วยความตกตะลึง
จางกงอี้ขมวดคิ้วนิ่วหน้ามองกระดาษข้อสอบตรงหน้าด้วยแววตาเคร่งเครียด
นี่คือการทำข้อสอบที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน!
แต่เขากลับรู้สึกไม่พอใจ เพราะเจ้าของกระดาษข้อสอบแผ่นนี้ กลับเป็นลูกศิษย์ของหลี่เคอหมิง
มันช่างน่าโมโหนัก!
“ซูเย่ ฉันจำได้ว่าเป็นชื่อลูกศิษย์คุณไม่ใช่หรือ?”
ผู้อาวุโสในวงการแพทย์แผนจีนอีกคนหนึ่งหันมามองหลี่เคอหมิง
“ใช่แล้วครับ”
หลี่เคอหมิงพยักหน้ายิ้มแย้ม แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าซูเย่จะสามารถทำข้อสอบได้ในเวลา 20 นาทีเท่านั้น
นับว่าเด็กคนนี้มีความทรงจำที่ดีกว่าคนทั่วไปจริง ๆ!
“อาจารย์หลี่ คุณดูจะภูมิใจในตัวลูกศิษย์มากเลยนะครับ” จางกงอี้แทรกขึ้นมากลางปล้อง “เห็นบอกว่าเขาเพิ่งจะมาเริ่มเรียนแพทย์แผนจีนจริงจังได้ไม่ถึงครึ่งเดือนใช่ไหม?”
ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับต้องชะงักไปอีกรอบ
เพิ่งจะเริ่มเรียนได้ไม่ถึงครึ่งเดือน
แล้วทำข้อสอบสมบูรณ์แบบระดับนี้ได้อย่างไร?
หลี่เคอหมิงพยักหน้าด้วยความหนักแน่น
“หึหึ…”
จางกงอี้สูดหายใจลึก และหัวเราะในลำคอ “คิดไม่ถึงเลยนะว่าอาจารย์หลี่จะเป็นพวกโกหกหน้าตายกับเขาด้วย!”
“ไม่เชื่อก็ตามใจนะครับ” หลี่เคอหมิงพูดพร้อมกับผายมือออกกว้าง
แต่ในจังหวะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่กับเรื่องราวของซูเย่ กระดาษข้อสอบอีกแผ่นหนึ่งก็ได้ถูกส่งตามเข้ามา
“มีคนทำเสร็จอีกแล้วเหรอ?”
กลุ่มอาจารย์เดินเข้าไปดูข้อสอบทันที
“เหออี้เฉิน” เมื่อจางกงอี้เห็นชื่อที่อยู่บนกระดาษข้อสอบ ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ “ถึงครั้งนี้ลูกศิษย์ผมจะส่งคำตอบช้าไปหน่อย แต่ก็ถือว่าไม่ห่างกันสักเท่าไหร่”
เขาพูด
แล้วการตรวจคำตอบก็เริ่มขึ้น
หลังจากตรวจข้อสอบเสร็จสิ้น จางกงอี้ก็มีสีหน้าไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“ตอบผิดไปสองข้อ แต่ก็ถือว่าเก่งใช้ได้เหมือนกันนะครับ”
“ความเร็วในการทำข้อสอบดีมาก ความแม่นยำในการเลือกคำตอบก็สูงมาก”
“เป็นอีกคนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ”
เหล่าคณะกรรมการต่างก็อุทานออกมาด้วยน้ำเสียงชื่นชม
“เก่งใช้ได้เลยนะครับ” เมื่อหลี่เคอหมิงเห็นสีหน้าของจางกงอี้ ก็อดไม่ได้ต้องกล่าวเสริมว่า “ถึงจะตอบผิดไปตั้งสองข้อก็เถอะ แถมยังส่งข้อสอบช้ากว่าลูกศิษย์ผมไปหลายนาที แต่ก็นับว่าอาจารย์จางสั่งสอนลูกศิษย์มาได้ไม่น่าผิดหวังเลยจริง ๆ!”
จางกงอี้เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็แทบจะสำลักอากาศตาย
ตกลงนี่หลี่เคอหมิงกำลังชมหรือด่าลูกศิษย์ของเขากันแน่เนี่ย?
“อย่าเพิ่งดีใจไปหน่อยเลย” จางกงอี้พ่นลมผ่านทางจมูกด้วยความฉุนเฉียว “นี่แค่การสอบส่วนแรกเท่านั้น ยังเหลือการสอบอีกสองส่วน คอยดูก็แล้วกันว่าสุดท้ายใครจะได้เป็นฝ่ายหัวเราะออกมาเต็มเสียงกันแน่”
เมื่อพูดจบแล้ว
คณะอาจารย์ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทุกคนล้วนเข้าใจโดยทันที
จางกงอี้อยากจะใช้ลูกศิษย์ของตนเองแข่งขันกับลูกศิษย์ของหลี่เคอหมิง
กำหนดการส่งข้อสอบคือเวลา 10:10 น. หลังจากนั้น การสอบในส่วนที่สองก็จะเริ่มขึ้น
ซูเย่เดินตรงเข้าไปในห้องสอบห้องที่สองด้วยความมั่นใจ