บทที่ 96 นายไปกินยาอะไรมา อัพเลเวล 20 ในสามวันเนี่ยนะ
หลี่เคอหมิงทั้งประหลาดใจ และพึงพอใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าซูเย่จะมีพรสวรรค์ในการฝังเข็มขนาดนี้
ชายหนุ่มลงมือฝังเข็มให้แก่คนไข้ด้วยความเยือกเย็น ไม่มีความประหม่าสักนิด
เหตุผลที่นักศึกษาแพทย์แผนจีนเหล่านี้ยังต้องตามมาดูอาจารย์ฝังเข็มคนไข้อยู่เป็นประจำ ก็เป็นเพราะว่าพวกเขากลัวว่าเวลาที่ตนเองเป็นผู้ลงมือฝังเข็มคนไข้จริง ๆ นั้น อาจจะเกิดความผิดพลาดเพราะปักเข็มบนร่างกายคนไข้ผิดตำแหน่งได้อย่างง่ายดาย
ถ้าไม่รู้มาก่อนว่านี่คือการฝังเข็มครั้งแรกของซูเย่ พวกเขาคงเข้าใจว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นแพทย์ฝังเข็มมืออาชีพ
นายแพทย์หัวหน้าแผนกฝังเข็มยืนมองซูเย่ลงมือฝังเข็มให้กับคนไข้ด้วยความประหลาดใจ
จากนั้น เขาก็หันหน้ากลับมามองลูกศิษย์ของตนเอง
ทันใดนั้น ไม่มีลูกศิษย์คนไหนกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาอาจารย์เลยสักคน
ซูเย่บิดด้ามจับเข็มที่ฝังอยู่บนแขนคนไข้เล็กน้อย เพื่อดูว่าคนไข้จะเกิดความรู้สึกใดขึ้นมาหรือไม่
และชายหนุ่มก็รู้อีกเช่นกันว่าการใช้พลังลมปราณเข้าช่วยเหลือ จะสามารถช่วยยกระดับการฝังเข็มได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
นี่คือการส่งพลังลมปราณเข้าสู่ร่างกายของคนไข้ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนพลังลมปราณให้สะดวกมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ เขาลองบิดเข็มดูหลายเล่มแล้ว แต่มันก็ไม่ส่งผลใด ๆ กับคนไข้คนนี้เลย
จังหวะที่กำลังจะปักเข็มสุดท้ายลงไปบนแขนของคนไข้วัยชรา ซูเย่ก็มีความคิดที่อยากจะโคจรพลังลมปราณผ่านตัวเข็มลงไปสู่ร่างกายคนไข้ดูเล็กน้อย
“ถ้าใช้พลังลมปราณของเรา มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้างไหมนะ?” คิดได้ดังนั้น ซูเย่ก็ลงมือทำทันที
ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นหมุนเข็มเล่มสุดท้ายที่ปักลงไปบนแขนของชายชรา แต่ความจริงนั้น เขากำลังใช้ตัวเข็มเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดพลังลมปราณจากร่างกายของตนเองเข้าสู่จุดลมปราณในร่างกายของคนไข้
เมื่อถ่ายทอดพลังลมปราณลงไปแล้ว
ซูเย่ก็สังเกตพบว่าจุดลมปราณของชายชราเกิดการเคลื่อนไหว พลังลมปราณที่นอนแน่นิ่งอยู่เมื่อสักครู่นี้ เริ่มเกิดการไหลเวียน และเชื่อมต่อประสาทสัมผัสกับมือข้างนั้นโดยเร็วไว
“เอ๋ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนจะขยับมือได้เลยล่ะ”
พลัน ชราส่งเสียงออกมาอู้อี้
แต่ทุกคนที่ได้ยินคำนั้นต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด
เป็นไปไม่ได้
ชายชราจะขยับมือได้ยังไง?
ทุกคนไม่เชื่อ แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
แต่ในวินาทีนั้น
นิ้วมือของแขนข้างที่มีเข็มเงินปักอยู่เต็มไปหมดก็เริ่มขยับเล็กน้อยจริง ๆ
ไม่ใช่การขยับครั้งเดียวเพราะเป็นการกระตุกของกล้ามเนื้อ แต่นิ้วมือสามารถขยับได้ถึงสี่ครั้งซ้อน
นั่นเอง
กลุ่มคนที่อยู่ในห้องฝังเข็มจึงได้หันมามองหน้าซูเย่ด้วยความมหัศจรรย์ใจ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ซูเย่ทำได้ยังไง? ทำไมคนไข้ถึงกระดิกนิ้วได้?
หรือว่าคนไข้ยังมีความรู้สึก?
การฝังเข็มครั้งนี้ทำให้ร่างกายของคนไข้กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง! เรื่องราวเช่นนี้ต่อให้เป็นปรมาจารย์ด้านการฝังเข็มมาลงมือด้วยตนเอง ก็ใช่ว่าจะทำได้สำเร็จทุกครั้งไป แล้วซูเย่สามารถทำได้อย่างไร?
ไม่มีใครคิดเอะใจเลยว่าซูเย่ใช้พลังลมปราณคอยช่วยเหลือการฝังเข็มด้วยอีกทางหนึ่ง หลี่เคอหมิงก็แปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน
เขารู้ดีว่าจุดฝังเข็มที่ตนเองบอกไปนั้น ไม่มีทางให้ผลลัพธ์ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้แน่นอน
แม้แต่จะทำให้ลมปราณไหลเวียนก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
หลี่เคอหมิงสะกดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะตรวจสอบชีพจรคนไข้เอาไว้
เขาสูดหายใจลึก และบอกให้ซูเย่เริ่มดำเนินการต่อ
หลังจากนั้นซูเย่ก็เริ่มต้นการฝังเข็มที่ช่วงล่างลำตัว และขาของคนไข้ ซึ่งจุดฝังเข็มนั้นประกอบไปด้วย : จุดหวนเตียว จุดจื้อเปียน จุดเฟิงฉือ จุดหยางหลิงเฉวียน จุดจู๋ซานหลี่ จุดเฉิงซาน จุดซานยินเจียว จุดคุนหลุน และ จุดหย่งเฉวียน
ครั้งนี้ชายหนุ่มลองโคจรพลังลมปราณลงไปตั้งแต่เข็มแรก
เมื่อจุดลมปราณของคนไข้ถูกเปิด พลังลมปราณในร่างกายช่วงล่างก็ไหลเวียนได้โดยสะดวก ยิ่งทำให้ผลการรักษาปรากฏแก่สายตาทุกคนอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น
จุดลมปราณทั้งเก้าจุดก็ถูกกระตุ้นโดยการฝังเข็ม
การไหลเวียนของพลังลมปราณในลำตัวช่วงล่างของคนไข้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างชัดเจน
“ฉันรู้สึกเหมือนจะขยับขาได้เลยนะ” คนไข้ชราส่งเสียงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
เมื่อพูดจบแล้ว ขาที่ไม่สมควรจะขยับเขยื้อนได้ของคนไข้ กลับยกขึ้นมาได้อย่างน่ามหัศจรรย์
ให้ตายสิ!
บรรดานักศึกษาแพทย์แผนจีนที่ยืนรวมตัวอยู่รอบข้างถึงกับชะงักไปทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น
คนไข้รายนี้มีอาการเป็นอัมพาตครึ่งซีก แล้วจะสามารถยกขาข้างที่ถูกฝังเข็มขึ้นมาได้อย่างไร?
“ฉันว่านี่ต้องไม่ใช่การฝังเข็มครั้งแรกของซูเย่แน่ ๆ เขากับอาจารย์หลี่ตั้งใจอำพวกเราชัวร์”
ทุกคนหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะไม่อยากเชื่อว่าซูเย่จะสามารถฝังเข็มครั้งแรกได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้
คุณหมอหัวหน้าแผนกฝังเข็มที่ยืนอยู่ไม่ห่างก็ถึงกับตกตะลึงไม่ใช่น้อย
จุดฝังเข็มที่หลี่เคอหมิงวินิจฉัยนั้น ไม่มีทางให้ผลลัพธ์ที่ดีเลิศเช่นนี้แน่นอน ไม่ใช่ว่าหลี่เคอหมิงจะไม่มีฝีมือ แต่สำหรับการฝังเข็มแล้ว ต่อให้เป็นจุดฝังเข็มที่ดีที่สุด มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้คนไข้อัมพาตครึ่งซีกสามารถยกขาขึ้นมาได้สามครั้งซ้อนในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้!
หลี่เคอหมิงหันมาชำเลืองมองซูเย่ด้วยความตกตะลึง และสับสน จากนั้นเขา และคุณหมอคนอื่น ๆ ก็ก้าวเท้าเข้าไปหาคนไข้ เมื่อตรวจจับชีพจรดูเรียบร้อย ทุกคนก็ต้องเบิกตาโตด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่า ระดับการเต้นของชีพจรคนไข้เกิดความเปลี่ยนแปลงแตกต่างไปจากเดิม
อาการของชายชราในขณะนี้ดีขึ้นมากกว่าตอนเข้ารับการฝังเข็ม และการรมยาหลายสิบครั้งก่อนหน้านี้เสียอีก!
“เธอทำได้ยังไง?”
แพทย์ฝังเข็มคนหนึ่งถามซูเย่ด้วยความสงสัย และไม่อยากเชื่อ
“ผมก็แค่ทำตามที่อาจารย์หลี่แนะนำครับ”
ซูเย่ตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แพทย์ฝังเข็มผู้นั้นยังคงส่ายหน้าด้วยความไม่เชื่อ เขาขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่เนิ่นนาน แต่พลังลมปราณ และการไหลเวียนของโลหิตในร่างกายคนไข้ ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันจริง ๆ ว่าผลการรักษาในครั้งนี้ออกมายอดเยี่ยมมาก
หรือว่าเด็กคนนี้จะมีพรสวรรค์เหนือผู้คนทั่วไป ท่านปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงถึงได้คิดรับตัวเขาเป็นลูกศิษย์คนใหม่?
บรรดาคุณหมอได้แต่คิดแล้วก็สงสัย
หลี่เคอหมิงที่ยืนอยู่ด้านข้างพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จุดฝังเข็มที่ซูเย่ปักเข็มลงไปบนร่างกายคนไข้นั้น ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากจุดที่เขาบอกแม้แต่นิดเดียว รวมถึงวิธีการทุกอย่างที่ชายหนุ่มใช้ มันก็ไม่ได้แตกต่างไปจากวิธีการที่เขาใช้ แล้วทำไมผลการรักษาถึงได้ออกมาน่ามหัศจรรย์ถึงขนาดนี้?
หลี่เคอหมิงไม่เข้าใจแม้แต่นิด
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่เราคิดจะถูกต้องแฮะ” ซูเย่พยักหน้าเล็กน้อยขณะครุ่นคิดอยู่ในใจ “ถ้าโคจรพลังลมปราณลงไปด้วย ผลการรักษาก็จะยอดเยี่ยมมากกว่าการฝังเข็มธรรมดา”
ในอนาคต ทุกครั้งที่ฝังเข็มให้คนไข้ เขาก็คงต้องโคจรพลังลมปราณลงไปด้วยเสียแล้ว
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอที่ทำให้ผมได้มีความหวังอีกครั้ง”
ชายชราพูดด้วยน้ำตานองใบหน้าอยู่บนเตียงฝังเข็ม
เขากำลังจะยอมแพ้อยู่แล้ว
ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลด้วยโรคเส้นเลือดสมองตีบ
ชายชราคิดว่าชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ ตนเองคงต้องนอนรอความตายอยู่บนเตียงไปตลอดกาล เขาจึงไม่อยากเชื่อว่าวันนี้ตนเองจะกลับมามีวาสนาได้มีความรู้สึกที่ปลายนิ้วมือ และช่วงขาอีกแล้ว
นี่คือความรู้สึกแห่งความมหัศจรรย์ ความรู้สึกแห่งความตื่นเต้น
คนไข้ชราไม่เคยดีใจมากเท่านี้มาก่อน
เขาใช้มือซ้ายหยิบโทรศัพท์มือถือ และรีบส่งข้อความออกไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากนั้น
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่เสื้อเชิ้ต และกางเกงขายาวก็วิ่งเข้ามาในห้องฝังเข็มด้วยความร้อนรน
“พ่อครับ พ่อขยับแขนขาได้แล้วจริง ๆ เหรอ? ผมรออยู่ข้างนอกแค่แป๊บเดียวเองนะ พ่อไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม?”
ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปเกาะข้างเตียง และถามด้วยความประหลาดใจ
“เรามีความหวังแล้ว เรามีความหวังแล้ว” ชายชราตอบกลับมาด้วยความตื่นเต้น “ยังไม่รีบขอบคุณคุณหมอแทนพ่ออีก!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็หันหน้ามาอย่างรวดเร็ว และคลี่ธงสามเหลี่ยมขนาดเล็กที่ถืออยู่ในมือออกมา
บนผืนธงเขียนข้อความเอาไว้ว่า : คุณหมอฟ้าประทาน!
ด้านล่างข้อความนั้นเป็นชื่อของซูเย่กับหลี่เคอหมิง
“ขอบคุณคุณหมอทั้งสองคนมากนะครับ” ชายหนุ่มเข้ามาจับมือหลี่เคอหมิงกับซูเย่ด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่จะยัดธงสามเหลี่ยมผืนนั้นใส่ในมือหลี่เคอหมิง
หลี่เคอหมิงรับธงมาถือไว้ในมือด้วยความงงงวย
เขาเคยได้รับผืนธงเช่นนี้มานับจำนวนไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทำให้นายแพทย์ใหญ่พูดอะไรไม่ออกเหมือนครั้งนี้มาก่อน
คุณหมอคนอื่น ๆ ที่อยู่ในห้องรวมถึงบรรดานักศึกษาแพทย์แผนจีนต่างก็ตกตะลึงกันถ้วนหน้า
ผืนธงขอบคุณจากคนไข้?
มีคนในโรงพยาบาลนี้ได้รับผืนธงด้วยหรือ?
และมันเป็นผืนธงที่มอบให้แก่หลี่เคอหมิงกับซูเย่
นี่คือวันแรกที่ซูเย่เพิ่งมาทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาก็ได้รับธงชมเชยเสียแล้ว!
บรรดาคุณหมอที่อยู่ในห้องอดย้อนความหลังไม่ได้ว่า ตอนที่ตนเองมาทำงานในโรงพยาบาลวันแรก พวกเขาไม่เคยได้รับผืนธงขอบคุณจากคนไข้เลยสักผืนเดียว
“…”
กลุ่มนักศึกษาแพทย์แผนจีนยิ่งจ้องมองซูเย่ด้วยแววตาอิจฉาริษยามากกว่าเดิม
นี่คือครั้งแรกที่มีคนนอกเข้ามาในห้องฝังเข็ม แต่กลับสร้างผลงานได้ดีเด่นจนญาติคนไข้ต้องขอบคุณอย่างออกหน้าออกตา
นี่คือครั้งแรกที่มีคนนอกเข้ามาเรียนรู้วิธีการฝังเข็ม และสามารถจดจำตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ…
จากนั้นบรรดานักศึกษาแพทย์แผนจีนต่างก็ก้มหน้ามองตำราเล่มใหญ่ที่ตนเองถืออยู่ในมือ
ช่องว่างทางฝีมือในครั้งนี้มันหมายความว่าอย่างไร?