บทที่ 143 ต่อสู้แบบพันรุมหนึ่ง
ในขณะนี้
ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดชะงักอยู่กับที่
กลุ่มคนดูที่อยู่รอบสังเวียนต่างก็ปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าซูเย่มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนต้องตกใจกับการถูกปิดล้อม แต่ซูเย่กลับไม่แสดงสีหน้าหวั่นไหวออกมาแม้แต่น้อย
ในเมื่อเขาพูดออกมาเองว่าในโหมดสังเวียนผู้กล้าแห่งนี้ ผู้เล่นสามารถต่อสู้กันได้โดยไม่ต้องส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการ นั่นก็หมายความว่าซูเย่กำลังเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีอยู่ถึง 300 คน!
เหล่าสมาชิกของกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ แม้แต่เหมาเก๋อจู่เหรินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“แกมันรนหาที่ตาย!” เขาแผดเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งกระโจนเข้าหาซูเย่
แต่ทันทีที่มาถึงเบื้องหน้าซูเย่ เหมาเก๋อจู่เหรินกลับมองไม่เห็นซูเย่อีกแล้ว
มีมือของใครบางคนตะปบลงที่ลำคอของเหมาเก๋อจู่เหริน
ไม่ทราบเลยว่าซูเย่หมุนตัวมาอยู่ข้างกายเหมาเก๋อจู่เหรินตั้งแต่เมื่อไหร่
“ทำไมฉันถึงต้องไว้หน้านายด้วย?”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบคำถาม ซูเย่ก็ใช้ฝ่ามืออีกข้างกระแทกใบหน้าเหมาเก๋อจู่เหรินลอยกระเด็นออกไป
“พวกนายหน้าใหญ่นักใช่ไหม?”
ซูเย่หันกลับมาเผชิญหน้าสมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนน และยกมือขึ้นกระดิกนิ้วเรียกทุกคนให้ขึ้นมาบนเวที “เก่งจริงก็ขึ้นมาพร้อมกันได้เลย!”
รอบสังเวียนในขณะนี้
ทุกคนจ้องมองซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ
“เขาจะทำอะไรน่ะ?”
“เมื่อกี้ฉันหูฝาดหรือเปล่า? เขาจะสู้กับคนหลายร้อยคนด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ?”
แค่เห็นผู้เล่นซึ่งมีอันดับบ๊วยประจำเซิร์ฟเวอร์สามารถล้มผู้เล่นที่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งได้เมื่อสักครู่นี้ พวกเขาก็ประหลาดใจมากเกินพอแล้ว
แต่นี่เจ้าเวรกรรมยังอยากจะต่อสู้กับคนหลายร้อยคนเพียงลำพังอีกหรือ?
บรรดาคนดูรู้สึกว่าเจ้าเวรกรรมต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
“พวกเราฆ่ามันให้ได้!”
บนสังเวียน เหมาเก๋อจู่เหรินหมุนตัวลุกขึ้นมาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น!
ก่อนหน้านี้ สมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนนเจ็บปวดหัวใจเหลือเกินยามเห็นผู้เป็นลูกพี่ถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานล้มกลิ้งลงไปไม่เป็นท่า เมื่อได้ยินคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ให้เล่นงานชายหนุ่มในขณะนี้ ความเดือดดาลที่เก็บกดอยู่ในใจก็ถูกปลดปล่อยออกมา
“ลุยโว้ย!”
“ฆ่ามันนน!”
ผู้คนจำนวนนับร้อยร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน ก่อนจะบุกขึ้นไปบนเวทีประลอง
กลุ่มคนถาโถมเข้าไปหาซูเย่ราวกับกระแสน้ำ
คนดูที่อยู่รอบสังเวียนหวาดกลัวว่าตนเองจะได้รับลูกหลงไปด้วย จึงรีบถอยห่างออกมา แต่พวกเขาก็พบว่าไม่มีพื้นที่ให้ถอยกลับไปอีกแล้ว
เนื่องจากด้านหลังมีผู้คนมารวมตัวรับชมเหตุการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่รู้มีเหล่าผู้เล่นจากไหนมารวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด
“ฉันจะฆ่าแก!”
ชายหนุ่มคนแรกที่เข้าประชิดตัวซูเย่พยายามจะใช้กำปั้นอัดใบหน้าของเขา
“ผลั่ก!”
แต่ก็ถูกซูเย่เตะกระเด็นกลับออกมา
“คนที่หนึ่ง!”
ซูเย่พูด
ชายหนุ่มคนที่สองกระโดดถีบเข้าไป
“ผลั่ก!”
ซูเย่หมุนตัวกระโดดถีบกลับออกมา
“คนที่สอง!”
คู่ต่อสู้คนที่สามพยายามจะต่อยหน้าอกซูเย่
แต่ก็ถูกฝ่ามือของเขากระแทกกระเด็นกลับไป
“คนที่สาม!”
คู่ต่อสู้คนที่สี่ถูกเตะกระเด็นก่อนที่จะเข้าถึงตัวซูเย่เสียอีก
“คนที่สี่!”
“คนที่ห้า!”
“คนที่หก!”
…
ผู้คนจำนวนมากติดตามสถานการณ์ด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาพบว่าบนสังเวียนขนาดใหญ่ในขณะนี้ ยังคงมีเหล่าชายฉกรรจ์กระเด็นกลับออกมาอย่างต่อเนื่อง
กลางเวทีคือศูนย์กลางของแรงเหวี่ยงที่ทำให้บรรดาชายฉกรรจ์ลอยกระเด็นออกมา
และชายฉกรรจ์เหล่านี้ก็คือสมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนน!
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้คนแล้วคนเล่า!
เมื่อผู้คนที่รวมตัวกันอยู่บนเวทีเริ่มลดจำนวนลง กลุ่มคนดูจึงสามารถเห็นเหตุการณ์บนเวทีได้อย่างชัดเจนในที่สุด
แล้วดวงตาของพวกเขาก็เบิกโตจนลูกตาแทบจะหลุดถลนออกมาจากเบ้า
สิ่งที่พวกเขากำลังพบเห็นอยู่คืออะไร?
สิ่งที่พวกเขากำลังพบเห็นอยู่ในขณะนี้ก็คือ เจ้าเวรกรรมกำลังต่อสู้กับคนจำนวนนับร้อยด้วยมือเปล่า!
หนึ่งหมัดที่เขาต่อยออกมา จะต้องมีหนึ่งคนลอยกระเด็นออกไป!
บางคนร่างเลือนหายไปโดยที่ตัวยังตกไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ
เจ้าเวรกรรมอาศัยเพียงหมัดเดียว ก็สามารถฆ่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตายได้แล้ว!
แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดจากการถูกปิดล้อมด้วยคู่ต่อสู้หลายร้อยคนก็คือ ในขณะนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าไปใกล้ร่างของเจ้าเวรกรรมได้มากกว่าระยะสองเมตรเลยสักคน!
แม้แต่เหมาเก๋อจู่เหรินก็ไม่สามารถบุกเข้าไปประชิดตัวได้อีก!
“หืม?”
เห็นดังนั้น เหล่าคนดูก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตะลึงงัน
เจ้าเวรกรรมเพิ่งเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวจริงหรือ?
เจ้าเวรกรรมเป็นผู้เล่นที่อยู่อันดับสุดท้ายของโหมดสังเวียนผู้กล้าจริงหรือ?
เมื่อเผชิญหน้าการปิดล้อมของผู้เล่นจำนวนหลายร้อยคน นอกจากเขาจะไม่หวาดกลัวแล้ว เจ้าเวรกรรมยังสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดายอีกด้วย?
เขาสามารถทำได้อย่างไรกัน?
เจ้าเวรกรรมมีระดับพลังที่แท้จริงอยู่ในขั้นไหนกันแน่?
หลังสลัดความตกตะลึงออกไปได้แล้ว ทุกคนก็หันหน้ากลับไปมองที่เวทีอีกครั้ง
สมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนนถูกทำลายล้างไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
อย่าว่าแต่พวกเขาจะต่อสู้เพียงลำพัง ต่อให้รุมเข้าไปพร้อมกันหลายสิบชีวิต ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเจ้าเวรกรรมได้เลย
ยามเผชิญหน้าการปิดล้อมของผู้คน ซูเย่ก็ทำตัวเป็นเครื่องจักรสังหารไร้วิญญาณตั้งแต่ต้นจนจบ
เขาลงมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความอำมหิต
“คนที่ 101!”
“คนที่ 102!”
…
“คนที่ 222!”
ทุกการโจมตีของชายหนุ่มจะเข้าสู่จุดตายของคู่ต่อสู้ เพียงไม่กี่วินาที คู่ต่อสู้ของซูเย่ก็ตายลับเลือนหายไป
บนสังเวียนที่เคยมีผู้คนรวมตัวกันอยู่หลายร้อยคน ผ่านไปเพียงพริบตาเดียว ก็เหลือผู้คนยืนต่อสู้อยู่ต่อไปอีกไม่กี่คนแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น
บนสังเวียนต่อสู้ก็เหลืออยู่เพียงสองคน
เป็นซูเย่กับเหมาเก๋อจู่เหริน!
“คนที่ 301!”
ซูเย่พูดและจ้องมองเหมาเก๋อจู่เหรินซึ่งกำลังยันตัวลุกขึ้นยืน
“แก…”
เหมาเก๋อจู่เหรินมองหน้าซูเย่ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
“แก… แกมันไม่ใช่มนุษย์!!!”
พูดจบ เหมาเก๋อจู่เหรินก็หมุนตัวเหมือนกำลังจะวิ่งหนี
น่ากลัวเกินไป!
เจ้าเวรกรรมน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เหมาเก๋อจู่เหรินไม่เคยคิดฝันว่าจะมีใครสามารถจัดการแก๊งของเขาได้มาก่อน
อย่าว่าแต่อีกฝ่ายมีกำลังคนเพียงตัวคนเดียว ถ้าไม่เรียกว่าเป็นปีศาจ แล้วจะเรียกว่าเป็นอะไรได้อีก!
“วูบ!”
ซูเย่กระโดดตามติด ยื่นมือขวาเข้าไปสับใส่ลำคอของเหมาเก๋อจู่เหริน
“ตายซะเถอะ!”
สันมือกระแทกเข้าใส่ข้างลำคออย่างแรง
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก แล้วร่างของเหมาเก๋อจู่เหรินก็เลือนหายไปในอากาศ
ในเวลาเดียวกันนี้ กลุ่มคนดูที่อยู่รอบสังเวียนยังคงมารวมตัวกันมากขึ้นและมากขึ้น
เมื่อเห็นว่าซูเย่สามารถสังหารเหมาเก๋อจู่เหรินได้สำเร็จ ทุกคนก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจสุดขีด!
หลังจากนั้นจึงติดตามมาด้วยความเงียบงัน
สายตาที่กลุ่มคนดูจ้องมองซูเย่ขณะนี้ เป็นสายตาเดียวกับที่ใช้มองเทพเจ้า ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกพักใหญ่
ชายหนุ่มผู้นี้ยังคงเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?
เขาแข็งแกร่งมากเกินไป
แข็งแกร่งเกินขีดจำกัดมนุษย์!
ตัวเพียงคนเดียวสามารถจัดการคู่ต่อสู้กว่า 300 คนได้ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
บนสังเวียน
ซูเย่ยังคงยืนอยู่กลางเวที เขาหันหน้ากลับไปกวาดตามองบรรดาผู้คนที่รวมตัวอยู่รอบ ๆ
“มีใครอยากจะขึ้นมาสู้อีกไหม?”
น้ำเสียงที่เย็นชาหลุดออกมาจากปากของซูเย่
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“ฉันจะรออยู่ตรงนี้ ถ้ามีใครไม่พอใจ ก็ขึ้นมาสู้กันได้เลย”
หลังจากพูดจบ ซูเย่ก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเวที
ในที่สุด กลุ่มคนดูหลายร้อยชีวิตก็กลับมาได้สติอีกครั้ง
พวกเขารีบส่งข่าวแจ้งเตือนถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นให้พรรคพวกของตนเองรับทราบทันที
แม้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเข้าร่วมรับชมการต่อสู้ของซูเย่เมื่อสักครู่นี้ แต่ก็มีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังไม่รู้ว่าเพิ่งเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน
เพียงไม่นาน ข่าวที่ว่าเจ้าเวรกรรมสามารถเอาชนะเหมาเก๋อจู่เหริน ก็กระจายไปทั่วโหมดสังเวียนผู้กล้าอย่างรวดเร็ว
“ว่าไงนะ? เจ้าเวรกรรมมันมีตำแหน่งเป็นอันดับบ๊วยเลยไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมถึงสามารถเอาชนะเหมาเก๋อจู่เหรินที่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งได้ล่ะ?”
“ก็นั่นน่ะสิ ไม่ใช่แต่เพียงเท่านี้นะ แต่หมอนั่นยังเอาชนะคู่ต่อสู้กว่า 300 คน ด้วยตัวคนเดียวอีก”
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เขาจะเอาชนะคู่ต่อสู้ 300 คนได้ยังไง!”
“พูดจริงสิ?! แน่ใจนะว่าได้ข่าวมาไม่ผิด? เชี่ย นายเห็นมากับตาเลยเหรอ? นี่คือเรื่องจริงเหรอเนี่ย!!!”
ผู้เล่นที่อยู่ในโหมดสังเวียนผู้กล้า ต่างก็ตะลึงให้กับข่าวใหญ่ข่าวนี้
เพราะมันเป็นข่าวที่น่าเหลือเชื่อเกินไป
นอกจากเจ้าเวรกรรมจะสามารถเอาชนะผู้ที่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งได้แล้ว
เขายังโค่นล้มคู่ต่อสู้กว่า 300 คน ได้อีกด้วย!
“พวกเราขอคลิปจากทีมงานดีกว่า!”
“มีใครถ่ายคลิปเอาไว้บ้างไหม? ฉันอยากเห็นว่าหมอนั่นทำได้ยังไง”
“พวกเราไปตั้งกระทู้ขอดูคลิปวิดีโอดีกว่า ไหนทีมงานบอกว่าการเล่นเกมในโหมดสังเวียนผู้กล้า ยิ่งเปิดจุดลมปราณได้เยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบมากเท่านั้นไงล่ะ?”
…
เมื่อผู้เล่นจำนวนมากกระจายข่าวนี้ออกไป
เพียงไม่นาน
ทุกคนที่อยู่ในย่านที่พักข้างมหาวิทยาลัยก็ได้รับทราบข่าวนี้
เฉินเซียนอวี่ผู้สามารถเปิดจุดลมปราณได้ถึง 70 จุด รู้สึกตกใจไม่น้อย
เขารู้เพียงแต่ว่าผู้เล่นที่เปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียว ก็คือซูเย่จากคณะวิจัยสมุนไพรจีน
หมอนั่นเป็นคนที่เทพธิดาฝาแฝดมาขอแอดเพื่อน!
สรุปแล้วหมอนั่นมีฝีมือที่แท้จริงน่ากลัวอย่างนั้นหรือ?
เฉินเซียนอวี่รีบตรวจสอบลำดับคะแนนอย่างไม่รอช้า
เขาต้องเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้ายของรายชื่อผู้เล่น
และก็ต้องค้นพบด้วยความประหลาดใจว่า มีผู้เล่นสามารถเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวแค่คนเดียวเท่านั้น และผู้เล่นคนนั้นก็คือเจ้าของไอดีที่ชื่อว่า : เวรกรรม ทำไมถึงตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ
“หมอนี่มันก็คือซูเย่ไม่ใช่หรือไง?”
เฉินเซียนอวี่ขมวดคิ้วด้วยความมึนงง
หมอนั่นสามารถเอาชนะผู้เล่นอันดับหนึ่งในโหมดสังเวียนผู้กล้า
และยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้กว่า 300 คน ได้ด้วยตัวคนเดียวอีก?
ทำได้ยังไงกันนะ?
ทันใดนั้น เฉินเซียนอวี่ก็รู้สึกยอมรับในตัวของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาเล็กน้อย เดิมทีเขามั่นใจมาตลอดว่าตนเองเป็นหมายเลขหนึ่งของย่านมหาวิทยาลัย แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมีผู้อื่นเก่งกาจกว่าตนเองไปเสียได้
…
เขตชุมชนไม่ห่างจากมหาวิทยาลัย ชั้นสองของตึกสำนักงานใหญ่
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา
“ผู้กองครับ”
นักสืบเสี่ยวจุน ผู้เป็นหนึ่งในสมาชิกประจำทีมสืบสวนพิเศษรีบก้าวเดินเข้ามาหาหวังเหาในห้องทำงาน พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า
“เกิดเรื่องขึ้นแล้วครับ เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!”
“มีเรื่องอะไร?”
หวังเหาซึ่งกำลังนั่งตรวจสอบรายชื่ออยู่หลังโต๊ะทำงานเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความมึนงง
“ซูเย่น่ะสิครับ”
เสี่ยวจุนนำโทรศัพท์มือถือออกมา พูดว่า “เขาเอาชนะเหมาเก๋อจู่เหรินซึ่งมีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งในสังเวียนผู้กล้าได้สำเร็จ นอกจากนี้ ยังจัดการฝ่ายตรงข้ามอีก 300 คน ได้ในพริบตาเดียว! ทั้ง ๆ ที่เจ้าหนุ่มคนนี้เพิ่งเปิดจุดลมปราณได้แค่จุดเดียวเองนะครับ!”
ระหว่างที่พูด เขาก็เริ่มกดเล่นคลิปวิดีโอให้หวังเหาดู
หวังเหารับโทรศัพท์มือถือมาดู ยิ่งดูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสีหน้าพิศวงหัวใจมากขึ้นเท่านั้น
สุดท้าย นายตำรวจหนุ่มก็ไม่เข้าใจอะไรอีกแล้ว
“หมอนั่นแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลังรับชมคลิปวิดีโอจบ หวังเหาก็ตกตะลึงในฝีมือของซูเย่จนแทบพูดอะไรไม่ออก
ตัวคนเดียวเผชิญหน้าคู่ต่อสู้หลายร้อยคน นอกจากจะไม่แสดงสีหน้าลนลานแล้ว กลับยังสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
กลุ่มคนผู้เป็นลูกน้องของผู้เล่นอันดับหนึ่งในโหมดสังเวียนผู้กล้า ก่อนที่จะตาย พวกเขาก็ยังไม่สามารถเล่นงานซูเย่ได้แม้แต่หมัดเดียว!
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เสี่ยวจุนรับโทรศัพท์มือถือกลับไปจากหัวหน้าทีมและพูดว่า “ผู้กองครับ ผมว่าเจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ชอบมาพากลแล้ว คืนนี้ผมขออนุญาตเข้าไปในเกมเพื่อจับตามองเจ้าหมอนี่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะกลับมารายงานทุกอย่าง”
พูดจบ
เสี่ยวจุนก็รีบหมุนตัวออกจากห้อง เพื่อนำหมวก VR ของตนเองมาสวมใส่สำหรับเข้าเล่นเกม
แต่แน่นอนว่าหวังเหาย่อมรู้ดี นี่เป็นเพียงข้ออ้างของเสี่ยวจุนที่อยากจะเข้าเล่นเกมด้วยก็เท่านั้น
ผู้กองหนุ่มขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่สมเหตุสมผลเลย นี่คือเรื่องราวที่คนธรรมดาไม่สามารถทำได้เด็ดขาด
“ดูเหมือนพวกเราคงต้องประเมินเจ้าซูเย่ใหม่แล้วสินะ”
…
ในโลกแห่งเกม
“ไม่มีใครอยากขึ้นมาเลยหรือไง?”
ซูเย่ซึ่งนั่งรออยู่สิบนาทีเต็ม ๆ พลันลุกขึ้นยืน และมองหน้าทุกคนอีกครั้ง
บรรยากาศยังคงอยู่ในความเงียบ
“ถ้าอย่างนั้น”
ซูเย่พูด “ฉันจะขอประกาศกฎใหม่เลยแล้วกัน ในโหมดสังเวียนผู้กล้าแห่งนี้ ห้ามไม่ให้มีการรังแกกันอย่างเด็ดขาด!”
“ถ้ามีใครละเมิดกฎ ฉันจะเป็นคนจัดการมันด้วยตัวเอง!”
“ถ้าพวกนายไม่เชื่อ จะลองขึ้นมาสู้กับฉันดูก็ได้!”
ซูเย่ยื่นมือออกไปข้างหน้าและกระดิกนิ้วเรียก พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันอยากสู้แบบพันรุมหนึ่ง เชิญเข้ามาได้เลย!”
ว่าไงนะ?!
กลุ่มคนที่อยู่รอบสังเวียนตกตะลึงไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
การต่อสู้แบบ 300 รุมหนึ่งยังไม่พอ นี่เขาคิดจะสู้แบบ 1,000 คนรุมหนึ่งคนอีกหรือ?
“นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่านะ?”
“จะสู้กับคู่ต่อสู้พันคนเนี่ยนะ? เจ้าเวรกรรมบ้าไปแล้วหรือไง?”
…
“เจ้าเวรกรรมประกาศสงคราม ยินดีต่อสู้กับคน 1,000 คน ขอเชิญทุกคนเข้าร่วมสังเวียนได้ตามอัธยาศัย!”
นี่คือข้อความที่ถูกส่งไปทั่วโหมดสังเวียนผู้กล้าอย่างรวดเร็ว