บทที่ 150 กลายเป็นเจ้าหัวขโมยอีกครั้ง
ซูชือลุกขึ้นยืนเท้าเอว ส่งเสียงตะโกนไล่หลังไปอย่างวางมาด
“เลิกพูดมากได้แล้วมั้ง รีบตามไปเถอะ เกิดตามไม่ทันขึ้นมานี่ยุ่งเลยนะ!”
จินฟานตบไหล่ซูชือก่อนยกมือชี้ไปยังแผ่นหลังของซูเย่ที่หายลับเข้าไปในดงป่า
ซูชือถึงกับชะงักกึก
เมื่อขมวดคิ้วมองไปยังทิศทางที่หัวขโมยหายไป เขาก็พบว่าหมอนั่นวิ่งหนีเข้าไปในป่าจริง ๆ
“เฮ้ยย! มันเอามือถือฉันไปแล้ว!”
ซูชือร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจขณะที่วิ่งตามเข้าไปในป่าอย่างบ้าคลั่ง
จินฟานวิ่งตามหลังเพื่อนไปติด ๆ พวกเขามีความเร็วน่าประทับใจ เพียงไม่นาน ก็ตามมาถึงในเขตป่าหนาทึบ
ปรากฏว่าเจ้าหนุ่มหัวขโมยยืนหันหลังและเอามือไขว้หลังรอคอยพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
“เอาซี้ อยู่ดีไม่ว่าดีคิดขโมยมือถือฉันใช่ไหม! วันนี้แหละฉันจะอัดแกให้น่วมไปเลย!”
ซูชือตะโกนด้วยความโกรธแค้นและพุ่งกระโจนเข้าไปหาหัวขโมย
จินฟานไม่ได้โกรธแค้น เพราะตนเองไม่ใช่ผู้เสียหาย แต่เขาก็พุ่งทะยานเข้าหาซูเย่พร้อมกับซูชือ และโจมตีด้วยกำปั้นอันหนักหน่วง
“ผลั่ก!”
ซูเย่หมุนตัวกลับมายกมือขึ้น
ฝ่ามือของเขาสามารถคว้าจับกำปั้นของทั้งสองหนุ่มได้ทันเวลา ต่อมา ซูชือกับจินฟานก็ล้มลงไปกระแทกพื้นเสียงดังตุบ
ทั้งสองหนุ่มนอนคว่ำหน้า แอบชำเลืองมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาลองใช้ทักษะการต่อสู้ในโลกความจริง แต่คิดไม่ถึงเลยว่ากลับมาพบเจอผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเสียได้
แต่ซูชือกับจินฟานไม่คิดยอมแพ้ง่าย ๆ พวกเขาลุกขึ้นมาและถลันเข้าไปหาเจ้าหัวขโมยอีกครั้ง
หลังจากนั้น
ก็ต้องล้มลงมานอนกองอยู่บนพื้นอีกรอบ
ซูชือกับจินฟานลุกขึ้นมองซูเย่ด้วยความพิศวง
“นายเป็นใครกันแน่? เก่งขนาดนี้จะต้องมาหลอกขโมยมือถือฉันเพื่ออะไร!”
“ถ้ามันไม่ใช่มือถือของนาย ฉันก็คงไม่ขโมยหรอก”
ซูเย่ตอบเสียงเรียบ
ซูชือพูดอะไรไม่ออก
จินฟานก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน
“ฉันสู้นายไม่ได้ อยากได้มือถือก็เอาไปเถอะ ฉันยกให้”
ซูชือสบถคำหยาบตามหลัง ก่อนจะดึงตัวจินฟานเดินออกมา เพราะพวกเขาไม่สามารถทนรับความพ่ายแพ้ได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม
เพิ่งจะเดินออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เงาดำก็ทิ้งตัวลงมายืนดักอยู่ข้างหน้า
เงาดำนั้นหันหน้ากลับมา
ก็กลายเป็นเจ้าหัวขโมยอีกครั้ง
“มึงจะเอาใช่ไหม ได้เลย!”
สองหนุ่มกระโจนเข้าไปโจมตีใส่หัวขโมยด้วยความโกรธแค้นสุดขีด
วินาทีต่อมา
พวกเขาก็ต้องลงมานอนเงยหน้ามองท้องฟ้าอยู่บนพื้นดิน…
“พอใจหรือยัง?”
ซูเย่ส่งเสียงถาม
แน่นอนว่าทั้งสองหนุ่มจะไปพอใจได้ยังไง!
ซูชือกับจินฟานได้แต่สบถอยู่ในใจ ส่วนภายนอกไม่กล้าทำอะไร นอกจากพยักหน้าและตอบว่า
“พอแล้ว ปล่อยพวกเราไปเถอะ”
“ลุกขึ้นมาสิ เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่น”
ซูเย่โยนโทรศัพท์มือถือกลับมาให้ซูชือพลางหัวเราะในลำคอ “เห็นว่าพวกนายมีฝีมือการต่อสู้พอใช้ได้ ฉันจะสอนอะไรให้สักหน่อย ไม่รู้ว่าพวกนายอยากเรียนกับฉันหรือเปล่า?”
หา?
ซูชือกับจินฟานเบิกตาโต พูดอะไรไม่ออก
เจ้าหัวขโมยคนนี้มันบ้าไปแล้วหรือไง?
พออัดพวกเขาเสร็จ ก็จะมาสอนวิชาการต่อสู้ให้เนี่ยนะ
“นายจะสอนอะไรพวกเรา?”
ซูชือถามด้วยความสงสัย
“สอนเรื่องการใช้หมัดระดับสูง”
พูดจบ ซูเย่ก็โบกสะบัดมือขวา
แม้ไม่ต้องใช้พลังลมปราณ แต่กำปั้นของชายหนุ่มก็สามารถทะลวงต้นไม้ที่ยืนต้นอยู่ข้าง ๆ กลายเป็นรูโหว่ได้อย่างง่ายดาย
นี่มันอะไรกัน?
ซูชือกับจินฟานได้แต่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น
พวกเขารู้เพียงแต่ว่าตนเองไม่สามารถทำเช่นนี้ได้เด็ดขาด
“อยากเรียนไหม?”
ซูเย่ถาม
“อยากเรียนสิ พวกเราต้องอยากเรียนอยู่แล้ว!”
“พี่ใหญ่อุตส่าห์เมตตาสั่งสอนทั้งที พวกเราจะปฏิเสธได้ยังไง!” สองเพื่อนซี้รีบตอบรับอย่างเร็วไว ไม่ห่วงเรื่องภาพลักษณ์หรือศักดิ์ศรีของตนเองอีกแล้ว
“งั้นดูให้ดีและจดจำเอาไปใช้”
ซูเย่พูด ก่อนจะเดินเข้ามาหาทั้งสองหนุ่ม โดยไม่สนใจว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมือหรือไม่ หลังจากนั้น ผู้เป็นหัวขโมยก็จัดแจงทำให้ซูชือกับจินฟานสามารถทะลวงจุดลมปราณที่เพิ่มน้ำหนักหมัดได้สำเร็จ
ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็ทำให้เพื่อนทั้งสองคนรับรู้ได้ถึงพลังลมปราณในร่างกายที่เปลี่ยนไป
เมื่อเสร็จสิ้นการฝึกสอนอย่างละเอียด
ซูเย่ก็หมุนตัวเดินจากไปเงียบ ๆ
ซูชือกับจินฟานไม่มีทางลืมการฝึกฝนที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่นี้เด็ดขาด ทั้งสองหนุ่มเริ่มต้นทบทวนเคล็ดวิชาที่เจ้าหัวขโมยฝึกสอนพวกเขาอย่างจริงจัง
ต้องใช้เวลาอีกนานทีเดียว กว่าที่ซูชือกับจินฟานจะสามารถตั้งสติได้อีกครั้ง
พวกเขากวาดสายตามองรอบตัว
เจ้าหัวขโมยชุดดำนั่นหายไปไหนแล้วนะ?
“หมอนั่นสอนเพลงหมัดระดับสูงให้พวกเราจริง ๆ เหรอวะเนี่ย?”
สองเพื่อนรักหันมองหน้ากันด้วยความเหลือเชื่อ
“งั้นหมายความว่าที่เขาขโมยมือถือฉัน ก็เพราะอยากทดสอบพวกเรางั้นสิ?”
ซูชือกระซิบถาม ยังคงใช้สายตากวาดมองรอบตัวต่อไป
“นายว่าพวกเราโคตรโชคดีเลยป่ะวะ อยู่ดี ๆ ก็มียอดฝีมือมาสอนวิชาให้แบบนี้”
“ถ้าฉันได้ฝึกคนเดียวมันก็คงโชคดีแหละ แต่นี่นายได้ฝึกด้วย งั้นมันก็คงไม่ใช่โชคดีแล้ว”
จินฟานพูดอะไรไม่ออก
แต่ทันใดนั้น เขาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “นายว่ารูปร่างของหัวขโมยคนนี้ แม่งเหมือนเสี่ยวเย่ชอบกลไหม?”
ได้ยินดังนั้น ซูชือก็ขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
“ก็เหมือนอยู่นะ แต่เสียงไม่ใช่เลย ลักษณะการเดินการอะไรก็ไม่เหมือนกัน”
“หมอนั่นอาจจะตั้งใจปลอมตัวก็ได้นี่หว่า ถ้าเกิดเสี่ยวเย่สอนพวกเราแบบเปิดหน้า ความสัมพันธ์ต่อจากนี้ พวกเราก็จะกลายเป็นลูกศิษย์ของเสี่ยวเย่เลยนะ แล้วนั่นก็คงไม่ตลกแน่ ๆ” จินฟานว่า
“ฉันว่านายชักจะเพ้อไปกันใหญ่แล้วสิ”
ซูชือตอบ
ห่างออกมาไม่ไกล ซูเย่ผู้ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ต้นหนึ่งก็ได้แต่นึกสงสัยว่านี่เขายังปลอมตัวไม่แนบเนียนพออีกหรือ
“แต่พวกเราได้เรียนรู้เพลงหมัดระดับสูงแล้วนะ! ถ้าอย่างนั้นรีบกลับไปบอกเสี่ยวเย่ดีกว่า” จินฟานยกมือตบหน้าอกและพูดว่า “พวกเราสามพี่น้อง มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน มีอะไรดี ๆ ก็ต้องแบ่งปันกันเสมอ!”
สองหนุ่มรีบเดินออกมาจากป่าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้านบ้านนายเหอะ เสี่ยวเย่แม่งรอบรู้ขนาดนั้น ที่ผ่านมาเคยบอกอะไรเราบ้างไหม บางทีมันอาจจะฝึกเพลงหมัดระดับสูงก่อนพวกเราแล้วก็ได้! นายกล้าดียังไงถึงจะเอาเพลงหมัดที่ฝึกใหม่ไม่กี่ชั่วโมงไปสอนหมอนั่นฮะ?”
ซูชือบ่น
“แต่เราไม่บอกจะดีเหรอ?”
จินฟานมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตอบคำถามของตนเอง…
“ฉันว่าตอนนี้เรายังไม่ต้องบอกเสี่ยวเย่ก็ได้ เอาไว้ให้พวกเราใช้เพลงหมัดได้เก่งมากกว่านี้ก่อน ค่อยลองชวนหมอนั่นมาฝึกด้วยกันสักครั้ง ดีไหม?”
ซูชือยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “แล้วเราก็แกล้งทำเป็นเหมือนเพิ่งฝึกใหม่ด้วยนะ หมอนั่นจะได้ตายใจ พอถึงเวลาก็ซัดมันให้หนักเลย!”
“สุดยอดไปเลยครับ คุณเพื่อน!”
จินฟานเดินตามหลังเพื่อนรักไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
พวกเขากลับมาถึงห้องพัก แต่ก็พบว่าซูเย่ยังไม่กลับมา และนี่ก็ถึงเวลาเข้าเล่นเกมแล้ว ซูชือกับจินฟานไม่มีเหตุผลให้รอช้า พวกเขารีบหยิบหมวก VR ขึ้นมาเข้าสู่โลกแห่งเกมด้วยความเร็วไว
ตอนที่กลับมาถึงหอพัก ซูเย่ก็พบว่าเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนสวมใส่หมวก VR เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น เขาจึงรีบขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าของหอพัก และนำหมวก VR ที่ขโมยมาออกจากที่ซ่อนในห้องเก็บของเหลือใช้…
เมื่อกลับมาถึงในห้องพัก เขาก็สวมใส่หมวก VR ที่ทางตำรวจกำลังตามหา และเอนหลังนอนลงไปบนเตียง
ท่านเทพ “X” กลับมาออนไลน์อีกครั้ง!
เมื่อเข้าสู่โลกแห่งเกมแล้ว ซูเย่ก็เดินตรงไปที่ม่านน้ำตกทันที
“ท่านต้องการเข้าร่วมโหมดสังเวียนผู้กล้า หรือเข้าสู่ตัวเกม Fantasy Dream เพื่อรับภารกิจ?”
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายระยิบระยับ
ด้วยหมวก VR ใบนี้ เขาจะได้รับประสบการณ์ของเกม Fantasy Dream ที่แท้จริงหรือเปล่านะ?
ชายหนุ่มกดเลือกเข้าเล่นเกม Fantasy Dream อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย!