บทที่ 155 วันนี้ฉันจะปล่อยนายไปก่อนก็แล้วกัน
ซูเย่พยายามใช้งานดวงตาสวรรค์ของตนเอง
ปรากฏว่าเขาสามารถใช้งานดวงตาที่สามได้ไม่มีปัญหา!
เดิมที ชายหนุ่มอยากจะใช้งานดวงตาสวรรค์เพื่อตรวจสอบว่าสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยหมอกขาวแห่งนี้ เป็นภาพมายาหรือเป็นสถานที่ที่มีอยู่จริง ๆ กันแน่
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า
เมื่อเปิดดวงตาที่สามขึ้นมาแล้ว
เขากลับพบเห็นพุ่มไม้จำนวนมากขึ้นอยู่โดยรอบ และพุ่มไม้เหล่านั้นก็ซ่อนตัวอยู่หลังหมอกขาวนี่เอง
ซ้ำมันยังเป็นพุ่มไม้ที่มีพลังปราณธรรมชาติลอยออกมาอีกด้วย
แต่ในส่วนลึกของม่านหมอกขาว ซูเย่เห็นเงาดำเงาหนึ่งปรากฏขึ้น
ชายหนุ่มรีบเดินตรงเข้าไป
ด้วยความช่วยเหลือของดวงตาสวรรค์ ซูเย่จึงเดินมาถึงจุดซึ่งเป็นที่ตั้งของต้นโซวูวิเศษ
เขาสแกนข้อมูลอย่างรวดเร็ว
แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
“ต้นโซวูพันปี!”
ปรากฏว่านี่คือต้นโซวูที่มีอายุไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันปี
“สุดยอดไปเลยแฮะ”
ซูเย่ถอนหายใจและจัดการถอนต้นโซวูนั้นขึ้นมาทันที
ทันใดนั้น เงาประหลาดจากส่วนลึกของดงไม้ก็ปรากฏตัวออกมา
ซูเย่หยุดชะงักแล้วหันไปชำเลืองมอง
หลังจากนั้น
เขาถึงได้พบว่าสัตว์ประหลาดที่เดินออกมาจากหลังม่านหมอกนั้น คือกวางยักษ์ตัวหนึ่ง
เมื่อพิจารณาดูองค์ประกอบของมันใกล้ ๆ กวางยักษ์ตัวนี้มีใบหน้าคล้ายกับหมาป่า แต่แผ่นหลังของมันมีหนอกงอกขึ้นมา คล้ายกับหนอกบนหลังวัวกระทิง เพียงแต่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยเท่านั้น
กวางยักษ์ตัวนี้มีกายสีขาว หางสีแดง ลักษณะสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ซูเย่รีบสแกนข้อมูลดูทันที
“เฉิงหวงเทพเจ้า!”
ชื่อของกวางยักษ์ตัวนี้ปรากฏขึ้นในอากาศ
แต่ในส่วนที่เป็นข้อมูลของระดับพลังนั้น ปรากฏเพียงเครื่องหมายคำถาม
“ไม่คิดบอกหน่อยหรือไงว่ามีพลังอยู่ในระดับไหน?”
ซูเย่เลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ
ตอนแรกที่เจ้ากวางยักษ์ปรากฏตัวออกมานั้น เห็นได้ชัดว่าแววตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่เมื่อพบว่าผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือซูเย่ ความดุร้ายในแววตาของมันก็หายไป
เจ้ากวางยักษ์หรือเฉิงหวงเทพเจ้าตัวนี้เดินตรงเข้ามาหาซูเย่ ก่อนจะก้มหัวลงคำนับต่อชายหนุ่มด้วยความนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
เสมือนกับเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
“หืม?”
เห็นดังนั้น ซูเย่ก็ยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม
แต่เมื่อลองสังเกตดูอีกที
ชายหนุ่มก็พบว่าสัตว์วิเศษที่เรียกว่าเฉิงหวงตัวนี้สัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายของเขา
มันจึงยอมศิโรราบ*โดยทันที!
ซูเย่มองเจ้ากวางยักษ์ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มกว้าง
“ถ้าเอามาขี่ได้คงสบายเลยนะเนี่ย”
ระหว่างที่พูดนั้น ซูเย่ก็พยายามกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนหลังของตัวเฉิงหวง
เขาคิดว่ามันจะขัดขืน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ากวางยักษ์กลับให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
“แค่นี้เราก็ไม่ต้องเหนื่อยแรงเดินสำรวจแล้ว”
ซูเย่ยิ้มมุมปาก ใช้มือตบลงไปที่ข้างลำตัวของเจ้ากวางยักษ์แผ่วเบา ก่อนจะขี่หลังมันออกสำรวจทั่วเขตสนธยา
แต่นอกจากต้นโซวูพันปีแล้ว ชายหนุ่มก็ไม่พบสิ่งอื่นใดอีกเลย
เขาจึงทำได้เพียงขี่หลังเจ้ากวางกลับมายังจุดแรกเริ่มของเขตสนธยา
…
ด้านหน้าประตูทองเหลืองในขณะนี้
ยังคงมีกลุ่มผู้เล่นพยายามเปิดม่านพลังทองคำให้ได้
แต่ในทันใดนั้น ชายคนหนึ่งก็ขี่กวางยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหลังม่านพลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“เหวอ!”
“เกมนี้มีสัตว์ให้ใช้ขี่ได้อีกเหรอเนี่ย?”
“พวกเรารีบถ่ายคลิปเอาไว้เร็วเข้า คงไม่เคยมีใครทำแบบนี้มาก่อนเลยนะฉันว่า!”
“ว่าแต่กวางตัวนี้มันดูเท่จังเลย ฉันอยากลองขี่บ้างสักครั้ง!”
กลุ่มผู้เล่นล้วนรีบสแกนข้อมูลดูชื่อของผู้เล่นที่ปรากฏตัวออกมาจากหลังม่านพลัง
แล้วจะเป็นใครไปได้อีก!
เมื่อทุกคนเห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร หัวใจของพวกเขาก็ต้องเต้นระรัวอีกครั้ง
“ท่านเทพ X ?!!!”
“เป็นเขาอีกแล้วเหรอเนี่ย!!!”
พวกเขาอยากจะถ่ายรูปและถ่ายคลิปวิดีโอ พร้อมกับสอบถามว่าท่านเทพ X สามารถเปิดม่านพลังได้อย่างไร รวมถึงถามว่าเขาไปนำกวางยักษ์ตัวนี้มาจากไหน และด้านหลังม่านพลังนั้นมีอะไรอยู่กันแน่
แต่เพียงพริบตาเดียว ร่างของท่านเทพ X บนหลังสัตว์วิเศษก็เคลื่อนที่ออกไปห่างไกลหลายกิโลเมตรแล้ว
“ท่านเทพ X ครับ อย่าเพิ่งไป กลับมาบอกวิธีเปิดม่านพลังให้พวกเราก่อน!”
“ท่านเทพ X แบ่งปันเคล็ดลับกันบ้างสิครับ!”
แต่ไม่ว่าทุกคนจะตะโกนเสียงดังเท่าไหร่ ท่านเทพ X ก็ไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินพวกเขาเลย
“ว้าว! เก่งแล้วหวงวิชาแบบนี้ เรียกว่าไม่เก่งจริงนี่หว่า!”
หลายคนได้แต่แอบสบถอยู่ในใจ ก่อนจะหันกลับมาตั้งใจหาวิธีเปิดม่านพลังต่อไป
เพราะพวกเขารู้แล้วว่าการอัปเลเวลของตนเองรออยู่หลังม่านพลังนี้ รวมไปถึงสัตว์วิเศษที่พวกเขาสามารถนำมาใช้งานเป็นพาหนะด้วยเช่นกัน!
ในเวลาเดียวกันนี้
ทั้งรูปถ่ายและคลิปวิดีโอของท่านเทพ X ตอนที่กำลังขี่หลังเจ้ากวางยักษ์ ซึ่งกลุ่มผู้เล่นจำนวนมากได้แอบถ่ายเอาไว้ ก็ถูกโพสต์ลงไปในเว็บบอร์ดของเกม Fantasy Dream อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นหลักฐานเหล่านั้น เหล่าผู้เล่นที่ยังไม่ได้กดรับภารกิจพิเศษก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที
“เมื่อกี้มันกวางจริง ๆ ใช่ไหมนั่น?”
“ให้ตายสิ คนอะไรจะเท่ขนาดนี้วะ ครั้งที่แล้วก็ขี่หมูป่า ครั้งนี้พัฒนามาขี่กวางแล้วสินะ!”
“ทุกคนอย่ามาขวางทางฉัน ไม่ว่าฉันต้องเสียเท่าไหร่ ฉันก็จะหากวางแบบนั้นมาขี่ให้ได้เหมือนกัน!”
“นายพูดอะไรของนายน่ะ? ขนาดสัตว์ประหลาดระดับ 31 นายยังฆ่าไม่ได้ แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนไปจับสัตว์วิเศษอย่างนั้น?”
เมื่อหวังเหาดูข้อความที่อยู่ในเว็บบอร์ดของเกม Fantasy Dream ดีแล้ว เขาก็มั่นใจว่าเทพ X ได้บุกตะลุยเข้าไปในเขตสนธยามาแล้วจริง ๆ
ทันใดนั้น ร่างของคนและกวางวิเศษก็วิ่งผ่านมาตรงหน้าพอดี ดวงตาของนายตำรวจหนุ่มเป็นประกาย เขารีบกระโดดขวางทางทันที
“พวกเรามาคุยกันหน่อยได้ไหม?”
หวังเหายื่นมือออกไปขวางหน้าเทพ X
“ไม่ได้”
ซูเย่ดัดเสียงของตนเองก่อนจะส่ายศีรษะตอบกลับไป
“นายน่าจะรู้นะว่าฉันเป็นใคร”
หวังเหาพูดเสียงเครียด “ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับนาย รับรองว่าเป็นเรื่องดี ช่วยถอดหน้ากากออกมาคุยกันก่อนได้ไหม?”
“ไม่ได้”
ซูเย่ยังคงปฏิเสธดังเดิม
“ถ้าฉันเป็นตัวแทนรัฐบาลมาขอทำข้อตกลงกับนาย นายจะว่ายังไง?”
หวังเหาไม่เซ้าซี้อีกต่อไป แต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องและกล่าวว่า “บอกฉันมาว่านายเปิดม่านพลังได้ยังไง แล้วฉันจะให้หยกปราณธรรมชาติเป็นของรางวัล”
“แต่ผมควรได้มันอยู่แล้วเพราะเปิดม่านพลังได้ไม่ใช่เหรอ?”
ซูเย่ถามกลับไป
“ฉันกำลังพูดถึงหยกปราณธรรมชาติในโลกความจริง ไม่ใช่หยกที่อยู่ในเกม”
หวังเหายิ้มกว้างตอบกลับมา
“แล้วคุณจะมอบให้ผมในโลกความจริงได้ยังไง?”
ซููเย่ถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ก็เจอหน้ากันตัวต่อตัวไงล่ะ”
หวังเหาตอบกลับไปทันที
“ไม่ต้องเจอหน้ากันหรอกครับ เปลี่ยนหยกปราณธรรมชาติเป็นให้เงินผมดีกว่า ตอนนี้ผมยิ่งร้อนเงินอยู่ด้วย”
ซููเย่รู้ดีว่าเป้าหมายของหวังเหาที่ต้องการพบตัวจริงของผู้เล่น X คืออะไร
เงินอย่างนั้นหรือ?
หวังเหาหันกลับมามองหน้าเทพ X ผู้สวมใส่หน้ากากอนามัยปิดบังครึ่งใบหน้า และนายตำรวจหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความมึนงง เพราะเขาไม่เคยได้ยินเสียงของคนผู้นี้มาก่อน ดูเหมือนเทพ X จะเป็นคนที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนจริง ๆ
“ตกลง งั้นฉันจะให้นายห้าแสนหยวนเป็นไง?”
ซููเย่นิ่งคิดอยู่เล็กน้อยก็พยักหน้าในที่สุด
“เอาเบอร์บัญชีของนายมาสิ ฉันจะไปโอนให้เดี๋ยวนี้เลย”
หวังเหาพยายามสะกดกลั้นความตื่นเต้น ถ้าเขารู้บัญชีธนาคารของเทพ X หลังจากนั้น การตามหาตัวตนที่แท้จริงของบุรุษปริศนาคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอีกต่อไป
“ไม่ต้องโอนให้ผมก็ได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของนายตำรวจหนุ่ม ซููเย่ก็ยิ้มตอบกลับไป “เอาเงินไปบริจาคเถอะครับ”
“อ้าว?”
หวังเหาขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
ก็ไหนบอกว่าร้อนเงินไงล่ะ?
คนร้อนเงินที่ไหนจะเอาเงินทั้งหมดไปบริจาค?
บอกเบอร์บัญชีของนายมาเถอะนะ ฉันจะได้รู้สักทีว่านายเป็นใครกันแน่!
“บริจาคเลยดีกว่านะครับ”
ใบหน้าของซููเย่ที่ซ่อนอยู่ใต้หน้ากากอนามัยยังคงยิ้มกว้าง
“นายเอาเบอร์บัญชีมาดีกว่า ได้เงินไปแล้วนายจะได้เอาไปบริจาคตามใจอยากเลยไง ให้ฉันเป็นคนไปบริจาคเอง เกรงว่าอาจจะไม่ถูกใจนายก็ได้ แล้วนายจะรู้ได้ยังไงว่าพวกเราบริจาคแล้วหรือยัง? นายลองคิดดูดี ๆ นะ…”
หวังเหาพยายามหาข้ออ้างอย่างสุดความสามารถ
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะครับ ไว้พวกคุณบริจาคเมื่อไหร่ เดี๋ยวผมก็รู้เองนั่นแหละ”
ซููเย่ตอบ
บริจาคเมื่อไหร่เดี๋ยวก็รู้เอง?
คนเราจะไปรู้ได้ยังไง?
หวังเหาจ้องมองเทพ X อย่างใช้ความคิดเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้า
“ตกลง”
ในเมื่อแผนการของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า หวังเหาก็รู้ดีแล้วว่าตนเองไม่มีทางเล่นลวดลายได้อีกต่อไป ก่อนอื่นเขาต้องทำตามความประสงค์ของเทพ X ให้ลุล่วงไปก่อน หลังจากนั้น ค่อยคาดคั้นเอาวิธีเปิดม่านพลังมาให้ได้!
“รอฉันอยู่ตรงนี้ก่อน ขอออกไปโอนเงินสักครู่”
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หวังเหาก็กดออกไปจากระบบเพื่อทำการบริจาคเงิน
สิบนาทีต่อมา
“ติ๊ง!”
เสียงสวรรค์ดังขึ้นในหัวของซููเย่
“แต้มศีลธรรม +10”
*ศิโรราบ หมายถึง กราบกราน, ยอมอ่อนน้อม, ก้มหัวให้, ยอมโดยไม่มีเงื่อนไข.