บทที่ 168 สามหัวขโมย
ซูเย่ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
ก่อนจะก้มมองผลแอปเปิลสามลูกที่อยู่ในมือ
“ถือว่าหายากอยู่นะ ต่อให้มีเงินก็คงหาซื้อไม่ได้”
ซูเย่นำผลแอปเปิลลูกหนึ่งไปล้างในลำธาร เมื่อสะอาดดีแล้ว เขาก็ลองกัดกินดูคำหนึ่ง รสชาติของมันทำให้ชายหนุ่มต้องพูดออกมาด้วยความปลาบปลื้ม “แอปเปิลป่าพวกนี้อร่อยกว่าพวกแอปเปิลนำเข้าจากต่างประเทศไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
“เก็บอีกสองลูกเอาไว้ให้ซูชือกับจินฟานบ้างดีกว่า เผื่อเจ้าพวกนั้นจำเป็นต้องใช้”
ซูเย่หมุนตัวกลับ
หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจว่าที่นี่ไม่มีพลังปราณธรรมชาติหลงเหลืออยู่อีกแล้ว
ซูเย่ก็เดินออกมาจากภูเขา กลับมายังรถเช่าของตนเองที่จอดทิ้งเอาไว้ หลังจากนั้น ก็ขับรถกลับไปยังเมืองจี้หยาง
ทันทีที่เข้าสู่เขตเมืองจี้หยาง เขาก็ตรงดิ่งไปยังภูเขาลูกหนึ่ง
หญ้าเฉาก๊วยวิเศษจ๋า ข้ามาแล้ว!
…
ฝั่งตะวันตกของเมืองจี้หยาง บนทางด่วนที่ห่างจากเขตตัวเมืองสิบกิโลเมตร
รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนผ่านซุ้มจ่ายค่าทางด่วนออกมา และแล่นไปบนถนนไฮเวย์ที่ทอดนำตรงไปสู่ตัวเมือง
เนื่องจากถนนไฮเวย์เส้นนี้แยกจากถนนที่ชาวเมืองสัญจรทั่วไป สองข้างถนนจึงแทบไม่มีผู้คนเดินผ่าน
รถบรรทุกแล่นไปบนถนนเส้นนี้ด้วยความเร็วคงที่
ทันใดนั้นเอง
ชายฉกรรจ์สามคนได้ปรากฏตัวขึ้นกลางถนนอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงกลางเป็นชายฉกรรจ์ร่างกายสันทัดกำยำ หน้าตาดุร้าย ส่วนฝั่งซ้ายเป็นชายร่างอ้วนสวมใส่เครื่องแบบพ่อครัว และคนที่ยืนอยู่ฝั่งขวาก็เป็นชายหนุ่มร่างผอมสูง หน้าตาบอกชัดว่าไม่ใช่คนดี
พวกเขาทั้งสามคนนี้ดูเหมือนจะไม่กลัวตาย ถึงกับกล้ายืนขวางทางกลางถนนไฮเวย์
“ปี๊นนน!”
คนขับรถบรรทุกสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป รีบกดแตรย้ำเตือนด้วยความร้อนรน
แต่ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนยังยืนอยู่ที่เดิม
คนขับรถบรรทุกจึงต้องรีบเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
รถบรรทุกคันใหญ่หยุดลงตรงหน้าชายฉกรรจ์ทั้งสามคนพอดี
รอยล้อรถยนต์เสียดสีกับพื้นผิวถนนลากเป็นทางยาวอยู่ด้านหลัง
“พวกเอ็งอยากตายหรือไงวะ?”
เมื่อเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ยังไม่ขยับเขยื้อน คนขับรถบรรทุกก็ลดกระจกหน้าต่างลงและตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “ถ้ายังไม่อยากตายก็รีบไสหัวไปซะ!”
“ใช่รถคันนี้แน่นะ?”
พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนถาม
“ใช่” ชายร่างสันทัดตอบ “ฉันได้ข้อมูลมาว่าพวกเขาตั้งใจใช้รถบรรทุกธรรมดาขนส่ง เพื่อไม่ให้เตะตาคนมากเกินไป”
“อ้อ”
พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนขยับมือขวา แล้วมีดสับกระดูกเล่มใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
“ฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกันน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เราจะฆ่าคนธรรมดาไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันจะทำให้ทางตำรวจอยู่เฉยไม่ได้แน่”ชายร่างสันทัดเอ่ยเตือน
“ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ฆ่าเขาหรอก”
ชายร่างสูงยิ้มกริ่ม สะกิดเท้าลงบนพื้นถนน ก่อนลอยตัวสูงขึ้นไปในอากาศ จากนั้นจึงได้ทิ้งตัวลงไปยืนอยู่บนหลังคาของห้องโดยสารรถบรรทุกหน้าตาเฉย
“เฮ้ย จะลงมาจากรถดี ๆ หรือจะให้พวกเราลากลงมา?” พ่อครัวร่างอ้วนเช็ดมีดในมือของตนเองกับผ้ากันเปื้อนที่คาดอยู่รอบเอวพลางเดินยิ้มตรงไปยังประตูฝั่งคนขับรถบรรทุก
“พวกแกจะทำอะไร ฉันจะแจ้งตำรวจ!”
คนขับรถบรรทุกพูดด้วยความตกตะลึง
แต่เพิ่งพูดจบเท่านั้น
ศีรษะของใครคนหนึ่งก็ยื่นเข้ามาจากหน้าต่างห้องโดยสาร
เป็นชายร่างผอมสูงนั่นเอง!
“พูดมากว่ะ!”
“เพี๊ยะ”
มือขวาของเขาโบกสะบัด
ชายร่างผอมสูงตบคนขับรถบรรทุกกระเด็นออกจากเบาะที่นั่งหลังพวงมาลัยไปนอนหมดสติอยู่บนเบาะยาวซึ่งอยู่ด้านหลังเบาะหน้า
เป็นจังหวะเดียวกับที่พ่อครัวร่างอ้วนและชายร่างสันทัดเดินอ้อมไปทางด้านหลัง ชายร่างผอมสูงขยับเข้าไปนั่งประจำที่หลังพวงมาลัย ก่อนเหยียบเท้าลงบนคันเร่งในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
“บรื้น…”
แล้วรถบรรทุกก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกครั้ง
ภายในตู้คอนเทนเนอร์
“แม่เจ้าโว้ย…”
พ่อครัวร่างอ้วนและชายร่างสันทัดหันมายิ้มให้กัน
ภายในตู้คอนเทนเนอร์เต็มไปด้วยหมวก VR สำหรับเข้าเล่นเกม Fantasy Dream และหมวกแต่ละใบก็มีหมายเลขระบุเอาไว้อย่างชัดเจน
“โยนทิ้งไปตามข้างทางนี่แหละ”
ชายร่างสันทัดว่า “เบี่ยงเบนความสนใจพวกตำรวจหน่อย เหลือเอาไว้สักร้อยใบก็น่าจะพอ”
ได้ยินดังนั้น
พ่อครัวร่างอ้วนก็พยักหน้ายิ้มแย้ม
หลังจากนั้น รถบรรทุกก็เร่งความเร็วมากขึ้น ชายทั้งสองคนที่อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ช่วยกันโยนหมวก VR ทิ้งลงไปตามข้างทางที่รถเคลื่อนผ่าน
พวกเขาไม่ได้รีบร้อน
หมวก VR หนึ่งใบจะถูกโยนลงไปทุก ๆ ระยะสองสามร้อยเมตร
ใช้เวลาไม่นาน
ในตู้คอนเทนเนอร์ก็เหลือหมวก VR เพียง 100 ใบ
ตอนนั้นเอง
รถบรรทุกก็แล่นมาถึงทางสามแยก แล้วหยุดลง
“ได้เวลาแล้ว” ชายร่างผอมสูงเดินลงมาจากห้องโดยสาร พร้อมกับหิ้วถุงตาข่ายขนาดใหญ่ที่เตรียมไว้ติดมือมาด้วย
ชายร่างสันทัดและพ่อครัวร่างอ้วนช่วยกันโยนหมวก VR หนึ่งร้อยใบที่เหลืออยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ใส่ลงไปในถุงตาข่ายอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้น พวกเขาก็ช่วยกันแบกถุงตาข่ายวิ่งหายเข้าไปในป่าข้างถนนไฮเวย์
ถึงพวกเขาจะมีความสูง น้ำหนัก และขนาดร่างกายแตกต่างกัน
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความรวดเร็วในการหลบหนี
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนร่วมมือกันอย่างสามัคคี พวกเขากระโดดหนึ่งครั้ง สามารถลอยไปไกลในอากาศมากกว่าสิบเมตร
ด้วยความเร็วระดับนี้
ไม่กี่อึดใจต่อมา สามหัวขโมยก็หลบหนีออกมาห่างไกลเป็นระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร
หีบเหล็กขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ล่วงหน้า
“แก๊ง แก๊ง แก๊ง”
ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนช่วยกันเคลื่อนย้ายหมวก VR ออกจากถุงตาข่ายโยนลงไปในหีบเหล็กใบนี้ด้วยความรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครสามารถตามแกะรอยสัญญาณมาได้!
เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนก็หันมองหน้ากันอย่างมีความสุข
…
เมืองจี้หยาง สำนักงานของหน่วยสืบสวนพิเศษ
หวังเหายืนรอคอยอยู่ที่ประตูหน้าเช่นเดียวกับทุกคน
“ผู้กองครับ ใกล้ถึงเวลาแล้วใช่ไหม?”
เสี่ยวจุนเอนตัวเข้ามากระซิบถาม
“ใช่ ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยดีแล้ว”
หวังเหาพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อีกไม่เกินห้านาที รถบรรทุกคันนั้นคงมาถึงที่นี่ บอกให้ทุกคนเตรียมตัว เมื่อพวกเราขนย้ายหมวกลงมาเรียบร้อย การขนส่งก็เป็นอันเสร็จสิ้น”
“ครับ”
เสี่ยวจุนพยักหน้า รีบหันไปบอกข้อมูลกับคนอื่น ๆ
ห้านาทีต่อมา
“ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ?”
หวังเหาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันหน้าไปยังทิศทางที่รถบรรทุกควรแล่นเข้ามาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
เขารู้ดี
การขนส่งหมวก VR ในครั้งนี้ ทางรัฐบาลตั้งใจหลีกเลี่ยงความสนใจของผู้คนให้ได้มากที่สุด ดังนั้น พวกเขาจึงใช้บริการรถขนส่งสินค้าธรรมดา
เป็นการวางแผนตบตาพวกตัววายร้าย
ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร ใช่ไหมนะ?
นายตำรวจหนุ่มเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ดวงตาของหวังเหาจับจ้องมองไปยังทิศทางที่รถบรรทุกควรแล่นเข้ามาตลอดเวลา แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น
เวลานี้
ไม่ใช่แต่หวังเหาเพียงคนเดียวเท่านั้น สมาชิกหน่วยสืบสวนพิเศษคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสี่ยวจุน จูอวี่ และทุกคนที่เหลืออยู่ ต่างก็มีสีหน้าวิตกกังวลชัดเจน
พวกเขาก็รู้สึกเช่นกันว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่ได้การแล้ว!”
หวังเหาสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
เขาต้องยอมรับความจริง
การขนส่งหมวก VR ในครั้งนี้มีบางอย่างผิดพลาด!
หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ทำให้รถบรรทุกมาไม่ตรงเวลา คนขับรถก็จำเป็นต้องโทรมารายงานสถานการณ์ให้เร็วที่สุด
ขณะนี้ ล่วงเลยกำหนดขนส่งมาห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการติดต่อมาจากทางคนขับรถบรรทุก นั่นย่อมหมายความว่าคงเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นแน่นอน!
“มันชักจะยังไง ๆ แล้วแฮะ ฉันจะแจ้งเตือนไปทางศูนย์บัญชาการก่อนก็แล้วกัน!”
พูดจบ ผู้กองหนุ่มก็เดินกลับเข้าไปด้านในตึก เพื่อติดต่อกับศูนย์บัญชาการ
พวกเขาจะปล่อยให้หมวก VR เหล่านี้ตกไปอยู่ในมือคนผิดไม่ได้เด็ดขาด
มิฉะนั้น จะเกิดปัญหาตามมาไม่รู้จบ!
“สารวัตรครับ รีบตามหาตำแหน่งหมวก VR ที่กำลังขนส่งเดี๋ยวนี้เลย!”
หลังรับฟังรายงานจากหวังเหาจบ สารวัตรเกาหรงกวง ซึ่งเป็นบุรุษหนุ่มวัยต้น 40 ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
เขาออกคำสั่งกับลูกน้องของตนเองซึ่งพกคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปติดตัวอยู่ตลอดเวลาว่า “รีบดึงตำแหน่งปัจจุบันของหมวก VR พวกนั้นมาให้ผมดูเดี๋ยวนี้!”