บทที่ 119 มนุษย์มหัศจรรย์
ดูสิ!
ทำไมผลลัพธ์ของการฝังเข็มถึงได้มหัศจรรย์ขนาดนี้!
เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงของพ่อแม่เด็กชาย บรรดานักศึกษาแพทย์ที่อยู่ในห้องฝังเข็มต่างก็พูดอะไรไม่ออกด้วยความอิจฉาริษยา
ใครกันแน่ที่ไม่ได้เรียนคณะแพทย์แผนจีน?
ใครกันแน่ที่เรียนเรื่องการฝังเข็มมาโดยตรง?
ทุกคนรู้สึกว่าตนเองยังห่างชั้นจากซูเย่อยู่อีกมากนัก!
หลี่เคอหมิงซึ่งยืนอยู่ข้างเตียงของเด็กชายก็กำลังประหลาดใจเช่นกัน
หรือว่าซูเย่จะมีวิธีการพิเศษเฉพาะตัวที่ทำให้ผลลัพธ์การฝังเข็มสามารถเห็นผลได้รวดเร็วขนาดนี้
ตอนนี้
มีผู้คนเป็นสักขีพยานในการฝังเข็มของซูเย่เป็นจำนวนมาก
ดวงตาของแม่เด็กชายเป็นประกายแวววาว เธอหันไปมองสามี และพยักหน้าพร้อมกัน
“เราอยากให้คุณหมอซูเป็นคนรักษาลูกของเราค่ะ”
แม่เด็กพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “พวกเราเชื่อมั่นในตัวคุณหมอซู”
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย และหันไปมองหน้าหลี่เคอหมิง
หลี่เคอหมิงก็กำลังมองหน้าเขา และผงกศีรษะเล็กน้อย
“ได้เลยครับ”
ซูเย่พยักหน้าตอบรับ
พ่อแม่เด็กรีบขยับถอยออกไปด้วยความเต็มใจและมีความสุข
ซูเย่เดินไปที่เตียงของเด็กชายอย่างไม่ลังเล หลังตรวจสอบสภาพร่างกายแล้วชายหนุ่มก็เริ่มกำหนดจุดฝังเข็ม
เข็มแรกที่ต้องปักลงไปคือจุดชิงหมิง
เข็มที่สองคือจุดข้างขมับ
ซูเย่ยังคงใช้พลังลมปราณเช่นเดิม
ตามด้วยจุดชวีปิ้น และจุดถงจื่อเหลียว
เมื่อเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะดึงเข็มออกมา ชายหนุ่มก็ต้องทำการดูดเลือดออกจากใต้ผิวหนังเป็นจำนวน 0.5 มิลลิเมตรตามความยาวของตัวเข็มในทุก ๆ จุดที่ฝังลงไป
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการที่เรียกว่าการปล่อยเลือด ดวงตาของเด็กชายก็หายบวมอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำความแดงก่ำของดวงตาก็อันตรธานหายไป เพียงเวลาอึดใจเดียวเด็กชายก็กลับมามีดวงตาเป็นปกติอีกครั้ง
ทุกคนที่รับชมการฝังเข็มต่างก็ปากอ้าตาค้าง
นี่มันรวดเร็วเกินไปแล้ว!
“แบบนี้มันใช่แน่เหรอครับ?” เหล่านักศึกษาแพทย์แผนจีนที่อยู่ในห้องฝังเข็มต่างก็หันไปมองหน้าอาจารย์ของตนเองอย่างต้องการคำตอบ
หลี่เคอหมิงเองก็กำลังตกตะลึงไม่แพ้ทุกคน
ในความเห็นของเขา แม้ว่าอาการของเด็กชายจะไม่หนักหน่วง แต่อย่างน้อยก็ควรเข้ารับการฝังเข็มไม่ต่ำกว่าสามครั้ง ถึงจะสามารถรักษาอาการให้หายดีเช่นนี้ได้
แต่ซูเย่กลับสามารถทำได้ในการฝังเข็มแค่ครั้งเดียว?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลี่เคอหมิงสังเกตวิธีการเคลื่อนไหวมือของซูเย่ตลอดเวลา แต่เขาก็พบว่าชายหนุ่มไม่ได้ใช้วิธีการพิเศษใด ๆ เลย
แม้แต่แพทย์ฝังเข็มมืออาชีพที่อยู่ในห้องขณะนี้ ก็ล้วนแต่ตกอยู่ในความตะลึงงันทั้งสิ้น
พวกเขารู้ดีว่าจุดที่ชายหนุ่มเลือกฝังเข็ม เป็นเพียงจุดฝังเข็มธรรมดา ไม่มีทางเกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมราวปาฏิหาริย์เช่นนี้ได้เด็ดขาด
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“รักษาแค่ครั้งเดียวก็หายดีแล้วเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
“หรือว่าเข็มพวกนี้จะช่วยกระตุ้นพลังลมปราณ?”
มีเสียงซุบซิบพูดคุยดังขึ้นในห้องไม่ขาดสาย
แต่เป็นไปได้หรือที่ทุก ๆ เข็มจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของพลังลมปราณได้อย่างนั้น?
หลี่เคอหมิงได้ยินเสียงซุบซิบเหล่านั้นเช่นกัน ตัวเขาเองก็อดคิดไม่ได้ จึงต้องหันไปถามกับซูเย่ด้วยความประหลาดใจว่า “เธอกระตุ้นพลังลมปราณได้ใช่ไหม?”
กระตุ้นพลังลมปราณ?
แพทย์ฝังเข็มมืออาชีพต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินคำนั้น
การฝังเข็มในศาสตร์แพทย์แผนจีนไม่ใช่เรื่องยากเกินไป แต่สิ่งที่ยากเกินไปคือการฝังเข็มพร้อมกับกระตุ้นพลังลมปราณในเวลาเดียวกัน
สิ่งนี้เรียกว่าต้องใช้พรสวรรค์พิเศษเฉพาะตัว แพทย์ฝังเข็มจำเป็นต้องมีมือที่ไวต่อการสัมผัส และรู้ว่าคนไข้แต่ละคนมีจุดลมปราณอยู่ตรงไหนบ้าง ถึงจะสามารถกระตุ้นพลังลมปราณให้ไหลเวียนได้อย่างแม่นยำ
นี่คือพรสวรรค์ที่ต้องมีติดตัวตั้งแต่เกิด
มันเป็นเพียงตำนานเล่าขานที่ไม่มีอยู่จริง
ไม่เคยมีผู้คนในวงการแพทย์แผนจีนมีความสามารถเช่นนี้มาก่อน
พวกเขาหันหน้ากลับมามองที่ซูเย่เป็นตาเดียว
หมอนี่เป็นมนุษย์มหัศจรรย์หรืออย่างไร?
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
ซูเย่ตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
“ระหว่างการฝังเข็มนายรู้สึกแปลก ๆ บ้างไหม?” แพทย์ฝังเข็มคนหนึ่งเอ่ยถาม
“ไม่มีเลยครับ ผมก็แค่กลั้นหายใจ และตั้งสมาธิตามปกติ เมื่อกำหนดจุดฝังเข็มได้แล้ว ผมก็แค่ปักเข็มลงไปเท่านั้น”
ซูเย่กล่าวตอบ น้ำเสียงราบเรียบ
แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าแพทย์ฝังเข็มตัวจริงจะมีสัญชาตญาณการรับรู้บางอย่างที่สัมผัสได้ว่าซูเย่กำลังโกหก
สังเกตได้จากสีหน้าที่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าของทุกคน
ซูเย่พูดอะไรไม่ออก
บรรดาแพทย์ฝังเข็มก็พูดอะไรไม่ออกเช่นกัน
ถ้าเด็กคนนี้มีพรสวรรค์สามารถกระตุ้นลมปราณผ่านการฝังเข็มได้จริง ๆ นั่นก็เท่ากับว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นแพทย์ฝังเข็มแล้ว
หลี่เคอหมิงคิดอยู่ในใจ
ทันใดนั้นผู้เป็นอาจารย์ก็นึกขึ้นมาได้ว่าซูเย่มีทักษะในการเรียนรู้ และมีความทรงจำเป็นเลิศ
หลี่เคอหมิงถึงกับพูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
มีลูกศิษย์เช่นนี้เขายังจะสอนอะไรได้อีก!
เมื่อเด็กชายได้รับการรักษาหายแล้ว
ผู้เป็นบิดามารดาก็มีกิริยาตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ ขอบคุณมากจริง ๆ” ระหว่างที่ซูเย่ หลี่เคอหมิง พร้อมด้วยเด็กน้อย และพ่อแม่เดินกลับมายังห้องตรวจโรค ผู้เป็นบิดามารดาของเด็กน้อยก็เอาแต่ขอบคุณพวกเขาตลอดเวลา
ระหว่างทางเดิน
“ติ๊ง!”
สัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้นในหัว
“แต้มศีลธรรม +1”
ซูเย่ยิ้มเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าตนเองจะได้รับแต้มศีลธรรมจากการรักษาครั้งนี้
มันคงเป็นเพราะเขาใช้วิธีการรักษาที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง
47 แล้วสินะ
ซูเย่พูดในใจ
ตลอดช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่าย มีคนไข้ที่ต้องเข้ารับการฝังเข็มทั้งสิ้นห้าคน
แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนไข้อาการไม่หนัก สามารถเลือกจุดฝังเข็มได้ไม่ซับซ้อน
หลี่เคอหมิงพบว่าการเลือกจุดฝังเข็มของชายหนุ่มมีความแม่นยำมากขึ้นและมากขึ้น ฝีมือของซูเย่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มีเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างเท่านั้นที่จำเป็นต้องปรับปรุงในอนาคต
“เรียนรู้ได้เร็วเกินไปจริง ๆ”
หลี่เคอหมิงถอนหายใจ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานซูเย่ต้องมีฝีมือเก่งเกินหน้าเขาแล้วแน่ ๆ
ทันใดนั้นคนไข้รายใหม่ก็เดินเข้ามาพอดี
เป็นหญิงวัยกลางคนอายุ 50 ปี
เมื่อเดินเข้ามาในห้องตรวจ หญิงวัยกลางคนก็ยกมือกุมท้องตลอดเวลา ใบหน้ามีเหงื่อแตกพลั่ก
เห็นดังนั้น
ซูเย่ก็รีบลุกขึ้นไปประคองคนไข้ให้มานั่งลง
เขาวินิจฉัยอาการเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
คนไข้มีภาวะโลหิตจาง ลิ้นเป็นแผลพร้อมกับมีฝ้าสีขาวขึ้นเล็กน้อย ชีพจรเต้นช้า
“อาการปวดท้องมีสาเหตุมาจากร่างกายขาดสมดุลความร้อน และอวัยวะภายในอย่างม้ามกับกระเพาะมีความเย็นมากเกินไปครับ”
ซูเย่กล่าว “เหมาะสมสำหรับการฝังเข็ม”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าเห็นด้วย
เขาผายมือส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มเริ่มต้นระบุจุดฝังเข็ม
ซูเย่จึงเขียนจุดฝังเข็มลงบนแผ่นกระดาษโดยไม่ลังเล
จุดฝังเข็มที่เขาเลือกประกอบไปด้วย : จุดจู๋ซานหลี่ จุดจงหว่าน และจุดเน่ยกวน จุดจงหว่านเหมาะสมสำหรับการรมยาในขณะที่จุดจู๋ซานหลี่กับจุดเน่ยกวนเหมาะสมสำหรับการฝังเข็ม
นอกจากนี้ก็ยังมีจุดกงซุนกับจุดเว่ยซูที่เหมาะสมสำหรับการฝังเข็มเช่นกัน
หลังจากเขียนตำแหน่งฝังเข็มครบถ้วน ซูเย่ก็ส่งไปให้หลี่เคอหมิงดู
เมื่อผู้เป็นอาจารย์ดูแล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมา
การกำหนดจุดฝังเข็มครั้งนี้สมบูรณ์แบบมาก ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไรอีกแล้ว
การเลือกจุดฝังเข็ม และจุดรมยาของซูเย่ไม่มีข้อบกพร่องอีกต่อไป แน่นอนว่าด้วยความสามารถระดับนี้ ซูเย่สามารถไปสอบใบอนุญาตขอเป็นแพทย์ฝังเข็มได้สบาย ๆ
นับว่าเรียนรู้ได้รวดเร็วจริง ๆ
พวกเขาพาคนไข้ไปยังห้องฝังเข็ม
“เธอจัดการได้เลย”
หลี่เคอหมิงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ซูเย่ดำเนินการฝังเข็มต่อไปได้
ซูเย่จึงเริ่มต้นการฝังเข็มอย่างแม่นยำและราบรื่น
คราวนี้เขาไม่จำเป็นต้องโคจรพลังลมปราณลงไปด้วย เพราะคนไข้มีอาการไม่หนัก ถ้าเขาใช้พลังลมปราณกับคนไข้คนนี้ ก็จะถือเป็นการสูญเสียพลังโดยเปล่าประโยชน์
เมื่อฝังเข็มเสร็จสิ้น หญิงวัยกลางคนก็มีอาการดีขึ้นทันตา
และในขณะที่หลี่เคอหมิงกับซูเย่กำลังจะเดินออกจากห้องฝังเข็มเพื่อกลับไปยังห้องตรวจโรคของตนเองนั้น
“โครม!”
พวกเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างล้มลง
ทุกคนที่อยู่ในห้องฝังเข็มรีบหันหน้ามองหาที่มาของเสียง
จึงได้พบว่าอีกด้านหนึ่งของห้องฝังเข็ม มีนักศึกษาแพทย์แผนจีนกำลังทำการครอบแก้วให้แก่คนไข้คนหนึ่ง และคนไข้ที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้คนนั้นก็ร่วงลงไปนอนอยู่บนพื้นห้องเสียแล้ว
นักศึกษาผู้เป็นคนครอบแก้วรีบพยุงคนไข้ลุกขึ้นมาด้วยความแตกตื่นลนลาน
เห็นดังนี้หลี่เคอหมิงก็รู้แล้วว่าอาจารย์แพทย์ฝังเข็มผู้เข้าเวรรอบบ่ายไม่อยู่ที่นี่ ตนเองจึงต้องรีบเข้าไปดูสถานการณ์ก่อนชั่วคราว
“อาการคนไข้เป็นยังไงบ้าง?”
หลี่เคอหมิงถามออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะรู้ดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นักศึกษาแพทย์จะสามารถรับมือได้
นักศึกษาแพทย์ได้ยินดังนั้นก็รีบตอบกลับมาด้วยความร้อนรน
“คนไข้บอกว่าปวดชายโครงมาได้ห้าวันแล้วครับ เขาบอกว่าปวดเหมือนถูกทุบ จะรู้สึกเจ็บเวลาหายใจ เวลาไอ เวลาจาม เวลานอนตะแคง ก่อนหน้านี้เคยทานยาแก้ปวดกับใช้ยาทาแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นครับ!”
“ผมลองตรวจสอบอาการเบื้องต้นดูแล้ว คนไข้รายนี้ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน แต่มีร่องรอยการบาดเจ็บที่ชายโครงฝั่งซ้ายมือ ผิวหนังบริเวณข้างลำตัวบางจุดมีรอยฟกช้ำ และบวมแดง ถึงจับชีพจรหรือดูลิ้นก็ระบุสาเหตุไม่ได้หรอก!” หลี่เคอหมิงพูดออกมาทันทีหลังได้รับรายงานจากนักศึกษาแพทย์
นอกจากนั้นเขายังพบว่าคนไข้มีเหงื่อออก ใบหน้าซีดขาว ขณะนี้หมดสติ มือเท้าเย็นเฉียบ ชีพจรอ่อนแรง
ลมหายใจแผ่วเบา ไม่ต่างจากคนตายคนหนึ่ง
ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้ว
“ขออุปกรณ์รมยาด่วน”
เพราะรู้ดีว่าคนไข้รายนี้รอคอยไม่ได้อีกต่อไป หลี่เคอหมิงจึงส่งคนไปหยิบอุปกรณ์สำหรับการรมยา และจัดการวางอุปกรณ์รมยาลงบนจุดป่ายฮุ่ย และจุดชี่ห่ายของคนไข้
ซูเย่มองขั้นตอนทุกอย่างด้วยความตั้งใจ การฝังเข็มนั้นเขาเคยทำมาแล้ว แต่การรมยาอย่างจริงจังนี่คือครั้งแรกที่เขาเคยเห็น
สิบนาทีต่อมาคนไข้ก็ได้สติฟื้นคืน
หลี่เคอหมิงรีบสำรวจดูแขนขาของผู้ป่วย และพบว่ามือเท้าไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนก่อนหน้านี้อีก นั่นเองอาจารย์อาวุโสถึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
บรรดาผู้คนที่อยู่ในห้องฝังเข็มก็ต้องถอนหายใจออกมาเช่นกัน เมื่อสักครู่นี้พวกเขาตกใจแทบแย่ โดยเฉพาะนักศึกษาแพทย์แผนจีนผู้ที่เป็นคนครอบแก้วให้แก่คนไข้คนนี้
“รู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?”
หลี่เคอหมิงถามออกมาอย่างรวดเร็ว
“รู้สึกไม่มีแรงเลยครับ”
คนไข้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหย
เมื่อได้ยินว่าคนไข้ยังสามารถพูดคุยได้ ถึงจะเป็นไปอย่างอ่อนแรงเต็มที แต่อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่าอาการของคนไข้ปลอดภัยดีแล้ว
“ผมรับรองว่าร่างกายของคุณไม่มีปัญหาแล้วครับ กลับบ้านไปพักผ่อนสักหนึ่งอาทิตย์ ทุกอย่างก็จะหายดี”
โล่งอกไปที
เหล่านักศึกษาแอบยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก
การกู้ชีพเมื่อสักครู่นี้เป็นอะไรที่ชวนใจหายใจคว่ำ พวกเขาหลายคนถึงกับคิดว่าคนไข้รายนี้คงต้องตายเสียแล้ว
“พวกคุณอยากรู้ไหมว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น? แล้วผมสามารถช่วยคนไข้ไว้ได้อย่างไร?”
หลี่เคอหมิงถามน้ำเสียงจริงจัง
คณะนักศึกษาแพทย์พยักหน้าด้วยความกระตือรือร้น
“คนไข้มีอาการเจ็บชายโครงซ้าย”
หลี่เคอหมิงเริ่มต้นอธิบาย “การครอบแก้วถือเป็นการรักษาขั้นพื้นฐาน อาจารย์ของพวกคุณคงสอนเอาไว้แบบนี้”
ก็ใช่น่ะสิ
นักศึกษาแพทย์ผู้เป็นต้นเหตุทำทุกอย่างตามที่อาจารย์สั่งทุกประการ แล้วเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทุกคนต่างก็สงสัยในเรื่องเดียวกัน
“ถึงคนไข้จะดูมีร่างกายที่แข็งแรงเป็นปกติ แต่หากการจับชีพจรดูจะรู้ว่าวันนี้คนไข้ท้องว่าง ตอนที่เขาล้มลงไป มือเท้ามีอาการเกร็ง แสดงว่าคนไข้มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก”
“ในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าอาจารย์ของพวกคุณอยู่ด้วย เขาก็คงมองออกแล้วว่าคนไข้กลัวการครอบแก้ว”
พูดจบหลี่เคอหมิงก็หันไปมองหน้าคนไข้อย่างต้องการคำตอบ
คนไข้พยักหน้ารับอย่างกระดากอาย
“เมื่อการครอบแก้วเริ่มขึ้น คนไข้ก็จะรู้สึกวิตกกังวลสูงสุด ทำให้ร่างกายขาดความสมดุลระหว่างหยินหยางอย่างกะทันหัน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้คนไข้เป็นลมหมดสติ ใบหน้าซีดขาว หายใจแผ่วเบา และมือเย็นเท้าเย็น”
หลี่เคอหมิงอธิบายต่อเนื่อง “การฝังเข็มสามารถรักษาอาการนี้ได้ แต่มันจะช้าเกินไป ผมจึงเลือกใช้การรมยา”
“การรมยาในจุดป่ายฮุ่ย นอกจากช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้นแล้ว มันยังทำให้เลือดไหลเวียนไปที่แขนขามากขึ้นอีกด้วย ซ้ำยังเพิ่มสมดุลของพลังหยินหยางในร่างกาย ช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะของคนไข้ได้อย่างรวดเร็ว”
“คนไข้รายนี้ไม่มีอาการอื่นแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาเพิ่มเติม เวลาที่เหลือหลังจากนี้ก็แค่ให้พักผ่อนเท่านั้น หรือถ้าจะรับการรักษาเพิ่มเติม ก็คงไม่ใช่การรักษาด้วยการฝังเข็ม แต่เป็นการรักษาทางด้านจิตใจมากกว่า”
บรรดานักศึกษาแพทย์ต่างก็พยักหน้า และจดคำอธิบายของหลี่เคอหมิงลงในสมุดประจำตัว
หลี่เคอหมิงหันกลับมามองหน้าซูเย่และพูดว่า
“เธอเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับการฝังเข็มได้เกือบหมดแล้ว เดี๋ยวฉันจะสอนวิธีการรมยาเบื้องต้นให้เธอรู้”
ในเวลาเดียวกันนี้หลี่เคอหมิงก็ต้องแอบถอนหายใจออกมา นับว่าลูกศิษย์ของเขาเรียนรู้ได้รวดเร็วเกินไปจริง ๆ
อาจารย์อาวุโสตั้งใจว่าจะเก็บการรมยาไว้สอนในครั้งหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาคงต้องเอาออกมาสอนในครั้งนี้เสียแล้ว
ได้ยินดังนั้นกลุ่มนักศึกษาแพทย์แผนจีนที่ยืนอยู่โดยรอบก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง
การมีอาจารย์ที่ไม่หวงวิชาก็นับเป็นวาสนาอย่างหนึ่งที่แข่งขันกันไม่ได้จริง ๆ