===============
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เย่ว์หยางแอบหัวเราะ ตัวอย่างเรื่องหนูของเขา ทำให้เก็บเรื่องความสามารถของดอกหนามพ่นพิษไว้เป็นความลับต่อไป
ถ้าดอกหนามกินศพที่ไม่เหมาะสม มันจะไม่มีทางวิวัฒนาการได้
การกินศพทำให้ต้นดอกหนามได้รับพลังฟื้นตัวเป็นปริมาณมาก เรื่องนี้มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะยาว ต้นดอกหนามมีความสามารถเก็บกักพลังที่มันดูดซึมมาจากศพไว้ในตัว โดยเก็บไว้ในรูปแบบผลของมัน เรียกกันว่าผลดอกหนาม ผลแต่ละผลจะห้อยอยู่กับต้นดอกหนามและพวกมันมีความสามารถในการเพิ่มพลังดอกไม้ในระหว่างต่อสู้ในช่วงเวลาใดก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าดอกหนามพ่นพิษต้องวิวัฒนาการจากการกินศพ พวกมันต้องกินศพเป็นประโยชน์ต่อมัน ยิ่งระดับสูงกว่าก็ยิ่งดี
เมื่อดอกหนามกินอาหารจากศพ มีความลับยิ่งใหญ่สำหรับมันอย่างหนึ่ง
ถ้าดอกหนามดูดซึมสิ่งมีชีวิตที่มีคุณสมบัติในระดับเริ่มต้น อย่างนั้นมันจะไม่เปลี่ยนรูป แค่เพิ่มระดับเท่านั้น
ในทางกลับกัน ถ้าดอกหนามดูดซึมสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้มีคุณสมบัติระดับเดียวกัน ตอนดูดซึมครั้งแรก มันจะไม่เพิ่มระดับตนเอง แต่จะพัฒนาการไปในลักษณะเปลี่ยนรูปร่าง
สัตว์อสูรเกือบทั้งหมดในทวีปมังกรทะยานเป็นสัตว์อสูรธรรมดา มีเพียงสัตว์อสูรไม่กี่อย่างที่สามารถวิวัฒนาการไปเป็นร่างแปลงภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง
สัตว์อสูรที่ผ่านการเป็นร่างแปลงแล้วจะแข็งแกร่งกว่าสัตว์อสูรธรรมดามาก
ที่แปลงร่างได้ จะพัฒนาไปเป็นสัตว์อสูรชั้นยอดได้ง่ายๆ เมื่อมันพัฒนาจนเป็นสัตว์อสูรชั้นยอด ความสามารถของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เหมือนกับการจัดอันดับคัมภีร์อัญเชิญ ระดับกลุ่มชั้นของสัตว์อสูรชั้นยอดจะแบ่งเป็นชั้นทองแดง เงิน ทอง ทองคำขาวและเพชร 5 ชั้นที่มีรูปแบบแตกต่างกัน ทุกครั้งที่อสูรชั้นยอดปรับชั้น พลังของมันจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า ชั้นทองคำขาวและเพชรยังไม่ต้องพูดถึง แค่มีอสูรชั้นยอดระดับทองแดง สำหรับคนธรรมดาคงเป็นได้แต่เพียงฝันของพวกเขาเท่านั้น
“ข้าคิดว่าคงยอมแพ้เรื่องทักษะกินศพ อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของข้าไม่ใช่ดอกหนามพ่นพิษ แต่เป็นนักรบมนุษย์พฤกษา ข้าเพียงแต่ใช้ดอกหนามฝึกวิธีการควบคุมเท่านั้น แต่ข้ายังไม่เคยใช้ต่อสู้เลย” เย่ว์ปิงส่ายศีรษะขณะรีบปฏิเสธ นางคงไม่สามารถยืนจินตนาการว่ากำลังกินหนูขนเหล็กได้แน่ ทิ้งความอยากกินมันเอาไว้ดีกว่า
“น่าเสียดาย” เย่ว์หยางแอบขำในใจ เขารู้ว่าสาวน้อยไม่สนใจทักษะกินศพอีกแล้ว
“พี่สาม! ท่านสอนทักษะแพร่สปอร์ให้ข้าแทนได้ไหม?” เย่ว์ปิงเป็นนักเรียนที่ฉลาดและใคร่รู้จริงๆ นางไม่มีความคิดร้ายใดๆ เหมือนพี่ชายเก๊ของนาง
“นี่คือทักษะที่ดอกหนามระดับ 4 มีแต่ จ้าวดอกหนามถึงจะทำได้ ถึงเมื่อดอกหนามพ่นพิษพัฒนาขึ้นไประดับ 2 เป็นดอกหนามกินสัตว์หรือในระดับ 3 คือดอกหนามยักษ์ ก็จะยังไม่มีสปอร์ แต่เมื่อพัฒนาไปที่ระดับ 4 และกลายเป็นจ้าวดอกหนาม มันถึงมีความสามารถกระจายปรสิตได้ สปอร์เหล่านี้จะเกาะบนศพและเปลี่ยนศพเป็นต้นดอกหนามพ่นพิษ ถ้าศัตรูยังมีชีวิต สปอร์จะเข้าไปในตัวคนและกัดกินอวัยวะภายในและดูดเลือดผู้นั้น จากนั้นมันจะพัฒนาไปเป็นดอกหนามกินสัตว์และฉีกท้องออกมาจากตัวคนผู้นั้น” เมื่อเย่ว์หยางอธิบายให้เย่ว์ปิงทราบว่า มันมีเงื่อนไขมากเกินไป
นางช็อคจริงๆ เมื่อคิดว่าสปอร์เข้าไปทางปากคน กัดกินอวัยวะภายในแล้วยังคลานยัวะเยียะออกมาได้
ดอกหนามกินสัตว์ที่น่าเกลียด ก็เติบโตรวดเร็วในคนดีๆ ได้ และทำให้เขาเสียชีวิตในที่สุด
นั่น..นั่นมันน่าสยอดสยองมาก
แม้ว่าเย่ว์ปิงจะเป็นอัจฉริยะวัยเยาว์ จะอย่างไรนางก็ยังอายุเพียง 15 จิตใจยังบริสุทธิ์ไร้เดียงสายังไม่ถูกฉากเปื้อนเลือดรบกวนจิตใจ
แน่นอน, เย่ว์หยางจงใจพูดให้เห็นภาพชัด
ความจริงประโยชน์แท้จริงของใช้สปอร์ ไม่ได้ใช้ฆ่าคน ใครจะโง่ยืนเฉยจนสปอร์หยั่งรากในตัวเล่า? วัตถุประสงค์หลักของสปอร์ก็คือทำลายศพ มีสัตว์อสูรพิเศษบางพวกจะเปลี่ยนเป็นซอมบี้เมื่อพวกมันตาย หรือคืนชีพอีกครั้งด้วยเงื่อนไขหลายประการ ยกตัวอย่าง สัตว์อสูรประเภทน้ำ และประเภทไฟ อาจฟื้นขึ้นมาได้ภายใต้ทักษะพิเศษของผู้อัญเชิญ
ขณะที่จ้าวดอกหนามพ่นพิษ จะไม่สามารถอยู่รอดกับดอกไม้เหล่านี้ในการสู้รบได้
สปอร์ของดอกหนามจะนำมาใช้ได้ในสถานการณ์แบบนี้
มันสามารถมีชีวิตอยู่ภายในศพสัตว์อสูรเหล่านี้และเปลี่ยนสภาพให้เป็นดอกหนามพ่นพิษได้ เพื่อขัดขวางการฟื้นตัวของพวกมัน แค่นี้ก็จะลดทอนความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน
เรื่องทำให้เป็นปรสิตอาศัยอยู่ในคนเป็นๆ ความจริงแล้วเป็นเรื่องยากที่จะทำอย่างนั้น
นอกจากนี้ แทนที่จะมีสปอร์ปรสิตบนตัวพวกเขา ก็แค่สั่งให้จ้าวดอกหนามขย้ำคนที่โชคร้ายนั้นไม่ดีกว่าหรือ? ใครจะรู้ บางทีจ้าวดอกหนามอาจวิวัฒนาการสู่อีกระดับก็ได้
“ขอบคุณพี่สาม! สัตว์อสูรสายพฤกษาอ่อนแอที่สุดใบบรรดาสัตว์อสูร และดอกหนามพ่นพิษนี้จะอ่อนแอที่สุดในกลุ่มที่อ่อนแอ มันยากที่จะฝึกมันจนถึงระดับ 4 คือจ้าวดอกหนามได้ เราปล่อยไว้อย่างนั้นจะดีที่สุด ท่านควรจะตั้งใจฝึกสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของตนเองให้มากขึ้นดีกว่า เพราะว่านั่นเหมาะที่สุดกับการฝึกของท่าน อะไรนะ? ท่านยังไม่ได้อัญเชิญสัตว์อสูรผู้พิทักษ์หรือ? อ๊า.. บางทีท่านก็คล้ายข้า เป็นตัวประหลาดในหมู่ผู้อัญเชิญ น่าเสียดาย ถ้าเพียงแต่พี่สามมีพรสวรรค์เรียกสัตว์อสูรอื่นๆ เหมือนที่ท่านได้เรียกดอกหนามพ่นพิษละก็ อย่างนั้นอนาคตของท่านไม่มีขีดจำกัดแล้ว น่าเสียดายนะ..” เมื่อเย่ว์ปิงได้ยินการไร้ความสามารถอัญเชิญสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของเย่ว์หยาง นางรู้สึกเศร้าแทนเขา
นางรีบปลอบโยนเขา ให้เกิดความมั่นใจว่าสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของเขาจะต้องเป็นสิ่งที่คู่ควรกับเขาที่สุด
เขาอาจจะไม่สามารถเรียกมันออกมาตอนนี้ได้ เพราะพลังวิญญาณของเขายังสูงไม่พอ
เขาสามารถยกระดับพลังวิญญาณง่ายๆ ช้าๆ และในอนาคตก็ไม่มีปัญหาอะไร
เย่ว์ปิงยังคงเล่าว่าการอัญเชิญสัตว์อสูรที่เป็นธาตุองค์ประกอบ มีเงื่อนไขอัญเชิญมาก ในสถาบัน นางเคยได้ยินเรื่องที่นักเรียนไม่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของตนได้ในตอนเริ่มต้น นางแค่ต้องการเปิดใจเย่ว์หยาง นางจะรู้ได้ยังไงว่าสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของพี่ชายเก๊ของนางจะเป็นรูปแบบพิเศษอย่างเงาปีศาจ และไม่ใช่รูปแบบองค์ประกอบธาตุ?
นอกจากนี้ ด้วยระดับพลังวิญญาณในร่างของเย่ว์หยางในปัจจุบัน เขาน่าจะเรียกเงาปีศาจออกมาได้
และเขาเรียกมันออกมาได้แล้วเมื่อ 2 วันก่อนแล้ว! แต่ยังเก็บไว้เป็นความลับ
“น่าเสียดายนะ พี่สาม! พรสวรรค์ของท่านไร้ประโยชน์เหมือนของข้า สายพฤกษาไม่มีอนาคตแล้ว และท่านยังเรียกได้เพียงดอกหนามพ่นพิษเท่านั้น..” เย่ว์ปิงส่ายศีรษะช้าๆ พลางถอนหายใจ นางคิดในใจว่าดอกหนามพ่นพิษอ่อนแอที่สุดในบรรดาสัตว์อสูร มันเป็นสัตว์อสูรที่ถูกสถาบันใช้เป็นเครื่องมือการสอน ดังนั้นจึงมีชะตาที่ไม่มีความก้าวหน้านัก
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่ข้ายังฝึกหนัก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรชนิดใด ต่อให้เป็นต้นดอกหนามพ่นพิษที่อ่อนแอ มันต้องแข็งแกร่งจนได้ เมื่อไปถึงระดับ 10 และยิ่งกว่านั้น”
มองเห็นสาวน้อยเศร้าใจมากขนาดนั้น เย่ว์หยางคงช่วยไม่ได้ ได้แต่ใช้คำพูดปลอบให้นางสบายใจ
ความจริง ความรู้ที่เขาได้จากคัมภีร์อัญเชิญ เขาเข้าใจจุดเนื้อหาสำคัญมากมาย สัตว์อสูรสายพฤกษาอาจจะดูภายนอกอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้อ่อนแอเลย มันไม่มีทางด้อยกว่าสัตว์อสูรยอดนิยมอย่างพวกรูปแบบสัตว์ร้ายและรูปแบบนก สัตว์อสูรสายพฤกษาแม้ปรากฏว่าอ่อนแอที่สุด แต่ในทางกลับกันมันกลับมีศักยภาพสำหรับการเติบใหญ่อย่างมาก ชนิดที่สัตว์อสูรรูปแบบอื่นไม่มี
หากจะมีราชาแห่งสัตว์อสูรสายพฤกษา ก็คงเป็นดอกหนามพ่นพิษที่คนดูถูกกันนักหนานี่แหละ
เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว ยังมีนักอัญเชิญหญิงคนหนึ่งฉายาเซียนดอกหนาม นางพัฒนาดอกหนามของนางจนถึงระดับสุดยอดของมัน วิวัฒนาการของต้นดอกหนามระดับสุดยอดได้เปลี่ยนแปลงมันจนอยู่ในรูปมนุษย์เรียกว่าราชินีบุปผามงกุฎทอง เมื่อคราวที่เหล่าปีศาจรุกรานทวีปมังกรทะยานก็เป็นเซียนดอกหนามและราชินีบุปผาของนางนี่แหละที่เป็นผู้สังหาร 3 ราชาปีศาจ ต้นดอกหนามได้เขมือบกองทัพปีศาจไปมากกว่า 5 พันตัว ทะเลดอกไม้สุดหูสุดตาที่ราชินีบุปผาสร้างขึ้น กลายเป็นฝันร้ายสำหรับเหล่าปีศาจ แม้แต่จ้าวปีศาจมังกรดำยังสะบัดหางหนีไปจนลับสายตาของเซียนดอกหนาม
นางเซียนดอกหนามผู้นี้เป็นเพียงมนุษย์ผู้มีความแข็งแกร่งพอจะต่อต้านและสังหารนักรบที่แข็งแกร่งของกองทัพปีศาจได้
แต่น่าเสียดาย ที่คนรักของนางเสียชีวิตในการรบ เซียนดอกหนามไม่อาจทนอยู่อย่างเดียวดายได้ นางเลือกที่จะตายตามคนรักของนางแทน
ในคนรุ่นหลังๆ ต่อมา ไม่มีเลยสักคนที่สามารถค้นเจอความลับของดอกหนามพ่นพิษ
มีนักอัญเชิญผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนพยายามดูแล้ว แต่ไม่มีใครทำให้ดอกหนามพ่นพิษมีวิวัฒนาการเข้าสู่รูปแบบระดับตำนาน “สัตว์อสูรรูปทรงมนุษย์ในตำนาน” ในที่สุด ก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ มนุษย์ได้ยอมแพ้ยกเลิกการค้นคว้าเกี่ยวกับดอกหนามพ่นพิษ ในทางตรงกันข้าม สัตว์อสูรรูปแบบสัตว์ร้าย สัตว์อสูรรูปแบบสัตว์ทั่วไป จะมีความได้เปรียบอย่างมากในตอนเริ่มต้น จึงได้รับความนิยมในหมู่ผู้คนอย่างรวดเร็ว เพราะเหตุเช่นนั้นเอง สัตว์อสูรรูปแบบพฤกษาจึงสูญเสียความรุ่งเรืองในครั้งอดีตไปจนผู้คนลืมเลือนไปว่าเป็นสัตว์อสูรในตำนานรูปทรงมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นผู้กำจัดกองทัพปีศาจหลายพันตัวในยุคที่ปีศาจรุกรานเข้ามา ปัจจุบันนี้มันกลับกลายเป็นเครื่องมือใช้สอนกันในสถาบัน
“นั่นสินะ เราเหล่านักรบควรจะมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองต่อเนื่อง เราต้องอดทนให้ได้ พี่สาม! ขอบคุณท่านมาก” เย่ว์ปิงคำนับเย่ว์หยางอีกครั้ง จนดูเหมือนนักเรียนแสดงความเคารพครู
พอสาวน้อยกลับไปแล้ว เย่ว์หยางพึมพำกับตัวเอง “เพราะไม่มีใครสนใจดอกหนามที่ไม่มีความสำคัญนี้, เราจะยกระดับพัฒนาจนเป็นราชินีบุปผามงกุฎทองให้ได้”
****************