===============
เย่ว์ซานและคนอื่นๆ ยืนอยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เหมือนลูกแกะเชื่องๆ
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วกลับไป
เหลือเพียงผู้เฒ่าห้าขี่กวางของเขาก็เร่งรุดมาถึง เขารีบรุดตรงเข้ามาหาเย่ว์หยางพร้อมกับรอยยิ้ม ราวกับว่ามีความหมายลึกซึ้งซ่อนไว้ แต่ไม่ได้พูดอะไรเลย
เมื่อหญิงงามซึ่งอยู่ในรถได้ยินว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มาถึงแล้ว นางรีบอุ้มเด็กหญิงที่ยังคงหลับอยู่ออกมาจากรถและน้อมตัวคารวะผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ กล่าวว่า “ผู้สะใภ้ ขอคารวะท่านพ่อ ซานเอ๋อ, ปิงเอ๋อ เข้ามาคารวะท่านปู่” เย่ว์ปิงจ้องมองเย่ว์หยางและคุกเข่าลงแต่โดยดี เหลือแต่เพียงเย่ว์หยางยืนอยู่เงียบๆ แน่วแน่มองไปที่เขาเหมือนเป็นคนระดับเดียวกัน เขาตั้งใจแน่นอนว่าจะไม่โค้งหัวคำนับใคร
“เกิดอะไรขึ้นซานเอ๋อ!? เจ้าไม่รู้จักข้าผู้เป็นปู่ของเจ้าแล้วหรือ?” เสียงของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เหมือนคลื่นกระแทกที่โดดเด่น มีเสน่ห์แตกต่างจากคนอื่น
“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นข้าจึงไม่จำเป็นต้องขออภัย”
เย่ว์หยางไม่ใช่สหายผู้น่าสงสารคนนั้น ไม่ใช่แต่เพียงนั้น เขายังไม่เคยคุกเข่าหรือก้มหัวคำนับใครโดยง่าย
การแสดงความเคารพผู้สูงอายุเป็นเรื่องดี แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าความเคารพซึ่งมาจากหัวใจมีคุณค่ามากกว่าความเคารพโดยผิวเผินที่แสดงผ่านการหมอบกราบตามประเพณี
เขาไม่รู้จักผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มาก่อน ฉะนั้นโดยนิสัยของเขาแล้ว การแสดงความเคารพยังเป็นปัญหาอยู่ เขาคงไม่คุกเข่าให้ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่แค่เพราะสถานะเขาเป็นประมุขตระกูลแน่นอน และแน่นอนว่าเขาคงไม่โง่ทำตัวกร่างต่อหน้าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่แน่ แต่เขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะปั้นน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้เยาว์ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมที่ถูกผู้อื่นรังแก “ลูกผู้ชายต่อให้ยืนตาย ก็จะไม่ยอมคุกเข่าให้ผู้อื่นเพื่อเอาชีวิตรอด ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ดังนั้นข้าจะไม่ยอมรับผิดหรือคุกเข่าร้องขอการให้อภัยแน่นอน”
“ลูกผู้ชายยืนตายได้ แต่ไม่ยอมคุกเข่าขอชีวิตกับผู้อื่นหรือ? คำพูดเหล่านี้ พูดได้ดีมาก” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อย “ซานเอ๋อ! ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะพูดอะไรอย่างนั้นมาก่อน ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนนี้ ข้าประเมินเจ้าผิดไป”
“…..” เย่ว์หยางพูดไม่ออก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเดินทางข้ามมิติมาอยู่สถานะแทนที่สหายผู้น่าสงสาร สหายผู้น่าสงสารนี้คงไม่เคยมีความกล้าที่จะพูดคำเหล่านี้ออกมา
“เอ่อ..อาเซียน! ลุกขึ้นก่อนเถอะ ไม่ว่าปัญหานี้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าอย่างไร ข้าจะอธิบายให้เจ้าได้ทราบเอง ในตระกูลเย่ว์ของพวกเรา ไม่สำคัญว่าพวกบุรุษจะสู้หรือตายกันอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าหมัดและเท้าของผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้แข็งแกร่งกว่าสามารถสั่งผู้อ่อนแอกว่าได้ นั่นเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็ตาม มันผู้ใดบังอาจแตะต้องสตรีหรือเด็กก็ต้องกลายเป็นสวะไปโดยปริยาย ถ้าข้าเคยพบข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของพวกมัน ข้าจะป่าวประกาศให้สาธารณชนทราบและจะไม่ยอมให้อภัยพวกมันแต่อย่างใด อาเซียน, เจ้าพาลูกๆ เข้ามาพักที่นี่เถอะ ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวขัดขืนภายใต้จมูกของข้า, ผู้เฒ่าห้า! พาอาเซียนและครอบครัวนางเข้าปราสาท ถ้ามีผู้ใดขัดขวางทำร้ายอาเซียนหรือธิดาของนางเจ้าฆ่าพวกมันได้ก่อน แล้วค่อยรายงานข้าภายหลัง”
ขณะที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่พูดจบ เขาหันกลับและก้าวจากไป
ร่างของเขาเป็นเหมือนภูเขาเดินได้ แต่ละย่างก้าวของขาโลหะเทียมที่ประกอบเข้ากับตัวของเขาทำให้เกิดแรงกระแทกพื้นจนสะเทือน
ในตอนแรก เย่ว์หยางคิดว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่คงต้องการสู้กับเขาและสั่งสอนเขาให้หลาบจำ เขาคาดไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าจะปลอบโยนแม่สี่แทน แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เกินคาดไปหน่อยสำหรับเขา แต่กลับเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน ขณะที่เขาก็ไม่ต้องกังวลถึงอันตรายในชีวิตของแม่สี่และน้องสาวของเขา เขาจะได้แสดงพลังความแข็งแกร่งของเขาต่อหน้าครอบครัวในการแข่งขันในวันปีใหม่และจะกู้ศักดิ์ศรีของแม่สี่กลับคืนมา เขาจะย่ำอัจฉริยะผู้ยอดเยี่ยมของครอบครัวเหล่านั้นไว้ภายใต้เท้าของเขา
คงจะเป็นเรื่องตื่นเต้นมากที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางของพวกนั้น
ศึกของครอบครัวสินะ?
เขาต้องการหาโอกาสแสดงฝีมือและอัจฉริยภาพของเขาตั้งแต่แรกแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงตัวเขา เขายังต้องการให้เย่ว์ปิงแสดงความสามารถจนตกตะลึงไปทั้งตระกูล
เมื่อพวกเขาเข้ามาในปราสาท เย่ว์หยางยังไม่พบอาสี่เลย
ผู้เฒ่าห้าจัดหาที่พักให้หญิงงามก่อนที่จะถอนหายใจเบาๆ “ความจริง เรื่องนี้มันซับซ้อนมาก ไม่ใช่ว่าท่านสี่ไม่ต้องการพบเจ้าหรอก แต่ตอนนี้ท่านสี่ไม่อยู่ในปราสาท เขาถูกดักทำร้ายโดยนักฆ่าสวมหน้ากากในระหว่างเดินทางกลับบ้านหลังจากซื้อยาปลุกพลังสัตว์วิญญาณ เขาไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่โดนยาพิษ เขาเกรงว่าเจ้าจะเป็นห่วงจึงขอให้เราปิดเป็นความลับไม่บอกเจ้า”
“อ๋า?” ข่าวที่มาถึงนี้ทำให้หญิงงามรู้เหมือนถูกฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
“มือสังหารหรือ? วางยาพิษหรือ?” ยิ่งเย่ว์หยางได้ยินเรื่องแบบนี้ เขายิ่งรู้สึกว่านี่เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันมากกว่า มันเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปมิใช่หรือ? เขาพบกับมือสังหารได้อย่างไรหลังจากซื้อยาเม็ดปลุกพลังสัตว์วิญญาณ?
“เราไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสลายพิษและท่านสี่โดนพิษกำเริบช้าที่เราไม่สามารถรักษาได้เล่นงาน แต่มันเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่จะมีงานฉลองที่คุณชายเก้าทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จ ตระกูลเหอหยางเฟิงได้มาร่วมแสดงความยินดีกับเขาด้วย เมื่อถึงเวลาล้างพิษ พวกเขาถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่พวกเขาก็ยังทำอะไรไม่ถูกเมื่อต้องเผชิญกับพิษที่ทำให้ท่านสี่ต้องทนทุกข์ทรมาน ในที่สุดเราขอความช่วยเหลือจากแม่นางจากตระกูลเฟิงผู้มีทักษะขับพิษออกจากกายเป็นทักษะธรรมชาติ กระบวนการล้างพิษจำเป็นต้องให้แม่นางเฟิงและท่านสี่เปลือยกายโอบกอดกัน จากนั้นนางก็จะสามารถใช้อสูรผู้พิทักษ์ของนางค่อยๆ ขับพิษออก แม่นางเฟิงเป็นสตรีที่ยังไม่ได้ออกเรือนจากตระกูลใหญ่ นายสี่ก็ไม่ได้มาจากครอบครัวมีชื่อเสียง จะให้นางเสนอที่จะละทิ้งความบริสุทธิ์ช่วยชีวิตเขาก็คงไม่ได้ ท่านสี่ปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด เขายอมตายดีกว่าที่จะใช้วิธีขับพิษแบบนี้ อย่างไรก็ตาม พิษที่อยู่ในร่างกายของเขากำเริบหนักขึ้นเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เขาเป็นลมไม่ได้สติตลอดเวลา หลังจากปรึกษากันระหว่างพวกเราเหล่าผู้อาวุโส เราทนเห็นเขาตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ จึงส่งเขาไปให้แม่นางตระกูลเฟิงแทน” ขณะที่ผู้อาวุโสพูด เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนได้ยินฟ้าถล่ม นี่..นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปมิใช่หรือ?
ยาพิษ ที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาใดๆ นอกจากด้วยการรักษาของแม่นางจากตระกูลเฟิง!
ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น ต้องรักษาด้วยวิธีที่ไม่ธรรมดา โดยเปลือยกายกอดกันด้วยเหรอ?
นี่จะเรียกว่าการช่วยชีวิตได้อย่างไรกัน?
โดยพื้นฐานนี่ก็เหมือนถูกบังคับโดยจารีต.. เย่ว์หยางสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะมีโอกาสแบบเดียวกันบ้างไหมที่จะถูกสาวสวยทรงเสน่ห์บีบบังคับให้รักษาพิษ
สำหรับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้หัวคิดเลย ต่อให้ใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังนึกออกเลยว่านี่เป็นแผนที่ถูกเตรียมไว้แล้ว ในเวลานั้น เขาไม่รู้ว่าแม่นางจากตระกูลเฟิงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดหรือไม่ แต่เย่ว์หลิงสามีของหญิงงามถูกใครบางคนลอบฆ่าแน่ เขาเป็นเพียงหมากที่ถูกคนอื่นดำเนินการ
บางทีอาสี่นี้คงตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ดี นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาปฏิเสธการรักษาโดยไม่คำนึงว่าตนเองจะเป็นหรือตาย ยิ่งไปกว่านั้น ความรักลึกซึ้งที่คู่สามีภรรยามีต่อกัน เป็นที่รู้กันว่าเขาจะต้องถูกกดดันโดยแม่นางเฟิงจนเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายในครอบครัวได้
ดังนั้น ก่อนที่เขาจะหมดสติ เขายังคงปฏิเสธชะตากรรมเยี่ยงนี้และยอมตายมากกว่าจะให้เกิดผลเช่นนั้นตามมา
“ตอนนี้อาการสามีข้าเป็นอย่างไร? หญิงงามถามพร้อมกับหลั่งน้ำตานองหน้า
“เราบอกได้ว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว อย่างไรก็ตาม เขายังคงอ่อนแอมากและรู้สึกตัวได้ระยะสั้นๆ ในแต่ละวัน ไม่เกิดปัญหาในการรักษาที่ดำเนินการโดยแม่นางตระกูลเฟิง แต่ยังต้องใช้เวลารักษาต่อเนื่อง 3-4 เดือนถึงจะหายดีได้” ผู้เฒ่าห้าปลอบโยนนางและกล่าวต่อว่า “ข้ายังได้ไปเยี่ยมเขาท่านสี่และขอยืนยันว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว”
“เนื่องจากเขาสามารถรักษาให้หายขาดได้ภายในเวลา 3-4 เดือน ทำไมถึงต้องเร่งรีบวางแผนแต่งงานด้วยเล่า?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจอีกต่อไป
“อะแฮ่ม! นี่เป็นเพราะแม่นางเฟิงตั้งครรภ์แล้ว ถ้าการแต่งงานนี้เกิดขึ้นในภายหลัง ข้าเกรงว่าจะเป็นที่หัวเราะเยาะเย้ยของชาวโลก ดังนั้นเราจึงต้องรีบหาฤกษ์กำหนดวันแต่งงานให้พวกเขา เราจึงจะให้เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงอุ้มไก่ตัวผู้และตัวเมียในฐานะเครื่องหมายตัวแทนของคู่บ่าวสาวในระหว่างประกอบพิธีเพื่อให้พิธีแต่งงานเสร็จสมบูรณ์ ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรับรองสถานะของแม่นางเฟิง ทารกในครรภ์ของนางรอไม่ได้นะ ทันทีที่เด็กคลอด มันยากจะอธิบายต่อสาธารณชนได้…” ขณะที่ผู้เฒ่าห้าพูด เย่ว์หยางเริ่มโกรธขึ้นมาบ้าง กับอาสี่ที่หมดสติอยู่ทั้งวัน มันยากที่จะพูดว่าทารกนี่เป็นของเขา
พวกเขาจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเด็กนั่นเป็นลูกของอาสี่?
อาจเป็นได้ว่าเพราะพวกเขาเปลือยกายกอดกันและกัน เขาจึงต้องรับการแรงกดดันนี้หรือ?
เย่ว์หยางหวังว่าโลกนี้คงจะมีเครื่องมือเอาไว้ตรวจดีเอ็นเอและพิสูจน์ว่าทารกในครรภ์ของแม่นางเฟิงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอาสี่แน่นอน มันคงไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจเรื่องการแต่งงานในภายหลัง มิฉะนั้น ถ้าอาสี่ก็จะเป็นกลายเป็นแต่งงานกับภรรยาที่มีข้อเสนอในลักษณะซื้อหนึ่ง แถมหนึ่ง และยังไม่อาจกล่าวยืนยันได้ว่าเด็กคนนี้เป็นผลผลิตความสัมพันธ์กับบุรุษอื่น
ผู้เฒ่าห้ามองดูเย่ว์หยาง บางทีเป็นเพราะท่านเห็นได้ว่าเย่ว์หยางไม่ยอมเชื่อ แต่เนื่องจากมันไม่ใช่เรื่องที่พูดต่อหน้าหญิงงามได้ เขาโบกมือเล็กน้อยเป็นทำนองว่าอย่าเพิ่งยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในตอนนี้
หลังจากรอให้หญิงงามสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เขาเรียกเย่ว์หยางออกมาคุยข้างนอก “ซานเอ๋อ! เจ้าเป็นเด็กฉลาด แต่อย่าไปคิดปนเปเรื่องที่เกิดขึ้นกับอาสี่ของเจ้า มันเป็นเรื่องที่ยกเลิกไม่ได้แล้ว อาเซียนเป็นหญิงกตัญญู แต่ถ้าเจ้าไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของอาสี่ของเจ้า เจ้าจะเป็นตัวก่อให้เกิดเรื่องยุ่ง.. พิษที่อาสี่ของเจ้าได้รับคือพิษของผึ้งจักรพรรดิ พิษแบบนี้ทำให้คนต้องพิษถูกปลุกกำหนัดอย่างรุนแรง ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ทันทีที่เริ่มแล้ว พวกเขาจะหยุดไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเหตุให้คนต้องพิษตายจากอาการหลั่งความกำหนัดมากเกินไป ยังดีที่แม่นางจากตระกูลเฟิงยินดีสละชีวิตนางช่วยเขา มิฉะนั้นตอนนี้ อาสี่ของเจ้าคงตายไปแล้ว”
เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อตกเมื่อได้ยินเช่นนี้ ในโลกนี้มียาพิษที่น่ากลัวแบบนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม มันก็ยังแปลกอยู่บ้าง
แม่นางเฟิงคนนี้ไม่ใช่เหลยเฟิง นางมีตระกูลสูงถึงกับยอมเสียสละให้อาสี่เชียวหรือ?
(เหลยเฟิง ยุวคอมมิวนิสต์ตายขณะอายุ 21 แล้วถูกยกมาเป็นไอดอลคอมมิวนิสต์ว่ามีความเสียสละมาก)
ผู้เฒ่าห้าดูเหมือนเห็นได้ว่าเย่ว์หยางยังงงๆ อยู่จึงกระแอมเบาๆ “เล่ากันว่า อาสี่ของเจ้าเคยช่วยแม่นางเฟิงมาก่อน เมื่อตอนที่พวกเขายังเรียนอยู่ในสถาบันศึกษาด้วยกัน แม้ว่าอาสี่ของเจ้าจะสำเร็จการศึกษาเร็วกว่ามาก จากนั้นแต่งงานมีบุตรไปแล้วก็ตาม แต่แม่นางเฟิงก็ยังไม่ลืมเขา นางปฏิเสธที่จะแต่งงานกับบุรุษอื่นกระทั่งอายุ 30 บางที นางคงรออาสี่ของเจ้าอย่างขมขื่น ถ้าไม่ใช่ จะมีสตรีดีๆ ที่ไหนยินดีสละตนเองช่วยลุงสี่ของเจ้า….”
“ดีแล้ว ข้าจะไม่สนใจปัญหายุ่งยากเหล่านี้อีกแล้ว” เย่ว์หยางยิ่งฟังเรื่องทั้งหมดก็ยิ่งปวดหัว แท้จริงแล้วชีวิตรักของอาสี่ไม่ได้ขาดแคลนเลย
“เจ้ายังเป็นเด็ก ทำไมเจ้าถึงต้องสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ด้วย? แค่อยู่ที่นี่อีก 2 วัน ก็ถึงวันปีใหม่แล้ว ถ้าเจ้ายินดีนะ อย่างนั้นก็มารวมตัวกับทุกคนตอนอาหารค่ำ ถ้าไม่, เจ้าก็อยู่แต่ในห้องและกินอาหารค่ำของเจ้าไป ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่อยากพบกับสมาชิกครอบครัวที่หนึ่งและครอบครัวที่สอง ความจริงยิ่งมองเจ้ามากเท่าไหร่ เจ้ายิ่งดูเหมือนพ่อของเจ้ามาก เฮ้ออ.. เจ้าพักผ่อนเถอะ” อยู่ๆ ชายชราก็ส่ายศีรษะและเดินจากไปเอง เย่ว์หยางยิ่งรู้สึกเหมือนถูกจับเข้าไปไว้ในวงกตปริศนาที่น่าสงสัย ตัวอย่างเช่น ใครปลอมจดหมายขอถอนหมั้นของสหายผู้น่าสงสาร? ใครทำให้อาสี่ต้องพิษ? บิดาของสหายผู้น่าสงสาร เย่ว์ชิวตายอย่างไร?
เป็นไปได้ไหมที่เขายังมีชีวิตอยู่?
ใครคือมารดาของสหายผู้น่าสงสาร
จากท่าทีที่ทุกคนแสดงให้เห็นลางๆ มารดาของสหายผู้น่าสงสารเป็นสตรีที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ บางทีอาจแข็งแกร่งเท่าหรือดีกว่าเย่ว์ชิวเสียอีก
แต่สิ่งที่ทำเขาสงสัยก็คือ ทำไมไม่มีใครเคยพูดเรื่องของนางมาก่อน?
เป็นไปไม่ได้สำหรับเย่ว์หยางที่จะเข้าร่วมงานแต่งงานระหว่างไก่ 2 ตัว
และยิ่งเป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่าสำหรับเขาที่จะไปร่วมกินอาหารค่ำกับเย่ว์ซานและผู้ใหญ่ในตระกูลคนอื่นๆ, พวกจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ แทนที่จะเสียเวลาคุยโวในเรื่องที่ไร้ประโยชน์ มิสู้ไปนั่งนับขนหน้าแข้งตัวเองยังจะดีกว่า
ตรงกันข้าม หญิงงามจะพาเด็กหญิงไปกับนางทุกวันเพื่อคารวะผู้ใหญ่ นางยังคงปรุงอาหารให้เหล่าผู้อาวุโสด้วยตัวนางเองและยังนำอาหารอร่อยบางส่วนกลับมาให้เย่ว์หยางและเย่ว์ปิง เย่ว์ปิงทำสมาธิในห้องของนางทุกวัน เตรียมตัวเข้าร่วมการประลองของตระกูลในวันปีใหม่ในระดับสูงจากการที่อาจต้องสู้กับเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเย่ว์หยาง นอกจากเปลืองสมองคิดหาวิธีลอบเข้าปราสาทหุ่นของตระกูลเย่ว์แล้ว เขาก็เอาแต่กินหรือไม่ก็นอนทุกวัน ถ้าเขาไม่ทำอะไรเหล่านี้เลย ก็เอาแต่เล่นนับมดบนกำแพงเล่นก่อกองทรายกับเด็กหญิง ไม่มีสมาชิกตระกูลเย่ว์แม้แต่คนเดียวที่เห็นเขาฝึกฝน ไม่มีใครจับต้นชนปลายได้เลยว่าเจ้าเด็กนี่ได้ทักษะการต่อสู้มาจากไหน
แน่นอนว่า พวกเขาไม่มีทางคาดคิดได้เลยว่าเย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องฝึกฝนร่ายรำอาวุธจนเหงื่อชุ่มโชกเหมือนกับคนโดยทั่วไป
เขาฝึกฝนอยู่ภายในพื้นที่ใต้จิตสำนึกซึ่งเป็นที่อาศัยอยู่ของเทพธิดากระบี่ฟ้า
ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น การฝึกฝนในพื้นที่นั้นให้ผลยิ่งใหญ่มากกว่าการฝึกฝนภายนอกในโลกจริง ตั้งแต่เขาได้รับแรงกระตุ้นจากพลังที่แข็งแกร่งที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่แสดงออกมา เย่ว์หยางเอาจริงมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาฝึกฝนอยู่ภายในจิตใต้สำนึกของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขาเข้าใจลางๆ ถึงจิตสังหารหลังจากที่ต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งสี่ ดังนั้น เขาจึงได้รับประสบการณ์มากมายในการใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ชั้นก่อกำเนิดขั้นที่สอง และใกล้จะบรรลุขั้นที่สามเต็มที
แม้ว่าเขาใกล้จะบรรลุขอบเขตใหม่ก็ตาม แต่เขายังต้องการจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำอย่างนั้น
เย่ว์หยางลำบากใจอยู่ชั่วขณะ เขาต้องการจุดเปลี่ยนแบบไหนกันแน่? ชอบสาวบริสุทธิ์ แอบดูสาวอาบน้ำ? ขโมยสมบัติจากปราสาทหุ่นตระกูลเย่ว์ หรือว่าจะแอบดูคนหน้าซื่อใจคดอย่างเย่ว์ซานกำลังขึ้นเตียงกับสตรี?
พอตกกลางคืน เย่ว์หยางรู้สึกว่าสิ่งนี้ก็ทำไม่ได้ จากนั้นเขาเริ่มวางแผน ถ้าสามารถบรรลุขอบเขตใหม่ในวันพรุ่งนี้ เขาจะแอบใส่ยาปลุกกำหนัดในน้ำชาของเย่ว์ซาน จากนั้นจับหมูแก่ตัวเมียมาไว้ในห้องของเขา แล้วเขาจะแอบไปวางเพลิงข้างนอกเพื่อล่อให้ยามรักษาความปลอดภัยออกไปดับไฟ เมื่อพวกยามกลับมาถึง จากนั้นพวกเขาก็จะได้เห็นเหตุการณ์ที่บัดสีบัดเถลิงของเย่ว์ซานที่กำลังมีความสุขกับหมู
พอจินตนาการในใจเรื่อยเปื่อยแบบนี้เข้า อารมณ์ของเย่ว์หยางก็เริ่มดีขึ้น และก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว เขาก็เผลอหลับไป
ในความฝันของเขา เทพธิดากระบี่ฟ้าที่เขาไม่ได้พบมาเป็นเวลานาน จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น
เหตุนี้จึงทำให้เย่ว์หยางตื่นเต้นมากจนหัวใจว้าวุ่น ในที่สุดก็เป็นสตรีนางนี้เสมอ ผู้ที่เขาตัดสินใจแล้วว่านางคือภรรยาหลวงของเขาโดยไม่ต้องขออนุญาตจากนาง ผู้ที่มาปรากฏตัวในช่วยเวลาที่เขาต้องการนางที่สุด
หรือว่าจุดเปลี่ยนเพื่อบรรลุขอบเขตใหม่จะเป็นนางเทพธิดากระบี่ฟ้าผู้นี้นำมาให้เขาในเวลานี้?
*******************************