===============
“ซานเอ๋อ, เจ้าไม่ควรฆ่านะ” ผู้เฒ่าห้ารีบตะโกนทันทีเมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางเงื้อดาบฮุยจินขึ้น
“เสียใจด้วยปู่ห้า, ในสมัยเด็กๆ ข้าโดนลุงรองตบ ตั้งแต่นั้นมาหูของข้าก็เลยไม่ค่อยดี ท่านว่ากระไรนะ? ข้าไม่ได้ยินเลย” เย่ว์หยางเอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบหัวยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าไว้ แล้วค่อยกดลงทีละนิ้วๆ ในที่สุด หัวของเขาก็จมคาอยู่ในพื้นหินเวที
ยอดฝีมืออีกคนพอเห็นเช่นนี้ก็สั่นและตกใจจนระงับไม่ได้
เขารีบพาตัวเย่ว์เฟิงออกมา เกรงว่าตัวเขาเองอาจประสบชะตากรรมเดียวกัน
แม้ว่าผู้อาวุโสที่เป็นนักสู้ระดับ 6 จะเป็นคนสอนหลักๆ ให้เย่ว์เฟิง เย่ว์หยางอดแปลกใจไม่ได้ถึงท่าทีเขา เขามองลูกศิษย์ถูกโจมตี แต่สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย ยังคงนั่งอยู่อย่างสงบ
สำหรับยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าถึงกับขายหน้าที่ถูกเย่ว์หยางเหยียบหัว เขาก็ยังทำไม่สนใจ
เย่ว์หลิ่งรีบยืนขึ้น ใบหน้าเขามีความกังวลเล็กน้อย อย่างไรก็ตามพอเห็นว่าลูกชายของเขาแค่เป็นลมไม่มีอันตรายใดๆ เขาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขามองบิดาของเขาและฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครตั้งใจห้ามเย่ว์หยางเลย เขารีบนั่งลงและไม่ออกไปช่วยยอดฝีมือมนุษย์หมาป่า
ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าตกอยู่ในความลำบากอย่างหนัก เพียงลำพังโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือ
เขาใช้กรงเล็บขุดพื้นลงไป เมื่อสบโอกาส เขาจะใช้พลังของสัตว์อสูรหนีให้รอดจากขาที่เย่ว์หยางเหยียบยันศีรษะของเขาไว้ด้วยน้ำหนักที่ดูเหมือนจะมากกว่าพันกิโลกรัม
ตอนนี้เขาไม่คิดจะเอาชนะเจ้าสวะจอมเพี้ยนนี่อีกต่อไปแล้ว เขาพียงแต่หวังว่าจะหนีพ้นจากสภาพที่น่าขายหน้าถูกเหยียบยันศีรษะนี้ให้ได้ ในฐานะที่เป็นยอดฝีมือของสี่นิกายที่ยิ่งใหญ่กลับถูกผู้เยาว์รุ่นหลังเหยียบหัวต่อหน้าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และตัวแทนของสี่ตระกูลใหญ่ อีกทั้งยังถูกกดจนจมลงไปในพื้นโดยที่เขาขยับตามที่ตัวเองต้องการไม่ได้ มันเป็นเรื่องอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะฆ่าเจ้าเด็กนี่ให้ได้ทันที แต่เขาไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดจากสภาพนี้ได้
ขณะที่ศีรษะของเขาถูกเหยียบยันไว้อยู่ ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าใช้เล็บของตนขุดลึกลงไปในพื้นหิน พยายามใช้แรงจากส่วนหลังช่วย แม้จะกระดูกของเขาจะส่งเสียงแตกหักเป็นระยะ แต่เขาก็ยังดิ้นรนเพื่อให้หลุด
เขารู้สึกว่าเท้าของเย่ว์หยางที่กดลงนั้นเหมือนภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง
นักรบธรรมดาต่างตกตะลึงที่เห็นภาพเช่นนี้ คิดกันว่าเจ้าสวะผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่น่าแปลกเลยว่าเขาสามารถต่อสู้ตามวิธีของตนเองเพื่อเข้ามาในปราสาทตระกูลเย่ว์ด้วยดาบในมือเพียงเล่มเดียว
สำหรับนักรบที่มีพลังเพียงพอ เกือบทุกคนพยายามค้นดูว่า “ท่าดาบที่ 2 ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย” ที่เย่ว์หยางใช้ออกมาก่อนหน้านั้น แม้ว่าจะไม่เหมือนวิชาดาบของเย่ว์ชิว แต่ความแข็งแกร่งและความตั้งใจของมันเป็นของจริงแท้ เป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กผู้นี้ได้ปรับเปลี่ยนและปรับปรุงวิชาของบิดาของเขา? หรือว่าวิชามันเพี้ยนไปเพราะเขาไม่สามารถฝึกให้สำเร็จวิชาของบิดาเขาได้?
กลุ่มผู้ชมไม่เข้าใจและเพียงหวังว่าจะมีโอกาสได้เห็นอีก ครั้งนี้จะดูให้ชัดๆ ไปเลย นั่นคือเหตุผลหลักที่ไม่มีผู้ใดสอดมือเข้าห้ามปรามความดื้อด้านของเย่ว์หยาง
เมื่อเห็นยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าดิ้นรนสุดแรง เย่ว์หยางหัวเราะอย่างเยือกเย็นและผ่อนแรงที่ขาลงเล็กน้อย
เมื่อเขารู้สึกว่าแรงที่กดที่ศีรษะของเขาผ่อนลงแล้ว ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
หรือเป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กนี่เริ่มหมดแรง?
ได้เวลาที่เขาจะตอบโต้แล้ว อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่ายกศีรษะขึ้นได้เล็กน้อย แรงกดทับขนาดยักษ์ก็กดลงมาอีก เสียงดังบึ้ม ศีรษะของเขาถูกเย่ว์หยางยันกดลงไปที่พื้นอีกครั้ง เฉพาะตอนนี้เอง ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าถึงได้เข้าใจ เจ้าเด็กบ้านี่จงใจล้อเขาเล่นต่อหน้าสาธารณชนจนทำให้เขาอับอายขายหน้ายิ่งขึ้น
โดยเฉพาะเขาคือยอดนักสู้ระดับ 5 ไม่มีทางที่เขาจะร้องขอความเมตตาภายใต้สายตาของมหาชนที่จ้องมองดู?
แค่คิดเพียงเท่านี้ นัยน์ตาของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่ามีน้ำตาคลอด้วยความอับอาย
เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เขาเป็นคณาจารย์ผู้สั่งสอนจากนิกายภูเขาหมอกแดนใต้
เขาอาจเสียหน้าได้ แต่ไม่อาจทำให้นิกายภูเขาหมอกแดนใต้หนึ่งในสี่นิกายใหญ่เสียศักดิ์ศรีได้
เขาจะถูกเจ้าเด็กบ้านี่ฆ่าจริงๆ หรือนี่? ไม่, เขายังมีสัตว์อสูรของเขา ทำไมถึงไม่ใช้ทุกอย่างที่มีมาเผชิญหน้ากับเจ้าเด็กนี่เล่า? ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าไม่ยอมจำนนและเตรียมจะเรียกสัตว์อสูรออกมากอบกู้สถานการณ์ ทันใดนั้นเสียงของเย่ว์ซานดังกึกก้องขึ้นทันที “หลานซานเอ๋อ, เจ้าไม่อาจไร้มารยาทต่อแขกผู้มีเกียรติของเราจากนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ได้นะ นิกายภูเขาหมอกแดนใต้เป็นหนึ่งในสี่นิกายใหญ่ คนรุ่นเก่าของพวกเขามีอยู่เป็นจำนวนมากและมีความสามารถพอๆ กับเขาเรา ผู้เยาว์รุ่นหลังก็ได้รับการนับถือ ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวจิ่วยังเป็นศิษย์ของนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ ถ้าเจ้าทำร้ายอาจารย์ผู้สอน ข้าเกรงว่าการเล่าเรียนของเสี่ยวจิ่วจะได้รับผลกระทบไปด้วย หลานซานเอ๋อ เชื่อคำแนะนำของลุงใหญ่เถอะ รีบปล่อยอาจารย์ผู้สอนท่านนั้นเสียเถอะ”
“…..” ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าแอบสบถในใจ เห็นได้ชัดว่าเจ้ารู้ว่าเย่ว์หยางจะต้องทำอะไรห่ามๆ และยังไม่พอใจเย่ว์เฟิงอีกด้วย
“เนื่องจากลุงใหญ่สั่งมา ผู้หลานขอรับคำสั่งและฆ่าเจ้าคนขี้โกงนี้ที่จะขัดขวางเสี่ยวจิ่วในอนาคต” เย่ว์หยางใช้ดาบปีศาจในมือฟันที่หลังของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าจนเลือดเขากระเซ็นออกมา ในตอนแรกยอดฝีมือมนุษย์หมาป่ากลัวจนคิดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตาม เมื่อเขารู้สึกเจ็บปวด เขาตระหนักว่าแม้จะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่ก็เป็นบาดแผลเพียงผิวเผิน เขาไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเจ้าเด็กแสบนี่ไม่ใช่จะรับมือได้ง่าย ดูเหมือนสาเหตุที่เขาไม่ถูกฆ่าเป็นเพราะความจริงแล้วเย่ว์หยางต้องการฉวยโอกาสล้างแค้นกับลุงใหญ่เย่ว์ซาน
“ไม่ ไม่ ไม่ ซานเอ๋อ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ความตั้งใจของข้าคือต้องการให้เจ้าปล่อยอาจารย์ท่านนี้เท่าที่เป็นไปได้” เย่ว์ซานแนะนำเย่ว์หยางด้วยท่าทางเหมือนจริงใจไม่มีใครเหมือน
“ได้เลย, ลุงใหญ่ อย่าห่วง ผู้หลานจะเชื่อฟังคำสั่งท่านลุงและฉีกหน้าเจ้าขี้โกงนี้ ที่ไม่มีความสามารถ แต่อวดเก่งว่ามีความสามารถ”
เขาฟันซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเลือดกระเซ็น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแผลใดที่บาดเจ็บรุนแรง
ฝูงคนเหงื่อตกเพราะความโกรธแค้น ดูเหมือนเจ้าเด็กบ้านี่ตั้งใจหาเรื่องเย่ว์ซาน
ดูเหมือนเจ้าเด็กบ้านี่เตรียมชำระล้างชื่อเจ้าสวะออกไปต่อหน้าคนทั้งตระกูลเย่ว์ เขายังต้องการเรียกร้องทุกสิ่งที่ตนเองสูญเสียไปกลับคืนมา ท่าทีของเย่ว์หยางทำให้ตระกูลอื่นแอบยินดี ตระกูลเย่ว์มีอัจฉริยะมากเกินไปและยังมีสมาชิกที่ได้ดีอยู่มาก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขามีการกระทบกระทั่งภายในและมีการต่อสู้ที่น่ากลัวแล้ว ตระกูลเย่ว์จะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในสี่ตระกูลใหญ่ ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นระหว่างคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์และตระกูลเย่ว์จะเป็นผลดีต่อตระกูลอื่น ถ้าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ตายเร็วเหมือนบิดาของเขา เย่ว์ชิว หรือถูกกำจัดในการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของตระกูล น่าจะเป็นผลดีที่สุด
“ซานเอ๋อ! ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจความตั้งใจของข้าผิดไปแล้ว” เย่ว์ซานทำท่าทางเหมือนทุกข์ใจมากเหลือเกิน ด้วยทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยมนี้ แม้แต่ผู้ชนะเลิศรางวัลออสการ์ยังไม่คู่ควรหิ้วรองเท้าให้เขา
“โปรดอย่าพูดอีกต่อไปเลย เมื่อลุงใหญ่เข้ามาขอ ข้าจัดให้ก็แล้วกัน ข้าจะฟันล่ะ” ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่านึกเดือดดาลอยู่ในใจ
เขาคับข้องใจเป็นอย่างมากจนพูดไม่ออก เขารู้สึกว่าถ้าเย่ว์ซานจริงใจที่จะช่วยเขา ทำไมไม่ขึ้นเวทีมาแล้วซัดเจ้าเด็กเปรตสักหมัดเล่า?
แน่นอนว่า อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้อาณาจักรต้าเซี่ยหรือผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ เขาคงไม่กล้าตำหนิเย่ว์ซานหรือตระกูลเย่ว์ได้ นอกจากนี้ เขายังฝ่าฝืนกฎเข้าไปช่วยเย่ว์เฟิง นั่นคือสาเหตุที่โดนเจ้าสวะจอมเพี้ยนทุบตีเอาอย่างเจ็บปวด
แม้แต่นักรบทั่วไปจะรู้สึกว่ายอดฝีมือมนุษย์หมาป่าสมควรถูกทุบตีต่อหน้าฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วหรือผู้เฒ่าเย่ว์ไห่
แม้ว่าเขาต้องการปกป้องเย่ว์เฟิง เขาก็ควรดูกำลังของตนเองเสียก่อน แม้แต่อาจารย์ของเสี่ยวจิ่วและบิดาของเขาก็ยังไม่ออกตัว แล้วทำไมเขาที่เป็นอาจารย์สอนวิชาสัตร์อสูรต้องแส่ด้วยเล่า ?
มันคงดีถ้าเป็นแค่วิ่งเข้ามาไกล่เกลี่ยห้ามปราม แต่เขากลับพยายามลอบทำร้ายต่อหน้านักสู้จำนวนมาก?
เจ้าเด็กบ้านี่เมื่อเร็วๆ นี้ ใช้กำลังตนเองต่อสู้เบิกทางเข้าปราสาทโดยไม่มีผู้ใดหยุดยั้งเขาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ประมุขตระกูลเข้ามาขวางควบคุมสถานการณ์ไว้ คงได้มีการนองเลือดแน่ สำหรับเจ้าเด็กบ้านี่ ดูเหมือนว่าจะลงมืออย่างไร้ความปราณีกับฝ่ายตรงข้ามที่ขัดกับกฎ เขาจะยินดีกับการเจรจาต่อรองหรือไม่?
ถ้ายอดฝีมือมนุษย์หมาป่านี้พูดผิดประโยคเดียว เท่ากับแสวงหาที่ตาย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ, ซานเอ๋อ, ฟังทุกคนสิ, เจ้าสามารถทุบตีฝ่ายตรงข้ามระหว่างแข่งขันได้ แต่ที่นี่ไม่อนุญาตให้ฆ่า เจ้าชนะไปแล้ว จงรีบลงมาซะ ตอนนี้ถึงรอบเย่ว์ปิงขึ้นไปสู้บ้างแล้ว” ปู่ห้ารู้ว่าเย่ว์หยางกำลังเผชิญหน้ากับเย่ว์ซานและเย่ว์หลิ่ง แต่พวกเขาเป็นเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ดังนั้นพวกเขาไม่ยอมหลงกลแผนง่ายๆ อย่างนี้แน่ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้จะไม่สามารถกอบกู้สถานการณ์ได้
“เอาล่ะ เอาล่ะ หลานชาย, เจ้าไม่ควรไม่แสดงความไม่เกรงใจต่อหน้าฮ่องเตและประมุขตระกูล” เย่ว์หลิ่งบิดาของเย่ว์เฟิงยืนขึ้นเล่นบทคนดีบ้าง
“ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย พูดท่านพูดว่าไงนะ?” เย่ว์หยางย่ำลงบนหลังของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่า เหมือนกับย่ำคางคกที่น่ารังเกียจ
“อาเซียน, เขาฟังแต่เจ้า ช่วยแนะนำเขาด้วย ไม่ว่าอย่างไร เจ้าต้องรีบเอาตัวเขาลงมา” ปู่ห้าหันไปขอร้องหญิงงาม
“ซานเอ๋อ! ลงมานี่” ตอนแรกนางไม่อยากรบกวนเรื่องของเย่ว์หยาง แต่ขัดคำขอร้องของผู้อาวุโสไม่ได้
“โอว..ได้เลย มีแต่แม่สี่พูดชัดถ้อยชัดคำ ข้าได้ยินชัดเจนทันทีที่ท่านพูด” เย่ว์หยางผ่อนแรงขาและดึงยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าขึ้นมา เขาช่วยจัดเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าและพูดด้วยเสียงจริงใจว่า “โปรดยกโทษให้ขยะอย่างข้าด้วย ท่านเป็นนักสู้ระดับ 5 แล้วยังเป็นอาจารย์ผู้สอนของนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ ขณะที่ข้าเองเป็นสวะที่ใครๆ ก็รังแกได้ง่าย นอกจากแม่สี่คอยประคบประหงมข้าแล้ว ไม่มีใครอื่นสนใจข้าหรอก โปรดเอื้อเฟื้อยอมละเว้นข้าสักครา เรื่องต่างๆ อย่างพวกค่ารักษาที่ท่านทุบตีข้า, ฟันหลังข้า, เหยียบหัวข้า ข้าคงไม่กล้าพูดถึงมันแล้ว เรื่องทั้งหมดต้องโทษตัวข้าเองที่เป็นเพียงเศษสวะเท่านั้น ท่านก็เห็นตอนนี้ข้าทั้งเสียเลือด และเสื้อผ้าก็ขาดวิ่นไปหมดแล้ว ข้าเสียใจจริงๆ ท่านโปรดไว้ชีวิตข้าและยอมปล่อยให้ข้าได้กลับลงไปหาครอบครัวได้ไหม?”
“….” ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าไม่ได้ร้องไห้ แต่เขารู้ว่าสีหน้าของเขาคงย่ำแย่ไม่ต่างจากคนร้องไห้
ถ้าเขาทำได้ เขาอยากทึ้งศีรษะตัวเองจนตาย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ชีวิตของเขายังอยู่ในเงื้อมมือเจ้าบ้านี่และเขายังทำอะไรไม่ได้
แม้ว่าเขาอยากจะฆ่าตัวตาย เขาเกรงว่าต้องรอให้เย่ว์หยางพูดจบเสียก่อน ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าเพียงหวังว่าเขาจะหมดสติไปเอง แต่เขาก็ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตาม
เย่ว์หยางปล่อยยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าไปแถมโบกมือให้อีก “ขอบคุณอาจารย์ที่ไว้ชีวิตข้านะ ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าท่านโชกเลือด เอ๊ย.. ไม่ใช่.. ข้าประทับใจอาจารย์อย่างท่าน แน่นอนว่าท่านคงไม่ถือสาคนอ่อนแออย่างข้า ขอบคุณนะท่านอาจารย์ ตอนนี้ข้าจะส่งท่านลงเวทีละนะ”
ด้วยแรงยันของเขา ส่งผลให้อาจารย์ผู้นั้นลอยละลิ่วไป 10 เมตร ขณะที่เขาพึมพำว่า “ข้าจะส่งท่านไปสักพันไมล์ก็แล้วกัน” เพียงไม่นานเขาก็ลงมาอยู่ข้างหญิงงามและทำตัวเหมือนเด็กว่านอนสอนง่าย เขาโค้งคำนับนางอย่างสุภาพและพูดว่า “แม่สี่! ข้ากลับมาแล้ว โชคดีจริงๆ ที่ทุกคนช่วยกันอ้อนวอนขอร้องแทนข้า อาจารย์ท่านนั้นก็เลยใจดีไว้ชีวิตข้า แค่เรื่องนี้ก็เลยทำให้ข้าพ้นจากอันตรายได้ ข้ารู้สำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำของท่านอีกแล้ว”
“เด็กโง่!” หญิงงามเข้าใจว่าเย่ว์หยางพยายามทำให้นางดูมีความสำคัญด้วยคำพูดของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาทันที
“….” กลุ่มคนไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ขณะที่มองการกระทำที่ประหลาดของเจ้าเด็กนี่
มันเป็นเรื่องบ้าขณะที่เขาขึงขังคาดคั้นต่อหน้าทุกคน เขาทำตัวมีเหตุผลตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นแผนหรือคำพูดของเขา ไม่ได้มีทีท่าว่าเขาจะยอมลดความก้าวร้าวของตน แต่การกระทำของเขาดูไม่มีเหตุผลเลย เพราะเขาประเมินตัวเองสูงเกินและกันศัตรูออกจากทุกคน เขากล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ หนึ่งในสี่นิกายใหญ่
ขณะที่เขาตั้งประจันหน้ากับตระกูลและขัดขืนไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของผู้อาวุโสของเขา แต่กลับมีใจกตัญญูต่อแม่สี่
ทุกอย่างที่เขาทำมาก็เพื่อยกระดับให้ความสำคัญต่อแม่สี่ของเขา
เจ้าเด็กบ้านี่มีเรื่องขัดแย้งมากมายเหลือเกิน
สำหรับเจ้าเด็กนี่มีอารมณ์ที่ไม่สมดุลเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวกบฏเดี๋ยวก็เคารพ นับว่าเป็นคนแปลกโดยแท้
“พี่ไห่! คุณชายสามของตระกูลท่านน่าสนใจจริงๆ เก่งจริงๆ เขาน่าสนใจมากกว่าบิดาของเขาที่ดื้อรั้นเสียอีก ถ้าข้ามีโอรสที่น่ารักอย่างนั้น จะเป็นเรื่องดีสักเพียงไหน” ฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วระเบิดเสียงหัวเราะลั่นพลางตบไหล่ของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่
“องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ก็กตัญญูมากมิใช่หรือ?” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีพลางมองดูเย่ว์หยางด้วยสายตาแปลกๆ อาจเป็นไปได้ว่าเขาเตือนให้ท่านระลึกถึงเย่ว์ชิวบุตรชายผู้ล่วงลับที่ทำให้ท่านยินดีและภาคภูมิใจที่สุดเมื่อก่อนนี้ สีหน้าของเขาเคร่งขรึมเล็กน้อย สีหน้าของฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเหมือนกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ “น่าเสียดายที่นางเป็นสตรีไม่ใช่บุรุษ เสียดายจริงๆ”
“ใช่ น่าเสียดาย” แม้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่จะพูดว่ามันน่าเสียดาย แต่ไม่ชัดเจนว่าหมายถึงองค์หญิงเชียนเชียนหรือว่าเย่ว์ชิวบุตรชายผู้ล่วงลับในการศึก
เย่ว์เทียน, เย่ว์เยี่ยนและคนอื่นๆ มองดูเย่ว์หยางจากระยะไกล แม้ว่าเย่ว์หยางจะเอาแต่แสดงฝีมือของเขาล้วนๆ แต่พวกเขาก็ยังมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะเย่ว์หยางได้ มีอสูรที่สามารถสู้กับคนที่เอาแต่ใช้วิทยายุทธสู้ได้ และพวกเขาทั้งคู่ต่างก็มีอสูรชนิดนั้นอยู่ในคลังของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาไม่เหมือนเย่ว์หยางที่สามารถเรียกสัตว์อสูรได้เพียงตัวเดียว แต่พวกเขาได้ฝึกมาหลายปีแล้ว
นอกจาก 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่ เย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนไม่รู้สึกว่าจะมีผู้ใดสามารถต่อกรพวกเขาได้
คุณชายสามผู้สวะนี่น่ะหรือ?
แม้ว่าเขาจะมีวิทยายุทธที่สูงส่ง เขาจะไม่เหนื่อยจนได้หรือ? กับอีแค่คัมภีร์อัญเชิญที่เพิ่งทำสัญญามาได้เพียงครึ่งปี ไม่มีสัตว์อสูรเก็บไว้เลย แล้วเขาจะมาต่อกรพวกเขาได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากได้รับสิ่งนี้มาเมื่อสามวันที่แล้ว เจ้าสวะสามคงถึงคราวที่จะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของพวกเขาแล้ว ตอนนี้พวกเขาปล่อยให้เจ้าสวะผยองไปก่อน ดังนั้นพวกเขาจะได้รับความนับถือมากขึ้นเมื่อเอาชนะเขาได้ในภายหลัง ปล่อยให้เขาเหลิงไปก่อนแล้วค่อยล้มเขาในภายหลัง
ในความคิดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน เย่ว์หยางได้แต่หัวเราะสะใจ
เขาเชื่อว่ามีเหตุผลที่ทั้งสองคนสงบอยู่ได้นานเป็นเพราะพวกเขามีวิธีจัดการกับเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดี พวกเขาไม่รู้ว่าฝีมือของเขาคือระดับปราณก่อกำเนิด และเขาไม่จำเป็นต้องใช้สัตว์อสูรใดๆ เลย ไม่ต้องพูดถึงทักษะนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิด เย่ว์หยางมองล่วงหน้าว่าพวกเขาจะทำสีหน้าแบบไหนเมื่อเขาปล่อยโคเงาออกมาสู้กับพวกเขา ถ้าเขาเรียกนางพญากระหายเลือดออกมาฆ่าสัตว์อสูรของพวกเขาไม่เหลืออะไรเลยในที่สุด พวกเขาจะทำสีหน้าเช่นไร?
ที่หน้าปราสาทตระกูลเย่ว์ เหตุผลที่เย่ว์หยางหยุดสู้หยุดพยายามสู้เสี่ยงชีวิตกับเย่ว์ซาน เป็นเพราะเขากลัวว่าเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนจะยอมแพ้ในการแข่งขัน
พวกเขาหยิ่งผยองมานานเกินไปแล้ว…
เย่ว์หยางตัดสินในกำจัดพวกเขาจากการจัดอันดับในหมู่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้มีพรสวรรค์ ไม่เหลืออะไรให้พวกเขาเลย
ดังนั้น เขาทนเก็บความโกรธเอาไว้จนถึงช่วงแข่งขันประจำปีของตระกูล
เขาตั้งใจจะกลั่นแกล้งพวกเขาให้หนักต่อหน้าสาธารณชนระหว่างแข่งขันและปล่อยให้ทุกคนตะลึงจนพูดไม่ออก ขณะที่พวกเขากลับไปเป็นคนธรรมดาร้องไห้อย่างน่าสงสาร
“พี่สาม! ตอนนี้ถึงรอบข้าแล้ว ข้าจะเอาชนะพวกเขาให้ได้ด้วยทุกอย่างที่พี่สอนข้า” เย่ว์ปิงกำหมัดแน่น ช่วยพี่ชายนางเชิดชูศักดิ์ศรีของครอบครัวนั่นคือความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของนาง ไม่ว่าคู่ต่อสู้ที่อยู่ต่อหน้าจะเป็นผู้ใดก็ตาม นางจะไม่ปราณี นางต้องคว้าชัยชนะโดยราบรื่นและสนุกสนานที่สุดให้พี่ชายของนางได้เห็นให้ได้ ซึ่งจะเป็นเหมือนกับให้ของขวัญปีใหม่แก่เขา
“ข้าเข้าใจ น้องสาวข้าเก่งที่สุดอยู่แล้ว ต่อให้มีสุนัขหลายตัวดูถูกเจ้า มันก็เปลี่ยนความจริงข้อนี้ไม่ได้ เจ้าจงบอกพวกเขาว่าอัจฉริยะหมายความจริงๆว่าอย่างไร ไปเลย ปิงเอ๋อ, ทำให้คู่ต่อสู้ต้องสั่นสะท้านต่อหน้าเจ้าให้ได้” ด้วยคำพูดปลุกใจของเย่ว์หยาง ประกายในดวงตาของเย่ว์ปิงค่อยๆ ฉายแววอบอุ่น จากนั้นก็ร้อนแรงดุจดวงอาทิตย์
“ได้เลยพี่สาม! ข้าจะไม่ทำให้พี่ผิดหวัง” เย่ว์ปิงกำหมัดแน่น นางตะโกนเสียงน่ารักเจี้อยแจ้งดังผ่านอากาศทะยานเข้าไปถึงชั้นฟ้า
*******************************