เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 11 – ของล้ำค่าบนถาดเงิน

===============
สัปดาห์ต่อมา เย่ว์หลิงสามีของหญิงงามยังคงไม่กลับมา ได้แต่ส่งบ่าวรับใช้กลับมาแทน

ตามที่บ่าวรับใช้รายงานว่า ตอนนี้ปราสาทตระกูลเย่ว์คึกคักตื่นเต้นกันใหญ่ มีการประดับโคมไฟและป้ายไปทุกที่ อีกทั้งอาคันตุกะมาเยือนจนเต็มบ้าน

เหตุก็คือบุตรชายจากตระกูลสาขาที่สอง เย่ว์เฟิงทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จขณะอายุ 6 ปี แม้แต่นิกายใหญ่ทั้ง 4 ถึงกับมายื่นข้อเสนอเขาให้เข้าเรียนในสถาบันของพวกเขา นอกจากวิหารเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ยอมรับศิษย์สตรี ก็มีปราสาทแก้วทะเลตะวันออก, นิกายภูเขาหมอกแดนใต้, เจดีย์ราชสีห์แดนตะวันตก และวิหารเทพจันทราต่างส่งคนมายื่นข้อเสนอถึงที่ แม้แต่จักรพรรดิและจักรพรรดินีก็ส่งคนมาร่วมแสดงความยินดีกับพวกเขา สำนักงานทางการทั้งหมดส่งคนมาร่วมเป็นเกียรติ ทั้งนี้สมาชิกตระกูลเย่ว์ทุกคนมีสัมพันธ์ที่ดีในสังคม แม้แต่เย่ว์หลิงก็ยังต้องคอยช่วยอยู่เบื้องหลังด้วย

ด้วยการพิจารณาเห็นว่ายาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรที่มีราคาถึง 1 พันเหรียญทอง ประมุขตระกูลเย่ว์สั่งให้เย่ว์หลิงมอบเป็นของขวัญแก่เย่ว์เฟิง

“เนื่องจากน้องเล็กเก้าได้รับสนับสนุนจากนิกายใหญ่ทั้ง 3 มีตะวันออก ใต้ ตะวันตกเหล่านี้ ทำไมท่านปู่ (ประมุขตระกูล) และลุงรองส่งคนไปตามให้เขามาร่วมฉลองหรือ?” เย่ว์ปิงหดหู่เมื่อได้ยินข่าว แม้ว่านางจะยังอายุน้อย แต่นางก็เข้าใจเรื่องราวทางโลกอยู่บ้าง

“ไม่เป็นไร มันเป็นแค่งานเลี้ยง ไม่สำคัญหรอกว่าเราจะไปหรือไม่ ตราบใดที่ซานเอ๋อของพวกเราจะประสบความสำเร็จในอนาคตได้ ทุกอย่างจะไม่เป็นไร” นัยตาของหญิงงามเริ่มแดงระเรื่อ

พวกครอบครัวใหญ่ในตอนนี้แสดงอาการดูถูกตระกูลสาขาที่สี่อย่างชัดแจ้ง แต่นางไม่ท้อแท้

แม้ว่ายาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรที่พวกเขาใช้สมบัติครอบครัวทั้งหมดซื้อมา จะถูกตระกูลสาขาที่สองบังคับเอาไปตาม แต่หัวใจนางก็ยังคงไม่ย่อท้อ

ทั้งนี้เป็นเพราะ นางรู้สึกว่านางสมหวังในชีวิตแทบทั้งหมดแล้ว ซานเอ๋อทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ ตราบใดที่เขายังมีคัมภีร์อัญเชิญ ก็มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต ไม่ว่าประมุขตระกูลเย่ว์จะเชิญให้ร่วมงานเลี้ยงฉลองหรือไม่ก็ตาม นางหาสนใจไม่ ถึงแม้ว่านางจะรู้สึกผิดและเศร้าใจอยู่บ้างกับการดูถูกต่อหน้าสาธารณชนนี้ก็ตาม แต่นางสามารถถอนตัวจากความทุกข์ใจเหล่านี้ ปลุกปลอบให้กำลังใจตนเองจนผ่านพ้นไปได้

“…” เย่ว์หยางนึกประหลาดในใจลึกๆ การทำสัญญากับคัมภีร์ได้ตอนอายุ 6 ปี สิ่งนี้ มีความหมายชัดเจนอยู่แล้ว

ถ้าจะเปรียบเทียบกับนักเรียนยุคปัจจุบัน คนที่ประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ได้ เปรียบเหมือนคนที่เรียนจบมัธยมปลายแล้วสอบเข้าฮาร์วาร์ดได้ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีเขาจะมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่รออยู่

บรรดาผู้เยาว์ในทวีปมังกรทะยาน, 99% ไม่สามรถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ จะมีแต่ก็เพียงอัจฉริยะไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำได้

นอกจากนี้ บรรดาผู้ใช้คัมภีร์อัญเชิญ เกือบทั้งหมดทำสัญญากับคัมภีร์ได้ตอนอายุ 15 ปีและมากกว่านั้นบ้างก็มี

หากเปรียบเทียบกับนักเรียน ก็เหมือนผู้ประสบความสำเร็จสอบเข้าได้ตอนอายุ 15 ปี เวลานี้ เย่ว์เฟิง ทำเช่นนั้้นได้ตอนอายุ 6 ปี ไม่ต้องสงสัยเลยที่เหตุการณ์นี้จะทำให้ทั้งตระกูลฉลองกันเป็นบ้าเป็นหลัง ราชสำนักก็ร่วมอวยพรยินดีและ 4 นิกายใหญ่ต่างก็เสนอที่เรียน แน่นอนว่า เย่ว์หยางไม่ได้อิจฉาเขา เขารู้ชัดถึงสิ่งที่เขามี เขามีทักษะดาราแฝด ความลับในวิวัฒนาการดอกหนามพ่นพิษให้เป็นราชินีบุปผามงกุฏทอง และยังอัญเชิญเงาปีศาจ สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของเขาได้นานถึง 10 วัน

ที่สำคัญที่สุดคือ เย่ว์หยางมีทักษะที่ผู้อัญเชิญระดับสุดยอดในแผ่นดินมังกรทะยานปรารถนาจะได้เรียน ก็คือ…ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์

ตราบใดที่เขาฝึกสำเร็จ เขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราณธรรมชาติก่อกำเนิด

ในแผ่นดินมังกรทะยาน นักอัญเชิญระดับ 7 ถึงจะเริ่มฝึกเพื่อเข้าขอบเขตปราณก่อกำเนิดด้วยความช่วยเหลือของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่แค่นักอัญเชิญระดับ 8 และเหนือกว่านั้นถึงจะเรียกได้ตรงๆ ว่าระดับปราณก่อกำเนิด อย่างนั้นผู้ที่อยู่ระดับปราณธรรมชาติก่อกำเนิดจะมีกี่คนในแผ่นดินนี้? คนที่แข็งแกร่งพอๆ กับนักพรตเฒ่าที่ยังอยู่ในโลกนี้ ใช้แค่มือเดียวก็คงนับได้แล้ว ต่อให้พวกเขายังมีอยู่ ทั้งหมดก็คงเป็นผู้เฒ่าอายุหลายร้อยปีที่ยังไม่ตาย

ขอเอาเรื่องนักเรียนมาเปรียบเทียบอีกครั้ง เย่ว์เฟิง อัจฉริยะผู้ทำสัญญาได้สำเร็จจนตระกูลฉลองให้ ได้รับความชื่นชมจากราชอาณาจักรและได้รับข้อเสนอที่เรียนจาก 4 นิกายใหญ่ ก็เหมือนเด็ก 6 ขวบสอบเข้าฮาร์วาร์ดได้ ในทางตรงกันข้าม เย่ว์หยางก็เหมือนคนที่ไม่เคยสอบผ่านหรือได้เรียนในฮาร์วาร์ด แต่ได้จบการศึกษาทันทีและเริ่มศึกษาในระดับปริญญาโทแทน

“คุณนายสี่, เจ้านายสี่โชคไม่อำนวย เมื่อเขาพยายามจับสลากเพื่อเอาของรางวัลมาให้คุณชายสาม เขาจับได้แค่สิ่งนี้” บ่าวชราสบายใจขึ้นมาบ้างขณะที่กล่าวอย่างนี้ เขาคุกเข่ากับพื้นโขกศีรษะ 2-3 ครั้งจากนั้นยื่นกล่องปักเย็บให้ด้วยมือที่สั่นเทา

“หุ่นเชิดหนูเบญจธาตุหรือ? นี่ของปลอมไม่ใช่หรือ? หุ่นเชิดหนูเบญจธาตุทั้งหมดนี้ยังระดับ 1 เป็นสัตว์อสูรรูปแบบพิเศษ นอกจากสอดแนมแล้ว พวกมันช่วยอะไรไม่ค่อยได้ ยิ่งกว่านั้น แม้ว่ามันจะเป็นการทำสัญญากับสัตว์อสูรตัวหนึ่ง แต่ก็เท่ากับว่าเราทำสัญญากับสัตว์อสูรครั้งเดียว 5 ตัว มีแต่จะเปลืองหน้าคัมภีร์อัญเชิญเปล่าๆ มีสัตว์อสูรรูปแบบหุ่นระดับสูงอีกนับไม่ถ้วนในคลังของตระกูล ทั้งหมาป่าศึกทองแดง ระดับ 3 และพยัคฆ์สงครามเงิน ทำไมท่านปู่ถึงให้อสูรนี้กับเรา? นี่เป็นแผนของลุงใหญ่กับลุงรองใช่ไหม? มีสิทธิ์อะไรเอาของอย่างนี้มาให้พี่สาม?” เย่ว์ปิงดึงกล่องมาเปิดดู หน้านางถึงกับซีดทันที เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงนางโกรธจัด

“ปิงเอ๋อ! เจ้าไม่ควรจาบจ้วงผู้อาวุโสของเจ้านะ” หญิงงามเตือนสตินาง

จากนั้นหันไปหาเย่ว์หยางแล้วพูดอ่อนโยนว่า “ซานเอ๋อ ถ้าสัตว์อสูรนี้ไม่ดี อย่างนั้นเราไม่ต้องรีบทำสัญญากับมันก็ได้ อย่าเก็บความคับข้องไว้ในใจเลย ในฐานะลูกหลานตระกูลเย่ว์ ไม่ว่าผู้อาวุโสจะให้อะไรเจ้า คิดเสียว่าพวกเขากำลังอวยพร เจ้าควรพอใจกับของขวัญของพวกเขา อย่าได้รู้สึกตอบโต้จากแรงกดดันภายนอกมากนักเลย พยายามพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง นี่ถึงจะเป็นวิธีที่เราดำเนินชีวิตอยู่”

เย่ว์ปิงดูท้อแท้ใจ นางรู้สึกว่าตระกูลไม่ยุติธรรมต่อครอบครัวนางและรู้สึกขุ่นเคือง

เมื่อเย่ว์หยางรับกล่องปักมา แว่บเดียวข้อมูลทั้งหลายก็ไหลเข้าไปในจิตใจเขา ทำให้เขาได้เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องหุ่นเชิดหนูเบญจธาตุ

600 ปีที่แล้ว หุ่นเชิดหนูเบญจธาตุถูกสร้างโดยหนึ่งในสามผู้กล้ายุครุ่งเรือง, ภูตอัจฉริยะเย่ว์เจีย ตระกูลเย่ว์อ่อนแอลงในทุกรุ่นเพราะสูญเสียวิชาทวนตระกูลเย่ว์ไปครึ่งหนึ่ง มายุคนี้สามอัจฉริยะถือกำเนิดมาพร้อมกัน พวกเขาฟื้นฟูตระกูลเย่ว์ ดังนั้นรุ่นผู้เยาว์ของตระกูลเย่ว์ ได้ขนานนามพวกเขาว่ายุครุ่งเรืองของผู้กล้า และเป็นพวกเขาที่ช่วยให้ตระกูลเย่ว์พ้นจากความตกต่ำ ทำให้ตระกูลเย่ว์สู่ความรุ่งเรืองอีกครั้งในฐานะ 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่ที่มั่นคง หนึ่งในพวกเขาก็คือภูตอัจฉริยะเย่ว์เจีย โลกสำหรับสัตว์อสูรสายหุ่นเชิดเป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ คนภายนอกอาจไม่รู้เรื่องวิชาทวนตระกูลเย่ว์ อาจไม่รู้เรื่องโลกสมัยเก่า สัตว์อสูรสายเสริมพลังที่ตกทอดมาในตระกูลเย่ว์หลายชั่วคน และพวกเขาไม่รู้วิธีรบที่มีแต่ประมุขตระกูลเย่ว์จะได้เรียนรู้เท่านั้น แต่ทั้งโลกรู้แต่เพียงว่าตระกูลเย่ว์เชี่ยวชาญในสัตว์อสูรสายหุ่นเชิด

ไม่ว่าจะเป็นทหารรับจ้าง นักรบ ช่างตีเหล็ก พ่อค้าหรือทหารระดับต่ำในกองทัพ พวกเขาทั้งหมดต่างยกย่องนับถือภูตอัจฉริยะเย่ว์เจียกกันทั้งนั้น

ทั้งนี้เป็นเพราะภูตอัจฉริยะเย่ว์เจียผู้นี้เขียนเรื่องสัตว์อสูรสายหุ่นเชิดไว้มาก ข้อเขียนนี้อนุญาตให้คนเลือกสัตว์อสูรสายหุ่นเชิดที่เหมาะสมและใช้อย่างง่ายดาย ทั้งในชีวิตหรือในการรบ มันได้สร้างความแตกต่างมากมายในเรื่องการอำนวยความสะดวกและความมีประสิทธิภาพของงาน

ภูตอัจฉริยะเย่ว์เจียผู้นี้ ได้รับรางวัลจากราชสำนักในหัวข้อเรื่อง “งานพระเจ้า” และยกให้เป็นหนึ่งในสามนักปราชญ์ในหอบรรพบุรุษของพวกเขา คนทั่วไปขนานนามเขาว่าบิดาหุ่นกล

คนที่โดดเด่นอย่างนี้จะสร้างหุ่นเชิดหนูห้าธาตุที่ไม่มีประโยชน์ได้ยังไงกัน? คำถามนี้ทำให้คนในตระกูลงงงันมาเป็นเวลานานแล้ว

โชคไม่ดีที่ภูตอัจฉริยะผู้นี้ร่างกายอ่อนแอ เขามักทำงานหนักเกินตัวเสมอ จึงเป็นเหตุให้เขาตายตั้งแต่อายุยังน้อยในปราสาทหุ่นเชิด เขาไม่มีโอกาสทำความปรารถนาสร้างคัมภีร์อัญเชิญหุ่นเชิดให้สำเร็จทันในชีวิตเขา และยังทิ้งสัตว์อสูรสายหุ่นเชิดไว้เป็นจำนวนมากที่ไม่มีใครเข้าใจมัน ยกตัวอย่าง หนึ่งในสัตว์อสูรคือหุ่นเชิดหนูห้าธาตุ ที่ภูตอัจฉริยะถนอมไว้กลับถูกมองว่าไม่มีประโยชน์

สมาชิกของตระกูลไม่กล้าเสี่ยงมากนัก พวกเขาเพียงแต่คิดว่าภูตอัจฉริยะรักหนูหุ่นเชิดห้าธาตุเพราะมันเป็นหนึ่งในงานที่หญิงคนรักของเขาสร้างขึ้น ดังนั้นเขาจึงมีความรู้สึกพิเศษต่อพวกมัน

ในช่วง 600 ปีมานี้ ไม่มีผู้ใดยินดีรับหนูหุ่นเชิดเบญจธาตุเลย มันเป็นสัตว์อสูรที่ไร้ประโยชน์ มีแต่จะเปลืองเนื้อที่ในคัมภีร์อัญเชิญ

กระทั่งวันนี้ ที่พวกเขาแพ้โชคร้ายของอาสี่เย่ว์หลิงและของตกมาอยู่ในมือของเย่ว์หยาง

“เนื่องจากนี่เป็นของอวยพรจากผู้อาวุโส ข้าไม่กล้าปฏิเสธหุ่นเชิดหนูเบญจธาตุนี้ ข้าจะรับเอาไว้ ขอบคุณอาสี่ และขอบคุณที่ท่านสอนสั่ง อาหญิงสี่!” เย่ว์หยางเปลือกนอกทำตัวเหมือนเด็กว่านอนสอนง่าย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าหุ่นเชิดหนูเบญจธาตุคือสมบัติล้ำค่าด้วยทักษะตาทิพย์ของเขา โลกคงแตกแน่ถ้าเขายอมรับมันไว้ ตอนนี้ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่ทุกคนค้นหาแต่ล้มเหลวที่จะหาให้เจอถึงกับโยนทิ้งบนถาดเงินจนมันมาอยู่ต่อหน้าเขา แน่นอนว่าเขาจะแอบยกระดับมันแบบลับๆ

“สวรรค์มีนัยตา พวกท่านเปิดทางให้ซานเอ๋อจนได้” เห็นซานเอ๋อว่านอนสอนง่าย หญิงงามมีความสุขจริงๆ นางพยักหน้าชื่นชมเขา

“พี่สาม, อย่าเพิ่งทำสัญญากับมันทั้งหมดนะ หุ่นเชิดหนูเบญจธาตุดูเผินๆ เหมือนกับอัญเชิญสัตว์อสูรอื่นๆ แต่ทันทีที่ทำสัญญาเสร็จ จะต้องใช้เนื้อที่จะคัมภีร์อัญเชิญถึง 5 หน้าสำหรับหนูเบญจธาตุ คือ โลหะ, ไม้, น้ำ, ไฟ และดิน ในคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดงเล่มหนึ่ง จะมีเพียง 10 หน้า ท่านได้ใช้ 3 หน้าแรกไปแล้ว เนื่องจากท่านมีดอกหนามพ่นพิษที่ไม่มีประโยชน์แล้ว ท่านจะเหลือหน้าว่างเพียง 2 หน้า ฟังข้านะพี่สาม! นี่ต้องเป็นแผนของบางคนแน่ๆ พวกเขากลัวว่าท่านจะประสบความสำเร็จ พวกเขากลัวว่าพวกเราตระกูลสาขาที่สี่ จะแข็งแกร่งกว่าพวกเขา ท่านไม่ควรจะทำสัญญากับหุ่นเชิดหนูเบญจธาตุนี้” นางลนลานพูดขณะที่เย่ว์หยางหยิบออกมาและปรามไม่ให้เขาทำสัญญากับหุ่นเชิดหนูเบญจธาตุ

************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset