===============
นักรบพฤกษาร้อยปียกแขนขนาดใหญ่ของมันและใช้หมัดของมันกระหน่ำลงบนพื้นเวที การทุบลงไปที่แผ่นหินเวทีทำให้จิ้งจอกเพลิงสับสนและวุ่นวาย
มันยิงกิ่งหนามแหลมออกมาซึ่งทะลวงเข้าไปในพื้นจนแผ่นหินแตกกระจาย เมื่อหนามโผล่ออกออกมาอีกครั้ง มันแทงเข้าที่ลำตัวของจิ้งจอกเพลิง ถ้าจิ้งจอกเพลิงไม่ใช่อสูรผู้พิทักษ์ของเย่ว์เป่า มันก็คงจะตายจริงๆ
เย่ว์ปิงควบคุมนักรบพฤกษาร้อยปีในใจสั่งให้มันคว้าหางจิ้งจอกแล้วชูขึ้น
จากนั้น นางสั่งให้มันเหวี่ยงร่างจิ้งจอกลงพื้นอย่างแรง
จิ้งจอกเพลิงไม่มีโอกาสได้ร้อง ขณะที่มันเปลี่ยนสภาพเป็นแสงสีทองและกลับเข้าไปในคัมภีร์ของเย่ว์เป่า…
“อย่านึกว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้ในลักษณะนี้เชียว ฝันไปเถอะ” ทันใดนั้นเย่ว์เป่า เรียกแมมมอธศึกขนาดสูง 4 เมตรตัวหนักมากออกมา แม้ว่ามันจะไม่ใช่อสูรระดับชั้นทองแดง แต่มันก็ยังเป็นอสูรระดับ 5 เขาวางแผนใช้อสูรขนาดใหญ่นี้เป็นโล่เนื้อเพื่อให้ต่อกรกับนักรบพฤกษาร้อยปี จากนั้นโจมตีมันด้วยอาวุธลับของเขา หุ่นติดล้อฟันเลื่อยซึ่งถูกสร้างมาใช้ตอบโต้นักรบพฤกษาโดยเฉพาะ เป็นคราวซวยของนักรบพฤกษาแล้ว ไม่ว่านักรบพฤกษาจะแข็งแกร่งแค่ไหนภายใต้การโจมตีของจักรหมุนมันจะต้องพ่ายแพ้แน่
พอเห็นแมมม็อธศึกและหุ่นฟันเลื่อยตรงเข้ามาหานาง เย่ว์ปิงแค่นเสียงเย็นชา “การกระทำอย่างนี้ไร้ประโยชน์ที่จะต่อต้านข้า”
นางยกมือทั้งสองขึ้น ทันใดนั้นกิ่งพุ่มหนามโผล่ออกมาจากพื้น
แม้ว่าพุ่มหนามและหนามจะไม่สามารถตรึงร่างใหญ่โตของแมมมอธศึกไว้ได้ แต่มันตรึงขาของแมมมอธไว้ได้ข้างหนึ่งแล้ว
การวิ่งเข้าจู่โจมของแมมมอธสดุดหยุดลงทันที
แม้ว่าพุ่มหนามและหนามจะฉีกขาดจากแรงกระแทก แต่ร่างมหึมาของแมมมอธก็สูญเสียสมดุลล้มลงบนพื้นเสียงดังสนั่น
บนพื้นเวทีไม่มีใครรู้ว่ามันไปอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ และไปอยู่ได้อย่างไร พื้นเวทีเต็มไปด้วยขวากขนาด 1 เมตร เมื่อแมมมอธล้มลงหนามขวากแต่ละท่อนแทงเข้าที่ตัวของแมมมอธ แมมมอธดิ้นรนลุกขึ้นอย่างเจ็บปวด ตัวของมันเต็มไปด้วยหนามของนักรบพฤกษา
พอเห็นแมมมอธได้รับบาดเจ็บหนัก เย่ว์เป่าพยายามเรียกมันกลับเข้าไปในคัมภีร์ทันที เขาคิดว่ามันจะสามารถกลับเข้าไปในคัมภีร์ได้
ใครกันจะคิดว่าแมมมอธศึกร้องลั่นออกมาคราหนึ่งก่อนที่จะล้มลงกับพื้นทันที
“นี่เป็นไปไม่ได้ มันไม่น่าจะตายแบบนั้นได้นี่ แมมมอธศึกของข้าเป็นอสูรที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งที่สุด มันจะล้มลงอย่างนั้นได้อย่างไร? นี่เป็นไปไม่ได้แน่” เย่ว์เป่าเกือบจะบ้าไปแล้ว จิ้งจอกเพลิง อสูรพิทักษ์ของเขา แม้ว่ามันจะไม่ตายจริงๆ ก็ตาม แต่แมมมอธศึกไม่เป็นแบบนั้น เนื่องจากเขาเรียกมันกลับไปไม่สำเร็จ นี่จะหมายความว่าแมมมอธศึกจะต้องตายจริงๆ เขาไม่มีโอกาสนำมันไปรักษาได้อีกต่อไป
“มันโดนพิษ” พอเห็นแบบนี้ เย่ว์เทียนรู้สึกหนาวสะท้านเข้าไปในใจ
“ท่านกำลังพูดว่าเย่ว์ปิงสามารถเอาทักษะพิษร้ายแรงที่เป็นทักษะธรรมชาติของนางมาประยุกต์ใช้กับหนามของนักรบพฤกษาเหรอ?” เย่ว์เยี่ยนกำหมัดแน่น พยายามระงับความกลัวในใจด้วยกำลังของเขา
“ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นพุ่มหนามและหนามของมันทำร้ายร่างกายของมันบาดเจ็บ พิษรุนแรงก็แล่นเข้าไปในตัวของแมมมอธศึกแล้ว มิฉะนั้น หนังของแมมมอธศึกคงจะไม่โดนหนามแทงได้ง่ายๆ แน่ และมันก็จะไม่ตาย” เย่ว์หลิ่งจับไหล่เย่ว์เยี่ยนบุตรชายตนเล็กน้อย และเตือนเบาๆ ว่า “เยี่ยนเอ๋อ, เมื่อเจ้าสู้กับเย่ว์ปิง เจ้าต้องรักษาระยะห่างจากนักรบพฤกษาของนางไว้ ใช้อาวุธไฟโจมตีจากระยะไกล จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
“ยิงไฟความร้อนสูง!” วิธีนั้นเย่ว์เป่าก็เพิ่งจะใช้ไป
หุ่นล้อฟันเลื่อยเริ่มพ่นไฟออกมาขณะที่แขนอีกข้างเริ่มหมุนด้วยความเร็วที่น่ากลัว เลื่อยที่อยู่บนวงล้อเปลี่ยนเป็นเครื่องตัดไม้ที่น่ากลัว
เมื่อนักรบพฤกษาติดไฟ มันออกอาการหวาดกลัวทันที เย่ว์ปิงจะสูญเสียการควบคุมของนางที่มีต่อมัน ดังนั้นแผนโจมตีต่อไปก็คือโค่นตัดนักรบพฤกษาให้ขาดกลางด้วยวงเลื่อย
ในบรรดาอสูรหุ่น หุ่นล้อฟันเลื่อยสร้างขึ้นเพื่อตอบโต้นักรบพฤกษาโดยเฉพาะ มันใช้ได้ผลมาก เมื่อนักรบพฤกษาเผชิญกับมันจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างมาก จุดอ่อนประการเดียวที่มันมีอยู่ก็คือมันต้องคอยเติมพลังงานและคอยเปลี่ยนเกียร์เมื่อโจมตีไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เย่ว์เป่าไม่สนใจอีกต่อไป เขาแค่ต้องการล้างแค้น เขาต้องการใช้หุ่นล้อฟันเลื่อยฆ่านักรบพฤกษา จากนั้นก็ฆ่าเย่ว์ปิง มิฉะนั้นเขาคงระเบิดตายเพราะความชังและโกรธ
เย่ว์หยางยืนอยู่ข้างล่างเวที ส่งสัญญาณมือให้เย่ว์ปิงจบการต่อสู้ให้ได้
พอเห็นเช่นนั้น เย่ว์ปิงเข้าใจความตั้งใจของเขาและพยักหน้ารับทราบ นางสั่งให้นักรบพฤกษาร้อยปีกระโดดสูง “บึ้ม!” หุ่นล้อฟันเลื่อยทั้งตัวโดนย่ำจนแหลกเป็นเสี่ยง ชิ้นส่วนของหุ่นล้อฟันเลื่อยกระจายไปทั่วมีประกายไฟจนดูเหมือนพลุ
รากนับไม่ถ้วนออกมาจากตัวนักรบพฤกษาร้อยปีและพันรอบตัวของหุ่นล้อฟันเลื่อยไว้แน่น
หุ่นล้อฟันเลื่อยไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่นิ้วเดียวมีเสียงแกรกๆ ดังออกมาจากภายใน
จากนั้นนักรบพฤกษาร้อยปียกมือทั้งสองจับที่หัวโลหะของหุ่นล้อฟันเลื่อยและบิดหัวของมันอย่างโหดเหี้ยม จนหัวของมันหลุดออกจากกัน แค่เพียงชั่วครู่ ในทันใดนั้น ประกายไฟแล่บออกจากคอของหุ่นล้อฟันเลื่อยพร้อมกับมีเสียงดังซี่ออกมา
“แป๊ง” นักรบพฤกษาร้อยปีโยนหัวเหล็กลงมันพื้น จากนั้นย่ำใส่มันอย่างแรง
หุ่นล้อฟันเลื่อยถูกทำลายหมดสภาพ
อสูรที่เย่ว์เป่าเรียกออกมาแต่ละตัวตายแล้ว อีกทั้งโล่แสงก็หายไปด้วย เขามองดูนักรบพฤกษาร้อยปีอย่างหวาดกลัวสุดขีด พอเห็นมันยกแขนขึ้นสูงเท่านั้น เขาถึงกับร้องลั่นพร้อมกับปัสสาวะราดกางเกง ตาของเขาเหลือกขาวและหมดสติไปในทันที เย่ว์ปิงไม่ได้สั่งให้นักรบพฤกษาฆ่าเย่ว์เป่า แต่สั่งให้มันยื่นแขนออกมาข้างหนึ่งซึ่งหนากว่าลำต้นเสียอีกและหวดใส่เย่ว์เป่ากระเด็นลงจากพื้นเวทีราวกับว่าเขาบินได้
“พี่ไห่! แม่หนูจากตระกูลของท่านคนนี้ เก่งจริงๆ ทั้งพุ่มหนาม, หนามของต้น, พิษและขนดราก มีพวกหัวกะทิไม่มากนักที่มีทักษะแบบนี้ ในอนาคตข้าคิดว่า ใครก็ตามที่สู้กับนางคงได้เก็บกดจนตายแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าชอบแม่หนูนี่เสียแล้ว จะเป็นไรไหม? ข้าขอรับนางเป็นธิดาของเรา โอว..ไม่ได้ๆ เดี๋ยวนางจะกลายเป็นผู้ใหญ่ในตระกูลโดยปริยาย จะเป็นอย่างไรไหมข้าจะขอรับนางเป็นหลานสาว?” ฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วทรงพระสรวลขณะตรัสกับประมุขตระกูลเย่ว์ไห่ เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าฮ่องเต้พระองค์นี้ไม่ทรงประพฤติพระองค์เหมาะสมกับสถานะพระองค์นัก อย่างไรก็ตามสถานะของพระองค์มั่นคงไม่คลอนแคลน พระองค์ปฏิบัติหน้าที่ฮ่องเต้มานานกว่าร้อยปีแล้ว แม้จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดเขย่าบัลลังก์พระองค์ได้
“ชะตาของปิงเอ๋อไม่ค่อยดี นี่จะทำให้นางเสียโอกาสนะ” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ยังคงปลาบปลื้มอยู่ เขาไม่เคยนึกว่านอกจากเย่ว์หยางแล้ว เย่ว์ปิงยังทำให้เขาแปลกใจอย่างหนัก
“ผู้เฒ่าไห่ อัจฉริยะ ในครอบครัวของท่านทุกคนแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก เราสามตระกูลไม่สามารถเทียบกับท่านได้แล้ว น่าอิจฉาจริงๆ” ตัวแทนจากอีกสามตระกูลเข้ามาแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ทีละคน
“เป็นโชคร้ายของบุตรข้า เฮ้อ พวกเขาเป็นคู่ที่สมกันดี” ตัวแทนจากตระกูลเฟิง เฟิงเสี่ยวหยุน ประมุขตระกูลเฟิงพูดขณะที่เขามองดูเย่ว์ปิง แล้วระลึกถึงบุตรชายของเขาที่ตายทันทีเมื่อไปพบกับจ้าวอสูรทองระหว่างการฝึก เมื่อทำอะไรไม่ได้ เขาได้แต่ถอนหายใจยาว กลับกลายเป็นว่านอกจากเฟิงชิชาแล้ว ประมุขตระกูลเฟิงยังตั้งความหวังไว้กับบุตรของตน ใครจะคิดว่าบุตรชายของเขากลับมาประสบเหตุพิบัติดังกล่าว
“บางทีอาจมีการทำนายผิดพลาดก็ได้ จะเป็นอย่างไรถ้าจะขอให้ราชครูของอาณาจักรทำนายดูอีกครั้ง” สมาชิก 2- 3 ตระกูลถามขึ้น
พวกเขาจะหาสะใภ้ดีๆ อย่างเย่ว์ปิงได้จากไหนกัน?
ถ้าเป็นการทำนายชะตาที่ผิดพลาดจริงๆ ถ้าตระกูลอื่นสามารถเกี่ยวดองกับตระกูลเย่ว์ผ่านการแต่งงานและรับตัวดรุณีน้อยเย่ว์ปิงไว้ในฐานะลูกสะใภ้หรือหลานสะใภ้ของพวกเขา ตระกูลของพวกเขาก็จะมีอำนาจเพิ่มขึ้น ในเวลาเพียงชั่วครู่ประกายโลภก็แสดงออกมาผ่านสายตาของตัวแทนตระกูลนับไม่ถ้วน
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เห็นเหตุนี้ทั้งหมด แต่ยังคงนิ่งเงียบ
แม้ว่าเย่ว์ปิงจะชนะ นางก็ยังไม่ลงมาจากเวทีทันที นางหันไปท้าท้ายเย่ว์เยี่ยน “คู่ต่อสู้คนต่อไปของน้องเจ็ดก็คือพี่สี่ ไหนๆ ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าพี่สี่ยินดี เรามาสู้กันตอนนี้เลยก็ได้ ถ้าพี่สี่เห็นด้วยข้าอยากจะรวมทีมกับพี่สามและเรา ครอบครัวที่สี่อยากจะขอท้าพวกเท่านทั้งคู่ครอบครัวที่หนึ่งและที่สอง ข้าขอเชิญพี่สี่และพี่ห้ามาสู้ด้วยกันเถอะ”
“ไม่, เราทุกคนไม่โง่หรอกนะ เราต้องฟังคำชี้แนะของผู้อาวุโสในตระกูลของเรา ลุงใหญ่กับลุงรองโปรดลงมาสู้กับเราด้วยก็ได้”
เมื่อเย่ว์หยางพูดประโยชน์นี้ ทุกคนต่างคิดว่าเจ้าเด็กนี่บ้าไปแล้วโดยสิ้นเชิง
สู้กับเย่ว์เทียน, เย่ว์เยี่ยนและเย่ว์ถิงก็ยังนับว่าดีแล้ว แต่นี่เขากลับบังอาจท้าสู้กับลุงใหญ่ลุงรองงั้นหรือ?
ต้องรู้กันว่าลุงใหญ่เย่ว์ซานและลุงรองเย่ว์หลิ่งเป็นนักสู้ที่รู้จักกันดีในโลกนี้ เย่ว์ซานเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นกลาง ขณะที่เย่ว์หลิ่งเป็นนักสู้ระดับ 6 ขั้นต้น เจ้าเด็กบ้านี่ต้องการสู้กับพวกเขาโดยลำพังงั้นหรือ? เป็นไปได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งระดับ 7 งั้นหรือ? แต่เขาจะเอาชนะนักสู้ระดับ 6 ทั้งสองคนตามลำพังได้อย่างไร เขาช่างเพื่อฝันจริงๆ
ในหมู่ผู้ชมทุกคนรู้สึกว่าเจ้าเด็กนี่วิกลจริตไปแล้ว
เมื่อเสวี่ยทันหลางได้ยินเช่นนี้ ถึงกับเบิกนัยน์ตากว้างด้วยความตกใจ
เขาคาดว่าเย่ว์หยางคงจะท้าเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน แต่ไม่มีทางคิดว่าเย่ว์หยางจะหาญกล้าท้าลุงใหญ่เย่ว์ซานและลุงรองเย่ว์หลิ่ง
เจ้าเด็กนี่กล้าหรือว่าบ้ากันแน่? เขาเคยเห็นคนบ้ามาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นคนบ้าอย่างนี้มาก่อน เสวี่ยทันหลางรู้สึกเหมือนมีแรงกระตุ้นอยู่ในใจเขา เขาต้องการเข้าไปสู้กับเย่ว์หยางด้วยเช่นกัน เขาต้องการรู้ให้ได้ว่าวิทยายุทธของเจ้าบ้านี่ดีจริงหรือว่าเป็นเพราะสัตว์อสูรของเขาแข็งแกร่ง
จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็ตกใจอย่างหนัก พวกเขามองหน้ากันเองอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะเผยอยิ้มที่มุมปาก
คล้ายจริงๆ เจ้าเด็กนี่ช่างคล้ายเย่ว์ชิวบิดาของเขาจริงๆ
อารมณ์ของเย่ว์ชิวก็เป็นแบบนี้ เขาไม่เคยกลัวอะไร เพียงแต่เย่ว์ชิวไม่ได้มีไหวพริบและกะล่อนเหมือนเจ้าเด็กนี่
เหมือนพ่อ เหมือนลูกแน่นอน
พอเห็นเจ้าลูกชายที่ไร้ประโยชน์กลายเป็นคนน่าทึ่งมาก กลายเป็นนักสู้ที่เด็ดเดี่ยวในโลก บางทีวิญญาณบนสวรรค์ของเย่ว์ชิวคงยิ้มอย่างเป็นสุขแล้วกระมัง
เมื่อผู้เฒ่าเย่ว์ไห่นึกถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาของเขาที่ไม่เคยแสดงออกถึงความกังวลทั้งที่เห็นคนตายมาเป็นร้อยเป็นพันในสนามรบ เริ่มมีน้ำตาคลอเล็กน้อย เมื่อเขามองดูเย่ว์หยาง ก็รู้สึกมีความอุ่นในดวงตามากขึ้น
ตอนนี้ สายตาทุกคนมองไปที่เย่ว์ซานและเย่ว์หลิ่ง
เผชิญหน้ากับการท้าทายที่เจ้าหลานชายบ้าของพวกเขาท้าทายอยู่ ในฐานะลุงของเขา เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?
จะปฏิเสธดีไหม?
หรือว่าจะยอมรับคำท้า
ผู้ชมทุกคนรอคอยคำตอบของคนทั้งสองอย่างแทบไม่ได้หายใจ
********************************