===============
เย่ว์ถิงเกือบเปลี่ยนเป็นหมีไปทั้งตัวชูอุ้งมือและคำรามลั่น รัศมีสีทองที่ฉายออกมาคล้ายกับว่ามันเปล่งออกมาจากตัวของเขา
ในที่สุด รัศมีสีทองก็รวมลงในฝ่ามือทั้งสองของเขา
อุ้งเท้าหมีสีทองดูเหมือนจะเก็บกักพลังมหาศาลเอาไว้ เมื่อเย่ว์ถิงย่ำเท้าลง ก็ทำให้ให้พื้นเวทีสั่นไหวได้ทั้งหมด แม้แต่ในบรรดาผู้ชม นักรบที่อ่อนแอที่สุด ยังรู้สึกสั่นไหวภายใต้บรรยากาศที่กดดัน หนักหน่วงของเย่ว์ถิง พวกเขาแทบล้มลงหมดสติ ขณะที่หน้าซีดด้วยความตกใจ
“พี่สาม ผิวของข้าหนามากหลังจากข้ากลายร่างเป็นหมี ไม่ถูกตัดได้ง่ายๆ ท่านไม่ต้องออมมือในการจู่โจมข้า ไม่ต้องห่วงตัวข้า
เมื่อเย่ว์ถึงพูดจบ เขายกอุ้งมือของเขาขึ้น
เดินเข้ามาทีละก้าว ทีละก้าวทำให้พื้นเวทีสั่นไหวและมีเสียงดังกึกก้อง
เย่ว์ปิงกลัวจนหน้าถอดสี นางมองดูพี่สามของนาง เย่ว์หยางและหวังว่าเขาจะมีวิธีรับมือกับเย่ว์ถิง
“น้องเจ็ด, นักรบที่แข็งแกร่งไม่ใช่มีแต่พลังเพียงอย่างเดียว แค่นั้นยังไม่พอ เขาต้องมีความเร็ว รวดเร็วดุจเทพเจ้า” พอพูดถึงตอนนี้ ร่างของเย่ว์หยางก็หายไปทันที หมัดของเขาทุบลงไปที่หลังศีรษะของเย่ว์ถิงเหมือนค้อนกระหน่ำ เย่ว์ถิงเหยียดมือออกมาตอบโต้อย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจอะไรอื่น เย่ว์หยางหมอบลงหลบการโจมตีของเย่ว์ถิงอย่างชาญฉลาด และในขณะเดียวกันใช้ขาทั้งสองตวัดเตะอย่างรวดเร็วราวกับกังหัน แรงระดมเตะทำให้เย่ว์ถิงถูกต้อนจนต้องถอยหลัง เมื่อเย่ว์ถิงใช้มือหมีตะปบลงมาที่ขาของเขา เย่ว์หยางก็ก็ลอยตัวอยู่ในอากาศและใช้ขาทั้งสองยันเข้าที่ศีรษะของเย่ว์ถิง ด้วยท่าเตะที่สวยงามส่งผลให้เย่ว์ถิงกระเด็นออกจากเวทีเหมือนลูกกระสุนที่ถูกยิงออกมาจากปืนใหญ่ เย่ว์ถิงตกลงไปบนพื้นเสียงดังสนั่น ร่างของเขาจมลงไปในพื้นดินทั้งตัว ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่น่าสมเพท
“พี่สามสุดยอดจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกสำหรับข้าที่โดนเล่นงานโดยไม่สามารถโต้ตอบได้เลย อย่างไรก็ตามข้าไม่บาดเจ็บอะไรเลย เรามาสู้กันอีกครั้งเถอะ”
ภายใต้สายตาที่ตกตะลึงของผู้ชม เย่ว์ถิงปีนขึ้นมาและกระโจนเข้าไปในเวทีอีกครั้ง
ถ้าว่ากันตามกฎ เขาควรจะแพ้ไปแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และต้องการจะสู้กับเย่ว์หยางอีก
ทุกคนได้แต่นิ่งเงียบ สมาชิกตระกูลเย่ว์ทุกคนแข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อนได้อย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึงเย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยน แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าตระกูลเย่ว์ยังมีเย่ว์ปิงที่มีสัตว์อสูรสายพฤกษาที่ทรงพลัง ตอนนี้ สมาชิกตระกูลเย่ว์อีกคนหนึ่ง เย่ว์ถิงที่ไม่กลัวเจ็บตัวยังปรากฏตัวขึ้นมาอีก ยังมีเจ้าสวะจอมเพี้ยนอย่างคุณชายอีกด้วย ตระกูลนี้ ไม่มีใครธรรมดาเลย พวกเขาเป็นตัวประหลาดที่มีฝีมือน่ากลัว
“เจ้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ใช่ไหม?” เย่ว์หยางไม่ได้ใช้ดาบของเขา ถ้าเขาพลั้งมือฆ่าเย่ว์ถิงไป บางทีผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ที่อุตส่าห์สละความพยายามลงไป จะไม่มีผู้สืบทอดเหลือ เกรงว่าท่านจะซึมเศร้าจนฆ่าตัวตัวตาย ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ ตระกูลเย่ว์จบแน่ แม่สี่และเย่ว์ปิงอย่าฝันเลยว่าจะมีชีวิตที่ดีในอนาคต ขณะที่พวกเขาจะเต็มไปด้วยความสำนึกผิด
อย่างไรก็ตาม สั่งสอนให้บทเรียนเจ้าหมีโง่นี่ก็คงไม่เป็นปัญหา
เย่ว์หยางเคลื่อนไหวเร็วขึ้นราวกับสายฟ้าใช้หมัดของเขากระหน่ำไปที่เย่ว์ถิงจนเขาไม่รู้เหนือรู้ใต้ ในที่สุดเขาก็ใช้พลังเตะที่รุนแรงส่งร่างของเขากระเด็นตกเวทีอีกวาระหนึ่ง
“พี่สาม! ดูเหมือนว่าข้าจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่บาดเจ็บนะ มาเล่นกันต่อเถอะ” เย่ว์ถิงผู้นี้ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกับฮุยไท่หลาง แมลงสาบที่ไม่มีทางตายไม่ว่าจะถูกตีกี่ครั้งก็ตาม ความจริงพลังของเย่ว์ถิงน่ากลัวมาก แต่เขาไม่สามารถจู่โจมเย่ว์หยางได้ถูก มิฉะนั้นร่างเล็กๆ ของเย่ว์หยางคงไม่สามารถทนต่ออุ้งเท้าหมีได้ เย่ว์หยางใช้พลังไม่มียั้งด้วยพลังฝีมือและความเร็วของเขา เย่ว์หยางต่อยตีน้องห้าของเขาเต็มที่มากกว่าตอนที่เขาถูกสาวงามในฝันทุบตีเสียอีก มันเกือบไปถึงจุดที่การต่อสู้เปลี่ยนไป
“ข้าก็ต้องการสู้ด้วย” เสวี่ยทันหลาง ผู้มีท่าทีเย็นชาแต่หัวใจกลับรุ่มร้อนและยังคิดเข้าร่วมต่อสู้ด้วย เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ในที่สุดก็ตะโกนอย่างมีอารมณ์ “แม้ว่าข้าจะเป็นแขก แต่ข้าต้องการสู้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้พี่สาวข้า คุณชายสาม เตรียมรับการโจมตีของข้า”
เขาเรียกอสูรรูปร่างเหมือนพายุหมุนออกมาทำให้เวทีตกอยู่ในความเย็นยะเยือก ผู้ชมทำอะไรไม่ถูกจึงด้แต่สั่นด้วยความหนาวเย็น
ขณะที่พวกเขาเห็นเสวี่ยทันหลางตั้งใจขยายขนาดพายุหมุนให้ใหญ่กว่าเดิมถึงสิบเท่าและมากขึ้นไปอีก ผู้ชมถึงกับแตกกระจายกันไปคนละทิศ นี่ไม่ตลกแล้ว ถ้าพวกเขาโดนพายุที่น่ากลัวเล่นงานเข้า พวกเขาจะต้องตายโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูก พื้นที่เวทีทั้งหมดตกอยู่ในความเย็นยะเยือกถึงเยื่อกระดูกขณะที่น้ำแข็งเริ่มจับตัวกันนับไม่ถ้วน แม้แต่ดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางที่มีปราณปีศาจยังแข็งตัวอย่างช้าๆ
พอเห็นเช่นนี้ เย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนพากันโดดลงมาบนเวทีทันที แล้วเรียกคัมภีร์ของตนเองออกมา เย่ว์เทียนแสร้งกล่าวว่า “น้องทันหลาง นี่เป็นการต่อสู้ของพี่น้องเรา เป็นการประลองกันภายในตระกูลของเรา ทำไมท่านต้องเข้ามาแทรกแซงด้วยเล่า?”
“ถูกแล้ว น้องทันหลาง โปรดหยุดก่อน โปรดลงมาจากเวทีแล้วกลับไปนั่งที่ก่อน และสังเกตดูการต่อสู้เถอะ”
แม้ว่าทั้งสองคนจะพูดคำเหล่านั้น แต่การกระทำของพวกเขากลับเป็นอีกอย่าง ทั้งคู่กลับเรียกราชสีห์เพลิงและนกแร้งทองออกมาตามลำดับ เตรียมล้อมจู่โจมเย่ว์หยาง
เกี่ยวกับเรื่องฆ่าเย่ว์หยาง พวกเขาไม่ได้ตั้งความหวังมากนัก ยิ่งกว่านั้น ภายใต้การจับตาของผู้ชม มันคงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายแก้ตัวว่าพวกเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่างไรก็ตามพวกเขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะเจ้าคนดื้อด้านเย่ว์หยาง พวกเขาต้องการให้เย่ว์หยางได้รับบทเรียน ไม่ว่าเขาจะมีฝีมือก้าวหน้าเพียงใดก็ตาม เขาก็ยังตามหลังพวกเขาทั้งสองที่เป็นอัจฉริยะมานาน กับเย่ว์ถิงในฐานะที่เป็นโล่เดินได้และเสวี่ยทันหลางกับพลังสังหารที่น่ากลัว พวกเขารู้สึกว่าโอกาสที่จะเอาชนะเย่ว์หยางมาถึงจนได้
“น้องเจ็ด! อะไรทำให้เจ้าคิดว่าพี่สู้กับสี่คนนี้ตามลำพัง?” จู่ๆ เย่ว์หยางก็ถามขึ้น
“พี่สามแข็งแกร่งที่สุดอย่างชัดเจน แข็งแกร่งที่สุดตลอดไป ข้าก็ยังจะช่วยพี่สาม” เย่ว์ปิงกำมือน้อยๆ แน่น สีหน้านางเด็ดเดี่ยวเหลือเชื่อ ไม่มีความกลัวเหลืออยู่ขณะต้องต่อสู้กับหนึ่งในสามดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่ เสวี่ยทันหลาง นางมั่นใจในฝีมือของพี่ชายนาง
“เด็กดี! แต่เจ้าควรยืนอยู่ตรงนั้นคอยเชียร์พี่ของเจ้า รอจนกว่าข้าชนะแล้ว จากนั้นเจ้าค่อยตะโกนให้คนสนใจว่าเจ้ามีพี่ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก เมื่อพี่ของเจ้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีใครรังแกเจ้าได้ สาปส่งเจ้าพวกที่ดูถูกพี่ชายของเจ้าได้เลย!” เย่ว์หยางยื่นมือออกมาและเรียกคัมภีร์ชั้นเงินออกมาและเรียกโคเงาออกมาด้วย เขายังคงเพิ่มเงาปีศาจที่สามารถเพิ่มความสามารถให้นางได้อีกร้อยเท่า
โคเงาคำรามลั่นขณะที่นางใช้หมัดซัดใส่ราชสีห์เพลิงบิน
ไฟออกมาจากจมูกของนางขณะที่ตาของนางเปล่งแสงสีแดง มองดูโกรธเกรี้ยว
อาวุธลับที่เย่ว์หยางเก็บไว้ถูกนำออกมาใช้ในที่สุด แม้แต่แร้งทองที่บินอยู่ในอากาศพยายามจะหลบยังร้องออกมาอย่างทุกข์ทรมานและร่วงลงมาหัวโหม่งพื้นตายทันที
“เอ๋?” ฮ่องเต้จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน พวกท่านไม่เคยคิดว่าเย่ว์หยางเจ้าเด็กบ้านี่เน้นแต่การฝึกวิทยายุทธ จะมีอสูรที่แข็งแกร่งอย่างนั้นด้วย อสูรพิทักษ์ชั้นทองแดงระดับ 5 ด้วยหรือ? เพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์มาไม่นานนี่เองไม่ใช่หรือ? แล้วเขาเลื่อนระดับมาขนาดนี้ได้อย่างไร? ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเขา เขาเปลี่ยนคัมภีร์ไปเป็นชั้นเงินแล้ว นี่..เจ้าเด็กบ้านี่ไปทำอะไรมา?
เขาปรับระดับเพิ่มเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
เขาผ่านการต่อสู้มาแล้วกี่ครั้ง ถึงยกระดับมาได้ขนาดนี้?
มันแค่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งปี เขาก็มีคัมภีร์ชั้นเงินเสียแล้ว และยังยกระดับอสูรพิทักษ์เป็นชั้นทองแดงระดับ 5 นี่มันเหลือเชื่อจริงๆ
“นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้ามีอสูรชั้นทองแดงระดับ 5 ได้อย่างไร? เจ้าเพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้ไม่นานนี่” เย่ว์เยี่ยนคนที่เกลียดสหายผู้น่าสงสารมากที่สุดแทบจะเป็นบ้าเพราะความโกรธ
“อ๊า.. ข้าทำพลาดจนได้ ข้าเพิ่งจะทำสัญญากับคัมภีร์ได้ไม่นานเลย ดังนั้นก็เลยไม่คุ้นเคยกับการอัญเชิญ เข้าพลั้งเผลอเรียกอสูรมาผิดตัว เดิมทีตั้งใจจะเรียกนางพญากระหายเลือด อสูรทองออกมา ทำไมถึงเรียกโคเงาชั้นทองแดง ที่ระดับต่ำกว่าออกมา พลาดจนได้ ดูเหมือนข้าจะเป็นสวะมาตั้งแต่เกิด ก็เลยเรียกอสูรออกมาไม่ถูกตัว” เมื่อเย่ว์หยางพูดอย่างนี้ เย่ว์เยี่ยนโกรธจัดจนแทบกระอักเลือด
“เจ้าฝันอยู่หรือเปล่า? เจ้าไม่มีทางที่จะมีอสูรระดับทองได้แน่” เย่ว์เยี่ยนต้องการจะกลืนกินเย่ว์หยางทั้งตัวและกินเลือดกินเนื้อเขาไม่ให้เหลือ
“ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งแน่นอน เจ้ามีนัยน์ตาที่ยอดเยี่ยม ข้าไม่มีอสูรชั้นทองแน่นอน ข้ามีแต่จ้าวอสูรทองเท่านั้น” เมื่อเย่ว์หยางเรียกนางพญากระหายเลือดออกมา ทุกคนในที่นั้นเหมือนกับกลายเป็นหินไปในทันที
อย่างน้อยมีผู้ชมประมาณหนึ่งในสามกระอักเลือดล้มลงกับพื้นทันที เย่ว์เยี่ยนเป็นหนึ่งในพวกนั้น
แต่ไม่ใช่เพราะความตกใจ มันเป็นเพราะความโกรธ
ตลอดชีวิตของพวกเขา พวกเขาไม่เคยเห็นคนผิดธรรมดาอย่างมาก เย่ว์หยางทำสัญญากับคัมภีร์ไม่ถึงปี และเขามีอสูรผู้พิทักษ์ชั้นทองแดงระดับ 5 แล้ว และยังมีนางพญากระหายเลือด อสูรทองระดับ 3 ยิ่งไปกว่านั้น นางพญากระหายเลือดยังเป็นจ้าวอสูรทองอีกด้วย นี่คืออสูรที่นักสู้ระดับต่ำกว่า 6 ยังไม่กล้าคิดฝันว่าจะมีได้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าเจ้าสวะนี้จะสามารถควบคุมอสูรที่ทรงพลังอย่างนี้ในเวลาที่น้อยกว่าครึ่งปี
ผู้คนอีกหนึ่งในสามเริ่มร้องไห้ เย่ว์เทียนเป็นหนึ่งในวพวกเขา
เจ้าสวะนี่ ข่มเหงคนอื่นๆ มากขนาดนี้ได้อย่างไร?
เขาเรียกโคเงา อสูรทองแดงระดับ 5 ออกมาฆ่าแร้งทองทันที มันก็เกินพอแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาปกปิดความสามารถ? ไม่น่าต้องทำให้คนอื่นอิจฉาด้วยเหรอ? ไม่น่าต้องทำเหมือนใจกว้างข่มคนอื่นให้ด้อยกว่าจนทำอะไรไม่ถูกด้วยหรือ?
เจ้าเด็กนี่มีพลังมากเกินไปและข่มเหงคนมากเกินไป เขาควรถูกสวรรค์ลงโทษ
เขาต้องถูกฟ้าผ่าตาย
ยังมีอีกหนึ่งในสามที่ไม่เชื่อตาตัวเองและเย่ว์ถิงก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาทุกคนขยี้ตาตัวเอง พวกเขารู้สึกเหมือนว่าอยากเอาหัวกระแทกพื้นให้ตาย ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่เชื่อว่านี่คือความจริง
และคนกลุ่มย่อยๆ อย่างจุนอู๋โหย่วฮ่องเต, ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, เย่ว์ซาน, เย่ว์หลิ่ง, เฟิงเสี่ยวหยุน, เฟิงขวง, เสวี่ยทันหลาง ผู้เฒ่าห้าและหญิงงาม มีไม่กี่คนที่ตะลึงจนตัวแข็งเป็นหิน พวกเขาไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ นางพญากระหายเลือด จ้าวอสูรทองเป็นอสูรที่ฉลาด แต่มันกลับทำสัญญากับผู้เริ่มใช้คัมภีร์อัญเชิญที่ทำสัญญามาไม่ถึงครึ่งปี ถ้าพวกเขาเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นๆ ฟัง คนอื่นๆ จะเชื่อกันไหม?
แม้แต่คนโง่ก็คงไม่เชื่อเรื่องนั้น
อย่างไรก็ตาม ความจริงก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาพวกเขา
หรือว่านี่เป็นเพียงภาพลวงตา? ถ้ามันเป็นจริง อย่างนั้นเจ้าเด็กบ้านี่ไปได้อสูรที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมาจากไหน?
ฝ่ายเย่ว์หยางยังสงบและใจเย็นอยู่ได้ ไม่ใช่แค่โคเงาและนางพญากระหายเลือดเท่านั้น? เทียบกับเสี่ยวเหวินหลีผู้มีคัมภีร์ชั้นเพชรและอสูรทองลึกลับ เทียบกับอสูรที่เขามีอยู่ในคัมภีร์เทพอีก พวกเขาเป็นเหมือนแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ยังไม่ต้องพูดถึงเสี่ยวเหวินหลี แม้แต่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองในอนาคตก็ยังแข็งแกร่งกว่านางพญากระหายเลือดตั้งหลายเท่า พวกเขาจะตกตะลึงกันหรือไม่? จะกระอักเลือดและเป็นลมหรือไม่? จะร้องไห้ไม่ยอมหยุดกับเรื่องนี้หรือไม่?
เขาก็แค่ปล่อยให้พวกเขาแสดงความสามารถร้องไห้, กระอักเลือดและริษยากันต่อไป
*******************