===============
กุ่ยเจี้ยนโฉวเป็นเทือกเขาสูงต่ำลดหลั่นกันมีหมอกปกคลุมหนาแน่นตลอดทั้งปี ดังนั้นพอมีแดดก็นับว่าดีพอแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงผู้คนธรรมดา แม้แต่โจรป่าที่ดุร้ายที่สุดในอาณาจักรต้าเซี่ยก็จะไม่มาในที่ย่ำแย่แบบนี้ เหมือนกับว่าเป็นที่ถูกทิ้งร้างมานานและมีคนไม่มากที่จะมาที่นี่ ยาและแร่ธาตุที่มีค่าที่ไม่สามารถหาได้พบในที่อื่นๆ มากมาย สำหรับอสูรหายากก็มีในที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นอสูรสายพฤกษาและสายแมลง กล่าวกันว่ามีแม้กระทั่งอสูรสายแมลงที่น่ากลัวอย่างมาก ตั๊กแตนมรณะ มันชอบล่ามังกรมาเป็นอาหาร
แน่นอนว่า นี่เป็นเพียงตำนาน
ในสหัสวรรษนี้ ไม่มีแม้แต่วิญญาณสักดวงที่เห็นร่องรอยของตั้กแตนมรณะ นี่เป็นอสูรสายแมลงที่น่ากลัว อาจเป็นได้ว่ามันสูญพันธุ์มาเป็นพันปีแล้ว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยเป็นอย่างมากว่ากลุ่มทหารลาดตระเวณของราชวงศ์ไปพบอสูรที่แข็งแกร่งเหมือนตั๊กแตนตำมรณะ และถูกกวาดล้างด้วยการโจมตีที่คาดไม่ถึงโดยอสูรที่แข็งแกร่งที่สุด
“ระวังนะ แม้ว่าปกติแล้วจะไม่มีอสูรมากกว่าระดับ 3 เข้ามายุ่มย่ามก็เถอะ เพราะพวกมันทั้งหมดเป็นอสูรสายพฤกษาและเป็นอสูรสายแมลง พวกมันมักปรากฏตัวมาเป็นฝูง ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกมันยังนำผลเสียเป็นจำนวนมากมาให้อย่างเช่นอ่อนแอ มึนงง ต้องพิษ ถูกสะกดจิต ปรสิตและอื่นๆ ปลอดภัยไว้ดีกว่าต้องมาเสียใจนะ เจ้าเด็กโกหก เจ้าต้องระวังตัวเพิ่มขึ้นด้วย อย่าปล่อยให้ผึ้งปรสิตหรือหรือแมงมุมปรสิตแพร่พันธุ์แมงปรสิตในตัวเจ้าได้ล่ะ” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกงุนงงอย่างมาก เจ้าเด็กนี่มักปากพล่อยและพูดตลกก่อนหน้านี้ ทำไมอยู่ๆ ถึงกลายเป็นใบ้หลังจากเทเลพอร์ทเข้ามาในกุ่ยเจี้ยนโฉว?
“ไม่เคยมีสัญญาณว่ามีคนเดินผ่านมาทางนี้มาก่อน เจ้าแน่ใจจริงๆ นะว่ากลุ่มลาดตระเวณของราชสำนักจะหายสาบสูญในที่นี้จริงๆ?” เย่ว์หยางสงสัยในใจเล็กน้อย
รอบด้านหุบเขาอินทรีร้องในกุ่ยเจี้ยนโฉวเป็นยอดเขาลึกลับตระหง่านจางหายไปในท้องฟ้า
มันสูงเรียบชันโดยสิ้นเชิงราวกับถูกตัดด้วยมีดและขวาน
อินทรีภูผาเล็บเหล็กที่อาศัยอยู่ด้านบนของหุบเขา มีขนาดปีกยามที่มันกางถึง 5 เมตร ที่ก้นหุบเขาจะมีแมลงที่น่ากลัวอยู่โดยรอบ แต่ในหุบเขามีหมอกลงจัดจนทัศนวิสัยมองเห็นได้ไม่ชัดเจน จึงมีแมลงประเภทต่างๆ อยู่ในทุกที่ แม้กระทั่งต้นไม้ในหุบเขาก็ยังแปลกด้วยเช่นกัน พวกมันมีสีสดใสสะดุดตา มีสีแดง, เหลือง, ม่วง, ดำ บางต้นก็หลากสี บางต้นก็เรืองแสง
เพียงสิ่งเดียวที่สถานที่นี้ไม่มีก็คือ ต้นไม้สีเขียว
เย่ว์หยางมองดูรอบๆ รวมทั้งถนนอย่างระมัดระวัง แต่เขาไม่พบร่องรอยมนุษย์ในที่ไหนเลย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่ามันแปลก อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อสงสัยที่เย่ว์หยางแสดงให้เห็น นางใช้สายตาสูงส่งจ้องมองเขาพูดว่า “เจ้าคิดว่าข้าโกหกทุกอย่างเหมือนเจ้าหรือ? ถ้าไม่มีคนหาย ทำไมข้าต้องมาที่นี่ด้วยเล่า?”
“บางอย่างไม่ถูกต้อง” เย่ว์หยางพบว่าบนยอดของกิ่งไม้สีแดงเหมือนเลือดแปลกๆ มีอีกานัยน์ตาแดงก่ำตัวหนึ่งเกาะอยู่
“เกิดอะไรขึ้น?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจ มันคืออีกาใช่ไหม?
“เดี๋ยวของข้าตรวจสอบกับสารานุกรมสัตว์อสูรก่อน…” เย่ว์หยางหยิบเอาสารานุกรมภาพสัตว์ออกมาจากกระเป๋า มันคือสารานุกรมเล่มหนาในโลกปัจจุบันเขียนด้วยภาษาจีนยุคใหม่ ขณะที่เขาตรวจหาดูสายพันธุ์ของอีกาตัวนี้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกเหมือนจะเป็นลม นางยกมือห้ามและกล่าวว่า “ไม่ต้องเสียเวลากับความรู้พื้นฐานอย่างนั้นก็ได้ ข้าบอกให้เจ้ารู้ก็ได้ นี่คืออีกากินเนื้อ อีกาสายพันธุ์นี้มีนัยน์ตาแดง ปีกเหล็ก ตัวของมันจะใหญ่กว่าอีกาพันธุ์ปกติถึง 2 เท่า บินเร็ว 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันเชี่ยวชาญในการบินระยะสั้นและฉลาดมาก มันสามารถเปิดขวดน้ำดื่มได้เอง และแยกแยะสีต่างๆ ได้ถึง 36 สี และจำนวนต่างๆ ได้ถึง 50 มันมีความต้านทานพิษสูงกว่ามนุษย์ 100 ถึง 150 เท่า ขณะที่มันกินเนื้อเน่าเป็นส่วนใหญ่ ตัวของมันมีพิษและเชื้อร้ายต่างๆ และเมื่อมันทำให้เกิดแผลก็จะเป็นเหตุให้มนุษย์ถูกวางยาพิษชนิดกำเริบช้าก็ได้ มันถูกจัดเป็นอสูรสายสัตว์ปีกระดับ 2 พวกมันอาศัยอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ มี 3 สายพันธุ์ย่อย และ 2 สายพันธุ์หลัก พวกมันอาศัยอยู่ในทวีปมังกรทะยานอยู่ทุกที่ และส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่อาณาจักรต้าเซี่ยเรา คุณชายสาม! ยังต้องการรู้อะไรเพิ่มอีกไหม?”
“ความทรงจำของเจ้า ไม่เลวเลย” ขณะที่เย่ว์หยางพลิกหนังสือสารานุกรม เขาพบว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสรุปเนื้อหาได้ถูกต้อง
“เจ้าคิดว่ากาตัวนี้มีปัญหาบ้างไหม?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบเป็นลมขณะที่นางได้ยินคำพูดนี้ นี่มันคือพื้นฐานในพื้นฐาน ทุกคนที่เข้าเรียนจะรู้กันทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม นางไม่ได้วิจารณ์เย่ว์หยางมากเกินไป เหตุผลก็คือ เจ้านี่ยังไม่ได้เริ่มเรียนอะไรเลย
“มันเป็นสัตว์กินเนื้อ ทำไมถึงตามเรามา? ข้าสังเกตเห็นมันเมื่อ 10 กิโลเมตรที่ผ่านมา มันจงใจตามเรามาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” เย่ว์หยางแสดงความสงสัยของเขา
“มันคิดว่าเราจะตายหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาดและเข้าใจข้อสงสัยของเขาทันที
“ข้ามีความสงสัยว่ามันได้เห็นคณะลาดตระเวณจากราชสำนักมาก่อน ไม่ใช่เพียงแค่นั้น มันกินเนื้อพวกนั้นไปเรียบร้อยแล้ว มันคงจะรู้สึกว่าเราจะพบจุดจบไม่ต่างจากสมาชิกของคณะลาดตระเวณจากราชสำนักในไม่ช้าและกลายเป็นศพ นั่นคือเหตุผลที่มันตามเรามาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนั้นมันจะได้กินเราหลังจากที่เราตายไปแล้ว..” เย่ว์หยางอธิบายตามข้อสันนิษฐานของตน
“แค่กาตัวเดียวเอง เจ้ามั่นใจได้อย่างไร?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชื่นชมเล็กน้อยสำหรับการโกหกครั้งนี้
นางรู้สึกว่าแม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรเลย แต่พลังทางจิตของเขาอยู่ในระดับสุดยอด
รู้สึกขึ้นมาจริงๆ เลยว่าการตามหาเขาให้มาเป็นคู่หูเป็นการตัดสินใจที่ถูก
แน่นอนว่า เย่ว์หยางคงไม่ยอมบอกแก่แม่นางผู้นี้ว่า แม้ตัวเขาจะมีข้อสงสัย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสิ่งที่ผ่านการวิเคราะห์จากทักษะญาณทิพย์ ในการวิเคราะห์ภายใต้ทักษะญาณทิพย์ มีบางอย่างที่ผิดปกติในกาตัวนี้ มันไม่ใช่กาตาแดงปีกเหล็กธรรมดาๆ อย่างที่เห็น บนร่างของอีกาตาแดง จะมีปราณปีศาจชนิดหนึ่งแผ่ออกมา ต่างจากปราณปีศาจทั่วไปและแปลกประหลาด
ในตอนแรก เย่ว์หยางคิดว่า คงเป็นปราณจากศพ เนื่องจากศพเน่าเปื่อยย่อยสลายในลำไส้ของมันหลังจากที่มันกินศพนั้นไปเป็นเวลานาน
อย่างไรก็ตาม พอใช้ญาณทิพย์วิเคราะห์มากขึ้น เขาพบว่ามันไม่ใช่กรณีนี้
ญาณทิพย์ของเขาสามารถเห็นได้ลางๆ ว่ากาตัวนี้เป็นนกที่มีคนควบคุมอยู่ในที่ห่างไกลออกไปจากที่นี่
แม้ว่ามันจะไม่ใช่อสูรที่ทำสัญญา แต่มันถูกคนๆ หนึ่งควบคุมไว้ มันเป็นเครื่องมือในการเฝ้าระวังเหมือนกับเครื่องบินโดรนในโลกนี้ซึ่งติดตั้งเครื่องมือรับส่งไว้
“ข้าคิดว่ากาคงถูกใครบางคนควบคุมอยู่ หวังว่าความรู้สึกของข้าคงผิดไป” เย่ว์หยางรู้สึกว่า ในเวลาใกล้ๆ นี้ เขาคงจะเผชิญศึกใหญ่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควบคุมกาที่ไม่ได้ทำสัญญาได้ ไม่ใช่นักรบธรรมดาที่จะทำได้
“ถ้าเจ้าสันนิษฐานได้ถูก อย่างนั้นคนแบบไหนกันที่ซ่อนตัวอยู่ที่กุ่ยเจี้ยนโฉว?” พอได้ยินคำตอบของเย่ว์หยาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกใจอย่างแรง นางสามารถมองเห็นได้ว่าเขากำลังพูดความจริง จะพูดให้ถูกต้องยิ่งกว่า ก็คือเจ้าผู้นี้แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ได้โกหกแม้แต่น้อยและจริงจังอย่างมาก อาจเป็นได้ว่ามีพลังซ่อนเร้น แอบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในที่นี้ก็เป็นได้?
“ข้าเชื่อว่าจะได้คำตอบของคำถามนี้ในเวลาอีกไม่นาน” เย่ว์หยางดึงของแข็งออกมาชิ้นหนึ่งแบ่งแล้วกัดมัน ทำท่าเหมือนจะกิน กาตัวนั้นโผบินขึ้นไปในอากาศทันที
ชัดเจนแล้ว ดูเหมือนว่ามันก็รู้ว่าอยู่ในช่วงรับมือกับนักรบคนหนึ่ง แม้แต่ชิ้นส่วนของก็สามารถใช้เป็นอาวุธร้ายแรงได้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เย่ว์หยางกินและดื่ม มันค่อยบินลงมาจากท้องฟ้าเงียบๆ และเกาะอยู่บนกิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไป
มันติดตามทั้งสองคนมาในระยะห่างๆ
นัยน์ตาขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฉายแววแสดงความเข้าใจ
ความจริง ความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางก่อนหน้านั้นเป็นการทดสอบ ถ้ากาตัวนี้ไม่ได้ถูกคนอื่นควบคุมไว้ อย่างนั้นมันจะไม่บินในตอนนี้ กาโดยปกติจะจิกกินอาหารที่มนุษย์ทิ้งเกลื่อนไว้บนพื้น มันจะไม่ฉลาดมากขนาดที่รู้สึกถึงอันตรายและบินขึ้นไปโดยเห็นแค่เขาดึงของกินออกมา เนื่องจากมันโผบินขึ้นไป อย่างนั้น นอกจากจะพิสูจน์ได้ว่าใครบางคนควบคุมมันจากเบื้องหลัง ก็ยังพิสูจน์ข้อสันนิษฐานที่สองของเขาอีก ถ้าเจ้าของๆ กาตัวนี้สามารถได้ยินคำสนทนาระหว่างเย่ว์หยางและองค์หญิง อย่างนั้นมันอาจไม่ลงมาข้างล่างอีกครั้ง ทั้งนี้เป็นเพราะคำที่เย่ว์หยางเพิ่งพูดแสดงชัดว่าเขาสงสัยอีกา
ตอนนี้อีกานั้นกลับเข้ามาเกาะกิ่งไม้ พิสูจน์ได้ว่าคนที่ควบคุมอีกาบางทีคงแค่เห็นความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่ไม่ได้ยินว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางเตรียมจะฆ่ากา คนที่ถูกคิดว่าเขาหิวและเตรียมกินอาหารรองท้อง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระพริบตาปริบๆ แล้วถามเย่ว์หยาง “ตอนนี้เราจะทำอะไร?”
เย่ว์หยางส่งน้ำให้นางและยิ้มกว้างให้นางพูดว่า “ข้าคิดว่า ถ้าเรากอดกันทำท่าใกล้ชิดเสน่หากัน มีการจับต้องนวดเฟ้นกัน บางทีคงจะล่ออีกานี้ลงมาฆ่าก็ได้ แต่ถ้าเราทำอย่างอย่างนั้น ข้าจะเสียเปรียบมากกว่า ดังนั้นข้าจึงไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดนี้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบทรุดลงกับพื้นที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาจะเป็นผู้เสียเปรียบจากการกอดกันและกันได้อย่างไร?
“ทันทีที่เจ้าบังอาจแตะต้องข้า, ข้าจะฟันมือของเจ้า” องค์หญิงโกรธพลางชูกำปั้นน้อยๆ ให้เขา
“อย่างงั้น ถ้าแตะต้อง 2 ครั้งเลยจะเป็นอย่างไร?” เย่ว์หยางกระโจนเข้าใส่ดุจพยัคฆ์ เขาจับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกดลงกับพื้น
ไม่รอให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ต่อต้าน เขารีบถอดเกราะออกจากตัวนาง ขณะที่พรมจูบนางเบาๆ เหมือนฝนโปรย ขณะเดียวกันเขาก็ถอดชุดตัวเองด้วย อีกาตัวนั้นบินเข้ามาใกล้ๆ ทันทีและเกาะบนกิ่งไม้อย่างระมัดระวังห่างจากเย่ว์หยางไม่กี่เมตร มันจ้องดูเย่ว์หยางที่ป่าเถื่อนโดยไม่เบือนสายตาไปทางอื่น เหมือนกับว่าอยากรู้อยากเห็นต่อการกระทำที่ชั่วร้ายของเขาที่ผลักองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนลงกับพื้น
แม้ว่าองค์หญิงจะขืนตัวเองจนสุดกำลังของนาง แต่เย่ว์หยางไวมากกว่า เขาใช้มือสุนัขป่าของเขาปลดทับทรวงของนางโยนไปอีกด้านหนึ่ง
หน้าอกด้านหน้าของนางมีผิวขาวราวหิมะไร้มลทินที่ปรากฏให้เห็นดูสวยงามสมส่วน
ยอดอกของนางดูแทบดูเหมือนไม่สามารถพันปิดเนื้อหนั่นได้มิดชิด เย่ว์หยางโห่อย่างตื่นเต้นเอื้อมมือหมายจับก้อนเนื้อหนั่นที่งดงามทั้งสอง
“จับเจ้าได้แล้ว!” ร่างของเย่ว์หยางหายวับทันที
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ไปอยู่บนกิ่งไม้เรียบร้อยแล้ว
เขาใช้มือทั้งสองจับอีกาตาแดงซึ่งกำลังทำหน้าตื่นกลัว เย่ว์หยางยิ้มเต็มหน้า แต่นัยน์ตาเขาเย็นชาราวปีศาจ
เขาตรงไปที่นัยน์ตาของอีกาและพูดว่า “สงสัยเหรอ? ไม่ต้องรีบ เจ้าตัวน้อย
ขณะที่พูดคำนี้ เย่ว์หยางจับอีกาแล้วบิดหัวของอีกาตาแดงตัวนั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากเตรียมตัวคุยโวอวดอ้างแผนการที่ประสบผลสำเร็จ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระโดดขึ้นมาแล้วและต่อยเขาจนทรุดด้วยความโกรธ
นัยน์ตาของนางยังเต็มไปด้วยความโกรธ นางหน้าแดงเล็กน้อยขณะที่มีน้ำตาคลอเบ้า “เจ้าคนเลว! ถึงจะเป็นการแสดงก็เถอะ แต่เจ้าบังอาจแตะต้องตัวข้าจริงๆ ข้าอนุญาตให้เจ้าแตะต้องตัวข้าเมื่อไหร่? เจ้าคงต้องทำอุบายหลอกลวงให้เป็นจริงแน่ เจ้าต้องการถือโอกาสและเอาเปรียบข้า!”
“ข้าเพิ่งแตะต้องตัวเจ้าเหรอ?” เย่ว์หยางทำหน้าเหมือนคนบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เขาทำหน้าไม่เชื่อถือ ขณะมองดูมือตนเอง
“เจ้าตายแล้วหรือ? นี่เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยหรือว่าเจ้าได้แตะต้องหรือไม่?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจริงๆ แล้ว เจ้าผู้นี้แตะต้องอยู่ชัดๆ ก็ยังไม่ยอมรับอีกหรือ? แถมพยายามตีหน้าเซ่ออีกต่างหาก
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนกระทั่งสั่นไปทั้งตัว ดูเจ้านี่สิ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางตระหนักว่าอกอวบของนางที่ผ้าพันเล็กๆ ดูเหมือนจะปิดได้ไม่หมดดูสั่นเล็กน้อย ไม่สิ, มันเป็นการเคลื่อนไหวที่สะเทือนถึงอกนาง มันทำให้เกิดความหนาวสั่นสะท้านถึงวิญญาณ เขากลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ แทบไม่อาจต้านทานไฟปรารถนาที่ที่เติมเข้ามาในใจเขา เขายื่นมือที่ชั่วร้ายออกมาพูดว่า “ตอนนี้ข้าก็ยังรู้สึกไม่ค่อยชัดเลย ข้าแตะอย่างนี้เหรอ?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจ้องมองอย่างโง่งมว่างเปล่า และประหลาดใจที่หน้าอกนางถูกมือสุนัขป่าอย่างเย่ว์หยางจับอีกครั้ง ผ่านไปสักพักหลังจากนั้น นางก็ปล่อยเสียงกรีดร้อง น่ากลัวกว่าเสียงหวีดของนางพญากระหายเลือดเสียอีก
ยังไม่ทันได้สวมเกราะเลย นางคว้ากระบี่ยักษ์ของนางทันทีชูกระบี่สูงเตรียมจะฟันเย่ว์หยาง ขณะที่เย่ว์หยางหนีเอาชีวิตรอด
“นั่นข้าทำไปตามสัญชาตญาณของลูกผู้ชาย ถ้าเป็นคนอื่นเห็น พวกเขาก็ทำแบบนี้เหมือนกัน” ขณะที่เขาง่วนกับการวิ่งหนี เย่ว์หยางพยายามป้องกันตัวเอง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบจะอกแตกด้วยความโกรธเมื่อได้ยินแบบนี้ “ข้าจะฟันเจ้าให้ตาย ไอ้ผู้ชายลามก นี่ก็คือสัญชาตญาณของข้าเช่นกัน”
**********************