===============
หลังจากจ่ายเงินแล้ว สิ่งแรกที่เย่ว์หยางต้องการไม่ใช่ใบเสร็จรับเงิน เขารีบคว้าหนังสือภาพสาวสวยไปทันที
“อย่าอ่านตรงนี้ สาวๆ คนสวยโรงเรียนนี้ พวกนางระมัดระวังพวกหมาป่ามาก นักเรียน! เจ้าควรพยายามทำตัวเป็นเด็กดีนะ” ผู้อาวุโสเคราแพะเตือนเย่ว์หยาง จากนั้นจึงถามว่า “เอาล่ะ นักเรียน เจ้าชื่ออะไร? ไตตัน? ชื่อนี้… ช่างเถอะ ชื่อเป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ นักเรียนไตตัน ! เจ้าตั้งใจจะเข้าเรียนชั้นไหน? ที่นี่ สถาบันฉางชุนเฉิงของเรา เรามีหลักสูตรพิเศษก็คือ “ปล่อยแกะลงทุ่งหญ้า” เป็นหลักสูตรฟรีและง่าย และหลักสูตร “ปิดประตู” โดยให้แต่ละคนศึกษาด้วยตนเอง เรายังมีแบบไม่เป็นทางการอย่างอื่นอีก แต่ถูกคัดค้านโดยกฎโรงเรียนที่ ก็คือหลักสูตร “คบหาชายหญิง” เกี่ยวกับการทำงานระหว่างชายกับหญิง
“เดี๋ยวก่อน, ปล่อยแกะลงทุ่งหญ้า และหลักสูตรฟรีและง่าย หมายความว่าอย่างไร?” เย่ว์หยางไม่ยอมคล้อยตามง่ายๆ เขาสังเกตถึงบางอย่างที่ผิดปกติขณะที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“มันเป็นความเสรีไม่มีขีดจำกัด ครูสอนจะไม่ดูแลนักเรียนของตนและนักเรียนสามารถเรียนด้วยตัวเอง” ชายชราเคราแพะอธิบายหน้าตาเฉย คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่ว์หยางโกรธจัด นี่เรียกว่าโกงกันระดับตำนานมิใช่หรือ? หลังจากได้รับค่าเทอมไปแล้ว พวกเขาก็ไม่สนใจดูแลนักเรียนของพวกเขาเลย โรงเรียนแบบนี้ ยังเรียกตัวเองว่าเป็นสถาบันการศึกษาได้อีกหรือ?
“อาจารย์ผู้สอนไม่สอนในชั้นเรียนหรือ?” เย่ว์หยางข่มใจต่อแรงยั่วยุให้อาละวาดลงมือทุบตีและเขาตัดสินใจรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อน
“พวกเขา เอ่อ..พวกเขายังจำเป็นต้องสอนในชั้นเรียน พวกครูอาจารย์จะต้องสอนอย่างน้อย 2 ชั้นเรียนในปีหนึ่งๆ ชั้นเรียนแรกเป็นชั้นสำหรับแนะนำตัว ที่อาจารย์ผู้สอนและนักเรียนจะต้องมาแนะนำตัวกันและกัน ชั้นเรียนที่สองเป็นชั้นเรียนที่รำลึก เป็นชั้นที่หลังจากผ่านไปได้ปีหนึ่ง ก็จะเป็นเวลาที่อาจารย์ผู้สอนและนักเรียนต้องแยกกัน ทุกคนจะได้ของขวัญที่ระลึกและกล่าวคำที่น่าจดจำกันและกัน” ก่อนที่ผู้เฒ่าคางแพะจะพูดจบ เย่ว์หยางก็ทรุดลงไปบนพื้นแล้ว คุณพระช่วย! นี่ยังเรียกว่าชั้นเรียนได้อีกหรือนี่?
“อย่างนั้นเกี่ยวกับ “ปิดประตูเรียน” ให้นักเรียนฉลาดได้ศึกษาด้วยตนเองล่ะ?” เย่ว์หยางถามเกี่ยวกับแนวการสอนแบบที่สอง
“ก็ตามชื่อที่ปรากฏ นี่หมายความว่านักเรียนต้องหมั่นพากเพียรเรียนด้วยตนเอง สถาบันเราใจกว้างมาก เราเปิดห้องสมุดให้นักเรียนได้ทำการค้นคว้าด้วยตนเองฟรี” บุรุษชราเคราแพะส่อให้เห็นว่า เป็นสิ่งที่เหมาะสมคู่ควรทำให้สวรรค์ต้องโปรดปรานที่สถาบันของเขาเปิดห้องสมุดให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าได้
“อย่างนั้นเกี่ยวกับหลักสูตรที่สาม คบหาเพื่อแข่งขันระหว่างนักเรียนชายหญิงช่ะ? หมายความว่าสามารถคบหากันในสถาบันอย่างนั้นหรือ?” เย่ว์หยางคิดว่าค่อนข้างเป็นแนวความคิดที่ดี
“เฮ่ย! เรื่องนี้ไม่ได้รับการสนับสนุนให้มีอย่างเปิดเผยในสถาบันของเรา แต่เราก็ไม่ได้ต่อต้านนะ ถ้าเจ้าสามารถหาแฟนได้ เมื่อเป็นแบบนั้นโรงอาหารของเราจะจัดที่นั่งให้พวกเจ้าได้นั่งกินอาหารติดกัน เผื่อว่าพวกเจ้าจะได้ป้อนอาหารกันและกันได้ อ้า..ข้าหมายถึง สถาบันของเราจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้อย่างมีความสุขมากขึ้น แน่นอนว่า ที่นั่งคู่ จะต้องมีค่าธรรมเนียมใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่แพงขนาดนั้น ราคาก็สูงสิบเท่าจากราคาอาหารปกติ แต่มันก็เป็นที่มีคุณภาพสูงและมีอาหารอุดมสมบูรณ์อย่างมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ โรงอาหารของเราจะไม่คิดค่าธรรมเนียมจุกจิก ถือเสียว่าเป็นของขวัญ…” ชายชราเคราแพะ หน้าด้านที่สุดเท่าที่เย่ว์หยางเคยพบเห็นมาตั้งแต่เขาเดินทางเข้ามาในมิตินี้
เย่ว์หยางรู้สึกว่า ตัวเขาเองก็หน้าด้านพอแล้ว
แต่เมื่อเทียบกับผู้อาวุโสท่านนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองยังด้อยกว่านิดหน่อย
ภายใต้การบริหารงานของรองครูใหญ่ผู้หน้าด้าน ไม่น่าแปลกใจเลยว่าสถาบันฉางชุนเฉิงที่มีประวัติศาสตร์เกินกว่า 3 พันปีถึงได้ตกต่ำลงถึงเพียงนี้
ในที่สุด เหมือนกับว่าเขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เย่ว์หยางกลับพูดบางอย่างที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เชื่อว่าตนเองพูดเช่นนั้นได้ “นักเรียนมาที่นี่ก็เพื่อเรียน ทำไมพวกเขาถึงต้องการความสะดวกสบายขนาดนั้นด้วยเล่า? ถ้าท่านไม่ควบคุมจัดการอะไรเลย และยังสนับสนุนให้นักเรียนของท่านคบหาควงคู่กันทุกวัน พวกเขาจะยังมีความต้องการจะเรียนอีกหรือ? ถ้ามันเป็นเหมือนอย่างที่ท่านพูด สถานที่นี้ก็เป็นเหมือนสวรรค์ของนักเรียนสินะ!”
“แน่นอน มันเป็นสวรรค์ แต่เป็นสวรรค์ของนักเรียนอ่อน” ชายชราเคราแพะหัวเราะลั่น “ไตตัน! เจ้าคงไม่เคยได้ยินเรื่องร่ำลือของสถาบันของข้าใช่ไหม?”
“ข่าวลือแบบไหน?” เย่ว์หยางสงสัย อาจเป็นได้ว่าโรงเรียนที่ทรุดโทรมแห่งนี้ยังมีการประเมินผลที่ดีกระมัง?
“เรา สถาบันฉางชุนเฉิงมีชื่อเสียงในเรื่องเป็นสวรรค์สำหรับนักเรียนห่วยๆ และเป็นนรกสำหรับนักเรียนโดดเด่น” ผู้เฒ่าเคราแพะหัวเราะก๊าก “และเรายังรู้สึกดีที่อยู่ตรงกันข้ามสถาบันฉางจิงอีกด้วย”
“ไม่ต้องสงสัยเลยที่ท่านหานักเรียนไม่ได้ค่อยได้..” เย่ว์หยางเข้าใจในที่สุด
ผู้ปกครองคนไหนไม่คิดว่าลูกหลานของพวกเขาโดดเด่นบ้าง? ผู้ปกครองแบบไหนที่จะส่งลูกหลานของตนมานรกกันเล่า?
แม้ว่าลูกหลานของพวกเขาไม่ใช่คนโดดเด่น พวกเขาก็ยังคงไม่ส่งเด็กๆ มายังสถาบันฉางชุนเฉิงแห่งนี้เพื่อหาสาวๆ มาแต่งกับบุตรของตน ถ้าพวกเขาต้องการสาวๆ ก็ยังสามารถหาสาวแถวๆ บ้านก็ยังได้ ทำไมจะต้องส่งเด็กๆ มายังสถาบันแห่งนี้? วัตถุประสงค์ในการส่งพวกเขามาเข้าสถาบันก็ด้วยหวังว่าบุตรหลานของพวกเขาจะกลายเป็นมังกรมีอนาคตที่สดใส
ไม่ว่าสถานการณ์ในสถาบันฉางชุนเฉิงจะดีเพียงใด พวกเขาไม่ควรส่งบุตรหลานมาเรียนที่นี่ บางทีเด็กนักเรียนอาจสนุกสนานกับการใช้ชีวิตรูปแบบนี้ แต่ผู้ปกครองจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน
การส่งลูกหลานของพวกเขามาเรียนที่นี่มีแต่จะสิ้นเปลืองเงินของพวกเขา
“วัตถุประสงค์ของสถาบันของเราก็คือทำนักเรียนที่อ่อนแอให้อ่อนแอยิ่งขึ้น และทำนักเรียนที่โดดเด่นให้โดดเด่นยิ่งขึ้น เมื่อกลุ่มนักเรียนโดดเด่นมาศึกษาสถาบันของเรา เราจะทำอย่างเต็มที่เพื่อทรมานเขา ทำให้ชีวิตของเขาเหมือนกับอยู่ในนรก สำหรับนักเรียนที่อ่อนแอ ในอนาคต เขาจะทำเรื่องใหญ่ๆ อะไรได้? รวมทั้งอาจทำให้พวกเขาได้รู้สถานะตัวเองและให้พวกเขาสนุกสนานใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างมีความสุขสัก 2-3 ปี” กับคำพูดถัดมาของชายชราเคราแพะไม่กี่คำ เย่ว์หยางได้แต่จ้องมองเขาอย่างตะลึง
อย่างนี้.. เมื่อเขาพูดคำเหล่านั้นออกมาทั้งหมด บางทีมันค่อยสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง
สำหรับนักเรียนอ่อนและไร้อนาคต แทนที่จะต้องใช้ความพยายามมากมายที่จะรักษาพวกเขาและทำให้พวกเขาไม่พอใจเมื่อพวกเขาไม่สามารถอะไรได้ดังคาดหวัง ทำไมถึงไม่ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตสนุกสนานในโรงเรียนแทนเล่า?
นักเรียนหัวอ่อนไม่ได้ต้องการตั้งใจเรียนจริงๆ พวกเขาต้องการเพียงใช้เวลามัวเมา 2-3 ปี แน่นอนว่าพ่อแม่ผู้ปกครองคงจะไม่สนับสนุนให้บุตรหลานของตนทำแบบนั้น บางทีนี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้สถาบันฉางชุนเฉิงตกต่ำ
พวกเขามีแนวคิดการศึกษาและทัศนคติในการสอนที่ดี แต่พวกเขาไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
ผู้เฒ่าเคราแพะมองดูสีหน้าประหลาดใจของเย่ว์หยางจึงฉีกยิ้มเหมือนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ “ไตตัน! เจ้าอยากจะทดสอบเล็กๆ น้อยๆบ้างไหม?”
เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เย่ว์หยางจำตัวเอกในนิยายจากอีกโลกหนึ่งขึ้นมาได้ทันที
ในเรื่องจากอีกโลกหนึ่ง ตัวเอกมักจะไปโรงเรียนอยู่เสมอ จีบสาวๆ เป็นวัตถุประสงค์หลักในการไปโรงเรียน แต่เขายังต้องลูกน้องซื่อสัตย์และทุ่มเท มันเป็นเค้าโครงเรื่องพื้นฐานเสียแล้ว ตัวละครนั้นจะต้องเข้าคิวที่ยาวมากเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของเขาเพื่อเข้าสถาบัน ในที่สุดเมื่อถึงคิวเขา ขณะที่เขาสัมผัสแก้วผลึกวัดพลังความแข็งแกร่งของเขา ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปสิ้นเชิงทันที.. ในสถานการณ์ปกติ ลูกแก้วผลึกจะเปล่งแสงสีรุ้งจากนั้นก็ระเบิดกระจายแสดงพลังเวทของผู้เข้าทดสอบ อย่างไรก็ตาม นั่นมันเป็นสถานการณ์ปกติ สำหรับตัวเอกผู้นั้น เขาจะเป็นแบบตัวเอกได้อย่างไร หากว่าเขาน่ากลัวไม่พอ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือเสียงร้องแสดงความประหลาดใจจากอาจารย์จอมเวทที่ดูแลการทดสอบ “พลังเวทของเขามีครบทั้ง 6 สาย คือลม, ไฟ, น้ำ, ดิน, แสงและความมืดมิดหรือนี่? เขาคืออัจฉริยะที่ในรอบหลายพันปีจึงจะปรากฏมีสักครั้ง ต่อให้เวทเรามากกว่าปัจจุบันถึง 10 เท่า เราก็ไม่สามารถระเบิดแก้วผลึกได้ เราไม่เคยคิดว่าพลังเวทของเจ้าเด็กนี่จะสามารถระเบิดมันได้ นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว”
ในอีกด้านหนึ่งก็ยังมีคนบางพวกที่พระเอกได้พบตามท้องถนนแล้วกลายมาเป็นลูกน้องผู้ภักดีได้ พวกเขาจะเรียกเขาว่า “ลูกพี่!” อย่างตื่นเต้น
ปัจจุบันทุกคนกำลังเฝ้าดูตัวเอกขณะที่เขาหัวเราะจนตัวสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็คือสาวๆ ก็จะวิ่งเข้ามาหาเขาตามพล็อตเรื่อง นอกจากนี้ยังมีคนเป็นจำนวนมากที่เรียกเขาว่าอาจารย์ เดี๋ยวก่อน, ไม่ พวกเขาต้องเรียกเขาว่าลูกพี่, เจ้านาย ต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ
มีครั้งหนึ่งเมื่อรองครูใหญ่ที่มักไปแอบดูสาวๆ อาบน้ำวิ่งมาอยู่ข้างๆ ตัวเอกทันทีที่เขาได้ยินข่าว พอเห็นพระเอกกำลังทำกับข้าวประเภทไข่ เขากลับตกใจตะโกนลั่นว่า “นี่ นี่ ใช่ไข่นกฟีนิกซ์ในตำนานหรือไม่? เจ้าไปได้มันมาจากไหน?” แน่นอน พระเอกจะทำเป็นเกาหัวอย่างใสซื่อแล้วพูดคำที่ใครฟังแล้วก็พากันล้มระเนระนาด “ข้าซื้อมาจากหาบเร่ขายอาหารเช้าริมถนน…”
เจ้าเด็กคนนี้มาจากแดนสวรรค์แน่ ทุกคนคงคิดว่าเจ้าเด็กนี่ต้องเป็นหนึ่งในลูกเมียน้อยของเทพแน่ๆ ทุกคนพากันสงสัยในตัวของพระเอก
หลังจากนั้น ก็จะมีคนกว่ามากคุกเข่าลงตะโกนว่า “เจ้านาย” หรือไม่ก็ตะโกนออกมาว่า “ลูกพี่”
“เอาล่ะ..นักเรียนไตตัน! ถ้าเจ้าต้องการฝันกลางวันเรื่องสาวๆ เอาไว้ทำตอนกลางคืน ข้ารู้จักที่ดีๆ ที่จะใช้แอบมองสาวๆ เปลี่ยนเสื้อผ้ากัน แต่จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่ม ค่าถ้ำมองครั้งละ 1 เหรียญทอง” ชายชราเคราแพะทำลายฝันกลางวันของเย่ว์หยาง ตาแก่นี่ต้องเป็นตาเฒ่าหัวงูลามกที่สุด หน้าด้านที่สุดเท่าที่เย่ว์หยางเคยพบมา อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนที่เข้าใจความต้องการของนักเรียนได้ดีที่สุด
“ลูกแก้วผลึกอยู่ที่ไหน?” เย่ว์หยางมองหาของดังกล่าวภายในห้อง แต่ก็ไม่พบแก้วผลึกที่ใช้ทดสอบก่อนเข้าเรียน
เขาปล่อยเลยตามเลย ถ้าไม่มีคนเป็นพันๆ มาคอยชมดู ไม่มีสาวๆ วิ่งเข้ามาในอ้อมกอดของเขา และไม่มีพี่น้องผู้ภักดีคอยคุกเข่าเรียกเขาว่าลูกพี่ แต่ไม่มีลูกแก้วผลึกวัดพลังได้อย่างไร?
ชายชราเคราแพะสั่นศีรษะและโบกมือ “ข้าขอบอกเลยนะ นักเรียนไตตัน ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจผิดไปหน่อย ในสถาบันฉางจิง พวกเขาจะใช้ลูกแก้วผลึกทดสอบเจ้า แต่ในสถาบันฉางชุนเฉิงของเรา การทดสอบของเราซับซ้อนนิดหน่อย แต่ละเอียดมาก ดังนั้น เราจะไม่ใช้วิธีนั้น
เย่ว์หยางสับสน ถ้าพวกเขาไม่ใช้แก้วผลึกทดสอบความสามารถ อย่างนั้นพวกเขาจะใช้อะไร?
ผู้เฒ่าเคราแพะล้วงเอาม้วนเวทเล็กๆ ที่ประณีตออกมาจากชุดของเขา มันถูกแบ่งเป็น 7 สีที่แตกต่างกันคือ สีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า ครามและม่วง แต่ละม้วนก็มีสีต่างกัน
“ท่านจะวัดความสามารถของข้าด้วยของเหล่านี้ได้อย่างไร?” เย่ว์หยางเดาว่า ถ้าเขาแตะม้วนที่ถูกต้อง มันอาจจะฉายแสงเป็นตัวบ่งชี้ก็ได้
“แต่ละม้วนจะเป็นม้วนเวทมิติขนาดเล็กที่ข้าสร้างขึ้นมาเอง แต่ละสีแสดงให้เห็นความยากในระดับที่แตกต่างกัน แดงคือระดับ 1 ต่ำที่สุด ขณะที่ม่วง คือระดับ 7 ยากที่สุด เมื่อเจ้าเปิดม้วนเวท เจ้าจะถูกเทเลพอร์ตส่งไปยังพื้นที่แห่งหนึ่ง มีสัตว์ประหลาดในม้วนเวทรอเจ้าอยู่ จะมีสัตว์ประหลาดในระดับความยากที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเจ้าเลือกม้วนแดง ก็จะเจอหมาป่าวายุระดับสอง สิบตัวอยู่ข้างใน ถ้าเจ้าเปิดม้วนเวท เจ้าจะถูกส่งไปอยู่ต่อหน้าหมาวายุที่หิวกระหาย 10 ตัว ถ้าเจ้าสามารถฆ่าทุกตัวได้ภายใจ 10 นาที ยิ่งไปกว่านั้นโดยที่ตัวเจ้าไม่บาดเจ็บ เจ้าก็จะรอดพ้นจากการประเมินผลให้เป็นนักเรียนอ่อนแอ” ผู้เฒ่าเคราแพะยิ้มด้วยความรักและเมตตา แต่ทำไมเย่ว์หยางเห็นแล้วรู้สึกเหมือนกับยิ้มของปีศาจ
“ท่านก็แค่หาความร่ำรวยและฆ่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ?” เย่ว์หยางเหงื่อกแตกพลั่ก เขาไม่เคยเห็นการทดสอบที่อันตรายแบบนี้มาก่อน
“เจ้ายังไม่ได้ทดสอบเลยก็ได้, แต่เจ้าจะถูกประเมินว่าเป็นนักเรียนอ่อนแอทันที อย่างนั้นเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้ร่วมชั้น “เส้นทางนรก” ของสถาบันเรา แน่นอนว่าเจ้าสามารถหาสาวและหาอาหารกินในแต่ละวันที่ผ่านไปก็ได้” ผู้เฒ่าเคราแพะฉีกยิ้มจนถึงหู ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้โกรธเคืองเลย
“ทั้งโรงเรียนนี้ มีอยู่กี่คนที่สอบผ่านบททดสอบนี้?” เย่ว์หยางไม่อาจเชื่อได้ว่ามีคนที่ยินดีเข้ารับการทดสอบที่เพี้ยนนี้
“ในสถาบันฉางชุนเฉิงของเรา มีนักเรียน 368 คน รวมทั้งครูฝึกสอนด้วยนะ ตอนนี้รวมเจ้าด้วยก็เป็น 369 คน โดยเฉลี่ยแล้วนักที่เข้ารับการทดสอบก็มี 10 % สรุปก็คือ 37 คนยินดีเข้ารับการทดสอบ อัตราสำเร็จของผู้เข้ารับการทดสอบก็คือ 30% ก็คือมีคนสอบผ่าน 11 คน บรรดานักเรียนเหล่านั้น มีอยู่ 4 คนจัดเป็นนักเรียนที่โดดเด่น นักเรียนไตตัน เจ้าไม่ต้องการจะลองทดสอบใช่ไหม? เราให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนโดดเด่นนะ เจ้าก็รู้ ยิ่งไปกว่านั้น ครูใหญ่แสนสวยจะสอนเจ้าเป็นการส่วนตัว เจ้าไม่รู้สินะ เมื่อนางเข้าสอนในชั้นเรียน นางจะแต่งชุดเซ็กซี่ ชุดที่มีรูเหมือนตาข่ายน่ะ นางดูเจ้าชู้มีเสน่ห์ขนาดที่ว่าทำให้ไฟลุกไหม้ในหัวใจเราได้ นอกจากนี้ พวกนักเรียนหัวอ่อนจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างดี” นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางคล้อยตามคำพูดของผู้เฒ่าเคราแพะขึ้นมาบ้าง พวกนั้นก็แค่หมาป่าวายุไม่ใช่หรือ? เขาไม่จำเป็นต้องเรียกอสูรของเขก็ได้ เขาสามารถใช้ดาบวิเศษฮุยจินฆ่ามันก็ได้
“ก็ได้ ข้าจะลองดู เพื่อให้ได้รับทุนนะ” เย่ว์หยางจะไม่พูดว่าลองดูเพราะเขาต้องการเห็นครูใหญ่แสนสวยในชุดตาข่ายแสนเซ็กซี่
เขาจะไม่หาเรื่องยุ่งยากแน่นอน เขายื่นมือปัดม้วนสีม่วงที่ผู้เฒ่าเคราแพะยื่นให้เขาและหยิบเอาม้วนสีแดงแทน
ขณะที่เขาเปิดมัน ลำแสงสีทองก็ส่องออกมา
เย่ว์หยางถูกเทเลพอร์ตไปทันที ในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงสภาพแวดล้อมเขา เขาพบว่าตัวเองอยู่ในสมรภูมิมรณะบางแห่ง พื้นที่มิติก็ไม่นับว่าใหญ่ ขนาด 2 เท่าของสนามฟุตบอล
ในพื้นที่ตรงกลาง มีเนินเล็กๆ แห่งหนึ่ง ดูเหมือนมีรังของหมาป่าวายุ
พวกมันเป็นหมาป่าวายุระดับ 2 ไม่ใช่เหรอ?
นอกจากจะเคลื่อนที่ได้เร็วและแคล่วคล่องว่องไว้แล้ว พวกมันไม่มีอะไรมาก ถ้าเขาไม่สั่งให้ฮุยไท่หลางคอยปกป้องเย่ว์ปิงขณะที่นางไปลาออกที่โรงเรียนนาง ดูเหมือนว่าฮุยไท่หลางเพียงลำพังก็จัดการหมาป่าวายุทั้ง 10 ได้เหลือเฟือ เย่ว์หยางเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ชักดาบวิเศษฮุยจินและวิ่งตรงไปที่เนินเขา แต่ทันใดนั้น เขาเห็นว่ามีมังกรบินแม็กมากำลังนอนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้นที่เว้าบนยอดเนินที่เต็มไปด้วยลาวา มันดูเหมือนปล่องลาวา เย่ว์หยางโกรธจนตะโกนลั่นว่า “แม่งเอ๊ย! ไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ รอจนกว่าข้าออกไปเสียก่อนเถอะ พ่อจะหั่นเป็น 18 ชิ้นเลย”
ไอ้ 2 ตัวนี้จะเป็นหมาป่าวายุระดับ 2 ไปได้อย่างไร? นี่มันมังกรบินแม็กม่า อสูรทองแดงระดับ 6 แถมยังมีตั้ง 2 ตัว
ปฏิกิริยาแรกของเย่ว์หยางก็คือควักม้วนเทเลพอร์ตออกมา แต่ว่าม้วนเทเลพอร์ตใช้ไม่ได้ในที่แบบนี้ จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ไม่ได้รู้เพียงแต่วิธีสร้างม้วนเทเลพอร์ตเท่านั้น แต่ยังรู้วิธีก่อกวนไม่ให้ม้วนทำงานได้ นักเรียนที่เทเลพอร์ตเข้ามาในพื้นที่นี้จะต้องสู้และไม่สามารถหลบหนีได้…
********************