===============
แผ่นดินแยกออกภูเขาถล่มทลาย รอยแยกลึกก่อตัวขึ้นอย่างเร็ว และทันใดนั้นแผ่นดินก็นูนขึ้นมาเป็นภูเขายักษ์
แรงสั่นสะเทือนของภูเขาและก้อนหินที่ร่วงลงพื้นยังคงดังไม่หยุด
หนอนปีกดำบินวนอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับยุงดูดเลือดผสานกันมีเสียงหึ่งๆ อยู่โดยรอบ
เนื่องจากแรงกดดันจากทางด้านฮุยไท่หลางและสัตว์ประหลาดยักษ์ทำให้พวกมันพยายามหลบหนี โดยก่อตัวเป็นเมฆแมลงบินอยู่รอบๆเหมือนกับว่าพวกมันลังเลที่จะจากไปแต่โดยดี
ร่างของฮุยไท่หลางเดิมทีดูเหมือนวัวตัวย่อมๆ ก็กลายเป็นหุ่นดูดีมั่นคงกว่าเดิม กล้ามเนื้อของมันเป็นลอนราวกับกระดูก มันเริ่มวิวัฒนาการโดยเปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูโครงร่าง มันขยายตัวอย่างช้าๆ จนกลายเป็นขนาดยักษ์ เปลวเพลิงสีดำเผาร่างมันอย่างเข้มข้นขณะที่ขนาดของมันใหญ่กว่าในอดีตถึง 2 เท่า ในที่สุด ฮุยไท่หลางก็เชิดหน้าหอนเสียงดัง กรงเล็บของมันเจาะลงไปในพื้น ร่างของมันระเบิดพลังออกมาเป็นเปลวไฟสีดำลุกโพลงขึ้นไปบนท้องฟ้า
หนอนปีกดำและยุงดูดเลือดที่บินอยู่เต็มท้องฟ้าต่างพากันชะงักงันเพราะเสียงหอนของมันแล้วร่วงลงพื้นทีละตัวๆ ปรากฏเป็นภาพเหมือนกับฝนตก
“นี่คือพลังกดดันของจ้าวอสูรเหรอ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าพลังกดดันแบบนั้นคงมาจากจ้าวอสูรทอง จ้าวอสูรสามัญไม่อาจจะเทียบกับแรงกดดันของฮุยไท่หลางในปัจจุบันได้
ฮุยไท่หลางไม่ใช่จ้าวอสูรทอง มันยังมีกลิ่นอายแบบนั้นปกคลุมไปทั้งตัว อาจเป็นไปได้เนื่องจากว่ามันดูดซับพลังปราณปีศาจของจ้าวปีศาจฮาซินมากเกินไปกระมัง?
เย่คงและคนอื่นๆ ตกตะลึงมองดูขณะที่ร่างของฮุยไท่หลางขยายใหญ่ขึ้นอยู่ภายในเปลวไฟสีดำ ในที่สุด มันกลายเป็นสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาที่มีปราณปีศาจมหาศาล ดูน่ากลัวน่าเกรงขาม
เมื่อมันยืนขึ้นอย่างสง่างาม มันสูงถึง 3 เมตรเต็ม
ปากทั้งสองสีแดงราวกับโลหิตเต็มไปด้วยเขี้ยวหมาป่าที่ดูเหมือนมีด ลมหายใจที่จมูกของมันมีไฟและควันหนาทึบ
บนตัวของมัน มีเปลวเพลงสีดำประหลาดลุกไหม้อยู่บนหลังของมัน ขนของมันเป็นเงาวาววับ ลักษณะของฮุยไท่หลางได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ทำให้มันดูมีราศีข่มขวัญเหมือนกับว่าจ้าวปีศาจปรากฏตัว
ตอนแรกเย่ว์หยางมีความคิดว่าฮุยไท่หลางจะมีหัวงอกขึ้นมาอีกหัวและเปลี่ยนร่างเป็น “เซอร์เบอรัสในตำนาน อย่างไรก็ตาม เขาพบว่ามันแค่เพิ่มขนาดขึ้นมาเท่านั้น เมื่อเขาใช้ญาณทิพย์ของเขาตรวจดู ก็พบว่ามันยังคงเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัว แต่ทว่ามันประสบความสำเร็จในการยกระดับแล้ว จากอสูรทองแดงระดับ 5 กลายเป็นอสูรเงินระดับ 4
วิวัฒนาการพิเศษนี้ แม้จะทำให้ระดับของมันลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น แต่ศักยภาพพลังต่อสู้ของฮุยไท่หลางจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
วิวัฒนาการพิเศษเป็นอสูรชั้นเงินนี้เป็นจุดเริ่มต้นความหวังใหม่
ถ้าฮุยไท่หลางเลื่อนระดับไปเป็นอสูรทองแดงระดับ 6 แทน อย่างนั้นฟ้าก็คงลิขิตให้มันต้องเป็นอสูรแรงงานที่รับแต่งานหยาบๆ ในอนาคตต่อไป
อย่างไรก็ตาม ฮุยไท่หลางในปัจจุบันเป็นอสูรที่ประสบความสำเร็จวิวัฒนาการแบบพิเศษไปเป็นอสูรชั้นเงินได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันได้เปิดเส้นทางแห่งความหวังใหม่ได้แล้ว อาจมีโลกใหม่ที่เป็นไปได้กำลังรอเขาอยู่ เย่ว์หยางยังคงอดทนรอให้ความมั่นใจเพิ่มขึ้น ถ้ามันประสบความสำเร็จวิวัฒนาเป็นอสูรชั้นเงินได้ การวิวัฒนาการเป็นอสูรทองก็คงจะมาถึงในไม่ช้าไม่ใช่เหรอ? ด้วยพื้นฐานแรงกดดันมหาศาลที่ฮุยไท่หลางได้รับมาเมื่อมันมีวิวัฒนาการพิเศษ และนิสัยฉลาดที่มันมีอยู่ก่อนแล้ว อย่างน้อยมันคงได้เป็นจ้าวอสูรทอง บางทีอาจสูงกว่านั้นก็ได้….
ทันใดนั้น เย่ว์หยางมีความคิดที่บ้ายิ่งกว่า ถ้าสักวันหนึ่งเขาได้ศพจ้าวปีศาจมาและให้ฮุยไท่หลางได้กิน จากนั้นมันจะวิวัฒนาการอย่างไรกันนะ? แน่นอนว่า นี่เป็นความคิดชั่วครู่ แต่เขาก็ยังไม่ตัดความเป็นไปได้ทิ้ง
“โบร๋วววว” หลังจากฮุยไท่หลางวิวัฒนาการ มันมีกลิ่นอายข่มขวัญเพิ่มขึ้น พลังต่อสู้ของมันเพิ่มขึ้นในระดับสูงสุด
ฮุยไท่หลางกระโจนมาอยู่ทางขวามือด้านหน้าของเย่ว์หยาง มันส่งเสียงคำรามใส่ปีศาจขนาดยักษ์ที่เจาะทางจนเป็นเละเป็นโคลน เหมือนกับว่ามันไม่กลัวศัตรูของมัน แม้จะเป็นปีศาจขนาดยักษ์ก็ตาม
เสียงแผ่นดินไหวดังกึกก้องขณะที่ปีศาจตัวที่ดำดินมาจู่ๆ ก็ระเบิดออกมาจากภายใต้แผ่นดิน
ตามที่เย่ว์หยางคาดเอาไว้ ปีศาจตนนี้ไม่ใช่สัตว์ประหลาดระดับสูง มันเป็นอสูรระดับสามัญ อย่างไรก็ตาม ตัวของมันขนาดภูเขาย่อมๆ และมองดูเหมือนกับตัวด้วง แต่แปลกที่ว่าด้วงตัวนี้ใหญ่พอๆ กับภูเขาย่อมๆ มีเขา 3 เขา เขาด้านข้างมี 2 เขารูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งซีกเหมือนกับเป็นก้ามปูขนาดยักษ์มากกว่า เขาที่อยู่ตรงกลางมีลักษณะแหลมเหมือนหอก หัวของมันมองดูน่ากลัวมาก ตัวของมันมีกระดองแข็งสีดำปกคลุม มองดูเหมือนเนินเขาเล็กๆ ที่ทำจากเหล็ก ถ้าเทียบกับสัตว์อสูรสามัญ มันเป็นอสูรที่ใหญ่กว่ามาก ต่อให้เอาไปเทียบกับแมมม็อธศึก แมมม็อธศึกกลายเป็นสัตว์แคระไปเลย
เมื่อเจ้าอ้วนไห่เห็นปีศาจแล้ว เขากลัวจัดจนเข่าอ่อนล้มลงกับพื้น “สวรรค์โปรด! ยังมีด้วงมูลสัตว์ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง?”
เย่คงกัดฟัดพูดว่า “นี่สัตว์ประหลาดระดับ 7 หรือ? โชคดีที่ยังไม่ใช่สัตว์ประหลาดระดับสูง เป็นอสูรสามัญระดับ 7 ตัวหนึ่ง มิฉะนั้น เราอาจตายทุกคนก็ได้”
เด็กผู้หญิงตัวสูงไม่เห็นด้วย และคัดค้านทันทีว่า “พวกเจ้าตาบอดกันแล้วหรือ? นี่มันด้วง 3 เขา ระดับ 8 อย่างไม่ต้องสงสัย นอกจากนี้มันยังมีอีกชื่อ เรียกว่า ด้วงจอมพลัง คนทั่วๆ ไปเรียกกันว่า ด้วงจอมพลัง และมันไม่ใช่ด้วงมูลสัตว์”
“ระดับ 8 เหรอ?” เจ้าอ้วนไห่เริ่มร้องไห้ออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้น
แม้จะเป็นอสูรระดับสามัญ แต่พลังและความแข็งแกร่งของอสูรนั้นไม่ใช่อยู่ในระดับที่เจ้าอ้วนไห่จะคาดคิดได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ร่างของด้วงจอมพลังมีขนาดภูเขาย่อมๆ สามารถกวาดล้างสนามรบโดยใช้พลังกลิ้งบดทับเท่านั้น อสูรรบโคโด จะไปเทียบกับมันได้อย่างไร? (โคโด..อสูรพาหนะจากเกมวอร์คราฟ) ขนาดของโคโดยังไม่ถึงหนึ่งในห้าของขนาดด้วงจอมพลัง ถ้าด้วงจอมพลังใช้เขาทั้งสามขวิดใส่โคโด โคโดมีแต่จะปลิวหายไปในอากาศ
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไห่ร้องออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ด้วงจอมพลังนี้ไม่ได้ตั้งใจโจมตีมนุษย์ มันกลับงุ่มง่ามคลานเข้าไปในหุบเขาแทน
มันยังเป็นเหมือนไม่เห็นตอนที่ฮุยไท่หลางกระโจนมาอยู่บนหลังของมัน
ทุกคนพากันสับสน เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มันไม่ได้ดำดินออกมาเพื่อต่อสู้หรอกหรือ?
ทันใดนั้นองค์หญิงชี่หมิงตระหนักได้ถึงบางอย่าง จึงกรีดร้องลั่นชี้ไปที่หุบเขาและพูดว่า “มันต้องการกินพุ่มหูดำที่กำลังจะบาน… ต้องหยุดมันไว้ เร็วเข้า มิฉะนั้น พุ่มหูดำจะถูกมันกินไปทั้งหมด”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเธอพูด เขารีบไล่ตามมันไปทันที
เงื้อดาบวิเศษฮุยจิน กระตุ้นเปลวเพลิงสีม่วงแล้วฟันลงไปที่ขาหลังของด้วงจอมพลังเต็มแรง
บึ้ม…
เสียงฟาดฟันดังเหมือนสายฟ้าฟาดยามฟ้าปลอดโปร่ง สั่นสะเทือนทั้งหุบเขาและมีเสียงกึกก้องไปตลอดทาง อย่างไรก็ตามด้วงจอมพลังแทบจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย มันยังคงเดินต่อไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้สนใจว่าเย่ว์หยางจะไล่ฟันมัน ทุกคนปากอ้าค้างจนคางแทบติดพื้น นี่มันพลังป้องกันแบบไหนกันแน่?
ต่อให้เป็นหินแข็งๆ ถ้าโดนฟันหนักขนาดนั้น มันน่าจะป่นเป็นจุลไปแล้ว
หรืออย่างน้อย ก็ต้องทิ้งรอยมีดกรีดลึกบนหินนั้น
อย่างไรก็ตาม ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนบนขาของด้วงจอมพลังแม้แต่น้อย
ฮุยไท่หลางก็ยกกรงเล็บของมันใช้ระเบิดศิลาได้ง่ายๆ ตามวิธีที่เย่ว์หยางได้สอนมันไว้ มันใช้เล็บฟันไปที่ตำแหน่งหลังของด้วงจอมพลังอย่างอำมหิต ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นจุดอ่อนที่สุดของร่างมัน อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงไร้ผลอยู่ดี
ท่อนเหล็กในมือของเย่คงหล่นลงพื้นเสียงดังแคร้ง ขณะที่เขาทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
สู้กับอสูรระดับ 8 ที่มีพลังป้องกันพิเศษเหมือนอย่างด้วงจอมพลังนี้ ลองคิดง่ายๆ ว่าหากจะทำร้ายให้มันบาดเจ็บก็ต้องทำลายเกราะภายนอกที่แข็งแกร่งของมัน แน่นอนว่า มันมีจุดอ่อนของมันเอง และนั่นก็คือทางหายใจของมันซึ่งไม่สามารถปกป้องอย่างแข็งขันได้ เปลือกนอกมีทางระบายลมหายใจ 18 ทาง แต่ละทางอยู่ที่ตรงท้องของมัน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังถูกป้องกันโดยเปลือกนอกที่แข็งแกร่งมาก มันแข็งกว่าโลหะเสียอีก
เย่ว์หยางยังคงหน้าบึ้ง เขาคิดว่าเจ้าด้วงจอมพลังนี้บางทีมีพลังโจมตีไม่สูง หรือแม้แต่ทักษะอย่างอื่น
อย่างไรก็ตาม พลังป้องกันของมันเกินคาดไปมาก
พวกเขาจะหยุดไม่ให้มันกินพุ่มหูดำได้อย่างไร?
จู่โจมที่ปากและตาบนหัวของมัน อาจจะเป็นความคิดที่ดีก็ได้ อย่างไรก็ตาม มันอันตรายมาก
มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากว่าเขาโดนเขาทั้งสามเล่นงาน เย่ว์หยางกระตุ้นเปลวเพลิงสีม่วงที่ดาบฮุยจินยิ่งกว่าเดิมด้วยปราณก่อกำเนิดของเขา และเตรียมโจมตีมันครั้งสุดท้าย ถ้าเขาไม่สามารถทำให้มันเสียหายได้เลย เขาจะรีบเร่งแซงมันไปเก็บพุ่มหูดำก่อน อย่างนั้นจะเห็นได้ว่าเขาเร็วกว่ามัน
พอเห็นว่าเย่ว์หยางยังคงโจมตีต่อไป องค์หญิงชี่หมิงส่ายศีรษะรัวกล่าวว่า “พี่ชาย, อย่าโจมตีมัน พลังป้องกันของด้วงจอมพลังสูงส่งมาก เพราะมันมีภูมิคุ้มกันการถูกโจมตีทางกายภาพ ยิ่งไปกว่านั้น มันมีกำลังมหาศาล มันสามารถยกวัตถุที่หนักกว่าตัวมันถึง 800 เท่าได้อย่างสบาย ถ้าท่านถูกมันโจมตีกลับ กระดูกของท่านได้ถูกป่นยับแน่ เพ่ยเพ่ย! เจ้าคุ้นเคยกับอสูรประเภทแมลง เจ้ารู้ไหมว่าด้วงจอมพลังตัวนี้มีจุดอ่อนอื่นตรงไหนอีกไหม นอกจากทางเดินลมหายใจของมัน?”
“ข้ารู้, โจมตีตรงก้นของมัน นั่นจะดึงดูดความสนใจมันได้” คำพูดขององค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ยทำให้เย่ว์หยางร่วงกับพื้นดังตุ้บ
บางทีด้วงธรรมดาอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เจ้าด้วงตัวที่อยู่ข้างหน้าเขามันตัวขนาดภูเขาย่อมๆ วิธีการแบบนั้นจะใช้การได้หรือ?
ยิ่งกว่านั้น ไปจับก้นของมัน วิธีแบบนั้นมันน่าอดสูใจเกินไป
เย่ว์หยางเคยจับแต่ก้นสาวๆ เขาคงจะหดหู่ใจถ้าทำอย่างนั้นกับคนอื่น เย่ว์หยางกวักมือพูดว่า “ลูกพี่ไห่! ไปจับก้นมันหน่อยสิ!”
เจ้าอ้วนไห่สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเย่ว์หยางพูด เย่ว์หยางจะให้โอกาสเขาไปจับก้นอะไร มันดีหรือไม่?
เขาตอบอย่างสงสัย “ทำไมต้องเป็นข้าด้วยเล่า?”
เย่ว์หยางตอบด้วยความรู้สึกปกติ “ง่ายมาก, เพราะเจ้าเป็นลูกพี่”
เจ้าอ้วนไห่โอดครวญเป็นครั้งแรก ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงคับข้องใจน้ำตาคลอเบ้าว่า “ทำไมใครๆ ถึงไม่คิดถึงลูกพี่คนนี้ ในตอนจับก้นสาวๆ บ้าง?”
“เรื่องนั้นช่างมันก่อน เราไว้คุยเรื่องสาวๆ ทีหลัง เจ้าเป็นลูกพี่ แล้วทุกคนจะยอมให้เจ้าจับก้นสาวๆ ก่อนแน่นอน รีบๆ ไปจิ้มตูดมันได้แล้ว จะได้โค่นมันเสียที เจ้าต้องทำเหมือนกับว่าเป็นลูกพี่สิ, แล้วโอ้โลมก้นมันอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ…” เย่ว์หยางหว่านล้อมเจ้าอ้วนไห่เพื่อให้เขาได้ลงมือ
“คิกคิก” ผู้หญิงตัวสูงและเด็กๆ อื่นเริ่มหัวเราะ
“ไม่เอาล่ะ, ข้าไม่อยาก! อ่า.. ข้าหมายถึง.. ข้าอ้วนเกินไป ฉะนั้นจะให้ข้าไปกอดรัดฟัดก้นมันที่สูงเกือบ 10 เมตรนี่นะ ข้าช่วยไม่ได้หรอก ทว่าข้าก็อยากทำนะ” เจ้าอ้วนไห่คิดว่างานแบบนี้ จะต้องให้เขาขึ้นไปสูงจากพื้นมันอันตรายเกินไป ถ้าเขาเผลอร่วงลงมา อย่างน้อย สมองของเขาคงต้องได้รับความกระทบกระเทือนแน่ ยิ่งกว่านั้น การกระทำหยาบคายอย่างแหย่ก้นด้วงจอมพลังต่อหน้าทุกคน เขายังจะไปจีบสาวที่ไหนได้อีก หากว่าเรื่องแพร่ไปสู่สาธารณชน? เจ้าอ้วนไห่ปฏิเสธที่จะทำ ต่อให้ตายก็ตาม เขายอมให้เย่ว์หยางมัดเขาทำหมูบะช่อ ดีกว่าทำเรื่องน่าขายหน้าแบบนั้น ยังไงเขาก็ยังเป็นลูกพี่
แม้ขณะที่เย่ว์หยางจะทุบตีเจ้าอ้วนไห่เตรียมทำหมูย่าง ปรากฏด้วงจอมพลังอีกตัวหนึ่งค่อยๆ คลานออกมาจากหลุมยักษ์ข้างหลังมัน…
เจ้าด้วงตัวนี้มันขนาด 1 ใน 10 ของเจ้าตัวข้างหน้า แม้ว่าตัวมันยาวพอๆ กับแมมมอธ ต่อให้คนตาบอดก็รู้ได้ว่ามันเป็นอสูรกำลังเติบโต เจ้าตัวเล็กเป็นด้วงตัวอ่อน
“อสูรสามัญระดับ 4 ตัวนี้สามารถเอาชนะได้” เย่ว์หยางเข้าไปถึงด้วงตัวอ่อนทันที และใช้ดาบฮุยจินฟันร่างมันอย่างแรง แม้ว่าภายนอกดูเหมือนมันจะไม่บาดเจ็บ แต่ด้วงอ่อนกลับได้รับบาดเจ็บภายในปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางทุลุผ่านเปลือกหนาของมัน เปลวไฟจากดาบฮุยจินแทรกซึมเข้าไปถึงอวัยวะภายในเริ่มไหม้จากภายใน ด้วงไม่สามารถทนทรมานได้ จึงร้องโหยหวนน่าสมเพช
อย่างไรก็ตาม เมื่อด้วงน้อยถูกทำร้าย ด้วงจอมพลังยักษ์โกรธขึ้นมาทันที มันหันมาและวิ่งเข้าใส่เย่ว์หยางจนพื้นสั่นสะเทือน ร่างของเขาเมื่อเทียบกับมันแล้วก็เหมือนเม็ดทราย พอเห็นว่าวิธีของเขาประสบผล เย่ว์หยางกระโดดหลบการโจมตีทันที เขาดำเนินตามแผนต่อ โดยฟันใส่หลังด้วงตัวอ่อน
ถ้าเขาต้องการฆ่าด้วงตัวอ่อน เขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งเต็มกำลังและเล็งที่จุดชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม เพื่อถ่วงเวลา เย่ว์หยางไม่ทำอย่างนั้น
“พวกเจ้ายังรออะไรอยู่อีก? รีบๆ ไปดูว่าพุ่มหูดำบานแล้วหรือยัง” เย่ว์หยางตะโกนใส่กลุ่มเด็กๆ ที่ยังตกตะลึงขณะที่เขากำลังล่อด้วงยักษ์ออกไป ฮุยไท่หลางคอยช่วยอยู่ด้านข้างเขา มันคอยกระโดดอยู่ตลอดเวลา คอยพ่นไฟใส่หัวของด้วงอ่อน หรือไม่ก็กัดขาหลัง ขู่ให้มันออกไปจากที่แห่งนี้
“ยังคงมีเวลาครึ่งชั่วโมง, พี่ชาย! อดทนอีกนิด” องค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ยเกือบทำให้เย่ว์หยางกังวลใจแทบตาย หลอกล่อศัตรูนานขนาดนั้น เขาจะไม่เหนื่อยตายหรือไงนี่?
ด้านบนของหน้าผาที่ไกลออกไป
ในความมืดมิด บุรุษตาอินทรียังคงหมุนตัวไปรอบๆ และออกมา “เจ้าโง่นี่, เขาดีแต่ใช้กำลังถึกๆ อย่างเดียว เขาไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับสัตว์อสูรเลยนี่”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากองค์หญิงเพ่ยเพ่ยและคนอื่นเพิ่งจะรวบรวมพุ่มหูดำและกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำที่เพิ่งแตกหน่อ เย่ว์หยางและฮุยไท่หลางก็วิ่งกลับมาจากที่ไกล เย่ว์หยางตะโกนบอกเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ว่า “พวกเจ้า มีใครต้องการทำสัญญากับด้วงอ่อนบ้างไหม? แม้ว่ามันจะไม่ใช่อสูรรบ แต่พลังป้องกันของมันสูงมาก มันสามารถใช้เป็นโล่ป้องกันได้ มีใครต้องการบ้างไหม? ถ้าไม่มีใครต้องการ ข้าจะฆ่ามันแล้วเอาแก่นเวทออกมา เร็วๆ ด้วย เจ้าด้วงยักษ์จะกลับมาในไม่ช้าแล้ว”
เจ้าอ้วนไห่ตัดสินใจเองว่า “ในฐานะเป็นลูกพี่ของพวกเจ้า ข้าจะไม่ทำสัญญากับอสูรอื่นๆ ยกเว้นจ้าวอสูรทองรูปมนุษย์สาวแสนสวย ยิ่งไปกว่านั้น อสูรที่เป็นโล่ ข้ามีแรดเหล็กก็พอแล้ว”
“เราก็ไม่ต้องการมัน, มันน่าเกลียดมาก และใหญ่เกินไป” ผู้หญิงตัวสูงและเด็กอีก 5 คนโบกมือปฏิเสธทั้งหมด
“งั้นข้าขอเอง” เย่คงยืนขึ้น แม้ว่ามันเป็นอสูรสามัญระดับ 4 แต่เย่คงหวังกับมันเป็นอย่างสูงหลังจากที่เห็นพลังป้องกันของด้วงจอมพลัง ยิ่งไปกว่านั้น เขาเข้าใจว่า ถ้าด้วงไม่มีอนาคตจริงๆ เย่ว์หยางคงจะไม่ไว้ชีวิตและจงใจนำมันกลับมาถามว่าใครต้องการจะทำสัญญากับด้วงอ่อน
“เจ้ามีความรู้สึกกับก้นมันไม่ใช่เหรอ? ข้าไม่สามารถรอวันที่เจ้าจะกอดรัดฟัดก้นด้วงอ่อนขณะยิ้มอย่างลามกแน่.. อ่า..ก็ได้ๆ อย่าถือสาคำพูดของข้าเลย” เจ้าอ้วนไห่ตั้งใจจะเยาะเย้ยถากถางเย่คง แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังจ้องมาที่เขา เขากลัวจนก้มหน้าลงและถอนคำพูดของตัวเอง เขาต้องทำท่าน่าสมเพชคล้ายจะบอกว่า “เชิญทุบตีข้าได้เลย แต่อย่าทำร้ายหน้าข้านะ” ก่อนที่ทุกคนจะเต็มใจปล่อยเขาไป
พอเผชิญหน้ากับความตาย ด้วงอ่อนที่ได้รับบาดเจ็บทั่วตัวมัน เย่คงใช้ม้วนสัญญาถึง 5 ม้วนโดยเปล่าประโยชน์
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
องค์หญิงน้อยเพ่ยเพ่ย ส่งม้วนสุดท้ายให้เขา ถ้าเขายังทำสัญญาล้มเหลวอีก ก็จะไม่เหลือความหวังอีกต่อไป
เป็นเรื่องปกติมากที่มีการล้มเหลวในการทำสัญญากับสัตว์อสูร เย่คงไม่ต้องการให้เย่ว์หยางผิดหวัง และเขาไม่ต้องการปล่อยโอกาสที่ดีซึ่งเย่ว์หยางมอบให้เขาต้องเสียไป
“ใจเย็นลงอีกนิด เจ้าจะสำเร็จแน่นอน ด้วงยักษ์จะกลับมาในไม่ช้า ดังนั้นฮุยไท่หลางกับข้าจะไปล่อมันก่อน 5 นาที ใช้เวลา 5 นาทีสุดท้ายทำสมาธิ สงบจิตใจเจ้าให้ดี ทำกายกับใจของเจ้าให้เป็นหนึ่งและไม่ต้องกังวล ปล่อยพลังปราณภายในให้ควบคุมตัวเจ้า…” เย่ว์หยางกระตุ้นเขาครู่หนึ่งก่อนที่จะออกไปพร้อมกับฮุยไท่หลางเพื่อล่อด้วงยักษ์ให้ห่างออกไป
แน่นอน เขายังมีวัตถุประสงค์อื่น
เมื่อเขาล่อด้วงปีศาจยักษ์ออกไป เขามองเห็นพืชที่แปลกก้านมันกลมๆ ไม่ใช่แค่แมลงปีศาจเท่านั้น แม้แต่ด้วงปีศาจยักษ์ก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้มัน เย่ว์หยางตัดสินใจใช้เวลาตอนที่เย่คงทำสัญญากับด้วงอ่อนเพื่อสังเกตมันให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เขาไม่สามารถใช้ญาณทิพย์ตรวจมันได้ มันคืออะไรกันแน่?
เย่ว์หยางตัดสินใจเรียกต้นดอกหนามออกมา แล้วให้มันใช้รากเชื่อมกับพืชก้านกลมนั้น จากนั้นเขาค่อยๆ ถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าไปและค่อยๆ ตรวจสอบดูเล็กน้อย…
**************************