เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 133 – ตอนที่ 130 ด้วงหยกขาว

===============
เมื่อเย่ว์หยางมาถึงต้นหัวกลมแปลกๆ ด้วงปีศาจยักษ์ที่กำลังไล่ตามเย่ว์หยาง ก็หันหัวกลับและจากไปทันที

เย่ว์หยางคิดว่าด้วงปีศาจยักษ์นี้จำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 นาทีถึงจะกลับไปถึงที่ๆ เย่คงกับพวกอยู่ เขาคิดว่าเขาให้เวลาเย่คงทำสัญญากับด้วงอ่อนเพียงพอแล้ว เขาเดินมาถึงด้านหน้าต้นไม้หัวกลมแปลกๆ และเรียกต้นดอกหนามที่ยังอยู่ในช่วงวิวัฒนาการออกมา อย่างไรก็ตาม ตรงกับที่คาดเอาไว้ ต้นไม้หัวกลมมีความเคลื่อนไหวทันที ผิวนอกที่ปกคลุมด้วยหนามคล้ายแคสตัสค่อยๆ เปิดออก แสงสว่างสีขาวฉายออกมาเต็มอากาศ มองดูบริสุทธิ์เย็นตาเย็นใจ สิ่งสกปรกรอบด้านละลายสลายเป็นจุลสีดำภายใต้แสงสว่างสีขาว ที่ค่อยๆ ฉายขึ้นไปบนท้องฟ้า

ตอนแรก เย่ว์หยางคิดว่าจะมีของประเภทไข่มุกอยู่ภายในต้นหัวกลม เหมือนไข่มุกที่พบในเปลือกหอย

เมื่อแสงสว่างสีขาวไม่ได้สร้างความพร่าตามึนงงต่อไป เย่ว์หยางยื่นมือออกไปและมองดู แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน

ภายในลำต้นหัวกลมนั้น มีชั้นเนื้อคล้ายเนื้อเยื่อมะพร้าว และในกลางต้นที่มีเนื้อเหลืออยู่ไม่มาก ด้วงตัวหนึ่งดูคล้ายหยก ลำตัวเป็นประกายโปร่งแสง มองทะลุเห็นอวัยวะภายในผ่านเปลือกนอกมันได้ มันดูเหมือนด้วงจอมพลังขนาดเล็ก แต่เขาของมันยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่จนเห็นเป็นรูปชัด เขาของมันดูเหมือนไม่สามารถใช้ทำร้ายคนได้ แต่ให้ความรู้สึกที่งดงามนุ่มนวลเยือกเย็น

ตัวด้วงดูเหมือนงานประติมากรรมชิ้นเอกที่ได้รับการขัดเกลาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ร่างเป็นประกายและโปร่งแสงของมันดูเหมือนหยกขาวและมีขนสีทองที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีสีสันอื่นบนตัวมัน เขา ขาและลำตัวน้อยๆ ของมันดูแล้วให้ความรู้สึกที่่น่ารักมากกว่า

เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจ แม้เขาใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ตรวจดู ก็ไม่สามารถตรวจสอบด้วงหยกตัวนี้ได้

ฮุยไท่หลางดูเหมือนจะรำคาญด้วงหยกขาวที่มีพลังมหาศาลแม้ว่ามันยังเป็นตัวอ่อนก็ตาม เหตุผลก็คือว่าพลังบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ในตัวด้วงทำให้ปราณปีศาจในตัวฮุยไท่หลางปั่นป่วน ดังนั้นฮุยไท่หลางไม่ยอมเข้ามาอยู่ใกล้ด้วงหยกขาว

ถ้าเป็นด้วงตัวอื่นๆ ที่มีพลังสมบูรณ์ ฮุยไท่หลางคงจะกินมันไปเรียบร้อยแล้ว

เย่ว์หยางเอื้อมมือหยิบด้วงหยกขาวมาไว้ในมือของเขา

ถ้าเขาไม่เห็นว่าเท้าและเขาของมันเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เย่ว์หยางคงคิดว่านี่คือหยกขาวที่แกะสลักเป็นรูปตัวด้วงเป็นผลงานชั้นยอดของประติมากรฝีมือดี

เจ้านี่เป็นสิ่งมีชีวิตหรือนี่?

ในแดนปีศาจที่สกปรกแห่งนี้ มีสิ่งมีชีวิตที่มีพลังบริสุทธิ์อยู่ได้อย่างไร? ในโลกนี้มีเรื่องแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้อยู่มากเหมือนกัน เย่ว์หยางเปิดสารานุกรมสัตว์อสูรของเขาและหาดูในหมวดสัตว์อสูรประเภทแมลงอยู่เป็นเวลานาน แต่เขาไม่สามารถหาบันทึกข้อมูลที่เข้ากันมาอธิบายเจ้าด้วงหยกขาวนี้ได้เลย เมื่อเขาพยายามใช้ปราณก่อกำเนิดหยั่งความรู้สึกถึงมัน พอถ่ายปราณลงไปนิดหน่อย จู่ๆ แสงสว่างสีขาวก็หุ้มตัวเขาไว้ทั้งหมด ฮุยไท่หลางดูเหมือนจะไม่ชอบแสงสว่างสีขาว มันถอยห่างออกมาประมาณ 2-3 เมตรทันทีเพื่อหลบออกห่างจากแสงนั้น

เย่ว์หยางศึกษาดูอยู่นาน แต่เขาก็ยังไม่สามารถหาคำตอบที่เหมาะสมกับเหตุประหลาดครั้งนี้

เขารู้แน่ๆ ว่าด้วงตัวนี้เป็นของดี แต่เขาไม่รู้ว่าด้วงหยกขาวตัวนี้เป็นอสูรประเภทใด

ด้วงหยกขาวไม่ได้ต่อสู้ดิ้นรนในมือของเขาแต่อย่างใด แม้เมื่อเย่ว์หยางจะพลิกตัวมันลงและสังเกตดูทุกซอกทุกมุม เท้าน้อยๆ ของมันแค่ขยับนิดหน่อยเป็นบางครั้ง มันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่เงียบๆ คล้ายกับหลับลึกตลอดเวลา

“เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน แค่เก็บมันไว้และเอาไปตรวจดูที่บ้านต่อทีหลังก็ได้” เย่ว์หยางใส่ด้วงหยกขาวไว้ในกระเป๋าหลังของเขา ทันใดนั้นเอง ฮุยไท่หลางวิ่งเข้าใส่เขาสุดกำลังทันที มันตั้งใจจะกินชั้นเนื้อไม้ขาวที่เหลือ เย่ว์หยางเตะมันจนกระเด็นออกไป เจ้าหมานี่จะกลายเป็นตาบอดหูหนวกไม่สนใจคำพูดเจ้านายเมื่อได้พบของดีๆ เสมอ

“โฮ่ง โฮ่ง…” ฮุยไท่หลางรีบแสดงท่าทางเหมือนหมาซื่อสัตย์และกระดิกหางอย่างตื่นเต้น มันพยายามแสดงให้เห็นว่า “ข้ายังเป็นเด็กดีนะ..เจ้านาย”

“เป็นไปได้ว่าเนื้อผลไม้นี้เหมาะกับสัตว์อสูรหรือ?” เย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดตรวจสอบและพบว่าผลไม้ชนิดนี้มีพลังชีวิตคล้ายหัวใจต้นโอ๊คแต่พลังอ่อนกว่าเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้น ยังมีพลังบริสุทธิ์ที่เย่ว์หยางไม่สามารถตรวจพบได้ เย่ว์หยางจ้องดูพร้อมกับไตร่ตรอง บางทีถ้าเขาใช้เนื้อผลไม้ชนิดนี้เลี้ยงสัตว์อสูร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบำรุงอสูรตัวน้อย น่าจะมีผลที่มากยิ่งกว่ากินแก่นเวทก็ได้ นั่นเป็นเพราะเนื้อผลไม้ชนิดนี้บริสุทธิ์มาก เกือบจะไม่หมองเลย ด้วยเหตุนี้ไม่ต้องสงสัยเลยที่ฮุยไท่หลางจ้องมองดูจนน้ำลายไหลไม่หยุด

ผลของต้นหัวกลมประหลาดถูกด้วงหยกขาวกินไปจนเกือบหมดแล้ว เหลือเนื้อตรงขอบอยู่เพียงนิดหน่อย

เย่ว์หยางหั่นแบ่งเศษนิดหน่อยให้ฮุยไท่หลางที่ยังน้ำลายยืดอยู่ มันรีบงับทันทีเหมือนกับตือโป๊ยก่ายกินชิ้นโสม เนื้อผลไม้ไม่ทันได้กระทบถูกฟันของมันก็ไหลลงท้องไปหมด

ในทางตรงข้าม เมื่อเย่ว์หยางเรียกเสี่ยวเหวินหลีออกมาแล้วให้เธอชิ้นหนึ่ง เธอรับเนื้อผลไม้มาดมๆ นิดหน่อยแล้วคืนให้เย่ว์หยางเหมือนกับว่าไม่สนใจเนื้อผลไม้นี้ เย่ว์หยางเหงื่อตกขณะลูบหัวน้อยๆ ของเธอเบาๆ “เด็กๆ ไม่ควรจะจุกจิกกับอาหารนะ”

เสี่ยวเหวินหลียังคงส่ายศีรษะ แขนทั้งหกกอดเย่ว์หยางแน่นทำท่าเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจตัว เมื่อเย่ว์หยางคะยั้นคะยอให้เธอกิน เธอรับมาทำท่าเหมือนจะกินก่อนที่จะส่งผลไม้ต่อให้ฮุยไท่หลางและเปลี่ยนสภาพเป็นสายรุ้งกลับเข้าไปพักในตัวเย่ว์หยาง เย่ว์หยางเห็นอย่างนี้ก็ยิ่งเหงื่อตกหนัก แต่ฮุยไท่หลางกลับตรงกันข้าม มันกินเนื้อผลไม้อีกชิ้นอย่างสบายอารมณ์ เวลามันสบายอารมณ์ มันจะกระดิกหางยาวของมันไปทางซ้ายบ้าง ขวาบ้าง..แรงๆ.

ลองดูอีกครั้งน่ะ เย่ว์หยางเรียกนางพญากระหายเลือดออกมา

เมื่อนางรับชิ้นผลไม้มา ตอนแรกนางก็พยักหน้า จากนั้นก็ส่ายศีรษะและร่ายยาวเป็นภาษาปีศาจยาวพรืด นางยังส่งสัญญาณมือเป็นภาษาใบ้ให้เย่ว์หยาง น่าเสียดายที่เย่ว์หยางไม่เข้าใจแม้แต่น้อย

จากพื้นฐานสัญญาณมือของนางพญากระหายเลือด เย่ว์หยางคาดว่านางกำลังบอกว่าเนื้อผลไม้นี้อร่อยมากแน่ๆ คงเป็นเพราะว่าแก่นจริงๆ ของมันหายไปแล้ว เย่ว์หยางคาดว่า เนื้อผลไม้ส่วนที่ดีที่สุดคงถูกด้วงหยกขาวกินไปแล้ว สำหรับเนื้อผลไม้ที่เหลือ เสี่ยวเหวินหลีไม่สนใจมัน ขณะที่นางพญากระหายเลือดก็มีท่าทีเฉยๆ กับมัน นางก็อยากจะกินมัน แต่ก็ยังไม่ถึงกับน้ำลายหกเหมือนฮุยไท่หลาง

“ข้าควรจะเก็บมันไว้ก่อน บางทีมันอาจใช้ได้ในอนาคต “เย่ว์หยางไม่ปฏิเสธที่จะมีสมบัติเพิ่มขึ้น เขาเก็บต้นหัวกลมไว้ในแหวนลิช พอมีแหวนลิช เย่ว์หยางสามารถรวบรวมสมบัติได้ง่ายขึ้น

ห่างออกไป เสียงดังครืนๆ ตามมาด้วยเสียงกึกก้องปานแผ่นดินถล่มทลาย

กลางอากาศ เด็กน้อย 5 คนขี่อสูรเหินฟ้ารีบบินตรงมาหาเย่ว์หยางพร้อมกับร้องแตกตื่น พวกเขายังมาไม่ทันถึงก็ตะโกนลั่นมาทางเย่ว์หยางว่า “ฝูงแมลงกำลังมา เราต้องกลับไปที่ประตูเทเลพอร์ตโดยเร็ว”

ที่ด้านล่างของพวกเขา เป็นเย่คง, เจ้าอ้วนไห่และสหายวิ่งหนีมาตามหุบเขาอย่างทุลักทุเล

มีหนอนปีกดำและยุงดูดเลือดบินอยู่เต็มท้องฟ้า ก่อตัวเป็นเมฆฝูงแมลง แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดยังคงเป็นด้วงจอมพลัง ร่างขนาดใหญ่ของมันทำลายทุกอย่างในเส้นทางที่มันไล่กวดเย่คงและคนอื่นๆ แรงกระแทกของมันทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งหุบเขา ถ้ามันไล่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ทัน บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นเนื้อบดไปในทันทีก็ได้

“พวกเจ้ายังจะรออะไรกันอีก รีบๆ เปิดม้วนเทเลพอร์ตได้แล้ว!” เย่ว์หยางแทบจะคลั่งใจตาย ภายใต้สถานการณ์อันตรายขนาดนั้น ทำไมพวกเขายังวิ่งมาหาเขาตรงนี้?

“ข้าไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น แต่เจ้าอ้วนไห่ต้องใช้เวลาเปิดม้วนเทเลพอร์ต” ก่อนที่เย่คงจะพูดจบ เย่ว์หยางใช้ดาบฮุยจินฟันใส่ด้วงจอมพลังอย่างดุเดือด ในอีกด้านหนึ่ง ฮุยไท่หลางโก่งคอหอนเสียงดัง ตลอดทั้งร่างของมันเปล่งปราณปีศาจที่คล้ายกับของจ้าวปีศาจ คุกคามฝูงแมลงและกดดันจนพวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้

เมื่อทุกคนเทเลพอร์ตจากไปแล้ว เย่ว์หยางพาฮุยไท่หลางหลบหัวยักษ์ของด้วงจอมพลังและเทเลพอร์ตกลับไปทันที

ตอนนี้ฝูงแมลงที่น่ากลัวปรากฏขึ้นในท้องฟ้า มันคือฝูงผึ้งปรสิตที่ชอบจับอสูรอ่อนแอกิน

เย่ว์หยางคิดว่าแดนปีศาจเป็นสถานที่น่ากลัวอย่างแท้จริง จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าสัตว์ประหลาดที่เติบโตขึ้นมาในแดนปีศาจเกือบทั้งหมด จะแข็งแกร่งกว่าสัตว์ประหลาดในทวีปมังกรทะยาน สภาพแวดล้อมที่นี่โหดร้ายอำมหิตมาก สัตว์ประหลาดที่เอาตัวรอดได้ในสภาพแวดล้อมนี้จะแข็งแกร่งที่สุดตามธรรมชาติ

“ดีมากเลย ทุกคนกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ผู้หญิงตัวสูงเห็นว่าเด็กทั้ง 5 คนกลับมาได้แล้ว เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ก็กลับมาได้อย่างปลอดภัย แม้จะมีสภาพทุลักทุเลราวกับตกนรกก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางที่กลับมาเป็นคนสุดท้าย เธอไม่จำเป็นต้องกังวล ในขณะที่ว่าฝีมือต่อสู้ของเย่ว์หยางคือเหตุผลที่ทำให้ทุกคนรอดอยู่ได้ในตอนแรก ถ้าไม่ใช่เพราะเขา บางทีกลุ่มเล็กๆ 2 กลุ่มคงถูกกำจัดออกไปเรียบร้อยแล้ว

“เฮ้, เด็กใหม่ มือใหม่ พวกเจ้ามาช้าจริงๆ ข้าหลับไปตั้งงีบหนึ่งแล้ว” เด็กผู้ชายที่หยิ่งยโสเยาะเย้ยถากถางพวกเขา “ไหนขอดูหน่อยซิ ว่าพวกเจ้าได้อะไรกลับมาบ้าง? มือเปล่ากลับมานี่ ฮะฮะ คิดยังไงถึงได้เข้าร่วมชั้นเรียนมรณะ ด้วยฝีมือมีแค่นี่น่ะหรือ?”

“ฉือหลุน! จะมากไปแล้วนะ เจ้าสามารถอวดฝีมือต่อหน้าเราอีกครั้งก็ได้ ถ้าเจ้าสามารถชนะชิงแชมป์ประจำสัปดาห์ได้” เด็กผู้หญิงตัวสูงทำหน้าคร่ำเคร่งขณะโต้ตอบคำเยาะเย้ยถากถางของเขา

“เงียบเลยนะทุกคน! เราต้องไปที่ศูนย์การแพทย์เพื่อส่งยาและจบภารกิจของเรา” บุรุษเกราะดำตาอินทรีพูดเสียงหนักแน่นในจัตุรัสหินดำ นักเรียนในชั้นเรียนมรณะที่กำลังยืนรอหยุดการถกเถียงกันทันที และเดินตรงไปที่ประตูเทเลพอร์ตที่หมอวัยกลางคนเปิดรอไว้แล้ว เย่ว์หยางไม่ต้องการเข้าไปก่อน เรื่องแบบนี้เหมือนกับการรับรางวัลจากผลงานพวกเขา เขาอยากจะปล่อยให้เจ้าอ้วนไห่ในฐานะพี่ใหญ่จัดการมากกว่า อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเพ่ยเพ่ยดึงมือของเขา และยืนกรานว่าจะพาตัวเขาไปด้วยให้ได้ เมื่อไม่สามารถเปลี่ยนใจองค์หญิงน้อยได้ เขาก็ได้แต่คล้อยตาม

ศูนย์การแพทย์ที่พวกเขาเทเลพอร์ตเข้ามาเป็นสถานที่ใหญ่โต อย่างน้อยใหญ่กว่าศูนย์รักษาที่เย่ว์หยางเคยเห็นที่หอทงเทียนถึง 10 เท่า

รอบๆ ศูนย์การแพทย์ เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมกว้างใหญ่มากและมีอาคารที่แตกต่างกัน 3 หลังตั้งอยู่ในตำแหน่งทำมุมเป็นสามเหลี่ยมกับหอศูนย์การแพทย์

เมื่อพวกเขาเทเลพอร์ตเข้ามา สิ่งที่แรกที่พวกเขาเห็นก็คือคนจำนวนมากมายเต็มอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยม

เกือบทั้งหมดเป็นทหาร

ยังคงมีนักเรียนที่สวมเครื่องแบบนักเรียนที่แตกต่างกัน มีบางส่วนเป็นชุดของสถาบันฉางจิง และชุดอื่นๆ เย่ว์หยางไม่รู้จัก แต่ทั้งหมดเป็นระดับหัวกะทิ

ที่พื้นทั้งหมดเต็มไปด้วยทหารบาดเจ็บ ด้วยการกะประมาณการง่ายๆ เท่าที่เห็นอย่างน้อยก็ต้องมีประมาณ 3 พันคน

เย่ว์หยางได้รับการยืนยันข้อสงสัยในใจตนแล้ว เป็นที่แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงสถาบันฉางชุนเฉิง ที่ส่งนักเรียนไปเก็บรวบรวมสมุนไพรเท่านั้น ทุกคนที่รู้วิธีเก็บสมุนไพรก็ถูกส่งไปช่วยด้วย จำนวนทหารที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งสถาบันฉางชุนเฉิงรับผิดชอบมี 300 คน ถ้ามีกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำไม่พอ อย่างนั้นทหารที่อยู่ในความรับผิดชอบของสถาบันฉางชุนเฉิงก็จะตายเพราะภารกิจที่ล้มเหลว เย่ว์หยางคาดว่า ไม่น่าจะมีปัญหามากนักในการทำภารกิจให้เสร็จสิ้นสำหรับสถาบันฉางชุนเฉิง แต่สถาบันอื่นเล่า? พวกเขาทำตามเป้าหมายได้หรือเปล่า?

“นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิง โปรดนำสมุนไพรมาส่งตรงนี้” แพทย์หญิงเสียงหวานกล่าวต้อนรับและนำนักเรียนชั้นเรียนมรณะสถาบันฉางชุนเฉิงไปหาหมอหญิงวัยกลางคนเค้าหน้าใจดีมีเมตตาคนหนึ่ง นางค้อมหัวให้เล็กน้อยกล่าวว่า “ท่านหมอ! สถาบันฉางชุนเฉิงมาเลือกเก็บสมุนไพรแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขารวบรวมมาได้ค่อนข้างน้อย”

“ดีมาก เจ้าช่วยดูแลบันทึกความสำเร็จให้พวกเขาด้วย พวกที่มีความสำเร็จโดดเด่นเหล่านั้นจะได้รับรางวัลเป็น 2 เท่าจากอาณาจักร” หมอหญิงสูงวัยที่เป็นผู้ดูแลรับสมุนไพรทุกอย่างและตรวจดูทั้งหมดอย่างระมัดระวัง

นักเรียนชั้นเรียนมรณะของสถาบันฉางชุนเฉิงเกือบทั้งหมดเก็บได้ 10 ต้น มีนักเรียนเพียง 5 คนเก็บได้ไม่ถึง 10 ถือว่าภารกิจล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลหญิงสูงวัยก็ยังขอบคุณพวกเขาอย่างซาบซึ้งกล่าวว่า “กล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำแต่ละ ต้นจะช่วยชีวิตคนได้หนึ่งชีวิต พวกเจ้าทำหน้าที่ได้ดีมาก ยิ่งกว่านั้น ยังเก็บสมุนไพรมาได้ถูกต้องทั้งหมด ไม่มีข้อผิดพลาดแม้แต่น้อย พวกเจ้าทุกคนเป็นนักเรียนที่โดดเด่นอย่างมาก เราหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะทำได้เป็นอย่างดีในอนาคต…” หญิงผู้ดูแลสูงวัยผู้นี้กาเครื่องหมาย “ผ่าน” บนบัตรคะแนนให้กับนักเรียนรวมทั้งคนที่ยังทำไม่ถึงเป้าหมายด้วย

การกระทำของนางทำให้คนที่อยู่ด้านข้างประท้วง มีผู้ชายที่มาจากสถาบันฉางจิงลุกขึ้นยืนคัดค้านเสียงดัง “ท่านหมอ! แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย ทำไมท่านถึงไม่ให้ข้าผ่านทั้งที่ข้าก็ทำภารกิจสำเร็จตามที่ต้องการแล้ว? ส่วนพวกเขายังเก็บไม่ได้ตามเป้าหมายด้วยซ้ำ ทำไมท่านถึงให้พวกเขาผ่าน?”

“หนุ่มน้อย, ข้าคิดว่าเจ้าเองก็รู้เหตุผลดีอยู่แล้ว.. เจ้ารู้เหตุผลไหม? นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้โกง เจ้าต้องเต็มใจช่วยผู้คนจากหัวใจเจ้าเอง ในเมื่อเจ้ากำลังจะช่วยผู้คนไม่ใช่แค่เอาแต่จะให้จบๆ ภารกิจไปเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะเก็บกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำมาได้ถึง 10 ต้น แต่เจ้าขอให้คนอื่นช่วยเจ้ารวบรวมให้ เมื่อเจ้าใส่สมุนไพรที่เก็บรวบรวมมาด้วยวิธีที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน แม้ว่าเจ้าจะไม่เห็นปัญหาที่อยู่ในภายนอก แต่มันจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของสมุนไพรในภายหลัง โชคดีที่เจ้าผสมเข้ากันไม่มาก มิฉะนั้นมันอาจจะไร้ประโยชน์ไปเลย นักเรียน! ข้าหวังไว้ว่าเจ้าจะจำเอาไว้ว่า ความซื่อสัตย์เป็นรากฐานสำคัญในการช่วยชีวิต สำหรับสมุนไพรที่เจ้านำกลับมาด้วยความยากลำบากมาก ข้าอยากจะขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของเจ้าแทนทหารที่ได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นหมอ ข้าไม่ให้เจ้าสอบผ่าน” คำพูดของหมอหญิงวัยกลางคนทำให้นักเรียนผู้นั้นนึกละอายใจขึ้นมาบ้าง

เย่ว์หยางเห็นว่าใบบันทึกจะถูกบันทึกไว้ในใบป้ายที่ต่างกันสำหรับนักเรียนจากสถาบันต่างๆ สถาบันส่วนใหญ่จะเก็บรวบรวมได้ราวๆ 200 ต้น

มีเพียงที่แตกต่างอยู่สถาบันเดียวคือสถาบันฉางจิง เก็บรวบรวมได้มากกว่า500 ต้น

นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรที่รวบรวมมาโดยทหารชั้นหัวกะทิเก็บรวบรวมมาได้ราว 100 ต้น ดูผลงานเหล่านี้แล้ว เย่ว์หยางไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่แอบถอนใจ มีทหารถูกพิษถึง 3 พันคน และพวกเขารวบรวมมาได้ 1000 ต้น แล้วทหารที่เหลืออีก 2000 คนล่ะ?

อาจเป็นได้ว่า นอกจากกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำแล้ว จะไม่มีทางอื่นช่วยเลยหรือ?

พลังบริสุทธิ์ของด้วงหยกขาวมีประสิทธิภาพในการสลายปราณปีศาจ จะมีผลในการรักษาพิษหรือไม่? เย่ว์หยางเริ่มคิดมากขึ้น

***************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset