===============
การปรากฏตัวกระทันหันของเย่ว์หยางมีอิทธิพลอย่างมากกับการต่อสู้ครั้งนี้
บุรุษตาอินทรีเซี่ยโหวเว่ยลี่ผู้ที่ใช้พลังสูงสุดของเขาโจมตีใส่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น จ้องมองมาที่เย่ว์หยางอย่างตกใจ “เจ้าปลอดภัยหรือ?”
“ทำไมมีผู้อาวุโสเทียนเจิ้น 2 คนเล่า?” เย่ว์หยางชี้ไปที่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ที่กำลังถูก “พันกระดูกผุกร่อน” เฟิงขวงไล่ต้อนต่อเนื่องด้วยง้าวของเขา
“อะไรนะ?…” เมื่อบุรุษตาอินทรีเซี่ยโหวเว่ยลี่ตื่นตระหนกและประหลาดใจที่ได้ยินคำนี้ เขารีบร้องบอก “แม่ทัพเฟิงขวง โปรดรอก่อน มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!” เขายืนคุ้มกันอยู่ด้านข้างเย่ว์หยาง คอยปกป้องเขา ก่อนถามขึ้นอีกว่า “เจ้าว่ายังไงนะ? ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น 2 คนอย่างนั้นเหรอ? อธิบายให้ชัดเจนซิ…”
“มีผู้อาวุโสเทียนเจิ้นอีกคนหนึ่งแน่ แต่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นอีกคนนั้นตายไปแล้ว เป็นไปได้ไหมว่าคนผู้นี้คือพี่น้องฝาแฝดกัน?” เย่ว์หยางสามารถรับรองได้ว่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นที่ตายในสนามดวลมรณะ ไม่มีทางที่จะตายต่อในอนาคตได้ ไม่แต่เพียงแค่นั้น ร่างของเขาถูกอสุรกายดำยึดครอง เขาถูกเพลิงโหมเผากระหน่ำ เป็นเพลิงลึกลับที่มาจากคัมภีร์เทพฤทธิ์ ร่างของเขากลายเป็นเศษเถ้าธุลีไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นนั้นที่สู้เสี่ยงชีวิตกับเขายังไม่ตาย เขาจะไม่สามารถกลับออกมาจากสนามดวลมรณะได้
“ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ?” จากนั้นบุรุษตาอินทรีนามเซี่ยโหวเว่ยลี่ตะโกนบอกเฟิงขวงว่า “เราจำเป็นต้องหาคนยืนยันกับฝ่าบาท พระองค์ผู้เป็นเจ้าแผ่นดินและองครักษ์พิทักษ์ฟ้าทั้งสองจะมาถึงเร็วๆ นี้ เรื่องนี้น่าสงสัยจริงๆ”
“ข้าได้บอกไว้ก่อนแล้ว มีคนกักขังข้าไว้” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเข้ามาหาเย่ว์หยางและร้องขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเขา
“ก่อนที่ท่านจะพ้นจากข้อสงสัย โปรดอยู่ห่างๆ พยานคนเดียวของเรา ถ้าท่านบังอาจเคลื่อนไหวโดยพลการมีการกระทำที่น่าสงสัยต่อเขา อย่างนั้นฮ่องเต้จะใช้ราชโองการประกาศศึกกับนิกายภูเขาหมอก…” บุรุษตาอินทรีเซี่ยโหวเว่ยลี่ มองดูผู้อาวุโสเทียนเจิ้นอย่างหมายขวัญ เตรียมปกป้องเย่ว์หยางเต็มที่
“ก็ได้ ตราบใดที่เจ้าไม่จู่โจมใส่ข้า ข้าก็จะไม่ทำร้ายใครสุ่มสี่สุ่มห้า ข้าได้รับคำสั่งประมุขนิกายไป่หยุนให้มาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตคน ดังนั้นทำไมข้าถึงจงใจฆ่าคนแทนเล่า? ข้ามีความแค้นกับขุนพลเตาฟง แต่ข้าคงไม่ฆ่าเขา เพราะความแค้นนั่นผ่านมาหลายปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ฆ่าคนอื่นอย่างอุกอาจขนาดนั้นแน่ ในฐานะตัวแทนของนิกายภูเขาหมอก ข้าจะสังหารหมู่ในหอพยาบาลได้อย่างไร? นี่เป็นการเข้าใจผิด มีใครบางคนปลอมเป็นตัวข้า แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าผู้นั้นเป็นใครก็ตาม คนที่ทำร้ายขุนพลเตาฟงและแม่เฒ่าฟง (หัวหน้าหมอหญิง) ก็ไม่ใช่ข้าแน่นอน ข้าคิดว่าตัวปลอมของข้าคงต้องการสร้างความขัดแย้งระหว่างนิกายเขาหมอกและอาณาจักรต้าเซี่ย” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นโยนดาบใหญ่ของเขาลงบนพื้น เพื่อแสดงความจริงใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นความเข้าใจผิดและแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการสู้ต่อไป
“เจ้าเป็นบุตรเย่ว์ชิวใช่ไหม? พูดไปสิ สถานการณ์จริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเช่นไร?” เฟิงขวงเคยเห็นเย่ว์หยางในปราสาทตระกูลเย่ว์มาก่อน ตอนนี้เขาคงเชื่อได้เพียงคำพูดของเย่ว์หยาง ในเรื่องเกี่ยวกับผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเหนือหัวจุนอู๋โหย่วจะประกาศสงคราม เฟิงขวงคงต้องระดมกองทัพในฉางจิงมาล้อมจับผู้อาวุโสเทียนเจิ้นไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะเป็นผู้อาวุโสเทียนเจิ้นในนิกายภูเขาหมอก ก็จะไม่อุกอาจสังหารหมู่ในแคมป์พยาบาลรักษาของกองทัพในฉางจิงแน่
นอกจากนี้ เป้าหมายยังเป็นบุรุษผู้ภักดีต่อชาติ เป็นวีรบุรุษของคนทั้งอาณาจักร ขุนพลเตาฟงอีกด้วย
เมื่อเขาได้ยินรายงานนี้ จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ทรงพระพิโรธ พระองค์ตั้งใจจะมาด้วยพระองค์เองและสังหารผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ในขณะเดียวกัน พระองค์ยังมีราชโองการประกาศสงครามและส่งราชองครักษ์ทั้ง 2 ไปที่นิกายเขาหมอก โชคดีที่มหาเสนาบดีโน้มน้าวพระองค์ให้เปลี่ยนพระทัยเป็นออกราชโองการจับผู้อาวุโสเทียนเจิ้นมาสอบสวนแทน
บุรุษนัยน์ตาอินทรีนามเซี่ยโหวเว่ยลี่คิดว่าเย่ว์หยางเป็นนักเรียนที่มีศักยภาพมากที่สุดในโรงเรียน ถูกผู้อาวุโสเทียนเจิ้นฆ่าตายไปแล้ว นี่เป็นเหตุให้เขาโจมตีใส่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นอย่างบ้าคลั่งเสี่ยงชีวิต เพราะต้องการล้างแค้นให้เย่ว์หยางที่เขาเข้าใจว่าตายไป
ใครเลยจะรู้ ในท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด เย่ว์หยางปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังบอกว่ามีผู้อาวุโสเทียนเจิ้น 2 คน
เย่ว์หยางไม่เคยได้รับการปกป้องมากขนาดนั้นมาก่อน
บุรุษนัยน์ตาอินทรีเซี่ยโหวเว่ยลี่ยืนเอาตัวบังเขาไว้ เฟิงขวงอยู่ด้านขวา ขณะที่ขุนพลอีก 2 นายมายืนอยู่ด้านซ้ายและด้านหลังของเขา สรุปว่าเย่ว์หยางได้รับการปกป้องจากทุกทิศทุกทาง
ทุกคนรอให้เขาตอบ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่จริงๆ…
“เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นแบบนี้… เรามาถึงที่นี่เพื่อส่งสมุนไพร เพราะไม่มีสมุนไพรพอที่จะรักษาทหารที่บาดเจ็บ ข้าได้สนทนากับขุนพลเฒ่าเตาฟงอยู่เล็กน้อยในตอนนี้ แต่ว่าในทันใดนั้นผู้อาวุโสเทียนเจิ้นก็เดินทางมาถึง แสดงอาการเย่อหยิ่ง จากนั้นเขาตีกลองทองทำให้ทุกคนหมดสติ” เย่ว์หยางยังพูดไม่ทันจบ ก่อนที่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นจะคัดค้าน ตะโกนขึ้นมาว่า “ข้าไม่ได้ทำอย่างนั้น!”
“ท่านไม่ได้ทำหรือ? ในจัตุรัสเต็มไปด้วยทหารที่บาดเจ็บเพราะแก้วหูแตก เป็นข้อพิสูจน์ว่าเจ้าทำแน่นอน! ตอนนั้นข้าก็ยังคงอยู่ที่นี่ด้วย และข้าเห็นเจ้าทำกับตาและได้ยินด้วยหูตัวเอง!” บุรุษนัยน์ตาอินทรีเซี่ยโหวเว่ยลี่คำรามลั่นเหมือนสิงโต
“ข้าไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นจริงๆ นี่ นั่นเป็นการกระทำของคนที่กักขังข้าเอาไว้!” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ร้องขอความเป็นธรรมอย่างเร่งร้อน
“เงียบนะ, ให้เขาพูดให้จบก่อน!” เฟิงขวงตวาดลั่นและพยักหน้าให้เย่ว์หยางดำเนินการให้ปากคำต่อไป
“จากนั้น ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นเรียกงูยักษ์ขาว อสูรเงินระดับ 8 พอมันออกมาก็เข้าโจมตีครูของข้าทันที นอกจากนี้เขายังเรียกอสูรหมอกตัวหนึ่ง มันคลุมหัวหน้าหมอหญิงไว้เพื่อให้นางสำลักควันตาย จากนั้นก็เรียกนักรบหัววัว อสูรเงินระดับ 6 ออกมาสู้กับข้า” คำพูดของเย่ว์หยางแทบจะทำให้ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นตะโกนอย่างคุ้มคลั่ง “ข้าบอกแล้วว่า ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่มีงูขาวยักษ์อสูรเงินระดับ 8 หรือนักรบหัววัวเลย ทั้งหมดนั้นเป็นการกระทำของเจ้าคนที่กักขังข้าเอาไว้ เจ้านั่นต้องใช้อสูรรูปแบบพิเศษปลอมตัวเป็นข้า นั่นต้องไม่ใช่ข้าแน่ๆ”
“ข้ามั่นใจว่าคนผู้นั้นไม่ได้สวมหน้ากากหนังหรือเป็นอสูรรูปแบบพิเศษที่สามารถเปลี่ยนแปลงลักษณะได้ เขาดูเหมือนตัวท่าน 100%” เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันแปลกมาก ถ้ามีคนที่แอบอ้างเป็นผู้อาวุโสเทียนเจิ้นจริงๆ นี่ถือเป็นการสร้างเรื่องที่ใหญ่มาก
อย่างไรก็ตาม เขาสามารถรับรองได้ว่า ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นในสนามรบดวลมรณะไม่ได้ใช้หน้ากากหนัง มันเป็นหน้าจริงๆ
เฟิงขวงส่งสัญญาณให้ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นหยุดพยายามแก้ต่างอธิบายให้ตนเอง และพยักหน้าให้เย่ว์หยางแทน “อย่างนั้นก็เป็นอันยืนยันว่ามีผู้อาวุโสเทียนเจิ้น 2 คน หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางคงไม่บอกทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามดวลมรณะแน่นอน เขารีบกลบเกลื่อนมันด้วยจุดหลักใหญ่ไม่กี่จุด “หลังจากข้าทำให้นักรบหัววัวตาบอด ข้าสั่งให้หมาป่าปีศาจ 2 หัวของข้าหลอกล่อมันไปที่หน้าผา ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นนั้นต้องการฆ่าข้า ดังนั้นข้าจึงหลบไปในที่พิเศษ และเขาตามไล่ล่าข้า เขาเรียกอสูรศิลาและค้างคาวปีศาจสายฟ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไปเหมือนกัน เพราะข้าโดนเขาจู่โจมจนหมดสติ พอข้าฟื้นขึ้นมา ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นนั้นก็ถูกสังหารโดยนักรบที่มีฝีมือแข็งแกร่งมาก แม่แต่ร่างของเขายังกลายเป็นขี้เถ้า จากนั้นข้าจึงกลับมาที่นี่”
“ถูกฆ่าทันทีเชียวเหรอ?” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น, เฟิงขวงและคนอื่นๆ ตะลึงจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้้น
แม้ว่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นจะเป็นตัวปลอมก็ตาม แต่เขาก็ยังเป็นนักรบที่แข็งแกร่งมากสามารถทำร้ายทุกคนในจัตุรัสแห่งนี้จนหมดสติได้ ทั้งยังอัญเชิญอสูรเงินระดับ 8 อย่างงูขาวยักษ์ แล้วจะถูกคนฆ่าตายทันทีได้อย่างไร?
พอเห็นสีหน้าสงสัยของผู้คน เย่ว์หยางรีบโบกมือเป็นพัลวันรีบอธิบายว่า “ข้าไม่รู้ว่าเป็นการฆ่าตายในทันทีหรือไม่ เพราะข้าหมดสติอยู่ในเวลานั้น แต่เมื่อข้าลืมตาขึ้นมา ข้าก็เห็นว่าร่างของผู้อาวุโสเทียนเจิ้นยังอยู่ในสภาพดี แต่เมื่อข้าเดินเข้าไปดู เขาก็กลายเป็นฝุ่นธุลีไปเลย ร่างเขาแตกสลายไปแค่เพียงสัมผัสทีเดียวเท่านั้น”
บุรุษตาอินทรีนามเซี่ยโหวเว่ยลี่ก็แสดงออกมาและพยักหน้าทันที “ไม่มีข้อสงสัยแล้ว เมื่อข้าสู้กับงูขาวยักษ์ติดพันอยู่ จู่ๆ มันก็ร้องอย่างเจ็บปวดแล้วก็ร่างระเบิดเสียชีวิต กลับกลายเป็นเพราะว่าเจ้านายของมันตายนี่เอง”
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ยังแสดงข้อกังขาของเขา “เจ้าบอกว่าเจ้าถูกทำร้ายจนหมดสติ ข้าก็เชื่ออย่างนั้น แต่เจ้าบอกว่าตัวปลอมนั้นตายแล้ว เรื่องนั้นเจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไร? ข้าสงสัยว่า จะไม่มีบุคคลดังกล่าวและเป็นพวกเจ้าจงใจกุเรื่องวางกับดักสมรู้ร่วมคิดกันเล่นงานข้าและนิกายภูเขาหมอก เจ้าเพิ่งเป็นนักเรียนของสถาบันแห่งหนึ่ง เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร หลังจากถูกคนที่แข็งแกร่งกว่าเราทำร้ายจนหมดสติ?”
เย่ว์หยางไม่อธิบายมาก เขาล้วงคัมภีร์อัญเชิญระดับแพลตตินัมออกมาจากกระเป๋าหลัง
พอถึงตอนนี้ แม้แต่ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น ก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้อีก
สีหน้าของเขากลายเป็นบิดเบี้ยว พลางสบถว่า “นี่ต้องเป็นเรื่องที่นิกายอื่นใส่ความพวกเรา นักสู้ผู้เป็นเจ้าของคัมภีร์แพลตตินัม ปลอมตัวเป็นข้าแน่นอนแล้วทำอะไรอย่างนั้นได้ ดูสิ, คัมภีร์แพลตตินัมของข้าไม่เหมือนกับเล่มนั้น นี่พิสูจน์ได้ว่าข้าไม่ใช่คนผู้นั้น
ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นล้วงคัมภีร์แพลตตินัมของตนออกมา
อย่างไรก็ตาม เฟิงขวงส่ายศีรษะและพูดว่า “ข้าไม่ได้สงสัยว่าท่านเป็นคนผู้นั้นอีกต่อไปแล้ว แต่ท่านยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยคนหนึ่ง”
“ข้ายินดีที่จะมาอธิบายต่อเบื้องพระพักตร์จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะกลับนิกายเขาหมอก ข้าไม่ใช่ฆาตกรแน่นอนดังนั้นข้าไม่กลัวการสอบสวนหรือการเผชิญหน้า แม้ว่าข้าจะมีความแค้นกับขุนพลเตาฟงอยู่บ้าง แต่ข้าก็ไม่มีความคิดจะฆ่าเขา ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นอีกต่อไปแล้ว แม้เวลาจะผ่านมาหลายปี” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นรู้ว่าถ้าเขากลับนิกายภูเขาหมอกตอนนี้ เขาจะไม่สามารถชำระมลทินชื่อเสียงของเขาให้พ้นข้อสงสัยได้ เขารีบแสดงความจริงใจยอมรับการสอบสวนเพื่อที่ว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างนิกายภูเขาหมอกและอาณาจักรต้าเซี่ย
“คนผู้นั้นไม่ใช่พี่น้องฝาแฝดของท่านจริงๆ เหรอ?” เย่ว์หยางถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “เขาไม่ได้สวมหน้ากาก แต่ว่าดูเหมือนท่านจริงๆ”
“พี่น้องของข้าตายในสงครามเมื่อ 180 ปีที่แล้ว ตอนนั้น เตาฟงกับข้าเป็นทหารอยู่ในกองเดียวกัน เราสามพี่น้องมีรูปลักษณ์ที่ดูแตกต่างกัน พี่ชายของข้า 2 คนและน้องชายของข้าเสียชีวิตในระหว่างรบ เตาฟงกับข้ารอดตายหนีกลับมาได้ และเราขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่องช่วยคน ข้ารู้สึกว่าเราไม่ควรจะรบในสนามรบอื่น เราควรจะเก็บพลังเรี่ยวแรงเราไว้หรือไม่ก็เราจะตายพร้อมกันทั้งหมด อย่างไรก็ตามเตาฟงรู้สึกว่าเราทุกคนควรจะสู้แลกชีวิตเพื่อช่วยชีวิตทหารที่เหลือ ในตอนนั้น ในใจข้า ข้ากลัวจริงๆและปฏิเสธความตายของพี่น้องชายของข้า ข้าทะเลาะกับเตาฟงหนักมากและเราก็สะบั้นความสัมพันธ์กันในที่สุดตั้งแต่นั้นมา ข้าเข้าไปเป็นลูกศิษย์นิกายภูเขาหมอก ฝีมือของข้าก้าวหน้าขนานใหญ่ และในบางครั้ง แน่นอนว่าข้าทำอะไรที่ไม่ดีกับขุนพลเตาฟงไว้มาก เรามีความแค้นต่อกันและกัน แต่ข้าไม่มีความคิดจะฆ่าเขาแน่ๆ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นตัวแทนของนิกายภูเขาหมอกที่ถูกส่งตัวมาช่วยผู้คนที่นี่ ทำไมข้าจะต้องมาสังหารหมู่ผู้คนด้วยเล่า? นั่นเป็นไปไม่ได้ สำหรับพี่น้องชายของข้า ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ประการแรก พี่น้องของข้าทุกคนตายหมดแล้ว ประการที่สอง พวกเขามีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนข้า.. ข้าก็อยากจะรู้ว่าเจ้าตัวปลอม ปลอมแปลงได้เหมือนตัวข้าได้อย่างไร? คนที่เป็นเจ้าของคัมภีร์แพลตตินัมที่ดูเหมือนข้ามาก แล้วใครจะรู้ว่าเขาได้แอบอ้างเป็นตัวข้าและสังหารผู้คนไปนานแค่ไหนแล้ว ข้าก็ต้องการจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดเหมือนกัน แม่ทัพเฟิงขวง ข้าหวังว่าเจ้าจะส่งคนไปเชิญประมุขนิกายไป่หยุน เพื่อที่ว่าเขากับฮ่องเต้จะได้จัดการเรื่องนี้ด้วยกัน เรื่องนี้ต้องเป็นการกระทำของกลุ่มพลังอำนาจอื่น ความสัมพันธ์ของเราในตอนแรกก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ดังนั้นเราจะได้สร้างเป้าหมายที่ดีเพื่อกำหนดแผนอุบายร่วมกัน” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นมองเย่ว์หยาง พยักหน้าให้แล้วพูดว่า “ข้าต้องขอบคุณเจ้าสำหรับเรื่องนี้ ถ้าเจ้าไม่กลับมา ข้าคงจะกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายถูกใส่ร้าย ยิ่งไปกว่านั้นสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรต้าเซี่ยกับนิกายภูเขาหมอกจะกลับกลายเป็นศัตรูกัน ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้น ศัตรูผู้คอยแอบยั่วยุเราด้วยเจตนาชั่วร้ายก็จะประสบผลสำเร็จตามแผนของพวกเขา”
“มันเป็นเรื่องของพวกท่านที่ต้องสอบสวนเรื่องนี้อย่างละเอียด ข้าได้พูดเรื่องที่ควรพูดไปแล้ว ข้ายังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ดังนั้นข้าไม่สนเรื่องราวของบ้านเมืองมากนัก มันจะดีกว่าถ้าข้าสามารถกลับไปเป็นนักเรียนที่ดีและกลับไปเรียนได้เสียที” เย่ว์หยางไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างนิกายกับอาณาจักร
มันเป็นเรื่องตลก คนทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าจะรับมือได้ง่ายๆ
เขาใช้ความพยายามอย่างหนักในการฆ่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นตัวปลอม ตอนนี้ขืนเขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับตัวจริง มิกลายเป็นว่าหาเรื่องยุ่งยากใส่ตัวเองหรือ?
บุรุษนัยน์ตาอินทรี เซี่ยโหวเว่ยลี่พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของเย่ว์หยาง ในใจเขา เย่ว์หยางคือนักเรียนใหม่ผู้มีศักยภาพมากที่สุดในอาณาจักรต้าเซี่ย เขาไม่ควรถูกพวกผู้เฒ่าจากนิกายภูเขาหมอกเหล่านั้นสังเกตพบ มิฉะนั้นพวกเขาคงชิงตัวเขาไปบนเขาเพื่อฝึกอบรมแน่ อย่างนั้นเขาก็จะไม่ใช่คนของอาณาจักรต้าเซี่ยอีกต่อไป
เขาไม่จำเป็นต้องได้รับการฝึกจาก 4 นิกายใหญ่เลย
ตราบใดที่เขามีพรสวรรค์เพียงพอ เขาจะกลายเป็นนักรบที่แข็งแกร่งได้แน่นอน ไม่ว่าจะฝึกอบรมที่ไหนก็ตาม
เมื่อเขาคิดเรื่องนี้แล้ว เขารีบล้วงเอาแก่นเวทของงูขาวยักษ์ อสูรเงินระดับ 8 ส่งให้เย่ว์หยาง “ข้ายังกลับไปสถาบันในตอนนี้ไม่ได้ ดังนั้นเจ้ากลับไปก่อน ไม่ต้องกังวลเรื่องทำภารกิจ ข้าขอแนะนำว่าเจ้าควรเข้าไปนั่งฟังคำบรรยายของแม่เฒ่าอู่เถิงก่อน นางมีความรู้เรื่องพื้นฐานทั้งรู้รอบรู้ลึกมาก ถ้าเจ้าต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องยา ข้าจะเชิญแม่เฒ่าฟงไปที่สถาบันและเป็นครูสอนให้เจ้าด้วย”
“ขอบคุณ ท่านอาจารย์” เย่ว์หยางรับแก่นเวทของงูขาวยักษ์อสูรเงินระดับ 8 มาทันที ขณะเดียวกันเขาก็แสดงมารยาทเหมือนกับนักเรียนดีๆ โดยทั่วไป
“ฮูวว.. โฮ่ง” ฮุยไท่หลางมันอุตส่าห์เลือกเวลาที่เหมาะสม มันกระดิกหางอย่างแรงจนก้นสั่นตามแรงแกว่งหางของมัน ขณะที่คาบแก่นเวทนักรบหัววัวอสูรเงินระดับ 6 ไว้ในปาก ความจริงมันก็ต้องการกินลงไปเหมือนกัน แต่มันจำคำเตือนของเย่ว์หยางได้ มันจึงเก็บแก่นเวทไว้ทันที เพื่อที่ว่ามันจะได้เป็นที่โปรดปรานของเจ้านายของมันต่อไป
“เจ้าก็ทำได้ดีมาก คืนนี้ข้าจะหาเนื้ออร่อยๆ เป็นรางวัลให้เจ้า” เย่ว์หยางยินดีเหลือเกิน เขาได้เก่นเวทเพิ่มมาอีกลูก วันนี้วันดีจริงๆ
“เขาเป็นลูกชายของเย่ว์ชิวจริงๆ เหรอ? ดูเหมือนจะคล้ายกันมาก แต่..นิสัยของเขา…” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นดูเหมือนจะสนใจเจ้าเด็กแสบขึ้นมาบ้าง ขณะที่เขามองเย่ว์หยางถอนตัวกลับไป
“นี่! ท่านควรแก้ปัญหาของตัวเองก่อน” บุรุษนัยน์ตาอินทรี เซี่ยโหวเว่ยลี่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เตือนผู้อาวุโสเทียนเจิ้นว่ายังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่
“ดูเหมือนตระกูลเย่ว์ถึงคราวจะรุ่งเรืองพรวดพราดอีกครั้งแล้ว…” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นพึมพำไม่สนใจเขา
**************************