===============
หลังจากแม่เฒ่าอู่เถิงออกไปแล้ว เย่ว์ปิงหยิบแผนที่ทวีปมังกรทะยานออกมาและคลี่ลงบนโต๊ะ ให้ทุกคนได้มองดู
ตำแหน่งที่ตั้งเหวสิ้นหวังไม่ได้อยู่ในทวีปมังกรทะยาน นี่คือปัญหาใหญ่ที่สุด
เพื่อจะไปให้ถึงเหวสิ้นหวัง ผู้ไปต้องไปทางอาณาจักรเทียนหลัว
ในอีกความรู้สึกหนึ่ง เหวสิ้นหวังก็เหมือนกับกุ่ยเจี้ยนโฉวเป็นหนึ่งในห้าแดนมรณะใหญ่ เหวสิ้นหวังไม่ใช่ที่ๆ คนธรรมดาจะไปกันได้ ทุกๆ ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนจะมีการผจญภัยนับไม่ถ้วนในเหวสิ้นหวังเพื่อเข้าไปเก็บสมุนไพร นอกจากนี้ยังมีขโมยที่พยายามจะขโมยไข่ของอสูรปีศาจ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีโอกาสตายได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในพื้นที่เหวสิ้นหวัง มีเพียง 10% ของนักผจญภัยเหล่านั้นที่เสี่ยงชีวิตของพวกเขาเข้าไปแล้วจะมีโอกาสรอดชีวิตกลับมาได้ ดังนั้น เมื่อทหารรับจ้างทั่วไปได้ยินจากผู้นำของพวกเขาว่าพวกเขากำลังจะไปเหวสิ้นหวัง พวกเขาก็จะเขียนจดหมายบอกลาครอบครัว หลังจากผ่านมาเป็นเวลานาน หุบเขาลึกที่เป็นรอยแยก เดิมทีเรียกว่าหุบเขางูขนดได้เปลี่ยนชื่อเป็นเหวสิ้นหวัง
บรรดา 3 สาเหตุหลักในการเสียชีวิตในเหวสิ้นหวัง อันดับแรกไม่ใช่มาจากอสูรร้าย แต่มาจากภูมิประเทศแทน
อัตราการเสียชีวิตก็เนื่องจากตกเขา คือขณะเดินอยู่ในหุบเขาหินแยกที่มีระดับความสูงมาก มีโอกาสสูงที่จะร่วงลงไปตายได้ทุกเวลา แม้แต่มีโอกาสสูงที่จะถูกอสูรฆ่าตาย สาเหตุการตายที่สองก็คือลมภูเขา กล่าวได้ว่าลมหนาวเสียดผิวเหล่านั้นสามารถพัดฝูงแพะจนกระเด็นไปไกลหลายไมล์ สาเหตุการตายประการที่ 3 ก็คือปีศาจแมงมุม ไม่ว่าจะเป็นรังเลือดของนางพญาหรือว่าช่องทางแมงมุมขนาดเล็ก พวกมันทั้งหมดเป็นแชมป์สาเหตุการตาย
แมงมุมทั้งหมดเป็นสายพันธุ์เดียวกัน ก็คือแมงมุมหมาป่า มันสามารถคลานและปีนได้รวดเร็วมาก ยังมีแมงมุมวิหคที่ชอบล่านกเป็นอาหาร แมงมุมทรายที่ชอบซ่อนตัวอยู่ใต้ดินและแมงมุมน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ใต้น้ำและลอบโจมตีเหยื่อของมันเมื่อใดก็ได้ แมงมุมทั้งหมดนี้เป็นเหมือนเครื่องจักรนักฆ่าสังหารชีวิตมานับไม่ถ้วน มีกระจายอยู่ทั่วหุบเขา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือแมงมุมเหล่านี้ชอบกินเนื้อมนุษย์
ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ แมงมุมพวกนี้จะเข้าโจมตีมนุษย์ก่อน นี่คือสาเหตุทำให้นักผจญภัยสิ้นหวัง
“ก่อนอื่นเราควรเตรียมสัมภาระของเรากันก่อน จากนั้นค่อยเทเลพอร์ตเข้าเมืองเย่ ที่นั่นเราสามารถใช้รถม้าไปข้ามพรมแดนประเทศ หลังจากนั้นเราสามารถเทเลพอร์ตไปเมืองฉุ่ยหนิวแล้วเทเลพอร์ตต่อไปซันเหม่า แล้วจ้างรถม้าไปส่งที่เมืองเสอผานเจิ้น เราจะซื้อแผนที่เหวสิ้นหวังเมื่อเราไปถึงที่นั่น” แม้ว่าเย่คงจะไม่เคยไปเหวสิ้นหวังมาก่อน แต่เขามีประสบการณ์มากมาย ดังนั้นเขาสามารถกำหนดเส้นทางที่สั้นที่สุดได้เลย สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางทำได้ก็คือผงกหัวเห็นด้วย
“เย่ว์ปิง! เจ้าอยากมากับพวกเราไหม?” เย่ว์หยางกังวลเล็กน้อยว่าร่างกายของนางจะไม่สามารถทนต่อสภาวะที่ยากลำบากได้ หุบเหวสิ้นหวังสถานที่ฟังดูแล้วเป็นสถานที่ลำบากแสนเข็ญแห่งหนึ่ง คงไม่ใช่ที่พักผ่อนสนุกสนานแน่นอน
“ใช่แล้ว ข้ายังต้องการฝึกหนักด้วย” เย่ว์ปิงแสดงให้เห็นท่าทีที่มุ่งมั่นของนาง
นางหวังอยู่เสมอที่จะติดตามพี่ชายของนางและเพื่อเพิ่มพูนความสามารถได้เร็ว เพื่อที่ว่านางจะไม่เป็นภาระให้พี่ชาย
เนื่องจากพวกเขาได้โอกาสฝึกตัว นางรู้สึกว่านางไม่ควรกลัวหุบเหวสิ้นหวัง นางเป็นคนมุ่งมั่นท้าทายขีดจำกัดของตนด้วยความยากลำบาก แน่นอน นางยังคงรู้ว่าพี่ชายของนางจะปกป้องนางในที่สุดหากว่ามีอันตรายใดๆ ก็ตาม นางแค่จำเป็นต้องกัดฟันบังคับตนเองให้ติดตามอยู่ข้างๆ เขาและหมั่นฝึกฝนอยู่เสมอ
เมื่อเย่ว์หยางเห็นว่าเย่ว์ปิงมีความมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนตนเองให้ก้าวหน้ามากขนาดไหน เขาจึงไม่ห้ามนาง หุบเหวสิ้นหวังเป็นสถานที่น่ากลัวสำหรับในใจของคนทั่วไป แต่ในใจเย่ว์หยาง สถานที่นี้ ดีกว่ากุ่ยเจี้ยนโฉวมาก อย่าว่าแต่ทั้งเทือกเขากุ่ยเจี้ยนโฉวจะมีแมลงปีศาจทั้งหมดเลย ที่นั่นยังมีกระทั่งตั๊กแตนมรณะ อสูรทองระดับ 7 ซึ่งตัวของมันไม่ได้กินมังสวิรัติแน่ แม้ว่าภูมิภาคหุบเหวสิ้นหวังจะน่ากลัวไปบ้าง มีลมภูเขาที่พัดแรง ถ้าพวกเขามีการประยุกต์ใช้พรสวรรค์และอสูรที่บินได้อย่างถูกต้อง มันก็ไม่น่าจะยากเกินไป
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เย่ว์หยางตื่นตัวก็คือช่วงเวลาที่แม่เฒ่าอู่เถิงกำหนดให้
หนึ่งเดือน!
แม้ว่าเขาจะหักเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปถึงที่นั่นออกสัก 5 วัน ก็ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก 25 วัน ถ้ามันเป็นแบบนั้น หญ้าประกายดาวก็คงไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยว่าสมบัติที่มีค่าอย่างนั้น คงเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะไม่มีอสูรที่แข็งแกร่งอย่างมังกรบินเฝ้าอยู่ด้วย แม้เมื่อตอนที่พวกเขาไปเก็บกล้วยไม้ใจฝ่อกลีบดำที่แดนปีศาจ พวกเขาก็ยังต้องสู้กับด้วงจอมพลัง ระดับ 8 ตัวหนึ่งด้วยซ้ำ
“เย่คงกับคนอื่นๆ ไปเตรียมสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการเดินทาง ข้าจะไปที่ร้านขายสัตว์อสูรในฉางจิงสำรวจดูไข่อลเวงสักหน่อย แล้วยังจะต้องส่งจดหมายถึงเจ้าเมืองโล่วฮัวขอให้นางช่วยแนะนำวิธีเก็บหญ้าประกายดาวให้ น้องเจ็ดกับข้าจะกลับไปเยี่ยมบ้านสักหน่อยเพื่อกล่าวลาแม่สี่ ถ้าพวกเจ้าต้องการไปด้วย อย่างนั้นไปเจอพวกเราที่ด่านข้ามพรมแดนและรอเราอยู่ที่นั่น เอาละ..ข้ายังต้องไปส่งจดหมายตอบอี้หนานด้วย…” เย่ว์หยางรู้สึกว่าคงจะมีเรี่ยวแรงไม่พอถ้าหากไม่มีสาวๆ ร่วมกลุ่มด้วย ดังนั้น เขาตัดสินใจขอร้องอี้หนานอีกครั้ง ถ้าหากนางมีเวลา
“ได้เลย, เราจะทำตามที่ท่านว่า!” เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่โดยนิสัยแล้วไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่น พวกเขาเพียงแต่อาศัยความสามารถเฉพาะของตนเอง พวกเขาสามารถทำได้เพียงปกป้องตนเองในหุบเหวสิ้นหวัง เก็บรวบรวมหญ้าฟ้าประกายดาวคงเป็นหน้าที่เย่ว์หยางเท่านั้น
เจ้าอ้วนไห่ยังคงนอนกรนดังกว่าฟ้าคำราม น้ำลายของเขาไหลยืดลงบนโต๊ะและไหลหยดตกไปบนพื้น
เย่ว์หยางตระหนักว่าเจ้าผู้นี้มีทักษะธรรมชาติก็คือทักษะในการหลับ ตราบใดที่เขาเข้าชั้นเรียน ไม่ว่าจะเป็นชั้นเรียนของใคร ก็จะตกอยู่อาการเบลอๆ งงๆ ทันที และพอเมื่อหยิบตำราออกมาเขาก็จะผลอยหลับทันที
ในฐานะนักรบผู้มีคัมภีร์อัญเชิญคนหนึ่ง หายากจริงๆ ที่จะได้เห็นนักสู้ที่ไร้ประโยชน์อย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม เขาอาจจะซ่อนความลับบางอย่างก็ได้
พอมองผ่านทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ของเขา เย่ว์หยางสามารถเห็นได้ว่าเจ้าอ้วนไห่มีจุดแข็งที่คนอื่นไม่มี ยิ่งไปกว่านั้น จุดแข็งนี้ยังเป็นจุดที่พิเศษมากและมีผลดีเมื่อได้ใช้มัน
“ไปกันเถอะ, หัวหมู!” พอเห็นเจ้าอ้วนไห่หลับเหมือนท่อนไม้ เย่คงไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ตบเขาไป 1 ครั้ง
แต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบจากเจ้าอ้วนไห่ เสียงกรนของเขายังดังสนั่นจนพื้นสะเทือน
เย่คงยังรั้งรออยู่ เมื่อไม่มีทางเลือก เขาได้แต่ใช้ไม้ตายระดับสูง ราดน้ำใส่หัวเจ้าอ้วนไห่ เป็นผลให้เจ้าอ้วนไห่สั่นเล็กน้อยก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งได้ในที่สุด เอามือเช็ดหน้าของเขา เขาหันมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้างงงวย เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยาง เขาตะโกนเสียงลั่นทันที “ฝนตก ฝนตก ไปเก็บเสื้อผ้าที่ตากอยู่ข้างนอกก่อน!”
เย่ว์หยางเกือบจะปล่อยไม่สนใจเจ้าอ้วนผู้นี้แล้ว เขาไม่ตั้งใจเรียนเมื่อมีสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ แต่กลับเรียนรู้วิธีเป็นคนใช้แทนเสียได้
เมื่อเย่ว์ปิงเห็นเช่นนี้ นางเอามือปิดปากหัวเราะคิกคัก
“ไปกันเถอะ เรามีภารกิจต้องทำกันแล้ว!” เย่คงเตะหน้าแข้งเจ้าอ้วนไห่แรงๆ ทำท่าทางเตือนไม่ให้เขาทำเรื่องน่าอายยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
“แล้วภารกิจนั้น มีอะไรเป็นรางวัล?” เจ้าอ้วนไห่แค่กังวลกับเรื่องนี้
“ถ้าเจ้าทำได้สำเร็จ เจ้าจะได้สาวงามเป็นรางวัล 1 นาง” เย่ว์หยางพูดฟังเหมือนซื่อสัตย์จริงใจ โดยไม่ปรากฏอาการพิรุธน่าสงสัยในสีหน้าของเขาเลย
“ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านั้น? ข้า ต้าไห่เกิดมาในโลกนี้เพื่อทำภารกิจให้จบ ในฐานะเป็นลูกพี่ของพวกเจ้า แน่นอนว่าข้าคงจำเป็นต้องเป็นผู้นำกลุ่ม พาพวกเจ้าทุกคนไปทำภารกิจของเราให้สำเร็จ.. ถูกไหม, แล้วเป็นภารกิจอะไรเหรอ? เก็บหญ้าฟ้าประกายดาวเหรอ? ที่ไหน? เหวสิ้นหวังเหรอ? ก็แค่เหวสิ้นหวังเองไม่ใช่เหรอ?…เดี๋ยวนะ เจ้าพูดว่ายังไงนะ? ว่าอีกทีซิ ที่ไหน? เหวสิ้นหวังใช่ไหม? ม่ายอ้ะ.. ข้าไม่ไป!” เมื่อเจ้าอ้วนไห่ได้ยินเช่นนั้น ก็เปลี่ยนใจทันที ดูเหมือนว่าในการเลือกระหว่างสาวงามกับชีวิตของตนเอง เขาจำเป็นต้องเลือกชีวิตตนเองไว้ก่อน
“เนื่องจากลูกพี่ไม่ไป อย่างนั้นสาวงามจะตกเป็นของเย่คง!” เย่ว์หยางยกสาวงามที่ไม่มีอยู่จริงให้เย่คงอย่างใจป้ำ
“มีสาวงามจริงๆ เหรอ? ข้า… ข้ากำลังจะทิ้งความระมัดระวังไปกับสายลม ข้าไม่ต้องการร่างกายที่ หนัก 150 ก.ก.นี้อีกต่อไปแล้ว ไม่ต้องเป็นเหวสิ้นหวังไม่ได้หรือ? ข้าก็แค่จะไปเก็บหญ้า.. เราไปเก็บที่อื่นไม่ได้เหรอ? ไปที่นั่นก็เท่ากับเดินเข้าหาความตาย..ข้า ผู้เป็นลูกพี่ของพวกเจ้ายังไม่เคยกอดสาวๆ มาเลยแม้แต่คนเดียว ถ้าข้าตายอย่างนั้น คงเป็นเรื่องอเน็จอนาถเกินไปไม่ใช่เหรอ?” เจ้าอ้วนไห่เริ่มร้องไห้ออกมาเสียงดัง
“เจ้าไม่ต้องไปก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการ แต่หลังจากนั้นสาวงามจะตกเป็นของข้า” เย่คงผิวปาก
“อย่ามายุ่งกับคนสวยของข้านะ เจ้าต้องละความต้องการสาวๆ เดี๋ยวนี้ สาวงามเป็นของข้าต่างหาก เจ้าเข้าใจไหม?” เจ้าอ้วนไห่คว้าคอเสื้อเย่คงคำรามอย่างไม่พอใจ
“เจ้าอ้วน, ก็เจ้าว่าเจ้าจะไม่ไปไม่ใช่เหรอ?” เย่คงถามอย่างสงสัย
“เรียกข้าว่าพี่ใหญ่เซ่ ในฐานะเป็นลูกพี่ของเจ้า ข้าจะทำตกใจยามเผชิญหน้ากับอันตรายได้อย่างไร? เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนพรรค์นั้นหรือ? ข้า..เป็นผู้กล้าคนหนึ่ง ข้าเป็นวีรบุรุษ วีรบุรุษผู้เกิดมาเพื่อคู่กับสาวงาม เจ้า..เจ้ามนุษย์วานรเดินดินควรจะเจียมตัวให้มาก มิฉะนั้นข้าจะสับกระดูกของเจ้าทั้งเป็น ไม่มีใครสามารถต่อสู้แย่งชิงสาวงามกับลูกพี่คนนี้ได้ เข้าใจหรือเปล่า? ก่อนที่ลูกพี่คนนี้จะทิ้งสถานะเด็กและกลายเป็นลูกผู้ชาย ก็ไม่เคยคิดกำจัดเจ้าอยู่แล้ว มิฉะนั้น ข้าคงจะอาละวาดไปแล้ว ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ตาของเจ้าอ้วนไห่มองดูเหมือนวัวบ้าที่ดูดุร้ายและก้าวร้าว
“ในฐานะเป็นลูกพี่ เจ้ายังไม่ได้สละความบริสุทธิ์อีกหรือ? นี่ข้าฟังผิดไปหรือเปล่า?” เย่ว์หยางทั้งที่จะออกไปอยู่แล้ว หันศีรษะกลับมาถาม
“เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน? ลูกพี่ของเจ้าคนนี้เป็นยอดชายเจ้าชู้นะ ข้าสละความบริสุทธิ์ไปแล้วตั้งแต่ตอนอายุ 12 ขวบ แล้วข้ายังจะมาทนทุกข์หาว่าข้ายังบริสุทธิ์ได้อย่างไร? มีสาวสวยตั้งเยอะแยะไล่ตามจีบข้าจนข้าแทบจะรับมือไม่ไหว ข้าต้องสูญเสียเวลานอนทุกวันก็เพราะข้ามัวแต่ชื่นชอบสาวๆ เหล่านี้ เจ้าไม่เห็นเหรอว่าสาวๆ ทะเลาะแย่งชิงข้ามีอยู่ทุกหนแห่ง? ทำไมข้าจะต้องมากังวลเรื่องการมีหรือเสียความบริสุทธิ์ด้วยเล่า? ร้องเหรอ? ข้าไม่ได้ร้อง, เจ้าเคยเห็นข้าร้องเมื่อไหร่กัน? ข้าก็แค่ตื่นเต้นนิดหน่อย นี่คือน้ำตาแห่งความภาคภูมิใจของลูกผู้ชาย ข้าอาจจะไม่ตื่นเต้นเรื่องทำความคุ้นเคยกับคนบ้าๆ อย่างเจ้า ให้ข้าภูมิใจหน่อยไม่ได้หรือไง?” เจ้าอ้วนไห่ยังคงพล่ามต่อไป ในที่สุดก็ร้องไห้จนได้
เขานำเย่คงและเจ้าอ้วนไห่ร่วมทางด้วย จากนั้นเย่ว์หยางไปที่ร้านขายสัตว์อสูรและสำรวจมองดูรอบๆ
อย่างไรก็ตาม เขาไม่เห็นไข่อลเวงที่เหมาะสมเลย เย่ว์หยางรู้ว่าเรื่องอย่างนี้ขึ้นอยู่กับวาสนา ดังนั้นเขาจึงไม่ควรกังวล จากนั้นเขาเขียนจดหมายขึ้น 2 ฉบับส่งไปหาอี้หนานและเจ้าเมืองโล่วฮัวตามลำดับ
จากนั้นเย่ว์หยางกลับไปยังปราสาทตระกูลเย่ว์พร้อมกับเย่ว์ปิง ขณะที่เย่คงและคนอื่นๆ ไปเตรียมพร้อมทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อการเดินทาง
แม่สี่มีความสุขมากเมื่อบุตรและธิดาของนางกลับมาบ้าน
นางคุยกับบุตรชายเกี่ยวกับเรื่องสามีนางอย่างสบายใจว่า “อาสี่ของเจ้าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ทั้งนี้ต้องขอบคุณแม่นางเฟิงที่ดูแลทั้งวันและทั้งคืน ข้าพบกับแม่นางนั้นแล้ว และนางดูเหมือนจะไม่ใช่ผู้หญิงประเภทอย่างนั้น นิสัยของนางอ่อนน้อมถ่อมตนมาก นางเป็นผู้หญิงที่ดีอย่างแท้จริง ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น ทำไมนางถึงยินยอมสละตัวเองช่วยชีวิตอาสี่ของเจ้าเล่า”
เย่ว์หยางไม่พูดอะไรต่อ เขาคิดว่าแม้ว่าแม่นางเฟิงจะเป็นคนมีเมตตา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี่ยังคงเป็นกับดักที่วางไว้ด้วยวัตถุประสงค์บางอย่างนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เป็นศัตรูกับเย่ว์ซาน
เขาคงจำเป็นต้องรอเวลาที่ดีที่สุดเพื่อโจมตี
เย่ว์หยางตัดสินใจฝึกและพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้าขณะที่เขารอโอกาสอย่างเงียบๆ เนื่องจากเขา ตัดสินใจที่จะเปิดเผยแผน เขาจะจับคนบงการที่อยู่เบื้องหลังแผนนี้ เพราะเขาตัดสินใจแตกหักกับตระกูลของเขา จากนั้นเขาจะเปิดศึกใหญ่กับพวกเขาทั้งหมดอีกครั้ง เขาจะซัดให้หนัก เพื่อที่ว่าศัตรูของเขาจะได้ไม่มีโอกาสกลับมาได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ยังคงมีเรื่องของอาสี่กับแม่นางเฟิง การถอนหมั้นของสหายผู้น่าสงสารกับแม่นางเสวี่ย จนสหายผู้น่าสงสารต้องไปโดดน้ำตาย
เรื่องทั้งหมดนี้ เย่ว์หยางจำเป็นต้องสืบสวนให้ถ้วนทั่ว คลี่คลายความลับและแสดงหลักฐานเกี่ยวกับศัตรูของเขาด้วยการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
ระหว่างที่เขากลับมานี้ นอกจากจะเยี่ยมแม่สี่แล้ว เย่ว์หยางยังคงต้องการช่วยเย่ว์ชวงเปิดทางเดินปราณ เย่ว์ชวงไม่เคยบ่มเพาะฝึกวิชาฝีมือมาก่อน แต่เย่ว์หยางได้ปรับแต่งเส้นเดินปราณด้วยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาในร่างเธอก่อน เพื่อช่วยเปิดเส้นทางเดินปราณของเธอ ด้วยวิธีนี้ร่างกายของเด็กหญิงก็จะมีสุขภาพดีและไม่ล้มป่วยโดยง่าย
หลังจากนั้น เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าหลังจากเปิดเส้นทางเดินปราณของเธอ พลังปราณภายในของเธอกลายเป็นหนาแน่นกว่าเมื่อก่อน นี่จะทำให้เธอมีโอกาสทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญสำเร็จได้สูงมาก
อย่งไรก็ตาม เย่ว์หยางยังไม่ให้เธอทำสัญญากับคัมภีร์ทองแดงทันที เขาต้องการรอเวลาที่เหมาะสมและช่วยให้เธอทำต่อหน้าผู้ชม เขาต้องการให้ทั้งตระกูลเป็นพยานในการประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ของเธอ แน่นอนว่า เพื่อเป็นการรับประกันว่าเย่ว์ชวงจะสามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้ เย่ว์หยางคาดว่า เขาคงจำเป็นต้องเปิดเส้นทางเดินปราณอย่างน้อย 5 เส้นให้เธอก่อน ตอนนี้เขาเพียงแต่เปิดเส้นทางเดินปราณไว้ 2 เส้น ดังนั้นมันจะเร็วเกินไป ยิ่งกว่านั้นการช่วยเปิดทางเดินปราณให้เย่ว์ชวงเป็นการกระทำที่คนอื่นไม่รู้ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ เย่ว์หยางก็ไม่ยอมให้เธอได้รู้เหมือนกัน มิฉะนั้น แม่หนูน้อยปากสว่างนี้ คงจะปล่อยความลับให้รั่วไหลง่ายดายแก่ใครก็ตามที่ให้ลูกอมหวานเธอ
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเล่นกับเด็กหญิง และเมื่อเธอไม่ได้ทันรู้ตัว เขาจะปล่อยปราณก่อเนิดไว้ในตัวเธอทีละนิดๆ ช่วยเปิดทางเดินปราณให้เธอทีละขั้น
หนูน้อยเย่ว์ชวงนี้ ชอบเล่นที่สุด เมื่อเล่นจนอารมณ์ขึ้นเธอจะไม่ทันตระหนักว่าตัวของเธอร้อนขึ้น
ในกรณีนี้ เขาไม่จำเป็นต้องเร่งเย่ว์ชวงให้ทำสัญญากับคัมภีร์ เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเธอทำสัญญากับคัมภีร์จริงๆ เธอจะไม่มีเวลาเล่นอีกต่อไป เธอจำเป็นต้องฝึกหนัก ปลูกฝังความก้าวหน้าทุกวี่วันซึ่งคงเป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ ดังนั้น เย่ว์หยางไม่ใส่ใจที่จะยอมให้เธอทำสัญญากับคัมภีร์เร็วเกินไป เขากลับเตรียมหาโอกาสที่เหมาะสม เพื่อที่ว่าครอบครัวที่สี่จะได้แสดงความสามารถต่อหน้าสมาชิกตระกูลเย่ว์ทุกคน
เพื่อแม่สี่ เขาจะต้องทำให้นางมีสง่าราศีและมีเกียรติยิ่งขึ้น!
เขาต้องทำให้นางรุ่งเรืองที่สุดและเป็นผู้น่าภูมิใจที่สุดในโลกนี้ให้ได้
“ซานเอ๋อ! ตั้งแต่เจ้าถอนหมั้นกับแม่นางเสวี่ย เจ้าก็ไม่มีคู่หมั้นหมายแล้วในตอนนี้ ปล่อยไว้แบบนี้ไม่ได้ เอาอย่างนี้เป็นไร ข้าจะช่วยหาคู่ให้เจ้าดีไหม? เจ้าเองก็เข้ากันได้ดีกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ใช่หรือ? นางเป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่ง ดังนั้นฐานะของนางเหมาะสมกับเจ้ามาก นิสัยหน้าตาพวกเจ้าก็ดูเข้ากันได้ดี เพียงแต่ว่าวัยอย่างเจ้าอาจจะมีว้าวุ่นสับสนบ้างเล็กน้อย…” แม่สี่ดูเหมือนจะเตรียมพูดเรื่องหาคู่ครองให้เย่ว์หยาง เรื่องนี้ทำให้เย่ว์หยางตกใจอย่างหนัก
“โปรดย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลย ปัจจุบันนี้ ข้าแค่มุ่งมั่นกับการฝึกฝน เรื่องนี้เราค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม?” เย่ว์หยางรีบส่ายศีรษะปฏิเสธข้อเสนอทันที
“เอาอย่างนั้นก็ได้ หาผู้หญิงที่คู่ควรด้วยตัวเจ้าเอง ถ้าเจ้าหาไม่ได้สักคน อย่างนั้น แม่สี่จะตัดสินใจแทนเจ้า” แม่สี่ได้ยินธิดาของนางพูดถึงใครบางคนชื่ออี้หนานมาก่อนหน้านั้น แต่นางยังไม่เคยพบเธอ นางไม่รู้ว่าอี้หนานเหมือนอะไร แต่แม่สี่จะไม่คัดค้านแน่นอน นางให้อิสระบุตรชายนางในเรื่องสัมพันธ์รักของเขาเอง นางกลัวว่าบุตรชายนางจะเหนียมอายเกินกว่าจะถามอี้หนาน หรือบอกนางว่าเขาต้องการพบนางอีกครั้ง
เย่ว์หยางพักอยู่ในปราสาทตระกูลเย่ว์เพียงคืนเดียวก็รีบจากมา เขากลัวว่าแม่สี่จะคุยเรื่องการแต่งงานของเขาอีกครั้ง
เขาพาเย่ว์ปิงไปพร้อมกันเขาจนลุถึงด่านผ่านชายแดนอาณาจักร
เมื่อพวกเขามาถึงชายแดนซึ่งมีกำแพงสูงป้องกัน เป็นทางยาวดูไม่สิ้นสุด เย่ว์หยางพบว่า ตรงจุดที่ผู้คนกำลังเข้าแถวเพื่อผ่านแดน เย่คงและคนอื่นๆ กำลังทะเลาะกับคนแปลกหน้า ทั้งสองฝ่ายกำลังวิวาทกันจนทำให้เกิดเสียงดังวุ่นวาย มีกลุ่มผู้คนกำลังมองดูพวกเขา
อ๋า… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
************************