===============
ด้านนอกหุบเขางูขนด มีเมืองเล็กๆ อยู่เมืองหนึ่ง เดิมทีเมืองนี้เรียกว่าเมืองงูขนด แต่ทหารรับจ้างชอบเรียกว่า “ซือว่าง (เมืองแห่งความหวัง)
เหตุผลเป็นเพราะเมื่อมีคนเข้าไปในเหวสิ้นหวัง ชีวิตของพวกเขาจะตกอยู่ในอันตราย จนกว่าจะถึงตอนที่พวกเขาออกมาจากหุบเขา เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สูงบนภูเขา
เมื่อสามารถเห็นเมืองเล็กๆ นี้ก็เท่ากับว่ามองเห็นความหวัง
มีทหารรับจ้างอยู่ภายในเมืองเป็นจำนวนมาก นี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะไปเก็บไข่มดแดงไฟ และไข่มดแดงไฟใบหนึ่งขายได้ 1 เหรียญทอง นั่นคือสาเหตุที่มีทหารรับจ้างเป็นจำนวนมากมาหาความมั่งคั่งที่นี่
กล่าวโดยทั่วไป ไม่มีกองทหารรับจ้างธรรมดาที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลังจากไปกระตุ้นรังมดแดงไฟ ที่มีขนาดตัวยาวมากกว่า 5 เมตร อย่างไรก็ตามฤดูกาลนี้เป็นข้อยกเว้น
ในช่วง 2 เดือนมานี้ มีมดแดงตัวเมียนับไม่ถ้วนบินออกมาหาที่เพื่อสร้างอาณาจักรมดแดงไฟแห่งใหม่ เมื่อมดแดงไฟตัวเมียเหล่านี้เริ่มวางไข่ พวกมันจะไม่มีทหารมดแดงไฟคอยปกป้อง แม้ว่าจะมีก็ตาม แต่จำนวนมดแดงไฟเท่าที่เห็นจะมีน้อยมาก ดังนั้น ทหารรับจ้างจะฉวยโอกาสนี้ขโมยไข่เหล่านั้นและขายแลกทอง แน่นอนว่า ตลอดพื้นที่โดยรอบเหวสิ้นหวังก็คือสวรรค์ของมดแดงไฟ มีโอกาสสูงที่จะพบมดแดงไฟอื่นๆ ซึ่งกำลังหาอาหาร เมื่อผ่านไปทางอุโมงค์ใต้ดิน ดังนั้น นี่คืองานที่แท้จริง ที่ต้องเสี่ยงชีวิตแลกกับทอง
“ค่าแผนที่ 2 เหรียญทอง พ่อหนุ่ม! โปรดอย่าบ่นเลยนะ เพราะแผนที่นี้จะทำให้อยู่รอดได้ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงสำหรับชีวิตผจญภัยนับครั้งไม่ถ้วน เรามักจะกันผลกำไรครึ่งหนึ่งจากการขายแผนที่ทุกฉบับไปให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นค่าตอบแทน” ชายชราผู้ขายแผนที่ในสมาคมนักรบชี้ตำแหน่งอันตรายบนแผนที่ 2-3 แห่งให้เย่ว์หยางอย่างจริงใจและซื่อสัตย์
เหวสิ้นหวังเป็นรอยแยกหินขนาดใหญ่ทอดตัวจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก ยาวเกินกว่า 600 กิโลเมตร
ส่วนที่กว้างทีสุด อยู่ในศูนย์กลาง กว้างเกินกว่า 120 กิโลเมตร ความกว้างโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราวๆ 40-50 กิโลเมตร ขณะที่จุดที่ลึกที่สุด จากที่มีการบันทึกไว้คือ 10 กม.
มีพื้นที่ระดับต่างกันเล็กน้อยไม่กี่พื้นที่ ส่วนใหญ่จะเป็นแท่งเสาที่ยื่นออกเป็นรูปทรงแปลกๆ เป็นหินขรุขระ พื้นที่ก้นหุบเขาโดยมากไม่เคยได้เห็นแสงแดด ยิ่งไปกว่านั้น ภูมิประเทศยังหวาดเสียวอันตรายอย่างยิ่ง
ใจกลางหุบเขาหินแยกอยู่ไกลมากจัดเป็นแดนมรณะแห่งหนึ่ง แต่ไม่มีใครสามารถตรวจพบสาเหตุได้
มีสถานที่ต้องห้ามทั้งหมด 6 แห่งระบุไว้ในแผนที่ พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่มรณะมีโอกาสตายได้สูงมากคือ “เหวทะเลสาบน้ำดำ” “เขาเพลิง” “สะพานขยี้กระดูก” “โตรกพายุทราย” “ทะเลสาบยอดเมฆ” และ “ศูนย์กลางมรณะ”
นอกจากจุดศูนย์กลางมรณะแล้ว ยังมีอีก 5 สถานที่กระจายอยู่ตามแนวของหุบเขาแยกจากตะวันออกไปทางทิศตะวันตก
เย่ว์หยางและคณะต้องการไปเก็บหญ้าฟ้าประกายดาว ซึ่งมีอยู่ที่หน้าผาสูงใกล้กับทะเลสาบยอดเมฆ กล่าวกันว่าจะต้องปีนเขาชันสูงกว่า 3000 เมตร เป็นหน้าผาที่อันตรายก่อนที่จะไปถึงที่ตั้งของหญ้าฟ้าประกายดาวที่เบ่งบานแล้ว
“อี้หนาน..พี่อี้หนานทิ้งข้อความไว้ให้ที่สมาคม บอกว่าจะมาสมทบกับเราในอีก 2-3 วัน เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ยังทิ้งข้อความไว้ว่า นางจะปลีกตัวมาได้ในอีกครึ่งเดือน เพื่อเก็บหญ้าฟ้าประกายดาวพร้อมกับพวกเรา นางขอให้พวกเราสำรวจภูมิประเทศที่นี่ก่อน” เย่คงไปที่ก๊วนขโมยแล้วกลับมา ข่าวที่เขานำมาให้เย่ว์หยางน่าปวดหัวเล็กน้อย เขาสามารถโอบกอดหญิงสาวได้ถ้ามีเพียงคนเดียว แต่ถ้าพวกนางมาพร้อมกันสองคน เขาได้แต่หวังว่า การหึงหวงของพวกนางกันเอง คงจะไม่มากเกินไป
“นั่นก็ดีเลย เราจะสำรวจทางเดินในขณะเดียวกัน ที่นี่อันตรายมาก ควรใช้เวลา 2-3 วันสำรวจพื้นที่กันก่อน เย่ว์ปิงรู้ว่าการเก็บหญ้าฟ้าประกายดาวคงไม่ใช่เรื่องง่าย จะเป็นเรื่องดีกว่าถ้าพวกเขารอความช่วยเหลือจากเจ้าเมืองโล่วฮัว
เย่ว์หยางก็คิดเหมือนกัน แม้เขาไม่หวังจะพาเย่ว์ปิง, เจ้าอ้วนไห่และเย่คงร่วมทางไปเก็บสมุนไพร
การพาพวกเขาไป ทะเลสาบยอดเมฆ หนึ่งในตำแหน่งเขตอันตราย หากว่าเขาปีนขึ้นไปเก็บหญ้าฟ้าประกายดาวและปล่อยพวกเขาไว้ข้างล่าง เขาจะทำอย่างไรถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา? เรื่องแบบนี้ไม่ตลกเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์ปิง เขาจะอธิบายกับแม่สี่ได้อย่างไรหากว่าเย่ว์ปิงบาดเจ็บขึ้นมา?
ก่อนจะออกจากเมืองและเข้าเส้นทางมุ่งสู่หุบเหวสิ้นหวัง เย่ว์หยางมองดูรอบๆ อีกครั้ง เขามองไม่เห็นนางโจรลึกลับผู้เหมือนว่าจะมองหาเขาอีกแล้ว
แม้ว่าจะมีทหารรับจ้าง 2-3 คนเดินอยู่ข้างหน้าเขา แต่ก็ยังมี 2-3 คนตามพวกเขามา
อย่างไรก็ตาม ขณะที่พวกเขาเดินผ่านไปตามหน้าผาที่กว้างไม่ถึงครึ่งเมตร จิตใจพวกเขาก็เริ่มหวาดกลัวมากขึ้น ขณะที่พวกเขาเดินลงไปได้ไม่กี่เมตรก็เลี้ยวและเดินลึกลงไปได้ไม่กี่เมตร พวกเขาเดินลงไปทีละชั้น ทีละชั้น
พอมองลงไป กลุ่มทหารรับจ้างทำให้ทางลงหุบเขาดูเล็กกว่ามดเสียอีก แม้ว่าเย่คงและคนอื่นๆ จะมีความกล้าอยู่บ้าง แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่รู้สึกกลัว
ถ้าพวกเขาร่วงลงไปเพราะความเลินเล่อเพียงชั่วเวลาเดียวเท่านั้น แม้แต่กระดูกของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือลมภูเขาที่พัดแรงมากคอยพัดและหอบ บางครั้งลมก็พัดจนคนตัวลอยขึ้นไป
แม้แต่เจ้าอ้วนไห่ที่มีร่างใหญ่โตเป็นก้อนเนื้อหนัก 150 ก.ก. ยังไม่สามารถทนต่อแรงลมพัดได้ เมื่อลมภูเขาพัดมา เขาจะรีบแนบตัวกับผนังอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้น เขาจะรู้สึกคล้ายกับจะปลิวไปตามลม ที่ด้านหลังของเขาคือเย่ว์หยางผู้เยือกเย็นที่สุดในกลุ่มสมาชิก เมื่อลมภูเขาพัด พวกทหารรับจ้างจำนวนนับไม่ถ้วนจะพากันสบถหรือไม่ก็หน้าซีดด้วยความตกใจ มีเพียงสีหน้าของเย่ว์หยางเท่านั้นที่ัยังดูใจเย็นและสงบ
ตั้งแต่เขาเข้าใจถึง “หัวใจธรรมชาติ” ลมพัดเพียงเล็กน้อยเท่านี้ก็ไม่มีความหมายมากต่อเขาอีกต่อไป
เย่ว์ปิงเกาะแขนพี่ชายนางขณะเดินอยู่ข้างๆ เขา
เมื่อใดก็ตามที่ลมภูเขาเย็นยะเยียบพัดมา เย่ว์หยางจะคว้ามือนางป้องกันไม่ให้ร่างที่เบาหวิวของนางปลิวไปตามลม
ในท้องฟ้า มีแมงมุม แพะภูเขาหรือแม้กระทั่งกิ้งก่าขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นเป็นครั้งคราว มันถูกลมภูเขาพัดหอบขึ้นมา บางตัวก็ถูกหอบไปกระแทกผนังหุบเหว ถูกบดกระแทกเป็นกองเนื้อเลอะเลือน ถ้าแรงลมลดลงกะทันหัน พวกสัตว์ที่ถูกพัดมาครึ่งทางก็จะร่วงลงไปบนพื้น เสียงเดียวที่ได้ยินอู้อี้ลางๆ ก็คือเสียงตุ้บ ตุ้บ ขณะที่พวกมันร่วงลงไปตาย ตลอดเวลา จะมองเห็นแพะภูเขาถูกลมหอบไปทั้งที่ยังมีชีวิต มันร้องอย่างน่าสมเพช
เสียงร้องอยู่ในลำคอท่ามกลางเสียงลมพัดหวีดหวิวรุนแรงน่ากลัว ทำให้คนอื่นๆ ที่ได้ยินสั่นสะท้านและรู้สึกอ่อนแอ
เย่ว์หยางมองเห็นที่ด้านบน มีทหารรับจ้างคนหนึ่งเกิดอุบัติเหตุลื่น ทั้งร่างของเขาร่วงลงก้นเหวก่อนที่เขาจะถูกลมภูเขาพัด
ในทันใดนั้น เขาถูกลมหอบห่างออกไป ห่างออกไป ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะถูกลมหอบไปสิ้นสุดอยู่ตรงไหน
คงได้ยินแต่เสียงร้องของเขาสะท้อนไปทั่วหุบเขาต่อเนื่องเป็นเวลานาน
“อย่ากลัว ทุกอย่างจะไม่เป็นไร” เย่ว์หยางปลอบโยนเย่ว์ปิงทันที เขารู้ว่าหัวใจของเด็กสาวแข็งแกร่งและมุ่งมั่น นางส่ายศีรษะและพูดว่า “ข้าไม่กลัว”
“แต่ข้ากลัวจริงๆ ปลอบข้าด้วยสิ…” เจ้าอ้วนไห่ร้องอย่างน่าสงสาร
“หุบปาก” เย่คงต้องการจะทุบตีเจ้าผู้นี้ให้ตายจริงๆ น่าเสียดายที่สถานที่ไม่อำนวยให้ทำแบบนั้น
“แก เจ้าหัวหมู ถ้าเจ้าไม่ต้องการตาย ก็ต้องใจสู้มากขึ้น คิดถึงลูกๆ ของเจ้าที่ัยังคงไม่อดนมสิ เจ้าต้องการมีชีวิตกลับไปพร้อมกับความมั่งคั่งไหม? ถ้าเจ้าไม่ต้องการตายที่นี่และกลายเป็นอาหารค่ำของกิ้งก่ายักษ์หรือแมงมุมแล้ว อย่างนั้นก็ต้องตื่นตัวและใจสู้ให้มากขึ้น ตามข้ามา สังเกตดูว่าข้าทำตรงส่วนนี้อย่างไรแล้วก็ทำตามด้วย ถ้าเจ้าร่วงลงไป จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้และจะไม่มีใครกล้าช่วยเจ้าด้วย” มีทหารรับจ้างหัวหน้ากลุ่มคนหนึ่งเคราครึ้มพูดเสียงดังลั่น ดูเหมือนว่าเป็นกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มเดียวกับคนที่สะดุดไปก่อนหน้านี้
การเดินลัดเลาะลงไปตามซอกเล็กๆ ตามหน้าผาใช้เวลา 2 ชั่วโมง
เมื่อพวกเขามาถึงค่ายชุมชนเล็กๆ ที่ด้านล่างของหุบเขา ฟ้าก็มืดแล้ว ทหารรับจ้าง 2-3 กองสุดท้ายต้องจุดโคมไฟเพื่อส่องทางลง
ทหารรับจ้างที่อยู่ด้านล่างของหุบเหว ทุกคนนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ขณะแทะกินเนื้อแพะภูเขาและคอยเยาะเย้ยเจ้าอ้วนไห่ “เฮ้..ยินต้อนรับสู่เหวสิ้นหวัง ดูเหมือนพวกเจ้าจะเตรียมของมาหลายอย่างนี่ และเจ้าคงลืมพาแม่นมลงมาด้วยใช่ไหม”
“อ่า..แล้วอย่างนั้นข้าจะกินนมได้อย่างไร? ข้ายังไม่อดนมเลยด้วยซ้ำ” ทหารรับเจ้าตัวผอมตะโกนล้อเลียน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ทหารรับจ้างหัวเราะลั่นไม่มียั้ง
“….” ประกายความโกรธปรากฏแว่บอยู่ในสีหน้าของเจ้าอ้วนไห่ แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“เมื่อพวกเจ้ากำลังเยาะเย้ยคนอื่นๆ อย่าลืมระวังหลังตัวเองด้วยล่ะ..” เย่ว์หยางหัวเราะอย่างเย็นชากระทันหัน
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?” ทหารรับจ้างผอมโกรธเมื่อได้ยินเย่ว์หยางพูด เขาโยนชิ้นเนื้อลงพื้นและชักมีดออกมาทันที
“ข้าก็แค่แนะนำเจ้าให้ระวังตัวมากขึ้น” เย่ว์หยางยักไหล่ตามสบาย
“เจ้าเด็กใหม่ ดูเหมือนว่าข้าต้องสั่งสอนเจ้าให้หุบปากกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างเสียแล้ว” จากนั้นทหารรับจ้างผอมเดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มที่ประสงค์ร้าย อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นร่างสีดำมืดจู่โจมเข้ามาจากความมืด เมื่อกองทหารรับจ้างเห็นเห็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาร้องลั่นว่า “ซวยแล้ว”ทันที ต่างก็โยนชิ้นเนื้อทิ้งทันที และชักอาวุธออกมาจากเอวพวกเขายกโคมไฟส่องไล่หลังตามร่างนั้นไปในความมืด
เมื่อพวกทหารรับจ้างไล่ตามไปในความมืด ไม่มีความเคลื่อนไหวในความมืดอีกต่อไป สัตว์ประหลาดที่ฆ่าบุรุษผอมก็หายไปโดยไม่เหลือร่องรอยพร้อมกับเหยื่อของมัน
หลังจากรับงานแล้ว พวกทหารรับจ้างผู้ล้มเหลวในการไล่จับกลับมาทำตาขุ่นเขียว
มีหัวหน้าทหารรับจ้างหัวล้านคนหนึ่งเดินมาที่เย่ว์หยางแล้วตะคอกเสียงลั่น “เจ้ามองเห็นแมงมุมศิลาเงาผีแล้ว แต่ไม่ยอมเตือนอะไรเลย เจ้าเป็นต้นเหตุให้น้องข้าตาย”
เย่ว์หยางส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าเตือนเขาไปแล้ว แต่เขาถือคำพูดข้าเป็นเช่นลมพัดผ่านหู ถ้าแมงมุมศิลาเงาผีนั้นไม่ปรากฏตัว ข้าอาจโดนเขาเอามีดแทงข้าจนล้มลงกับพื้นไปแล้ว ตอนนั้นข้าไม่เห็นเจ้าที่เป็นหัวหน้าพยายามห้ามปรามเขานี่ ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงใยบริวารของเจ้า แต่ข้าเองก็เหมือนกัน ข้าใส่ใจพี่น้องของข้า การเยาะเย้ยพวกเขาก็เท่ากับตบหน้าข้า ตอนนี้ข้าแค่ต้องการบอกว่า ถ้ามีครั้งต่อไปอีก ข้าจะไม่รอให้แมงมุมศิลาเงาผีเข้าโจมตีแน่ ข้าจะโจมตีด้วยตนเอง”
“แม้ว่ามันเป็นความผิดของน้องชายข้า แต่เจ้ายืนมองเขาถูกแมงมุมศิลาเงาผีฆ่าตายโดยไม่ยอมทำอะไรได้อย่างไร? เราทุกคนเป็นมนุษย์ ในสถานการณ์อันตราย เราควรจะช่วยเหลือกันและกันสิ” หัวหน้ากองทหารรับจ้างหัวล้านกระทืบเท้าอย่างใจจดจ่อ ทั้งโกรธและรู้สึกผิดผสมปนเปอยู่ในใจ
“คำพูดเหล่านี้พอออกจากปากเจ้า ฟังดูแล้วน่าขัน ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายชักมีดออกมา ทำไมเจ้าถึงไม่พูดบ้างล่ะว่า เราทุกคนเป็นมนุษย์ที่ควรจะช่วยเหลือกันและกันยามเกิดวิกฤต?” เย่ว์หยางตำหนิ
หน้าหัวหน้ากองทหารรับจ้างหัวล้านบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวเขียว โกรธจัดจนต้องทุบอกตัวเอง 2-3 ครั้ง ก่อนจะแค่นเสียงพูดอย่างเจ็บปวดว่า “แม้ว่าจะเป็นความผิดของเขา แต่เจ้าก็ไม่ควรยืนมองดูเขาตายเฉยๆ เขาคงไม่มีความตั้งใจฆ่าเจ้าอยู่แล้ว เขาเป็นคนที่่ชอบพูดเกินจริงไปบ้าง เพราะเขาต้องการสั่งสอนเจ้า เขาไม่สมควรตาย เห็นได้ชัดว่าเจ้ามีโอกาสจะช่วยเขาได้ ดังนั้นเจ้าควรจะช่วยเขาก่อนสิ ถ้าเขาทำผิดพลาดไป ข้าจะให้เขาไปขออภัยเจ้าทีหลังก็ได้!”
“เอาอย่างนั้นก็ได้, ข้าจะรอให้เจ้าขอโทษ” เย่ว์หยางส่งสัญญาณมือและฮุยไท่หลางกระโจนออกมาจากเงามืดทันที
ในปากของมัน คาบทหารรับจ้างผอมที่ตอนนี้ทั้งตัวเปลี่ยนเป็นสีเขียวไปแล้ว
ทหารรับจ้างทุกคนไม่สามารถไล่แมงมุมศิลาเงาผีได้ทัน แต่ในสายตาของฮุยไท่หลาง แมงมุมศิลาเงาผีช้างยิ่งกว่าเต่าเสียอีก
ฮุยไท่หลางกลับมาอยู่ข้างๆ เย่ว์หยาง และเหวี่ยงร่างทหารรับจ้างผอมที่เจียนตายเต็มทีลงกับพื้น ขณะเดียวกันมันคำรามเสียงต่ำใส่ทหารรับจ้างคนอื่นๆ ที่มัวแต่ตกใจจนพูดไม่ออก การปรากฏตัวของมันมีอานุภาพคุกคามมาก ปราณปีศาจอัดแน่นลุกท่วมทั้งตัวของมัน ทหารรับจ้างทุกคนกลัวจนถอยทันที
หัวหน้าทหารรับจ้างก็ตกใจเช่นกัน
พอมองดูดีๆ มันคือหมาป่าปีศาจ 2 หัว อสูรเงินระดับ 4 แม้แต่เขา ผู้เคยเห็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวมาก็ไม่น้อย ก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กลืนน้ำลายและสงบใจที่เต้นรัวเป็นกลองเมื่อได้เห็นมัน
จากนั้นเขาเห็นว่าน้องชายเขายังไม่ตาย เขารีบวิ่งมาหาและแบกเขา ตวาดใส่บริวารว่า “เอายาแก้พิษมานี่ เร็ว”
เย่ว์หยางดึงเย่ว์ปิงขณะที่กลับหลังหันเตรียมจะจากไป
“ข้า ข้าเป็นลูกพี่นะ ข้าจะปล่อยให้ลูกน้องคอยปกป้องข้าได้อย่างไร.. เย่ว์หยาง, ฟังให้ดี, ในอนาคต ข้าคงลากถ่วงเจ้าลงมาไม่ได้ แต่ข้าก็ยังคงมีคุณสมบัติเป็นลูกพี่ผู้ไม่เคยวิ่งหนีหรือตกใจกลัวอยู่ดี เจ้าไม่เคยฟังข้าเลยเหรอ? ข้าเคยบอกแล้ว” เจ้าอ้วนไห่เป็นเหมือนสัตว์ป่าบาดเจ็บ วิ่งเข้าใส่ข้างหลังเย่ว์หยาง ขณะที่เขาตะโกนลั่น
“แม้ว่าเจ้าจะยังไม่มีคุณสมบัติตอนนี้ แต่หลังจากฝึกพิเศษครั้งนี้แล้ว เจ้าถึงจะมีคุณสมบัติเป็นลูกพี่ ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งอยู่ในตัวเจ้า” เย่ว์หยางหันมายิ้มให้
“เจ้าตัวแสบ, ใครให้เจ้าพูดว่าข้าไม่มีคุณสมบัติ มันก็แค่บทเรียนพิเศษบทหนึ่งไม่ใช่เหรอ..” เจ้าอ้วนไห่น้ำตานองหน้า
เย่คงเดินมาเอามือแตะไหล่เจ้าอ้วนไห่ที่ยังคงมีอารมณ์อยู่ ร่างของเขาสั่นไม่หยุด แต่สิ่งที่เกินคาดก็คือ เขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นการยอมรับ
หลี่ชิวกับหลี่เกอ 2 พี่น้องยังคงทำเหมือนกัน พวกเขาเดินมาตบไหล่เจ้าอ้วนไห่
อย่างนั้น พวกเขาทุกคนจะติดตามเย่ว์หยางไปด้วยกัน
หัวหน้าทหารรับจ้างหัวล้าน ที่เพิ่งช่วยชีวิตทหารรับจ้างผอมได้ มองดูร่างของเย่ว์หยางเลือนหายไปในความมืด ขณะที่เขาพึมพำว่า “เย่ว์หยาง, หรือว่าเขาเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลเย่ว์? เขาคือคุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์ไม่ใช่เหรอ? สวรรค์, คนอย่างเขานี่นะ… ข้าบอกได้เลยว่าพวกเราตาบอดเสียแล้ว, ไม่สิ, ตาบอดกันทั้งโลกนี่แหละ… บทเรียนการอ่อนน้อมถ่อมตนที่ข้าได้รับครั้งนี้ ทำให้ข้าละอายใจตัวเองยิ่งนัก ข้าจะจำมันไว้ให้ดี ข้าจะจดจำเอาไว้ในใจตลอดไป”
***********************