===============
“ผิดปกติแล้ว” เย่ว์หยางไม่สามารถทำอะไรได้ แต่คิดเรื่องนี้ในใจ
อย่างไรก็ตาม สำหรับเย่ว์หยางที่ได้รับการฝึกพิเศษจากสาวสวยในดินแดนแห่งความฝันมาเป็นเวลายาวนาน เขาไม่ใช่คนโง่ที่ยอมตายแน่นอน เมื่อเห็นศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่ข้างหน้า
ก่อนที่หมัดอีกข้างหนึ่งของสื่อจินโหวจะปะทะเสียงดังบึ้ม เย่ว์หยางอัญเชิญคัมภีร์แบบเงียบตามวิธีที่เรียนรู้จากเสี่ยวเหวินหลี เป็นการอัญเชิญแบบเงียบที่เย่ว์หยางฝึกหนักจนสำเร็จ คัมภีร์เงินปรากฏลอยออกมา และมันกางโล่ป้องกันอย่างเร็ว ทำให้สื่อจินโหวกระเด็นออกไป เย่ว์หยางเห็นว่าโล่สะเทือนเล็กน้อยจากแรงหมัดกระแทกที่ทรงพลังของสื่อจินโหว แม้ว่าเขาจะตกตะลึง แต่เขาก็ถอนหายใจเงียบๆ ด้วยความโล่งอก โชคดีที่สื่อจินโหวนี้ยังไม่มีพลังขนาดจ้าวปีศาจฮาซิน เขาไม่มีทางทุบโล่ป้องกันได้แน่ แต่ถ้าเปลี่ยนเเป็นหมัดหรือนิ้วหรือแรงกระแทกจากจ้าวปีศาจฮาซินแทน โล่ป้องกันของเขาคงไม่อาจต้านทานแรงกระแทกได้ เรื่องนั้นจะทำให้เย่ว์หยางยิ่งปวดหัว
ในตอนนั้น โล่จากคัมภีร์เพชรของเสี่ยวเหวินหลียังแทบไม่อาจทนต่อการโจมตีเกรี้ยวกราดจากนิ้วของจ้าวปีศาจฮาซินได้
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ดูเหมือนว่า แม้ว่าสื่อจินโหวจะเป็นยอดฝีมือ ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้
สิ่งแรกที่เย่ว์หยางทำก็คือเพิ่มจำนวนเงาปีศาจยักษ์ในตัว พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นถึงร้อยเท่าทันที และระเบิดพลังออกไปได้ฉับพลัน เย่ว์หยางก็จะฟื้นคืนความเชื่อมั่นเพื่อรับมือกับอีกฝ่ายยิ่งขึ้น
เขาไม่ใช้ม้วนเทเลพอร์ตจากไป เขาเริ่มเตรียมตัวเองและเดินพลังปราณเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับสื่อจินโหว ขณะที่สื่อจินโหวกำลังลอยตัวลงมาจากอากาศช้าๆ แววประหลาดใจปรากฏผ่านใบหน้าเขาแว่บหนึ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางที่อายุยังน้อยจะรู้วิธีเรียกคัมภีร์ได้ฉับพลัน เขารู้สึกว่าถ้าโล่คัมภีร์ไม่ได้ป้องกันหมัดของเขาไว้ เจ้าเด็กนี่คงทรมานจากอาการกระดูกหัก เอ็นฉีกและอวัยวะภายในถูกทำลาย
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือเจ้าผู้นี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์หนีไป แต่กลับเรียกสัตว์อสูรของตนออกมา ดูเหมือนต้องการจะสู้กับเขา
เป็นไปได้ไหมว่า เขามีความมั่นใจมากขนาดนั้นจริงๆ ?
“เจ้าใช้คัมภีร์อัญเชิญเป็นตัวช่วยหรือ? งั้นข้าจะร่วมสนุกกับเจ้าด้วย” สื่อจินโหวเรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมา และเปิดพลิกไป 2-3 หน้า ดูเหมือนว่าเขากำลังเลือกสัตว์อสูร ในที่สุดเขาเลือกมันอย่างระมัดระวัง และยื่นมือเรียกมันออกมา
อสุรกายประหลาดร่างคล้ายสุนัข ตัวเป็นคน ขาเหมือนวัวและมีปีกเหมือนค้างคาวถูกเรียกออกมา มันดูน่าเกลียดมาก
อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนมีความฉลาดอยู่บ้าง มันรู้วิธีใช้ดาบเล่มใหญ่เป็นอาวุธของมันและยังคงใส่เกราะสีน้ำเงิน
ตาแดงของมันกระพริบด้วยความกระหายเลือด เมื่อมันถูกเรียกออกมา มันคุกเข่าต่อหน้าสื่อจินโหวทันที เหมือนว่ามันแสดงความจงรักภักดีต่อเจ้านายมันมากที่สุด
พอดูมันแล้ว เย่ว์หยางพบว่าระดับของปีศาจก็คือ อสูรเงินระดับ 6 เขายินดีเล็กน้อย ดูเหมือนสื่อจินโหวผู้นี้จะยังไม่เห็นทักษะของเขา ภายใต้การปกป้องของทักษะลวง ศัตรูมักจะประเมินไม่ถูกและยังไม่ลดการประมาทพลังของเขา ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าคนอายุน้อยอย่างเขาจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แนวคิดของเขาจะถูกจำกัดด้วยความจริงอย่างง่ายๆ
พวกเขาคงคาดไม่ถึงว่าเขาเป็นคนที่ท่องเที่ยวข้ามมิติ ดังนั้นจึงมีข้อยกเว้น
“มาเลยเจ้าลิงสื่อจิน มัวแต่นับอะไรอยู่? นอกจากซึงหงอคงแล้ว ลิงตัวอื่นแค่มีชีวิตชั่วคราวเท่านั้น” เย่ว์หยางถอยออกห่างคัมภีร์อัญเชิญและยกดาบฮุยจินขณะที่เขาเดินออกมา
“เอ๋?” หน้าของสื่อจินโหวถึงกับเปลี่ยนสีไปจริงๆ ในตอนนี้
เจ้าผู้นี้ไม่เพียงแต่วิ่งออกมาเท่านั้น แถมยังออกมาอยู่นอกเขตคัมภีร์อัญเชิญของตนเองด้วย เป็นไปได้ไหมว่ามันไม่กลัวตายจริงๆ
ไม่มีโล่คุ้มกัน มันจะถูกฆ่าตายทันทีเมื่อใดก็ได้ เกิดอะไรขึ้นกับสมองของเจ้านี่กันแน่
นี่มัน…. นี่มันน่าประหลาดเกินไปแล้ว
การกระทำของเย่ว์หยางสร้างความงงงวยให้สื่อจินโหว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะผลักคัมภีร์แพลตตินัมออกไป เอามือตนเองไพล่หลัง ยืนอยู่ตรงข้ามกับเย่ว์หยาง แทนที่จะเคลื่อนเข้าหาโจมตีเย่ว์หยางทันที เขากลับส่งสายตาไปที่อสุรกายน่าเกลียดสั่งให้มันออกไปฆ่าเย่ว์หยาง
เขาไม่ได้อยากฆ่าเย่ว์หยาง เขาแค่ต้องการทดสอบความสามารถของเย่ว์หยางก่อน
อสุรกายน่าเกลียดกระโจนลอยตัวในอากาศขณะรับคำสั่งเจ้านายของมัน กระพือปีกของมันโฉบเข้าหาเย่ว์หยางราวกับสายฟ้า
ดาบยักษ์ถูกฟันลงมาจากอากาศ
เย่ว์หยางหลบ เบี่ยงปลายมีดของอสูรที่น่าเกลียดได้ราวสายฟ้า ขณะที่เขากำลังจะโต้กลับ อสุรกายที่น่าเกลียดก็หมุนตัวกลับขึ้นไปอยู่บนอากาศ มันควงดาบหมุนอยู่ด้านบนเหมือนกับปั่นด้าย
นี่เป็นวิทยายุทธ์ของมนุษย์ชื่อวิชา “ดาบสลาตัน” ที่แตกต่างกันก็คือ มนุษย์ยืนอยู่บนพื้นควงดาบ แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้หมุนดาบอยู่กลางอากาศ เย่ว์หยางกระโจนถอยหลัง ถอยจนพ้นจากรัศมีโจมตีของคมดาบ อสุรกายน่าเกลียดกระพือปีกของมันไล่กวดตามมาหมายใจจะบีบบังคับให้เย่ว์หยางตกทะเลสาบ แน่นอนแล้วว่าเจ้าอสูรที่น่าเกลียดนี้มีความฉลาดพอ เมื่อมันเห็นเย่ว์หยางเข้าไปในทะเลสาบ ความกระหายเลือดปรากฏอยู่ในแววตาสีแดงรุนแรงขึ้น มันควงดาบเร็วยิ่งขึ้นขณะไล่ตาม
สื่อจินโหวประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเจ้าเด็กสวมหน้ากากจะตกลงไปในตำแหน่งที่เสียเปรียบได้ง่ายดายขนาดนี้
ถอยหลังลงทะเลสาบน่าจะเป็นแผนเจ้าเล่ห์สักอย่าง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ควบคุมหรือเตือนอสูรอัญเชิญของเขา ยังคงสังเกตดูอย่างเงียบๆ ดูการโต้ตอบของเย่ว์หยาง หวังว่าเขาอาจหาข้อสังเกตหรือร่องรอยจากการต่อสู้นี้ เพื่อประเมินตัวตนของเย่ว์หยาง
สื่อจินโหว ค่อนข้างแน่ใจว่าเจ้าเด็กที่อยู่ต่อหน้าเขาเป็นนักสู้รุ่นเยาว์ที่ 4 นิกายใหญ่แอบฝึกอบรมขึ้นมาแน่ เพราะเขาไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินว่ามีนักสู้รุ่นเยาว์แบบนี้เกิดขึ้นมาในโลก คนอย่างเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็น 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? แม้ว่าเขาไม่ได้รับเลือก แต่เขาปิดบังตนเองไม่ให้คนรู้จักได้อย่างไร? นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือความสามารถของเจ้าผู้นี้ กล้าหาญและแตกฉานไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะพึงมีได้ เขาต้องเป็นนักสู้รุ่นเยาว์ที่หนึ่งในนิกายทั้งสี่แอบฝึกอบรมขึ้นเป็นแน่
“โต้กลับ!” เย่ว์ตะโกนลั่น และเงื้อดาบวิเศษฮุยจินหลอกโจมตี
อสูรอัปลักษณ์เข้าใจภาษามนุษย์ได้ มันมีปฏิกิริยาเปลี่ยนมาตั้งรับทันทีเมื่อได้ยินเขาพูด และความเร็วในการควงดาบชะลอตัวลงอย่างมาก
ด้วยการทดสอบครั้งเดียวนี้ เย่ว์หยางก็ได้รับการยืนยันสิ่งที่เขาคิด จากนั้นเขาเงื้อดาบวิเศษแล้วก็ปล่อยลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วก็ตะโกนว่า “โต้กลับ” ในแต่ละครั้ง อสุรกายที่อัปลักษณ์ สับสนการกระทำของเขาโดยแสดงท่าทางน่ารังเกียจนี้เป็นร้อยครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุด กลับกลายเป็นว่าไม่มีอะไร
“มันเป็นตัวโง่งมจริงๆ ฮ่า ฮ่า!” เย่ว์หยางเย้ยเสียงดังลั่น
เมื่ออสูรอัปลักษณ์ได้ยินเขา มันบินขึ้นบน ทั้งลนลานและฮึดฮัด ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางก้าวอยู่บนผิวทะเลสาบ ใช้ดาบวิเศษกวนน้ำช้าๆ
สื่อจินโหวสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง พลังที่แท้จริงในเปลวเพลิงม่วงไม่ใช่ของหลอก แต่ในความเชี่ยวกรากในคลื่นน้ำวนที่อยู่ใต้เท้าของเจ้าผู้นี้
โดยไม่ทันรู้ตัว น้ำวนขนาดยักษ์ปรากฏจนถึงก้นบึ้งทะเลสาบ แต่ผิวทะเลสาบยังคงสงบเหมือนเดิม
สิ่งที่ทำให้สื่อจินโหวใจเต้นรัวก็คือเจ้าเด็กสวมหน้ากากผู้นี้ใช้ดาบวิเศษได้แยบยลมาก เมื่อเขาพยายามสังเกตและเปรียบเทียบการกระทำของเย่ว์หยางอย่างระมัดระวัง เขาพบความจริงว่า แม้แต่ตัวของเขาเองยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้ ในทันทีเมื่ออสูรอัปลักษณ์โจมตีใส่หน้าเย่ว์หยาง ดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางก็จะมาถึงก่อนและปะทะรับคมดาบยักษ์ไว้ได้ การชิงมีเปรียบทันทีนี้ เย่ว์หยางทำให้อสูรอัปลักษณ์สูญเสียสมดุลของมันและร่วงลงไปยังผิวทะเลสาบ เมื่อมันกระพือปีกเพื่อบินขึ้น เย่ว์หยางใช้ดาบฮุยจินตัดปีกที่ด้านหลังของมัน พลางหัวเราะอย่างเยือกเย็นว่า “ไปเป็นผีน้ำในนรกได้แล้ว”
อสูรอัปลักษณ์ร่วงลงไปบนผิวทะเลสาบดังตูม
ในตอนแรก ด้วยพลังแข็งแกร่งของมัน แม้ว่ามันจะบาดเจ็บ มันก็ยังบินขึ้นไปในอากาศได้ในไม่กี่วินาที อย่างไรก็ตาม อ่างน้ำวนแปลกๆ ที่ก้นบึ้งทะเลสาบทำลายโอกาสดิ้นรนของมันอย่างสิ้นเชิงและกลืนกินมันลงไปรวดเดียว
ทันใดนั้น เงากำปั้นปรากฏอยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยาง “เจ้าก็ไปเป็นผีน้ำในนรกเช่นกัน”
เป็นสื่อจินโหวนั่นเอง
แม้ว่าเย่ว์หยางจะให้ความระมัดระวังเขามากที่สุดแล้ว แต่เขาก็ยังแทบไม่รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวของสื่อจินโหว
เย่ว์หยางไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเจ้าผู้นี้มาอยู่ตรงเหนือศีรษะของเขาในทันทีได้อย่างไร มันเหมือนกับว่าเขาหายตัวได้ในอากาศ จากนั้นก็แว่บมาโผล่ตรงนี้ทันที ไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวในระหว่างนั้น ไม่มีข้อบ่งชี้สังเกตอะไรเลย
ถ้ามี เย่ว์หยางจะต้องรู้สึกจนได้ แต่แปลกที่ความจริงศัตรูดูเหมือนจะควบคุมพื้นที่ทั้งหมดได้ เขาอาจหายตัวไปและมาปรากฏในที่ใดๆ ก็ได้ รวมทั้งด้านเหนือศีรษะของเขา พอเห็นหมัดของเขาใกล้จะเข้ามาถึงอยู่แล้ว เย่ว์หยางทิ้งตัวหลบลงอย่างรวดเร็ว หลังของเขาปะทะกับผิวทะเลสาบ รังสีฆ่าฟันที่เย็นเยียบแว่บผ่านนัยน์ตาของสื่อจินโหว ไม่มีใครหนีพ้นเงื้อมมือของเขามาก่อน
ไม่เคยมีเลยจริงๆ
ตราบใดที่เขาต้องการจะฆ่า ไม่มีใครสามารถหนีพ้นเงื้อมมือเขาได้
เมื่อหมัดของเขากระทบเข้าหน้าของเย่ว์หยาง สื่อจินโหวหัวเราะอย่างเยือกเย็นและแค่นเสียงว่า “สหายน้อย! เจ้าอ่อนหัดเกินไปเสียแล้ว”
อย่างไรก็ตาม ในเสี้ยววินาที แทบจะทันทีที่เขาระเบิดพลังหมัดออกไป เขาพบว่าเจ้าเด็กสวมหน้ากากที่อยู่ภายใต้หมัดของเขาได้หายไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ในอากาศเกิดมีพลังมหาศาลที่น่ากลัวสามารถพลิกพลิกทะเลสร้างคลื่นได้ หมัดกระแทกที่ดุดันกระแทกใส่จุดกลางหลังขอสื่อจินโหว
เป็นเย่ว์หยางนั่นเอง
ไม่ทันได้มีเวลารู้ตัว เขาและสื่อจินโหวได้สลับตำแหน่งกันไปมา พวกเขายังคงหมุนสลับตำแหน่งกันไปมา
จากรับเปลี่ยนเป็นรุก
“เจ้ามันหาเรื่องตายจริงๆ” สื่อจินโหวระบายความโกรธใส่หลังคา เขาหมุนตัวและขณะที่เขาร่วงลงมาปะทะหมัดเย่ว์หยาง ฝ่ามือซ้ายของเขากระแทกใส่หน้าอกเย่ว์หยางด้วยเร็วและพลังที่หนักหน่วงกว่าฝ่ามือขวาของเขา 10 เท่า เขาไม่มีอารมณ์และความอดกลั้นพอจะเล่นสนุกกับเหยื่อของเขา กระบวนท่าของเขาเป็นท่าสังหาร
“โง่ทั้งสองครั้งสองครา” เย่ว์หยางไม่ได้หลบเลย เขายื่นมือออกมาและชี้อย่างสบายๆ
คัมภีร์เงินถูกเรียกออกมาทันทีอีกครั้ง และสร้างโล่แสงป้องกันทั้งร่างของเย่ว์หยางไว้
พลังหมัดของสื่อจินโหวมีอานุภาพหาที่เปรียบเทียบไม่ได้กระแทกเข้าใส่โล่แสงจนรูปโล่นั้นเบี้ยวไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามพลังป้องกันของโล่ได้สลายพลังโจมตีของสื่อจินโหวลงในทะเลสาบทันที เสียงดังบึ้ม ร่างของสื่อจินโหวกระดอนเพราะพลังสะท้อนของการโจมตีของเขาและกระแทกลงน้ำ ไม่สามารถจะปกปิดได้อีกต่อไปแล้ว สภาพทุลักทุเลของเขาหลังจากหลงกลเย่ว์หยางปรากฏออกมาอย่างสิ้นเชิง
นี่คือเรื่องอัปยศอดสูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นความอัปยศอดสูหนักครั้งแรกที่เคยเจอ เพราะฝีมือของผู้เยาว์รุ่นหลังเสียอีก
“น่ารังเกียจ สารเลว, เจ้าเด็กหน้ากาก เจ้าจะได้เจ็บตัวแน่ๆ ข้าจะให้เจ้าได้เห็นต่อหน้าว่าคนที่แข็งแกร่งจริงๆ เป็นเช่นไร ไอ้แผนปัญญาอ่อนน่าตลกแบบนั้น คนอ่อนแอเขาใช้กัน ไม่คู่ควรต่อการเอ่ยอ้าง” สื่อจินโหวโกรธจริงๆ แล้ว ไม่เคยมีผู้เยาว์คนไหนทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพน่าสมเพชดังกล่าว
สิ่งที่ทำให้ยากจะทนทานได้ก็คือ เขาถูกเจ้าเด็กนี่หลอกลวง
เขาเกลียดความรู้สึกถูกหลอกมากที่สุด
อสูรอัปลักษณ์ดิ้นรนขึ้นมาจากทะเลสาบ มันกางปีกคล้ายค้างคาวสลัดน้ำออกแล้วบินขึ้นไปอีก เย่ว์หยางผลักคัมภีร์ออกห่างจากตัวไปอีก และลอยตัวลงบนผิวทะเลสาบ โดยไม่มีคำพูด ไม่มีเสียง
ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอสูรอัปลักษณ์นั้น กดให้มันตกลงไปในน้ำ แล้วใช้ดาบวิเศษฮุยจินของเขากวนผิวทะเลสาบอีกครั้ง
อสูรอัปลักษณ์ดิ้นอยู่ในน้ำและยังติดอยู่ในน้ำวนที่ดูดลึกลงไป
สื่อจินโหวหายไปอีกครั้ง
เย่ว์หยางใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ตรวจดูเขา แต่สื่อจินโหวยังคงหายตัวในอากาศได้อย่างง่ายดายโดยญาณทิพย์ของเย่ว์หยางจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน
“ตาย!”
เมื่อเสียงเหี้ยมเกรียมมาจากด้านหลังของเย่ว์หยาง สื่อจินโหวกำหมัดแน่นแล้วต่อยเข้าที่จุดรวมไขสันหลังและศีรษะของเขา
ตราบใดที่หมัดใดหมัดหนึ่งกระทบเข้าเป้าหมาย เย่ว์หยางมีโอกาสตายสูง
พลังหมัดที่น่ากลัวหมัดเดียวนี้ อย่าว่าแต่คนๆ เดียวเลย แม้แต่แมมม็อธศึกหรืออสูรโคโดรบอาจโดนทุบจนร่างกายแหลกเหลวก็ได้ สื่อจินโหวเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตนเองแน่นอน ไม่มีร่างกายของนักสู้ที่ไม่มีปราณก่อกำเนิดที่สามารถทนหมัดมหาประลัยของเขาได้ ภายใต้หมัดของเขา เจ้าผู้นี้จะต้องพบจุดจบเพียงสถานเดียว นั่นคือร่างกายระเบิด เลือดเนื้อกระจัดกระจายไปเป็นร้อยเมตร
“เจ้านั่นแหละที่เป็นฝ่ายต้องตาย!” เย่ว์หยางตะโกนด้วยความโกรธ เขาไม่สนใจหมัดของสื่อจินโหว มือของเขาประกบเข้าด้วยกัน ในทันใดนั้น กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิด ปล่อยพลังกระบี่สุดยอดออกไป
เขาวางแผนโต้ตอบนี้ไว้แล้วและรอโอกาสนี้มาเป็นเวลานาน
คิดใช้อาวุธหรือหมัดมวยธรรมดาฆ่าสื่อจินโหวเป็นความเคลื่อนไหวที่ไร้สาระที่สุด
เพื่อจะฆ่านักสู้ที่อยู่ในระดับ 6 หรือสูงกว่า วิธีที่ดีที่สุดคือใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิด แค่ปราณกระบี่นี้มีอานุภาพชนะสิ่งต่อต้านและทำลายได้ทุกอย่าง เพียงแค่นี้ก็ทำให้ร่างระเบิดเสียชีวิตได้แล้ว
สื่อจินโหวเห็นคมกระบี่สีทองนับไม่ถ้วนยืดออกมาจากนิ้วทั้งสิบของเย่ว์หยาง จากนั้นรวมกันเป็นปราณกระบี่ที่คมกริบ ถึงกับตกใจสุดขีด
เขาต้องเรียกคัมภีร์อัญเชิญของเขามาปกป้องตนเองโดยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตาม เขาพบว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สิ้นเชิง
วัตถุไร้รูปทรงพลังมัดเขาเอาไว้ทั้งตัว เขารวบรวมพลังทั้งหมดในหมัดนี้ส่งตัวเองไปข้างหน้า ทันใดนั้น ตอนนี้โล่แสงป้องกันของเขาก็ยังไม่ได้กาง และอสูรอัญเชิญที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาก็ยังไม่ได้ถูกเรียกออกมา นอกจากนี้ ร่างของเขาทั้งหมดยังถูกมัดแน่นหนาจนขยับไม่ได้ และศัตรูของเขายังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ซ่อนตัวอีกด้วย ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์นั้นเล็งมาตรงระหว่างคิ้วของเขาและระเบิดมันออกมา
ในทันใดนั้น เงาแห่งความตายย่างกลายเข้ามาในหัวใจของสื่อจินโหว
ถ้าเขามีโอกาสเสียใจ เขาคงไม่ยอมตกลงไปในกับดักของศัตรูอย่างนั้นอีก เขาจะเรียกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาปกป้องเขาแทน
เขาควรจะปล่อยเจ้าผู้นี้กลับไปดีกว่า และอย่าได้พบเจอกันอีกเลย เขาจะไม่ยอมคิดฆ่าเขาอีก
เป็นเพราะเดินหมากพลาดไปตาเดียวแท้ๆ ถึงกับทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายถึงตายได้แน่นอน
สื่อจินโหวแทบจะเป็นบ้า
ใครกันจะคิดว่าเจ้าเด็กบ้านี่ แท้จริงแล้วคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ซ่อนตัวไว้อย่างดี? ใครเล่าจะคาดกันว่าเขายังมีทักษะธรรมชาติผูกมัดคนได้ทั้งร่าง?
ถ้าเขารู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้มาก่อน สื่อจินโหวจะไม่โจมตีสุ่มสี่สุ่มห้าแน่นอน อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำว่า “ถ้า” ในโลกนี้
นอกจากนี้ เขายังเข้าใจตัวเขาเองผู้นี้ มันก็แค่ว่าเขาประมาทเกินไป มั่นใจในตนเองเกินไป
แล้วยังโง่เกินไปอีกด้วย
********************