===============
เย่ว์หยางเล็งกระบี่สุดยอดไปที่หน้าผากของสื่อจินโหว ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ระเบิดออกมา
ทันทีนั้น ปรากฏรูที่มีเลือดอยู่บนหน้าผากของสื่อจินโหว
ในทันใดนั้นเองก่อนที่โซ่ล่องหนจะหยุดส่งผล เย่ว์หยางจับศีรษะของสื่อจินโหวบิดอย่างเร็วและเต็มกำลังในทิศทางที่ส่งผลทำลายกระดูกคอของเขา
เมื่อผลสะท้อนของโซ่ล่องหนหลุดออก หมัดของสื่อจินโหว ยังคงจู่โจมใส่เย่ว์หยางด้วยพลังที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม หมัดนี้ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เย่ว์หยางอีกต่อไป ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อเย่ว์หยางจู่โจมประสบผลสำเร็จ เขาก็กระโจนขึ้นสู่อากาศไปแล้ว
“เฮ้อ, เกือบไปแล้ว”
เย่ว์หยางใจเต้นอย่างกังวล เขาพยายามบังคับใจที่เต้นรัวให้สงบทันที
สื่อจินโหวเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยพบมาในชีวิตแน่นอน โชคดีที่เขาไม่เห็นความสามารถของเขา และเขาสามารถฆ่าสื่อจินโหวได้สำเร็จทันทีด้วยการจู่โจมของเขา โดยใช้โซ่ล่องหนและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เย่ว์หยางไม่รู้จริงๆ ว่าใครจะกลายเป็นผู้ชนะกันแน่
เขาแอบโจมตีจุดอ่อนที่สุดของศัตรูด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
ในที่สุด ก็สามารถประสบความสำเร็จในเกมพนันของเขาได้
แม้ว่าเย่ว์หยางจะสามารถฆ่าสื่อจินโหวได้ในที่สุด แต่หัวใจของเขายังเต้นรัวอย่างหนักหน่วง เขายังตะโกนในใจเกี่ยวกับโชคของเขาที่ลอบโจมตีสำเร็จในตอนนี้ หากสื่อจินโหวเรียกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาตั้งแต่แรก หรือว่าเขาปลดปล่อยพลังของตนเต็มที่ ร่างของเขาจะไม่ถูกปราณกระบี่ยิงใส่ได้โดยง่าย จากนั้นการลอบโจมตีของเขาก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ สื่อจินโหวไม่ใช่คนที่ประมาทแน่นอน แต่ความสามารถในการประเมินของเขาถูกจำกัดด้วยความรู้ของเขา… เขาจะไม่มีทางคิดว่าเย่ว์หยางคือนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาแค่คิดว่าเขาสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้ง่ายๆ เมื่อใดก็ได้ นี่คือสาเหตุทำให้เขาพลาด
เอ๋?
ขณะที่เย่ว์หยางผ่อนลมหายใจกลางอากาศและลงมาอยู่บนพื้น โดยไม่ทันได้คาดคิด เขาพบว่าสื่อจินโหวที่ตายไปและร่วงลงไปในทะเลสาบแล้ว ยืนอยู่บนพื้นผิวทะเลสาบในลักษณะที่แปลกประหลาด
คอของเขาถูกเย่ว์หยางบิดหักไปแล้ว
หน้าผากของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด ขณะที่ยังมีเลือดพุ่งออกมาไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม บางอย่างที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นทำให้เย่ว์หยางปวดเศียรเวียนเกล้าอีก
สื่อจินโหวยังคงไม่ตายจากการโจมตีเหล่านี้ และเขายังสามารถยืนอยู่บนผิวทะเลสาบโดยไม่ร่วงลงไป
เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?
สื่อจินโหวผู้ที่ถูกบิดคอและมีรูที่หน้าผากเรียกคัมภีร์แพลตตินัมออกมาทันที โดยไม่รอให้เย่ว์หยางหายตกใจ ขณะที่เขากางโล่แสงขึ้น เขาเรียกอสูรเพลิงสายเสริมพลังออกมารวมร่างกับตนเอง จากนั้นยกมือช้าๆ และบิดคอตนเองกลับคืน เชื่อมต่อเส้นประสาทไขสันหลังเข้ากับหัวของเขา จากนั้นล้วงเอาที่คาดผมสีทองออกมาและพันปิดแผลที่หน้าผากไว้หนาแน่น
เย่ว์หยางตะลึงมองดู วิญญาณทั้งหมดของเขาแทบจะถูกแช่แข็ง เจ้าผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
โดนโจมตีหนักขนาดนั้นแล้ว ไม่ตายได้อย่างไร?
“ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ ในการต่อสู้ใหญ่น้อยรวมทั้งหมด 1328 ครั้งที่ข้าร่วมสู้ ไม่เคยมีใครทำให้ข้าบาดเจ็บที่หน้าได้ ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว เจ้านับเป็นคนแรก” สื่อจินโหวถอดเสื้อผ้าท่อนบนออกช้าๆ เผยให้เห็นแผลเป็นเต็มร่างกาย มีบาดแผลทับซ้อนกันบนร่างกายของเขาเป็นร้อยแผล อย่างไรก็ตามเทียบกับร่างกายของเขาแล้ว ไม่มีแม้แต่รอยแผลเดียวบนใบหน้าของเขา สื่อจินโหวชี้รอยแผล 5 รอยบนหน้าอกของเขาที่สมานตัวดีแล้ว “รอยนี้เป็นฝีมือของราชินีราตรีทำไว้ในการต่อสู้คราวนั้น นางเกือบจะสังหารข้าได้แล้ว แต่โชคดีข้าหลบหนีได้เร็ว แต่ว่าแม้แต่ตอนนั้น สถานการณ์ก็ยังไม่อันตรายเท่าวันนี้.. เจ้าเป็นคนแรกที่คุกคามชีวิตข้าอย่างมาก ข้าไม่เคยคิดว่าข้าเกือบจะตายด้วยน้ำมือเจ้า แค่อีกนิดเดียว ถ้าเจ้าแข็งแกร่งมากกว่านี้อีกนิดเดียว วันนี้ข้าจะตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน”
“เจ้าไม่ใช่มนุษย์เหรอ?” เย่ว์หยางแน่ใจ 90% ว่าคนผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ที่มีชีวิตแน่ นั่นคือสาเหตุที่ทำให้วิธีที่ใช้จัดการมนุษย์ใช้กับเขาไม่ได้
“ข้ายอมรับว่าข้าผิดที่ประมาทเจ้าเกินไป นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ข้าเกือบถูกฆ่า แต่โชคดีที่เจ้าก็ประมาทข้าเช่นกัน” เสียงของสื่อจินโหวนุ่มนวล เหมือนกับว่าเขากำลังสนทนากับสหาย ไม่มีร่องรอยความโกรธแค้นแม้แต่น้อย
เย่ว์หยางสะท้านใจ เขาอัญเชิญคัมภีร์เงินออกมาทันทีและสร้างโล่แสง
สื่อจินโหวผู้นี้ผิดธรรมดาเกินไปจริงๆ ด้วย
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่ควรประมาท
ช่วงเวลาทีโล่ถูกกางนั่นเอง เย่ว์หยางพบว่าในเสี้ยววินาทีที่กางโล่ของเขา เคียวโลหิตที่มีเปลวไฟลุกโชนได้ฟันใส่หลังของเขาอย่างไรความปราณี อย่างไรก็ตาม ในเศษเสี้ยวของเสี้ยววินาทีนั้น การจู่โจมก็ถูกป้องกันด้วยโล่ของเขา ถ้าเขาช้าไปสักหนึ่งในสิบวินาที บางทีวิญญาณของเขาคงหลุดลอยไปที่อื่นแน่ เย่ว์หยางหันมาเห็นว่ามีปีศาจเคียวโลหิตกำลังควงเคียวโลหิตที่มีเปลวไฟลุกท่วม ตัวของมันสูงกว่า 5 เมตรและกำลังจ้องมาที่เขาด้วยท่าทางที่ดุร้าย สื่อจินโหวผู้นี้ เรียกปีศาจเคียวโลหิตนี้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมื่อเย่ว์หยางสังเกตปีศาจอย่างละเอียดด้วยทักษะญาณทิพย์ ชีพจรของเขาถึงเต้นถี่ถึงสามร้อยครั้งต่อนาที
อสูรทองระดับ 7
ปีศาจเคียวโลหิตนี้มีไฟลุกท่วมตลอดทั้งร่าง มีระดับที่สูงมาก อสูรทองระดับ 7
นี่ นี่มันเต็มขีดจำกัดของสัตว์อสูรในทวีปมังกรทะยานแล้ว ก่อนหน้านี้ เย่ว์หยางได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับสัตว์อสูรในรูปแบบและระดับต่างๆ พวกทหารรับจ้างทั้งหมดเชื่อกันว่าอสูรชั้นสามัญจะไม่สามารถยกระดับได้สูงถึงระดับ 8 และมีเพียงอสูรชั้นสูงถึงจะทำได้ เย่คงและคนอื่นๆ ก็ยังเข้าใจผิดในเรื่องความเชื่อเช่นนี้ ทั้งนี้เป็นเพราะ อสูรสามัญระดับ 9 และระดับ 10 ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเห็นได้ง่าย พฤกษาดึกดำบรรพ์หมื่นปี ดูจากภายนอกก็เหมือนป่า แต่ความจริงมันเป็นต้นไม้เก่าแก่ต้นเดียวโดดๆ วาฬจ้าวสมุทรอาศัยอยู่ในทะเลกว้างใหญ่และลึก ไม่มีใครสามารถเห็นมันได้ ขณะที่อสูรระดับ 10 อื่นๆ เต่าเกาะ กระดองของมันดูเหมือนกับเกาะน้อยๆ เกาะหนึ่ง อาจกล่าวได้ว่ามันจะไม่รู้สึกอะไรเลยต่อให้สร้างเมืองอยู่บนกระดองของมันก็ตาม
อสูรทั้งหมดเหล่านี้ไม่ใช่อสูรธรรมดาที่ทหารรับจ้างจะเห็นกันได้โดยทั่วไป แม้ว่าพวกเขาจะได้พบเห็นก็ตาม แต่พวกเขาอาจไม่รู้ว่าเป็นมันก็ได้
ทหารรับจ้างทั่วไปอาจไม่ทันแม้แต่จะคิดว่าพวกมันคือสัตว์อสูร
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การเรียนการสอนของแม่เฒ่าอู่เถิง ความรู้ของเย่ว์หยางเปลี่ยนไปเกินกว่าความรู้เดิมมาก และประสบการณ์ก็กว้างขวาง
นางชี้ให้เห็นว่าโดยปกติแล้ว ในทวีปมังกรทะยาน สัตว์อสูรที่เกินกว่าระดับ 10 จะไม่มีให้เห็น แม่เฒ่าอู่เถิงไม่ได้พูดออกมา แต่เย่ว์หยางรู้ความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของนาง นางหมายถึงภายใต้สถานการณ์ปกติในทวีปมังกรทะยาน ไม่มีอสูรระดับ 10 ที่มาอยู่ได้โดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ถ้าอสูรต้องการทะลุขีดจำกัดเหล่านี้ จุดแรกที่มันต้องทำคือเปลี่ยนเป็นมนุษย์ให้ได้
ขณะที่พวกมันกลายร่างเป็นมนุษย์ พวกอสูรสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้เช่นเดียวกับมนุษย์ สามารถจะทะลุขีดจำกัดใหม่ได้ในแต่ละครั้ง พวกมันจะก้าวผ่านระดับ 10 ด้วยวิธีนี้ มิฉะนั้น ระดับ 10 ก็คือขีดจำกัดสูงสุดของอสูร อสูรเหล่านั้นผู้ไม่สามารถทำตามต้องการที่จะกลายเป็นมนุษย์ได้ จะมีขีดจำกัดอยู่ที่ระดับ 10 มีชีวิตอยู่ในรูปสัตว์ขนาดใหญ่ และดำรงคงอยู่ในทวีปมังกรทะยาน
การแปลงสัตว์อสูรเป็นมนุษย์มักจะเป็นความลับในความลับสุดยอด
มีเพียงนักสู้ที่แข็งแกร่งแท้จริงเท่านั้น ที่จะได้รับรู้วิธีการลับเหล่านี้ซึ่งคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์
เย่ว์หยางสงสัยว่า สื่อจินโหวที่่อยู่ต่อหน้าเขา คือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งระดับสูงที่แปลงเป็นมนุษย์ได้และมีลักษณะมนุษย์จนถึงบัดนี้..
มิฉะนั้น ร่างกายของมนุษย์ธรรมดา จะไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ภายใต้อาการที่สมองและไขสันหลังของเขาถูกทำลาย ที่สำคัญที่สุด คำพูดของสื่อจินโหวเป็นการยอมรับจุดนี้ไปโดยปริยาย
สื่อจินโหวผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน
เป็นไปได้ไหมว่าเขาคือมังกรยักษ์ที่ทหารรับจ้างพูดถึงมาก่อน?
เย่ว์หยางไม่คิดเรื่องนั้นมาก เขาล้วงม้วนเทเลพอร์ตออกมาทันที เดินปราณกำลังภายในเตรียมพร้อมจะเทเลพอร์ตหนีไป ทำไมจะต้องสู้กับมังกรยักษ์ที่มีพัฒนาการเป็นมนุษย์แล้วด้วยเล่า? ทำไมเขาจะต้องสู้กับคนที่ทรงพลังขนาดที่โดนเขาเจาะหน้าผาก บิดคอจนหักแล้วก็ยังไม่ตายด้วยเล่า? เย่ว์หยางไม่ใช่คนที่รนหาเรื่องเจ็บตัว การสู้แบบไร้ความหมายไม่ใช่สิ่งที่เย่ว์หยางแสวงหา ยิ่งไปกว่านั้น สื่อจินโหวยังมีปีศาจเคียวโลหิต อสูรทองระดับ 7 ใครยังจะต้องการสู้กับเขาอีกเล่า?
ที่น่าแปลกใจก็คือ แม้ว่าสื่อจินโหวจะเกลียดเย่ว์หยางเข้ากระดูก แต่เขาก็ไม่มีท่าทีอะไรเมื่อเห็นเย่ว์หยางเตรียมเทเลพอร์ตหนี
เย่ว์หยางรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเขาเข้าไปในลำแสงเทเลพอร์ต
และเขาต้องแปลกใจเมื่อพบว่าที่ๆ เขาเทเลพอร์ตเข้าไป ไม่ใช่ค่ายพักค้างคืนก้นเหว แต่กลายเป็นอยู่ต่อหน้าของสื่อจินโหว
ในกลางอากาศ เหมือนกับว่า ปีศาจเคียวโลหิตจะรู้อยู่ก่อนแล้วว่าที่ๆ เย่ว์หยางจะเทเลพอร์ตไปปรากฏตัว ก็คือต่อหน้าของสื่อจินโหว เคียวโลหิตสับฟันแหวกอากาศลงมาทันที เย่ว์หยางตกใจสุดขีดและพยายามหลบหลีก อย่างไรก็ตามเขาพบว่าร่างกายของเขาเคลื่อนไปทางขวา ตรงข้ามกับที่หมายซึ่งเขาตั้งใจไว้ เหมือนกับว่าร่างกายของเขาต้องการวิ่งหาเคียวเอาชีวิตใส่พานเสนอให้ศัตรู ส่งผลให้การเคลื่อนที่และการควบคุมร่างกายสุดท้ายก็เสียความตั้งใจที่จะหลบหลีกการโจมตี
นี่ต้องเป็นการกระทำของสื่อจินโหวแน่นอน เขาต้องสามารถจัดการกับพื้นที่ได้..
เย่ว์หยางร่ำร้องในใจ “จบกัน!”
ในช่วงเสี้ยวของเสี้ยววินาที เขาไม่มีเวลาเรียกคัมภีร์เงินออกมากางโล่ได้ทัน
เสี่ยวเหวินหลีสามารถต้านรับการโจมตีของปีศาจเคียวโลหิต อสูรทองระดับ 7 ได้หรือไม่? ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสื่อจินโหวผู้นี้ที่มีหมัดมหาประลัยสามารถใช้ออกเมื่อไหร่ก็ได้ ในชั่วพริบตาแห่งความเป็นตาย เย่ว์หยางยกแขนทั้งคู่รับเคียวโลหิตที่ฟันลงมาอย่างน่ากลัวใส่เขากับอสูรทองที่แปลงเป็นเกราะแขน มือขวาของเขาเตรียมใช้โซ่ล่องหนกับสื่อจินโหวอีกครั้ง เขากำลังเตรียมลอบเข้ามาโจมตี
อย่างไรก็ตาม อสุรกายอัปลักษณ์ที่ก้นทะเลสาบก็โผล่ออกมาจากทะเลสาบและบินเข้าหาเย่ว์หยาง มันจ่อดาบยักษ์ของมันขณะที่ไม่อาจรอผ่าเย่ว์หยางให้ขาดเป็น 2 ท่อน
มีเคียวโลหิตอยู่ด้านบน ดาบยักษ์ฟันจากด้านล่าง และฝ่ามืออยู่ที่ด้านหลัง เป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุด
เย่ว์หยางตระหนักว่าเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้มาก่อน จุดที่ชีวิตเหมือนแขวนอยู่เส้นด้าย
ขณะนั้นเองเมื่อนัยน์ตาของสื่อจินโหวฉายแววประสงค์ร้ายต้องการฆ่าฟัน ปีศาจเคียวโลหิตใช้พลังสูงสุดฟันลงมา และอสุรกายน่าเกลียดเกือบจะลอบโจมตีเย่ว์หยางได้สำเร็จ ก็มีโล่แสงก็กางกั้นรอบตัวเย่ว์หยางทันทีป้องกันการโจมตีของศัตรูแต่ละรายออกไป
เป็นเสี่ยวเหวินหลีเรียกคัมภีร์เพชรของเธอออกมาได้ทันเวลา…
“โอ๊ว..สุดที่รักของข้า!” เย่ว์หยางตื่นเต้นจนลืมตัว เข้าไปกอดร่างที่ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาทันที อย่างไรก็ตาม ทันทีที่กอดร่างนั้น เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ เสี่ยวเหวินหลียังเป็นเด็กน้อยอยู่เลย มันแปลกที่เธอมีหน้าอก ทำไมมีอะไรกลมๆ สองก้อนอยู่ข้างหน้าด้วย?
เย่ว์หยางงงงวยจนเผลอบีบก้อนกลมนั้น ความยืดหยุ่นของก้อนกลมนั้นทำให้เขาตกใจ นี่มันของสาวใหญ่เจ้าของเรือนร่างร้อนแรงเซ็กซี่ชัดๆ!
หรือว่าจะเป็นเจ้าเมืองโล่วฮัว? นางมาช่วยเขาหรือ?
หรือว่าจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ความรู้สึกบนมือของเขามันเหลือเชื่อ ดูเหมือนว่าจะใหญ่กว่าลูกแอบเปิลเสียอีก … ใช่แล้ว นี่พิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่อี้หนานแน่ เย่ว์หยางยังคงจินตนาการอะไรอีกหลายอย่าง เมื่อร่างนั้นเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางออกมาช่วยชีวิตเขาไว้ได้ พอหันไปมองดูกับเห็นนัยน์ตานางจ้องมองเย่ว์หยางอย่างเย็นชา
“หนีไปซะ” เจ้าของดวงตาตรึงใจนั้นโกรธอยู่ ความโกรธของนางแตกต่างจากคนธรรมดา สีหน้าของนางอำมหิตเยือกเย็น
“ข้าขอโทษ นั่นเป็นผลสะท้อนตามธรรมชาติของข้า” เย่ว์หยางตกใจหนักปานว่าหัวใจแทบกระดอนออกมาทางปาก แม่งามนางนี้ไม่ใช่เจ้าเมืองโล่วฮัว ไม่ใช่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และไม่ใช่อี้หนาน นางคือนางโจรผู้จับตามองดูเขาตลอดการเดินทางจนถึงที่นี่ แม้กระทั่งเวลานี้ ที่เย่ว์หยางเผลอไปจับอกนาง พอมองดูสถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้แล้ว แม้แต่เย่ว์หยางเองก็ดูถูกการกระทำของตัวเอง.. เขาหยาบและทะลึ่งเกินไป
“นี่ก็คือผลสะท้อนตามธรรมชาติของข้า” นางโจรยกคัมภีร์โบราณในมือนางและตบไปที่หน้าของเย่ว์หยาง
**********************