===============
เย่ว์หยางไม่เพียงแต่มีผิวหนาเท่านั้น แต่เขายังหน้าด้านอีกด้วย
เย่ว์หยาทะลึ่งพรวดขึ้นยืน และรีบสำรวมทำเป็นมีมารยาท “แม่นางคนสวย, ข้าเสียใจจริงๆ ข้ากอดเจ้าเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นอีกคน ข้าเป็นลูกผู้ชายที่มีเกียรติคนหนึ่ง ตราบใดที่ท่านได้ยินชื่อของข้า เสวี่ยทันหลางมาบ้าง ท่านจะต้องรู้ว่าข้าเป็นคนดีมีเกียรติขนาดไหน”
“เสวี่ยทันหลางมีผมสีเงินขาว…” หญิงสาวชุดยาวเปิดเผยการแอบอ้างเป็นเสวี่ยทันหลางของเย่ว์หยางทันควัน
“หา.. ความจริงข้าคือหยานโพ่จุน ข้าแค่ล้อเล่น” เย่ว์หยางเหงื่อแตกทันที ดูเหมือนว่าสาวงามนางนี้ ไม่เพียงแต่ชอบตรวจสอบหนุ่มหล่อเท่านั้น นางยังมีหน่วยความจำดีอีกต่างหาก
“หยานโพ่จุนมีสิงโตสุนัขอยู่ตัวหนึ่ง…” พอได้ยินคำดูดของเย่ว์หยาง นางโจรถึงกับกรอกตา ถ้าเขาอยากจะเลียนแบบใครสักคน ทำไมถึงไม่เลียนแบบคนที่รู้จักกันดีเล่า? ใครบ้างไม่รู้จัก 3 ดาวเพชฌฆาตผู้ยิ่งใหญ่? ยกเว้นแต่คนตาบอด ใครๆ ก็มองออกได้ทันทีถึงความพยายามของเขาที่ต้องการจะแอบอ้างเลียนแบบ 3 ดาวเพชรฆาตผู้ยิ่งใหญ่
“ข้าก็มีหมาชื่อสิงโตเหมือนกัน ข้าแค่เพียงไม่ได้นำมันมาด้วยในวันนี้ ก่อนอื่น แม่นางคนสวย ข้าอยากจะขอบคุณเจ้าที่ช่วยชีวิตของข้าไว้ ข้าอยากจะให้ค่าตอบแทนเจ้าสักล้านเหรียญทอง แต่ว่าข้าเกิดลืมพกเงินติดกระเป๋ามาด้วย แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าสามารถมาเยี่ยมตระกูลหยานของเราทวงถามได้ ข้าจะรีบจัดมอบให้เจ้าโดยเร็ว ข้าหยานโพ่จุน เป็นลูกผู้ชายที่รักษาคำพูดคนหนึ่ง ข้าจะไม่ลืมความเมตตาที่เจ้าช่วยข้าไว้อย่างแน่นอน ข้าขอทราบชื่อเจ้าได้ไหม?” แม้ว่าเย่ว์หยางจะโดนเผยไต๋ไปแล้ว แต่เขาก็ยังยืนยันแข็งขันใช้ชื่อหยานโพ่จุน เขาคงไม่โง่พอที่เปิดเผยตนเองว่าคือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ต่อหน้าสื่อจินโหวแน่
นั่นไม่ใช่การกระทำที่ห้าวหาญ นั่นเป็นการหาเรื่องพัวพันกับความตายแท้ๆ
ยังมีประโยชน์ในการแอบอ้างหยานโพ่จุนก็คือ เขาเป็นคนที่ชอบกลั่นแกล้งสาวสวย แต่คนที่กลายเป็นแพะรับบาปก็คือหยานโพ่จุน ยิ่งไปกว่านั้น ในกรณีที่สื่อจินโหวต้องการล้างแค้น เขาจะได้ไม่ต้องตามหาเย่ว์หยางมาล้างแค้น
เขาไม่รู้ว่าสื่อจินโหวแอบคิดอะไรอยู่ เนื่องจากเขานิ่งเงียบตลอดเวลา
แต่นางโจรลึกลับเอาแต่จ้องมองบุรุษที่ท่องเที่ยวข้ามมิติด้วยสายตาเย็นชา แค่นเสียงว่า “ทำไมเจ้าไม่พูดว่า เจ้าคือเจ้าอ้วนไห่ต้าฟู่ล่ะ?”
“…..” เย่ว์หยางถึงกับงง หญิงงามนางนี้รู้จักเจ้าอ้วนไห่จริงๆ ด้วย อย่างนั้นนางก็ต้องรู้จักเขา.. นางเป็นใคร? นางรู้จักเขาได้อย่างไรและทำไมนางต้องติดตามเขา? เป็นไปได้ไหมว่านางจะหลงเสน่ห์เขา?
“ข้าไม่สนใจใคร่รู้ว่าเจ้าเป็นใครหรอก ก็แค่อยากรู้ว่าเจ้ามีลูกเล่นอะไรถึงได้ยกแขนขึ้นมา รีบใช้มันเอาชนะสื่อจินโหวให้ได้” หญิงสาวลึกลับเปลี่ยนหัวข้อกลับเข้าเรื่อง พอได้ยินเช่นนี้ อารมณ์ของเย่ว์หยางขุ่นมัวทันที เอาชนะสื่อจินโหวน่ะหรือ? ตลกแล้ว เจ้านั่นไม่ยอมตายทั้งที่สมองโดนเจาะ คอถูกหัก แล้วจะใช้วิธีอะไรเอาชนะเขา?
“ข้าไม่เหลือวิธีอะไรแล้ว ว่าแต่เจ้าล่ะ?” เย่ว์หยางยักไหล่ ย้อนถามนาง
“ข้าคิดว่า ข้าจะเอาชนะเขาได้หลังจากฝึกมาอีก 50 ปี” สาวงามลึกลับตอบ
“แล้วตอนนี้จะเอายังไง?” พอได้ยินคำตอบของนาง เย่ว์หยางแทบสลบ
“ตอนนี้แผนของข้าคือ เตะเจ้าออกไปล่อความสนใจของเขา จากนั้นหาโอกาสหนี เจ้าคิดว่านั่นเป็นอย่างไรบ้าง?” หญิงงามถามจริงจัง
“ไม่ใช่แผนที่ดีนัก” เย่ว์หยางคัดค้านความคิดนั้นทันที “คิดให้ดีๆ สิ ข้าเป็นผู้ชาย ที่สำคัญที่สุด ข้าเกือบถูกสื่อจินโหวฆ่า ทันทีที่หัวข้าขาดตกลงไป ความเจ็บปวดก็หมดไปและข้าก็พ้นจากกความทุกข์ทรมาน แต่สำหรับเจ้าแตกต่างออกไป เจ้าเป็นสตรีและสวยขนาดนั้น ถ้าเจ้าถูกเขาจับได้ เขาอาจจะขืนใจเจ้าได้และทำอะไรที่ชั่วร้ายกับเจ้า ซึ่งที่จริงข้าก็อยากทำ แต่ข้าไม่กล้าพอ พอมาคิดเรื่องนั้นแล้ว เจ้าอาจมีจุดจบที่น่าอนาถกว่าข้าก็ได้”
“บางทีเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ แต่ข้าได้ยินว่าสื่อจินโหวชอบผู้ชายหล่อๆ โดยเฉพาะคนที่หล่อกว่า 3 ดาวเพชฌฆาตถึง 99,999 เท่าอย่างเจ้า”
เดิมที นี่คือคำพูดที่เขาใช้หยอกล้อมือกระบี่วังหลวง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อย่างไรก็ตามหญิงงามลึกลับก็รู้เรื่องนี้ด้วย
เย่ว์หยางไม่เชื่อว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั้น เด็กสาวที่ดุอย่างกะเสือจะเป็นคนปากมาก ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นญาติผู้พี่คนอื่นของเขาเย่ว์อยู่จะไปเที่ยวคุยอวดอ้างว่าญาติผู้น้องของนางเป็นคนหล่อเหลาปานนั้น
ถ้าหญิงงามลึกลับนี้ไม่ได้แอบฟังตอนที่เขาล้อเล่นกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อย่างนั้นนางจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้ได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมที่นางคือเพื่อนสนิทขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่ทำไมไม่เคยได้ยินองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดถึงนางมาก่อนเล่า?
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสะท้านใจที่สุดก็คือสื่อจินโหวที่ยืนอยู่ด้านตรงข้ามนั้น พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของหญิงงามลึกลับ “ถูกแล้ว ความจริงข้าชอบผู้ชายหล่อๆ”
ประโยคนี้ทำให้เย่ว์หยางใจเต้นรัวเป็นกลอง เรื่องน่าตกใจเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
เขาทำไปเพื่ออะไร.
ทวารหนักของเขาตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
เพื่อปกป้องทวารหนักศักดิ์สิทธิ์ เย่ว์หยางตัดสินใจจะออกไปสู้กับเจ้าโรคจิตสื่อจินโหวอย่างสุดกำลัง
แต่ก่อนอื่นเขาต้องพยายามสงบจิตใจที่ตื่นเต้นแทบบ้า พอสงบใจได้แล้วเขาถามหญิงงามลึกลับว่า “เรามาร่วมมือกันเอาชนะเขาให้ได้ เจ้ามีความคิดดีๆ บ้างไหม ที่จะรับมือการเทเลพอร์ตฉับพลันของเขา?”
“อะไรคือเทเลพอร์ตฉับพลัน?” หญิงงามลึกลับถามด้วยความอยากรู้
“เจ้าไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น? เจ้าโรคจิตสื่อจินโหวผู้นี้มีทักษะเคลื่อนที่ได้ฉับพลัน หายตัวจากที่หนึ่งไปปรากฏตัวอีกที่หนึ่งในชั่วแว่บเดียว ยากที่จะจับความรู้สึกได้ ถ้าเพียงแแต่เราหาวิธีรับมือเรื่องนี้ได้ เราก็สามารถสู้กับเขาได้ มิฉะนั้นเราคงแพ้แน่นอน” คำพูดของเย่ว์หยางเป็นความจริงทั้งหมด การต่อสู้กับนักสู้ที่เทเลพอร์ตได้ฉับพลันก็เป็นปัญหาติดพันพอแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าผู้นี้ยังเป็นนักสู้ผิดธรรมดา การจะฆ่าเขาแทบเป็นไปไม่ได้เลย
“นั่นคือทักษะธรรมชาติของเขา เทเลพอร์ตช่องว่าง” คำพูดของหญิงงามลึกลับทำให้เย่ว์หยางผู้ด้อยความรู้พื้นฐานพูดไม่ออก
“อะไรกันนี่ เจ้านั่นมีทักษะธรรมชาติดีๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน? เทพเจ้าลำเอียงมากเกินไปแล้ว ข้าต้องต่อว่าต่อขานบริษัทเกมเทพเจ้าบ้างแล้ว นี่ต้องเป็นบั๊คของเกมแน่ๆ” เย่ว์หยางอิจฉาจริงๆ ทักษะเทเลพอร์ตช่องว่าง… แล้วอย่างนี้พวกเขาจะรอดชีวิตไปได้อย่างไร?
“บริษัทเกมเทพคืออะไร? บั๊คของเกมคืออะไรเหรอ?” สตรีงามลึกลับสับสนกับคำศัพท์ที่คนผู้นี้ใช้จริงๆ แม้แต่สีหน้าของสื่อจินโหวก็ยังพลอยงงงันไปด้วย สตรีงามลึกลับกวาดสายตามองเย่ว์หยางตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นถามอย่างสงสัย “จ้าวปีศาจทุกตนมีทักษะธรรมชาติที่เหมือนกัน และนั่นก็คือความสามารถควบคุมพื้นที่ เจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
“หา…เขา, เขาคือจ้าวปีศาจตนหนึ่งเหรอ?” เย่ว์หยางประหลาดใจ งั้นสื่อจินโหวผู้นี้ก็คือจ้าวปีศาจผู้มาจากแดนปีศาจงั้นหรือ?
ไม่ต้องสงสัยเลยที่เขามีปีศาจเคียวโลหิต อสูรทองระดับ 7 ได้ กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นจ้าวปีศาจตนหนึ่ง
พอเมื่อคิดดูอย่างระมัดระวัง ก็ยังมีบางอย่างที่ผิดปกติ
สื่อจินโหวคือจ้าวปีศาจตนหนึ่งหรือ? นี่เป็นไปไม่ได้ จ้าวปีศาจตนก่อนที่เขาได้พบก็คือ จ้าวปีศาจฮาซิน มีพลังมากถึงขนาดที่เขาก็ยังสู้ไม่ได้ แม้เมื่อมันใช้แค่มือเพียงข้างเดียวสู้กับเขา อย่างไรก็ตาม สื่อจินโหวผู้นี้ก็มีพลังไม่น้อย แต่ความสามารถของเขายังไม่ถึงหนึ่งในสิบของเจ้าปีศาจฮาซินเลย คนแบบนั้นจะกลายเป็นจ้าวปีศาจไปได้อย่างไร?
จ้าวปีศาจแบบนี้ อ่อนแอเกินไปไม่ใช่หรือ?
ถ้าเขาเป็นจ้าวปีศาจตนหนึ่ง อย่างนั้นมังกรที่คำรามที่พวกทหารรับจ้างได้ยินเสียงจากใต้ดิน มาจากไหนกันแน่?
ความสับสนและวุ่นวายทำให้เย่ว์หยางถามขึ้นว่า “เขาจะเป็นจ้าวปีศาจได้อย่างไร? เขาเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือ? เป็นฝีมือการแปลงร่างของมังกรแดงหรือมังกรดำใต้พิภพกระมัง?”
หญิงงามลึกลับเหงื่อโชก “นี่ไม่ใช่มังกรแดงและมังกรดำในแผ่นดินมังกรทะยาน พวกนั้นเป็นผลผลิตจากแดนปีศาจ แม้ว่าพวกมันจะอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในแผ่นดินมังกรทะยานก็ตาม พวกมันก็จะไม่ซ่อนตัวอยู่ในโพรงใต้ดินแห่งนี้ ที่นี่ไม่มีอะไรอื่น นอกจากมด แล้วพวกมันจะกินอะไร? สำหรับการแปลงเป็นมนุษย์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ แปลงเป็นมนุษย์ได้ เพื่อจะทำแบบนั้นได้ ผู้ทำต้องมีสติปัญญาฉลาดล้ำอย่างมาก และยังต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่นๆ สำหรับสื่อจินโหวในปัจจุบันนี้ยังไม่ใช่จ้าวปีศาจ เขาน่าจะเป็นเจ้าชายปีศาจตนหนึ่งในดินแดนปีศาจ มีกฎอย่างหนึ่งสำหรับจ้าวปีศาจในอนาคตในดินแดนปีศาจว่า จ้าวปีศาจทุกตนจะต้องเรียนรู้ความรู้ของมนุษย์และประสบการณ์ของมนุษย์ในแผ่นดินมังกรทะยานก่อนที่พวกเขาจะได้เป็นจ้าวปีศาจ”
“ถูกแล้ว” สื่อจินโหวพยักหน้ายอมรับแต่โดยดี “จ้าวปีศาจทุกตนต้องเรียนรู้ทักษะธรรมชาติสำหรับต่อสู้ของมนุษย์ ถ้าเรายังไม่สามารถแตกฉานได้ เราก็จะไม่รู้ แม้ว่าเรากลายเป็นจ้าวปีศาจ บัลลังก์ของเราก็จะถูกคนอื่นยึดครองได้อย่างง่ายดาย”
“ทักษะธรรมชาติสำหรับต่อสู้ที่ทรงพลังน่ะหรือ? ทักษะที่ทรงพลังที่สุดในทวีปมังกรทะยานก็คือการอัญเชิญไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางถึงกับปากอ้าค้าง ปากเขาอ้าค้างขนาดยัดซาลาเปาลูกโตได้ถึงสามลูก
“…….” หญิงงามลึกลับและสื่อจินโหวมองดูเขาราวกับว่าพวกเขามองดูเด็กปัญญาอ่อน
“การอัญเชิญเป็นทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดสำหรับคนธรรมดาแน่นอน อย่างไรก็ตามทักษะธรรมชาติ เป็นอีกขอบเขตหนึ่ง ไม่สามารถใช้มุมมองทั่วไปประเมินได้ นอกจากนี้เจ้าไม่คิดหรือว่าพลังยุทธ์ปราณก่อกำหนิด ถ้าใช้ร่วมกับคัมภีร์อัญเชิญจะเพิ่มพลังต่อสู้ขึ้นอีกมากมาย? ตามตำนานบ่งไว้ว่า ทักษะทั้งสองเหล่านี้จะช่วยหนุนเสริมกันเมื่ออย่างหนึ่งบรรลุจุดสูงสุด ไม่สามารถทิ้งทักษะอีกหนึ่งได้เลย” หญิงงามลึกลับอธิบายให้เย่ว์หยางฟังถึงช่วงเวลายากลำบากที่นางเคยผ่านมาแล้ว เพียงแต่ไม่มีผู้รู้ถึงสิ่งที่นางคิดเมื่อนางทำได้แล้ว
“ถ้าเจ้าสามารถบันทึกทักษะต่อสู้ทั้งหมดที่เจ้ารู้ ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิต ข้าสาบานต่อเทพปีศาจได้” สื่อจินโหวพูดแบบนี้ด้วยสีหน้าจริงใจ ไม่มีร่องรอยความไม่พอใจหรือความแค้นปรากฏให้เห็นบนใบหน้า มีแต่ข่มอารมณ์แสดงความจริงใจ
“ตกลง, อย่างนั้นก็ดูนี่” เย่ว์หยางยกนิ้วกลางให้ นอกจากนี้ เขายกให้ทั้งสองมือ
“พวกเจ้าทั้งคู่เป็นเนื้อที่ตายแล้ว ไม่มีทางดิ้นรนได้อีก” สื่อจินโหวไม่สนใจรอเพิ่มอีกต่อไป ตราบใดที่ข้อจำกัดของโล่แสงใกล้หมดลง ระฆังมรณะจะลั่นเสียงให้พวกเขาทั้งคู่
“ใครสอนทักษะต่อสู้ให้เจ้า?” หญิงงามลึกลับยังคงสงสัยมากเกี่ยวกับท่าแทงที่เย่ว์หยางเคยใช้วางกับดักสื่อจินโหวในตอนแรก
“ท่านไม่ได้สอนข้าหรอกเหรอ? อาหญิงเซียวเหล่งนึ่ง, วิทยายุทธ์ทั้งหมดของก้วยยี้ได้รับการสอนสั่งจากท่านนะ! โอ้วไม่นะ ข้าควรจะเรียกเจ้าว่า เล้งยี้สิ” (เป็นตัวละครอ้างอิงจากมังกรหยก ภ.2 คนไทยจะคุ้นกับสำนวนแต้จิ๋วมากกว่า) เย่ว์หยางยังพูดไม่ทันจบก็โดนหญิงงามลึกลับตบลงไปกองกับพื้น “เจ้าพล่ามไร้สาระอะไรอีก? นอกจากเสียเวลาเปล่าแล้ว ยังไม่เป็นประโยชน์ต่อการรับมือสื่อจินโหว เขาสามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง และการควบคุมองเขากินพื้นที่ในระยะรัศมี 1 กิโลเมตร เราไม่อาจรอจนถึงตอนนั้นได้ และก็ยังหลบไปไกลขนาดนั้นไม่ได้ด้วย ยังจะมีทางอื่นอีกไหม? ถ้าไม่มี เราน่าจะเริ่มบุกกันได้แล้ว ทุกๆ วินาทีที่ผ่านไปพลังยุทธ์ของข้ามีแต่จะเสื่อมโทรมลง รีบบอกมา เจ้ามีหนทางอื่นไหม?”
“ตอนที่เจ้าเพิ่งพูดออกมา ความจริงข้ามีหนทางอยู่วิธีหนึ่ง…”
เย่ว์หยางลุกขึ้นรับสภาพความจริง
เมื่อหญิงงามลึกลับและสื่อจินโหวเตรียมเอียงหูรับฟัง ทันใดนั้นเย่ว์หยางก็พุ่งเข้าหาสื่อจินโหวราวกับสายฟ้าและใช้ดาบฮุยจินฟันกระหน่ำใส่ด้วยอานุภาพแยกฟ้าทลายสวรรค์
ความคิดของเขาก็คือลอบโจมตี
สื่อจินโหวคำรามเบาๆ และหายตัวไปปรากฏอยู่ที่ผิวทะเลสาบห่างออกไปร้อยเมตร
ปีศาจเคียวโลหิตในอากาศไม่รอให้เย่ว์หยางที่ลอบจู่โจมพลาด ได้มีโอกาสกลับไปอยู่ภายใต้เกราะคุ้มกัน มันบินมาขวางอยู่ตรงหน้าเขา
เคียวโลหิตได้เงื้อขึ้นในเวลาเดียวกับที่เย่ว์หยางเงื้อดาบวิเศษฮุยจิน
ทั้งคู่ต่างฟาดฟันใส่กันอย่างโหดเหี้ยม
เมื่อเคียวเปลวไฟโลหิตฟันใส่หน้าของเย่ว์หยาง มันชะงักค้างสิ้นเชิงเพราะทักษะไร้ลักษณ์ของเย่ว์หยาง ดาบวิเศษฮุยจินแทงเข้าหน้าอกทะลุถึงหัวใจของปีศาจ ขณะเดียวกันหญิงงามลึกลับปรากฏตัวราวกับสายฟ้า ลงมือสอดประสานเหมือนกับว่าพวกเขาฝึกร่วมกันมาเป็นพันครั้ง นางโจมตีตอบโต้ปีศาจเคียวโลหิตพร้อมเย่ว์หยาง มือขาวราวกลีบบัวขาวของนางสะท้อนแสงเย็นดูแปลกประหลาด
ปีศาจอัปลักษณ์พุ่งลงมาจากอากาศ เตรียมลอบโจมตีเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม หน้าของมันปะทะเข้ากับขาของเย่ว์หยางที่เตะใส่ราวกับพายุหมุน อสุรกายอัปลักษณ์กระเด็นออกไป
ปีศาจเคียวโลหิตยังคงกล้าหาญไม่มีความกลัวแม้แต่น้อยรับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
มันควงเคียวโลหิตเพลิง มันฟันแนวขวางอย่งน่ากลัว ครั้งแรกฟันใส่ร่างของเย่ว์หยง และจากนั้นฟันใส่หญิงงามลึกลับข้างหลังเขา
เย่ว์หยางตกใจรีบโดดไปช่วยนาง
อย่างไรก็ตาม มือซุกซนของเขาก็ยังต้องโอบกอดร่างมีกลิ่นหอมของสาวงามลึกลับ ก่อนที่เขาจะแยกออกห่างเพราะโดนนางถองใส่
เคียวโลหิตสับเข้าใส่ศีรษะหญิงงามลึกลับอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ไม่ทันได้ถูกเป้าหมาย หญิงงามลึกลับก็หายตัวกลางอากาศเหมือนอย่างสื่อจินโหว และมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางโดยไม่มีเสียง จากนั้นนางก็เรียกคัมภีร์ทองออกมาใช้ป้องกันแส้ปีศาจที่สื่อจิ้นโหวหวดใส่นางจากระยะไกล แรงโจมตีทำให้เกิดแรงกระแทกเสียงดังปานฟ้าผ่าใส่โล่ป้องกันอย่างรุนแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีปฏิกิริยารวดเร็ว เย่ว์หยางมีทีท่าว่าอาจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีนี้ได้
เป็นที่ชัดเจนว่า นางมีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าเย่ว์หยาง
นางสามารถร่วมประสานกับเย่ว์หยางบุกโจมตีได้ง่ายดาย แต่เย่ว์หยางเคยแต่ต่อสู้ตามลำพัง ไม่เคยร่วมสู้กับนาง
พวกเขาลอบจู่โจมล้มเหลว แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
พอเห็นว่าอันตรายผ่านไปแล้ว และสถานการณ์ต่อสู้ชะงักงันอีกครั้ง เย่ว์หยางถอนหายใจโล่งอก ขณะที่ปาดเหงื่อที่หน้าผาก เขากระซิบถามหญิงงามลึกลับเบาๆ “ในอนาคตเจ้าจะเป็นจ้าวปีศาจหรือเปล่า? เจ้าเป็นองค์หญิงจากแดนปีศาจใช่ไหม?
“เจ้าบ้าไปแล้วที่คิดเรื่องเจ้าชายเจ้าหญิงอะไรนี่? นี่ไม่ใช่ทักษะธรรมชาติ แต่เป็นสัตว์อสูรเรียกว่าาปีศาจสายลม อย่าเข้ามาชิดข้า, ข้ากลัวติดโรคงี่เง่าจากเจ้า” หญิงงามลึกลับดูเหมือนจะคุ้นเคยกับคำพูดและพฤติกรรมของเย่ว์หยางมาก แม้กระนั้นเย่ว์หยางก็ยังกล้าฟันธงว่าไม่เคยพบเห็นนางมาก่อน แต่แปลกที่ว่าสิ่งที่นางพูดหลายๆ อย่าง เหมือนกับว่าเขาเคยทำกรุ้มกริ่มกับสาวงามบางคนแน่นอน
“เจ้าเป็นใครกันแน่?” เย่ว์หยางเหยียดจนสุดมืออย่างสงสัย หญิงสาวผู้นี้คือใครกันแน่?
*******************