===============
เย่ว์หยางยังคงสังเกตดูสีหน้าของสื่อจินโหวและปีศาจเคียวโลหิตต่อไป
สื่อจินโหวไม่แสดงสีหน้าว่ากลัวอะไรเลย แต่เขามองดูมึนงงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของปีศาจน้อยดอกหนามไม่ใช่สร้างผลกระทบต่อเขาแค่เล็กน้อย
แต่ปีศาจเคียวโลหิตเกิดความกลัวที่อธิบายไม่ได้ปรากฏอยู่บนใบหน้าของมัน แม้แต่เย่ว์หยางยังรู้สึกอับอายแทนมัน เป็นไปได้อย่างไรที่อสูรทอง ระดับ 7 อย่างมันถึงได้กลัวปีศาจน้อยดอกหนาม อสูรทองแดงระดับ 1 ? แม้ว่าปีศาจน้อยดอกหนามจะมีคลังอาวุธขนาดใหญ่และเธอเติบโตขึ้นมาจากแขนของเจ้าปีศาจฮาซินก็ตาม แต่น่าขันที่เธอทำให้มันหวาดกลัวมากขนาดนั้นได้
เสี่ยวเหวินหลีกระตุกมุมเสื้อของเย่ว์หยางเบาๆ เย่ว์หยางเข้าใจว่าเธอหมายความว่าอย่างไร เธอบอกว่าปีศาจน้อยจะโจมตีอย่างคาดไม่ถึง
ขณะเดียวกันนี้ อีกด้านหนึ่ง สื่อจินโหวดูเหมือนจะลังเลเล็กน้อย
เขาควรจะเรียกอสูรออกมาสู้ต่อ หรือว่าควรจากไปทันที?
เขาไม่สามารถตัดสินใจได้ ถ้าเขาจากไปตอนนี้ จะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ อย่างไรก็ตาม จะปล่อยให้โจรน้อยนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มีร่างกายบาดเจ็บหนัก แล้วยังต้องหนีไปอย่างนั้น เป็นเรื่องน่าเสียดายจริงๆ ตอนนี้เขาใกล้จะกำจัดโจรน้อยนี่ได้แล้ว ถ้าปล่อยให้โจรน้อยนักสู้ปราณก่อกำเนิดเพิ่มระดับพลังฝีมือต่อไปในอนาคต บางทีผลการต่อสู้ในวันนี้อาจจะไม่เหมือนวันนี้ หากพวกเขาต้องไปพบกันในอนคต นักรบฝ่ายมนุษย์มีแนวโน้มว่าจะยกระดับฝีมือได้เร็วอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิด นักสู้ปราณก่อกำเนิดอายุเยาว์อย่างนี้จะมีฝีมือก้าวหน้าได้เร็วแน่นอน ถ้าไม่รีบฆ่าโจรน้อยในตอนนี้ และหากพวกเขาพบกันอีกในอนาคต อย่างนั้นเขาไม่กล้านึกถึงผลสุดท้ายที่จะตามมา
แต่แม้ว่าเขาจะเรียกอสูรอื่นออกมา แล้วเขาจะเอาชนะโจรน้อยปราณก่อกำเนิดผู้นี้ได้หรือ?
มันยากจะบอกได้
กับผู้ช่วยของเขา ปีศาจอสรพิษน้อย เขามีโอกาสที่จะโดนเล่นงานได้มาก ถ้ายังต้องสู้กันหนักในรอบใหม่ สิ่งที่สื่อจินโหวกลัวมากที่สุดไม่ใช่ปีศาจน้อยดอกหนาม แต่เป็นเสี่ยวเหวินหลี ที่ยังดูเหมือนไม่มีอะไรจนถึงตอนนี้
เขารู้สึกว่าปีศาจอสรพิษน้อยนี้เป็นศัตรูน่ากลัวที่สุด นางน่ากลัวกว่าโจรน้อยปราณก่อกำเนิดเสียอีก
ไม่ใช่แค่เพราะเธอเป็นอสูรพิทักษ์ แต่เธอยังครอบครองคัมภีร์อัญเชิญ และยังมีโซ่ล่องหนเป็นทักษะธรรมชาติอีกด้วย เว้นแต่เขาฆ่าโจรน้อยปราณก่อกำเนิด ถึงจะมีทางเป็นไปได้ที่เขาจะฆ่าเธอ แค่มีเมดูซาศิลาและเงือกวายุทั้งสองนี้ก็จัดการยากพอแล้ว
ด้วยสัญชาตญาณของนักสู้ สื่อจินโหวรู้สึกว่าปีศาจอสรพิษน้อยนี้ ยังมีแหล่งพลังซ่อนอยู่ในตัวเธอ เธอยังคงปกปิดความแข็งแกร่งนั้นไว้อย่างแน่นอน และรอให้เขาเป็นฝ่ายโจมตี
ดังนั้น เขาจึงอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
จะไปหรือไม่ไปดี?
ขณะที่สื่อจินโหวกำลังคิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ปีศาจน้อยดอกหนามไม่สนใจความแตกต่างระดับนักสู้ และเข้าจู่โจมใส่ปีศาจเคียวโลหิตก่อนทันที
ร่างของเธอยังคงอยู่บนระเบียงดอกไม้ และใช้มือทารกน้อยๆ ชี้
ก้านทั้งสิบจากกลุ่มก้านยืดยาวออกมา 10 เมตรหรือ 20 เมตรพุ่งฉกเข้าใส่ปีศาจเคียวโลหิต ลำต้นรองหลายต้นก็โค้งและหมุนควงไปมาเหมือนกับอสรพิษยักษ์สีเขียว จากนั้นขดตัวและดีดพุ่งเข้าหาปีศาจเคียวโลหิต ต้นดอกหนามปีศาจสองต้นที่ไม่มีวิญญาณซึ่งเป็นต้นที่กว้างที่สุดพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศแล้วลอยโค้งฉกลงมา เหมือนกับว่าพวกมันเป็นยักษ์เขียวที่กลืนกินสิ่งมีชีวิต พุ่งเข้าโจมตีอย่างอำมหิต
ท่าทางของปีศาจเคียวโลหิตทำให้เย่ว์หยางปากอ้าจนคางแทบติดพื้น เพราะมันผละจากสื่อจินโหวให้มาอยู่ข้างหน้าแทน
อสูรทองระดับ 7 กลัวต้นดอกหนามอสูรทองแดงระดับ 1 ด้วยหรือ?
ถ้าคำพูดนี้รู้ไปถึงหูถึงคนหมื่นคน คนทั้งหมื่นก็คงไม่เชื่อแน่
กลุ่มกิ่งก้านซึ่งมีขนาดหนาเท่าชามใหญ่ยังไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามต่อปีศาจเคียวโลหิตมากนัก อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เอาไว้ฆ่า แต่เอาไว้ทำร้าย หรือกิน หรือโอบรัด แม้ว่าปีศาจเคียวโลหิตจะได้รับบาดเจ็บมาก แต่มันยังมีพลังต่อสู้อยู่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มันตั้งใจจะหลบหนี มันเหวี่ยงเคียวโลหิต และกลุ่มกิ่งก้านของต้นดอกหนามถูกตัดออกไป เหมือนกับว่าพวกมันเป็นหญ้าที่ถูกตัดกระจุย กระจายไปทุกที่บนพื้น แม้ว่าก้านรองๆ ทั้งสี่ก้านจะหนาพอๆ กับถังน้ำก็ยังไม่สามารถป้องกันตนเองจากการถูกเคียวตัดได้ ขณะที่พวกมันถูกตัดขาดหมดโดยการเหวี่ยงเคียวพียง 2 ครั้ง ทั้งที่มันยากที่จะตัดได้ง่ายๆ มีเพียงดอกหนามปีศาจสองต้นไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ แม้เมื่อลำต้นของพวกมันเจอเคียวฟันไป 2 ครั้ง พวกมันก็ยังพุ่งเข้าหาศัตรูของพวกมัน โดยใช้ก้านที่เป็นเหมือนแขนขาโอบล้อมตัวปีศาจเคียวโลหิต
โดยไม่ทันรู้ตัว สปอร์สีขาวนับไม่ถ้วนเริ่มร่วงลงมาจากท้องฟ้า
ทันทีที่สปอร์เหล่านี้หล่นลงมาติดกับคราบเลือดหรือเศษเกราะบนพื้น หรือบนผิวดินที่เป็นร่องรอยเกิดจากการต่อสู้ ดอกหนามพ่นพิษก็เริ่มเติบโตจากสิ่งเหล่านั้น
ในทางตรงกันข้าม ลำต้นดอกหนามที่ถูกตัดออกไปและล้มอยู่บนพื้นก็จะงอกรากออกมาและกลายเป็นต้นดอกหนามใหม่
ยิ่งปีศาจเคียวโลหิตพยายามตัดต้นดอกหนามมากเท่าไหร่ ต้นดอกหนามก็จะแพร่พันธุ์ลงพื้นเท่านั้น
ในชั่วพริบตา ทะเลดอกหนามก็ก่อตัวขึ้น
ก้านของต้นดอกหนามนับไม่ถ้วนยืดขยายออกไป มันบิดตัวและเคลื่อนเข้าหาร่างของปีศาจเคียวโลหิต ต้นดอกหนามหลายต้นที่้ล้อมมันอยู่อ้าปากกว้างที่เต็มไปด้วยเขี้ยวของมัน ไม่ว่ามันจะมีผิวเช่นไร จะเป็นเกราะหรือพลังจากเพลิงปีศาจที่ถูกพ่นออกมาโดยปีศาจเคียวโลหิต พวกมันกินได้ทุกอย่าง วิธีกินแบบป่าเถื่อนดังกล่าวทำให้แม้แต่เย่ว์หยางที่ห้าวหาญไม่กลัวใครยังถึงกับสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ
ปีศาจเคียวโลหิตยังคงไม่ยอมหยุดกวัดแกว่งเคียวโลหิตในมือ ยังคงดิ้นรนเต็มที่เพื่อหนีจากวงล้อมต้นดอกหนามให้ได้ ขณะที่มันตัดต้นดอกหนามซึ่งดูเหมือนจะล้อมมันไว้ทุกที่
ตามปกติ อสูรทองระดับ 7 ที่เหมือนกับมัน คือมีระดับขั้นสูง แค่กวัดแกว่งเคียวไม่กี่ครั้งก็เอาชนะอสูรชนิดอื่นได้แล้ว
โชคไม่ดี ที่มันต้องมาเผชิญกับนางปีศาจน้อยดอกหนาม ที่รอดพ้นจากการถูกสับถูกตัด และมีระดับการเจริญเติบโตที่น่ากลัว เป็นเรื่องที่น่าสยดสยองสำหรับมันจริงๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีคนอื่นช่วย แค่ความสามารถของปีศาจน้อยดอกหนามตามลำพังอาจจะไม่พอฆ่ามันได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือระดับยังห่างกันอยู่
ความโชคร้ายจริงๆ กำลังมา เริ่มจากธนูทองที่ถูกยิงโดยเมดูซาศิลา
ธนูทองยิงวืดแหวกอากาศปักเข้าที่ขาขวาของปีศาจเคียวโลหิต ในทันใดนั้น ขาขวาของมันทั้งหมดเริ่มกลายเป็นหิน
ฉวยโอกาสจากความได้เปรียบนี้ ก้านรองของต้นดอกหนามได้ปล่อยทักษะหยั่งรากลงในขาของมัน เกิดต้นดอกหนามต้นใหม่งอกออกมาจากขาขวาของมัน มีก้านหลายร้อยหลายพัน ต่างพัวพันกันละกันโอบล้อมมาพยายามทำให้ปีศาจเคียวโลหิตล้มลงกับพื้น
ปีศาจเคียวโลหิตร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด ยกเคียวโลหิตของมันอย่างบ้าคลั่ง มันดูเหมือนต้องการจะตัดขาขวาของมัน
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าเย่ว์หยางอาจเป็นบุรุษที่หน้าด้านที่สุดในโลกก็ได้ที่เชี่ยวชาญในการจัดการศัตรูที่อยู่ในสภาพเสียเปรียบแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าปีศาจเคียวโลหิตติดอยู่กับที่ เขาก็จะรีบเข้าไปช่วยให้ชีวิตของมันยุ่งยากมากขึ้นทันที
ตอนแรกเขาใช้ค้อนยักษ์ฟาดใส่ปีศาจเคียวโลหิต จากนั้นก็ฟาดใส่ใบหน้าของมัน ภายใน 2 วินาทีที่ปีศาจเคียวโลหิตถูกหวดจนมึนงง กลุ่มก้านของต้นดอกหนาม ลำต้นรองของดอกหนามปีศาจก็เข้ามารวบรัดปีศาจเคียวโลหิตไว้แน่นหนาโผล่ออกมาแต่หัวของมันเท่านั้น จากนั้นเย่ว์หยางคว้าเคียวโลหิตเอามาจากมันแล้วรีบโยนอาวุธอันตรายนี้ทิ้งในทะเลสาบ พอสูญเสียอาวุธคู่มือและโดนต้นดอกหนามมัดไว้อย่างแน่นหนา ปีศาจเคียวโลหิตได้แต่นอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง..
แม้ว่ามันจะสูญเสียอาวุธคู่มือไป ต้องทนอาการบาดเจ็บรุนแรงและร่างกายมีกิ่งก้านรวบรัดไว้ แต่ปีศาจเคียวโลหิตก็ยังเป็นปีศาจชั้นทองระดับ 7 และยังมีพลังความน่ากลัวหลงเหลืออยู่ แม้เมื่อมันจะถูกมัดแน่น แต่มันก็ยังสามารถดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดชีวิตเพื่อให้หลุดจากก้านต้นดอกหนามในเวลาใดเวลาหนึ่งให้ได้
แต่ในเวลาขณะที่นี้เย่ว์หยางคงไม่ออมฝีมือให้มันแน่ พอเห็นว่ามันยังต่อสู้ดิ้นรนให้เป็นอิสระ เขารีบเอามีดทองฆ่ามังกรออกมาและแทงมันลงไปหลายครั้ง
เลือดสดของปีศาจเคียวโลหิตพุ่งออกมากระตุ้นให้ต้นดอกหนามเจริญเติบโตยิ่งขึ้น เนื้อหรือเกราะทุกชิ้นที่เย่ว์หยางตัดออกมาถูกต้นดอกหนามกินลงไป บางต้นก็มีแผลให้กังวล
พลังของไฟปีศาจไม่สามารถใช้อะไรได้เลยมีปากขนาดใหญ่จำนวนมากคอยจะกินมันอยู่
ทุกครั้งที่เปลวไฟปีศาจพ่นออก มีปากนับจำนวนไม่ถ้วน พุ่งเข้ามารับไว้
พอเห็นอย่างนี้แล้ว หัวใจของสื่อจินโหวถึงกับสะท้านหนาว ตอนนี้ เขาเข้าใจขึ้นบ้างเล็กน้อยถึงเหตุผลที่ต้นดอกหนามน้อยสามารถฆ่าจ้าวปีศาจคุกโลหิตทั้ง 2 ได้รวมทั้งทหารปีศาจระดับสูงถึง 5 พัน เหตุผลก็ธรรมดา มันเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ล่าตามธรรมชาติและเหยื่อของมัน เหยื่อจะเอาชนะผู้ล่าได้อย่างไร? นั่นไม่สามารถจะใช้ได้เพียงความแข็งแกร่งในรบอย่างเดียวเท่านั้น เพราะผู้ล่าของพวกเขามีลักษณะหลายอย่างที่ต่อต้านทักษะของเหยื่อได้ เปลวไฟปีศาจซึ่งทำหน้าที่ป้องกันร่างกายปีศาจ ความแข็งของพวกเขา ร่างปีศาจที่แข็งเป็นหิน พลังมหาศาล และพลังที่น่ากลัวของอาวุธของพวกเขาทั้งหมดใช้กับต้นดอกหนามไม่ได้ผล สำหรับอาวุธของพวกเขา มันเป็นของล้าสมัย ขณะที่ต้นดอกหนามจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถเติบโตจากภายในมันได้
มีต้นดอกหนามมากเกินไป ทันทีที่จำนวนของพวกมันได้ที่ พลังการทำลายล้างของพวกมันสามารถเอาชนะระดับที่แตกต่างและครอบงำอุปสรรคทั้งมวลได้
แม้ว่าสื่อจินโหวจะไม่สามารถใช้พลังควบคุมพื้นที่ได้อีกต่อไป แต่ทักษะธรรมชาติในการเทเลพอร์ตของเขายังสามารถใช้ได้เป็นบางครั้ง
เขาใช้มือวาดวงกลมและเปลี่ยนพื้นที่ๆ วาดนั้นเป็นกระแสหมุนวน ตัวของเขาเข้าไปอยู่ในกระแสหมุนวนนั้นและไปปรากฏตัวที่ทางออกที่ตรงกัน นี่คือทักษะเทเลพอร์ตเฉพาะที่ซึ่งเขาเชี่ยวชาญหลังจากฝึกมาอย่างหนักเกินกว่า 50 ปี แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้ แต่เขาก็สามารถใช้มันเทเลพอร์ตจากไปได้โดยไม่มีอุปสรรคใดเลย
เมื่อเขาเสร็จกระบวนการเทเลพอร์ตไปได้ครึ่งเดียว ขณะที่เขาแค่เริ่มเข้าไปในกระแสหมุนวนได้ครึ่งเดียวและหลังของเขายังคงอยู่ข้างนอก เสี่ยวหวินหลีก็เคลื่อนไหวทันที
เธอตั้งใจจะเริ่มลอบโจมตีก่อนอยู่แล้ว และเธอรอความพร้อมมานาน ตอนนี้โอกาสของเธอมาถึงแล้ว เธอจึงลงมือทันที
ความแม่นยำในการฉวยโอกาสของเธอไวกว่าเย่ว์หยางถึงสิบเท่า เพราะเขาต้องใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจสังเกตการกระทำของสื่อจินโหวไปด้วย เธอใช้ทักษะโซ่ล่องหนของเธอตรึงไว้และใช้ดาบคู่ฟันลงไปที่ปีกปีศาจของสื่อจินโหว ขณะเดียวกันเงือกวายุใช้สามง่ามทองแทงเข้าที่หลังของสื่อจินโหว พร้อมกันนั้นเมดูซาศิลาก็ยิงลูกศรทองดอกที่สองเข้าที่หางปีศาจของสื่อจินโหว
กระแสเทเลพอร์ตของสื่อจินโหวแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ทันที การหดตัวของเทเลพอร์ที่ล้มเหลวและถูกทำร้ายที่ด้านหลังถึงสามที่สร้างความเจ็บปวดหนักหนาสาหัสให้กับสื่อจินโหว
เย่ว์หยางเข้ามาบังขวางหน้าเสี่ยวเหวินหลีเอาไว้ และยังมีปีศาจน้อยดอกหนามอยู่ข้างๆ
ตอนนี้ สื่อจินโหวไม่สามารถปกป้องความหยิ่งยโสในความเป็นนักสู้จากแดนปีศาจของเขาได้อีกต่อไป ทันทีที่คว้าโอกาสแรกได้ เขาหลบหนีไปตรงตำแหน่งปล่องภูเขาไฟ ไม่มีใครหยุดเขาได้
เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีไล่ตามเขาทันที ขณะที่เงือกวายุกับเมดูซาศิลา ไม่ได้ไล่ตามไปด้วย กลับหันมาเล่นงานปีศาจเคียวโลหิตซึ่งยังคงดิ้นรนต่อต้านให้หลุดจากพันธนาการ สื่อจินโหวไม่สามารถบินได้ ทั้งไม่สามารถเทเลพอร์ตหนีได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แต่วิ่ง ที่ด้านหลังของเขา เย่ว์หยางล้วงดาบจันทร์เสี้ยวออกมาและฟันใส่หลังของเขาอย่างเร่งร้อนขณะไล่ตามเขา เทียบกับการฟันอย่างป่าเถื่อนแล้ว การจู่โจมของเสี่ยวเหวินหลียังมีประสิทธิภาพมากกว่า ทุกครั้งที่เธอโจมตีก็จะแช่แข็งสื่อจินโหวได้ 1 หรือ 2 วินาที อย่างไรก็ตาม พลังเปลวเพลิงปีศาจที่คอยปกป้องสื่อจินโหว สามารถละลายน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เขายังหนีสุดกำลังเพื่อเอาชีวิตรอด บวกกับความจริงที่ว่าเขามีขนาดตัวที่ใหญ่มาก ทำให้เขาได้เปรียบในการไปถึงภูเขาข้างหน้า ดังนั้นเขาจึงสามารถหลบเลี่ยงจากการโจมตีของทั้งสองได้
ถึงอย่างไรก็ตาม เขายังโดนเย่ว์หยางฟันใส่หลังอย่างหนักถึงสองครั้ง ตลอดทั้งชีวิตของเขา สื่อจินโหวไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน
แต่ตอนนี้เพื่อมีชีวิตรอดให้ได้ เงื่อนไขเดียวที่เขาต้องทำให้ได้ก็คือ หนี
ปีศาจอสรพิษน้อยยังคงมีพลังเหลืออยู่บ้าง และยังเตรียมพร้อมจะใช้พลังจู่โจมที่น่ากลัวของเธอ ขณะที่นักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างสื่อจินโหวรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาถึงด้วยสัญชาตญาณ
ดังนั้น ไม่ว่าเย่ว์หยางจะเยาะเย้ยหรือยั่วให้โกรธมากแค่ไหน ไม่ว่าจะโจมตีใส่เขามากเพียงใด เขาได้แต่ทำเป็นไม่สนใจ
เฉพาะดาบจันทร์เสี้ยวคงไม่ทำให้เขาต้องบาดเจ็บมากมายอะไร
ในตอนนี้เจ้าเด็กบ้านั่นมีพลังเหลืออยู่ไม่มาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่กล้าใช้ดาบฮุยจินเพราะกลัวผลสะท้อนกลับจนตัวเองถูกเผาผลาญเอง พลังโจมตีแบบคนธรรมดา ก็แค่ทำให้เกิดแผลเลือดเนื้อซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บภายนอกสำหรับเขา สื่อจินโหวกล้ำกลืนความโกรธหนีขึ้นไปบนยอดเขา เมื่อเขาเห็นลาวาที่เดือดปุดๆ ที่ปากปล่องภูเขาไฟ ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที
เขากระโจนขึ้นไปที่ปล่องภูเขาไฟ
ในอากาศ เขากางปีกปีศาจที่บาดเจ็บ เตรียมกระพือมันด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด เพื่อบินลงไปในปล่องหลบหนีไปจากที่นี้
“จุดจบของเจ้าอยู่ที่นี่!” เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีกำลังรอโอกาสนี้ ทั้งสองกระโดดเข้าใส่หลังของสื่อจินโหวพร้อมกัน
เย่ว์หยางยังมีเก็บพลังปราณกระบี่อึดสุดท้ายเอาไว้จนถึงตอนนี้ ก็ระเบิดพลังปล่อยมันออกไป
เกิดเป็นรูโลหิตอยู่ที่หลังของสื่อจินโหว
เสี่ยวเหวินหลีเสียบดาบคู่ของเธอเข้าไปในรูนั้น เป็นการขยายบาดแผลที่หลังของสื่อจินโหว ขณะเดียวกัน เธอยังรวบรวมบอลพลังแสงบริสุทธิ์ที่สว่างกว่ารัศมีทั่วไป และปล่อยมันเข้าไปในแผลซ้ำอีก เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีกระโจนเข้าไปพร้อมกัน เมื่อพวกเขายังคงลอยตัวอยู่กลางอากาศ สื่อจินโหวพลิกตัวกลับมาอย่างเกรี้ยวกราด กรงเล็บปีศาจคู่ของเขาตะกุยใส่ทั้งสองอย่างเกรี้ยวกราด ขณะที่เขาต้องการจะลากทั้งสองคนให้ตกลงไปตายพร้อมกับเขา
แต่เขาลืมไปว่าเสี่ยวเหวินหลีครอบครองทักษะธรรมชาติโซ่ล่องหนอยู่
เสี่ยวเหวินหลีกรอกตาดวงโตขณะที่จ้องมองเขา
กรงเล็บปีศาจของเขาได้แต่ชะงักค้างอยู่กลางอากาศ ไม่ถูกเส้นผมของทั้งคู่แม้แต่เส้นเดียว ขณะที่ร่างของสื่อจินโหวเริ่มร่วงลงไป กรงเล็บของมันลดลงอย่างไร้กำลัง
เกิดเสียงดังก้องทันทีที่สื่อจินโหวตกลงไปในบ่อลาวา
เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีทั้งคู่ยืนอยู่ที่ขอบปล่องภูเขาไฟ เหนื่อยหมดแรงจนแทบจะล้มลงกับพื้น
แต่เพราะพวกเขากังวลผลสุดท้ายของการต่อสู้ พวกเขาจึงยังคงสังเกตดูจุดที่สื่อจินโหวตกลงไป
ถ้า ขนาดร่วมมือกันหลอกล่อโจมตีแล้ว สื่อจินโหวก็ยังไม่ถูกฆ่าอีก พวกเขาคงไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่ใช้ม้วนเทเลพอร์ตของเย่ว์หยางหลบหนี สื่อจินโหวตกลงไปในบ่อลาวาเดือดดิ้นรนลุกขึ้นมา แต่แสงสีขาวที่ แต่แสงสีขาวที่เสี่ยวเหวินหลีติดไว้ที่หลังของเขารวมกับปราณปีศาจของเขาทำเกิดแรงระเบิดขนาดยักษ์
เย่ว์หยางและเสี่ยวเหวินหลีต่างมองดูขณะที่ร่างยักษ์ของสื่อจินโหวตกลงไปในบ่อลาวาเลือด ภายในชั่วพริบตาม เขาก็ถูกลาวาท่วมมิด เหลือเพียงควันสีเขียวขนาดกำมือลอยเป็นเกลียวหายไปในอากาศ
เสี่ยวเหวินหลีเหนื่อยล้าจนไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เธอสลายกลายเป็นแสงรุ้งลอยเข้าไปจำศีลในตัวของเย่ว์หยางต่อ
ไม่ได้ความช่วยเหลือของเธอในการสู้ครั้งนี้ เย่ว์หยางคงพ่ายแพ้สื่อจินโหวที่กลับมาใช้ร่างปีศาจของเขาแน่
หลังจากฆ่าสื่อจินโหวแล้ว เย่ว์หยางข่มความตื่นเต้นในใจและลงมาจากยอดเขา ในที่สุดเขาล้มลงนอนใกล้ร่างอ่อนนุ่มน่ารักของหญิงงามลึกลับ เขารีบเอาหินบำบัดออกมาจากแหวนลิชออกมาบิมันให้แตกออก และใช้รักษาพวกเขาพร้อมๆ กัน ถ้าพวกเขาทอดเวลานานออกไป พวกเขาทั้งสองอาจตายก็ได้ ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางได้ใช้พลังของตนทั้งหมดต่อสู้และทำร้ายสื่อจินโหวที่ภูเขาไฟลาวาไปแล้ว ปีศาจน้อยดอกหนามเริ่มวิวัฒนาการขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
จากปีศาจดอกหนาม อสูรทองแดงระดับ 1 เธอวิวัฒนาการเป็นปีศาจดอกหนามอสูรเงินระดับ 1
อีกอย่างหนึ่ง การเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเป็นไปฉับพลัน เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่าปีศาจน้อยดอกหนามนี้ก่อนหน้านี้ยังมีรูปลักษณ์ของเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบ ก็กลายเป็นเด็กอายุราวๆ สิบขวบ เธอยังโตขึ้นอีก นี่เธอไปกินยาเร่งเติบโตอะไรมา?
ปีศาจเคียวโลหิตยังคงดิ้นรนไม่หยุด และยังไม่ยอมถูกกำจัดอย่างสิ้นเชิง
นี่มันเกิดอะไรขึ้น
เย่ว์หยางตกใจ เมื่อเขาตระหนักได้ว่าปีศาจน้อยดอกหนามแลบลิ้นเธอออกมาเลียเลือดที่เปื้อนตัวของหญิงงามลึกลับ เธอมองดูเหมือนแมวที่แอบขโมยกินปลา เย่ว์หยางฉุนทันที “นี่เจ้าเป็นผีดูดเลือดไปแล้วหรือ! ไปเลย, ไม่อย่างนั้นข้าจะตีเจ้านะ!”
ปีศาจน้อยดอกหนามจะกลัวเย่ว์หยางมาก
พอเห็นเขาเงื้อมือทำท่าตี เธอกลัวมากจนก้าวเท้าถอยหลังกลับไปอยู่บนระเบียงดอกไม้
หลังจากจัดการเรื่องวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ สงบลงแล้ว เย่ว์หยางตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมต้นดอกหนามที่เติบโตจากสปอร์ด้านข้างเขาจึงแตกต่างจากต้นดอกหนามธรรมดา? ต้นดอกหนามที่อยู่ข้างเขามีสีแดงเหมือนเลือด และมีสัญลักษณ์สีทองบนนั้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เป็นเพราะเลือดของเขามีคุณสมบัติพิศษดังกล่าวหรือเป็นเพราะเลือดของหญิงงามลึกลับหายากเป็นพิเศษ
ถ้าหญิงงามลึกลับไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงดังกล่าวจนถึงจุดที่เกือบจะตาย เย่ว์หยางอยากจะเปลื้องผ้านางศึกษารายละเอียดในร่างกายนางจริงๆ…..
++++++++++++++++++