===============
นักสู้ระดับ 6 ที่บาดเจ็บสาหัสประคองตนเองอยู่บนภูเขาพลางล้วงผลึกหินออกมาอัญเชิญอสูรตัวสุดท้าย
แมมม็อธยักษ์อสูรทองแดงระดับ 5 ปรากฏอยู่หน้าเย่ว์หยาง
มันมีงายาวและมีร่างขนาดภูเขาใหญ่
สัตว์อสูรอย่างนั้น สามารถกวาดล้างพื้นที่ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะมีขนาดยักษ์ก็ตาม แต่ลึกๆ แล้วมันกลัวเย่ว์หยางที่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง เมื่อคนอื่นๆ ดูมัน พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าร่างของแมมม็อธยักษ์สั่นเล็กน้อย ตาน้อยๆ ของมันแสดงให้เห็นถึงอาการตกใจกลัว
เมื่อเย่ว์หยางเข้ามาก้าวหนึ่ง แมมม็อธไม่กล้าทำอะไร ได้แต่ถอยไปก้าวหนึ่ง
พอเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี นักสู้ระดับ 6 ก็เพ่งสมาธิออกคำสั่งแมมม็อธยักษ์ให้เข้าโจมตีเย่ว์หยางและใช้ขาที่หนาพอๆ กับเสาย่ำใส่เขา
คำสั่งของเจ้านายและความกลัวในหัวใจของมันต่อสู้หักล้างกันเอง
แมมม็อธยักษ์ถูกกระตุ้นให้ก้าวเท้าไป
มันยกขาหน้าของมันขณะที่มันต้องการจะวิ่งลุยไปข้างหน้า และย่ำศัตรูด้วยแรงกระทืบของมัน แต่ยังคงดูเหมือนว่ามันต้องการจะถอยหนีออกไปจากสนามรบมากกว่า ขาหน้ามันยกค้างสูงไว้ แต่มันก็ยังลังเล ได้แต่เดี๋ยวเดินหน้า เดี๋ยวถอยหลังอยู่อย่างนั้น ดังนั้น มันจึงยังอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ทำอะไรเลย ได้แต่เขย่าพื้นจากการย่ำเท้าของมัน
นักสู้สายธาตุจำเพาะระดับ 6 ที่อยู่ด้านหลังเรียกดาวตกอย่างเร่งรีบ
แสงสีแดงเริ่มฉายแว่บออกมา
สิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนกาไฟถูกเรียกออกมา
ทันใดนั้น มันบินขึ้นไปบนท้องฟ้า และกระจายกลายเป็นบอลแสงอย่างเงียบ
เมื่อบอลประกายแสงระเบิดออก ท้องฟ้าท้องหมดเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน แม้แต่เมฆก็พลอยถูกย้อมเป็นสีแดงไปด้วย ดูเหมือนว่าจะมีคลื่นก่อตัวในท้องฟ้า เหมือนระลอกคลื่นยามลมพัดผ่านทะเลสาบ ลูกคลื่นสีแดงเข้มในท้องฟ้าขยายใหญ่ขึ้นๆ และหมุนจากภายในสู่ภายนอกเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ในที่สุด ดาวตกที่ติดไฟลุกโชนปรากฏอยู่ในท้องฟ้า มีเสียงดังกึกก้อง อุกกาบาตลูกใหญ่ที่สุด 2 ลูกพุ่งลงมาบนหน้าผาที่เย่ว์ปิงและคนอื่นๆอยู่ อีกสองลูกพุ่งมาที่เย่ว์หยาง ขณะที่ลูกสุดท้ายพุ่งตรงมาที่ทหารรับจ้าง
เสียงดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวราวกับจะถึงวาระอวสานของโลก
ทหารรับจ้างทุกคน คิดว่าวาระสุดท้ายมาถึงพวกเขาแล้ว พวกเขาจะรอดชีวิตได้อย่างไรหากอุกกาบาตตกใส่พวกเขา?
สิ่งที่ทำให้คนอื่นๆ สงสัยก็คือเย่ว์หยางไม่ได้พยายามห้ามแต่อย่างใดเลย เหมือนกับว่าเขายอมให้นักสู้ระดับ 6 ผู้นั้นเรียกอุกกาบาตของเขาออกมา
พวกทหารรับจ้างทุกคนกังวลแต่เรื่องความเป็นความตายของพวกเขาเท่านั้น ดังนั้นไม่มีใครพยายามเดาความคิดของเย่ว์หยาง อย่างไรก็ตาม ยอดฝีมือระดับห้า 6 คนและระดับ 6 อีก 2 คนรู้สึก
เมื่อพวกเขากำลังจะล่าถอยเข้าไปในถ้ำที่อยู่บนผนังในภูเขาและรอให้เย่ว์หยางพลาดในการช่วยสหายและถูกอุกกาบาตบดกระแทกจนเป็นเศษเนื้อ อยู่ๆ แมมม็อธยักษ์ก็เผ่นหนีทันที ตัวของมันดูเหมือนจะแตกตื่นหนักจนขวัญกระเจิง มันวิ่งเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำทันทีเหลือแต่ก้นใหญ่ๆ ของมันเท่านั้นที่โผล่ออกมาข้างนอก สิ่งที่ทำให้มันขวัญผวาจนแทบเป็นบ้าก็เพราะมีนางพญากระหายเลือด อสูรทองบินอยู่ข้างหน้าเขาทันทีที่แมมม็อธยักษ์ไป จากนั้นนักสู้ระดับ 5 และ 6 รีบยกอาวุธของตนด้วยความเร็วกว่าสายฟ้า แต่ไม่มีใครต้านทางนางพญากระหายเลือดได้ทัน นางปล่อยคลื่นเสียงที่แทบจะระเบิดแก้วหูคนพวกนั้นได้ทันที
นักสู้ระดับ 5 ทั้ง 6 คนล้มลงสลบกับพื้นทันที
นักสู้ระดับ 6 คนที่ถูกเย่ว์หยางทำร้ายบาดเจ็บสาหัส โดนคลื่นเสียงทำร้ายจนบาดเจ็บหนักกว่าเก่า จนแก้วหูถึงกับฉีกขาด เขาล้มลงกับพื้นโดยที่ใช้มือประคองตนเองไม่ทัน
อย่างไรก็ตาม คนที่บาดเจ็บหนักจากคลื่นเสียงกรีดร้องของนางพญากระหายเลือดกลับไม่ใช่เขา แต่เป็นนักสู้ระดับ 6 สายธาตุจำเพาะ เขาเป็นผู้เรียกอุกกาบาตให้ตกลงมาบนพื้นโลก
ถ้าเย่ว์หยางไม่เคยไปเรียนในโรงเรียนมาก่อน และได้ฟังบรรยายของแม่เฒ่าอู่เถิง อย่างนั้นเขาจะต้องเสียเวลาจู่โจมอีกนาน ต้องแก้ปัญหาด้วยกำปั้นที่ป่าเถื่อนและหยุดยั้งอุกกาบาตที่เป็นธาตุจำเพาะซึ่งถูกเรียกไปแล้ว
อย่างไรก็ตามตัวเขาในปัจจุบันนี้ได้เรียนรู้วิธีง่ายๆ จากแม่เฒ่าอู่เถิง และนั่นก็คือการขัดจังหวะ เมื่อนักสู้กำลังอัญเชิญอสูรสายธาตุจำเพาะ เขาต้องควบคุมด้วยสมาธิจิต สัตว์อสูรสายธาตุจำเพาะ ต้องใช้การควบคุมทางใจที่หนักมาก ถ้าพวกเขาสูญเสียการควบคุมจิตใจของพวกมัน พวกเขาจะต้องทุกข์ทรมานจากการที่พลังควบคุมอสูรสายธาตุจำเพาะต้องหดหายไป นี่ก็เท่ากับเหมือนตอนที่อสูรสายเสริมพลังหลุดออกจากร่างเจ้านายมัน หรืออสูรสายนักสู้ทิ้งการต่อสู้แล้วหนีไป สาเหตุทั้งหมดนี้ทำให้เจ้านายของอสูรต้องสูญเสียการควบคุมอสูรของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาการถดถอยของพลังควบคุม การถดถอยของพลังควบคุณอสูรสายธาตุจำเพาะเป็นเรื่องน่ากลัวที่สุด
อสูรสายธาตุจำเพาะครอบครองพลังทำลายล้าง อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พลังควบคุมถดถอย คนที่ทำลายควรจะเป็นเจ้านายของมัน
เย่ว์หยางสามารถสังหารอีกาเพลิงก่อนที่มันจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและเรียกอุกกาบาตรมาอีก แต่นั่นเป็นแค่เพียงการ “ชะลอ” เอาไว้เท่านั้น ความตายของอีกาเพลิงแค่เป็นเหตุให้เจ้านายของมันปวดหัวรุนแรง
เมื่อมันเรียกอุกกาบาตได้สำเร็จแล้ว ถ้าพลังจิตควบคุมของเจ้านายมันอ่อนลงแล้ว และเย่ว์หยางทำการชลอได้ในชั่วครู่นี้ ผลที่จะตามมาก็คือ…
อุกกาบาตทั้งห้าเปลี่ยนทิศทางทันที มันบินโค้งตรงไปหานักสู้ระดับ 6 สายธาตุจำเพาะทันที
“อ๊า…ไม่นะ!”
เมื่อยอดฝีมือระดับ 6 นั้นฟื้นจากอาการมึนงง เขาก็ตระหนักได้ว่า อุกกาบาตกำลังร่วงลงมาที่พวกเขา เขาได้แต่ตะโกนอย่างน่าสงสาร
เย่ว์หยางโยนปีศาจเบเฮม็อธที่หมดสติไว้ข้างบนเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ทับพวกเขาไว้ จากนั้นก็ยืนบนร่างเบเฮม็อธอุ้มเย่ว์ปิงไว้มั่นพร้อมกับสร้างโล่แสง นางพญากระหายเลือดบินพุ่งเข้ามาในโล่ราวกับลูกธนูและกอดเย่ว์หยางไว้แน่น พอเห็นว่าภายในโล่ไม่มีที่พอให้หลบ ฮุยไท่หลางเอาหัวมุดไปอยู่ใต้ท้องของปีศาจเบเฮม็อธทันที น่าเสียดายที่หางของมันยังโผล่อยู่นอกโล่ ขณะที่เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ถล่มลงมาบนพื้้น
อุกกาบาตห้าลูกติดไฟสว่างจ้ากับฝนเพลิงตกลงในหุบเขาพร้อมกัน
ทั่วทั้งภูเขาสั่นไหว ไฟลุกโชนจนถึงท้องฟ้า
แรงระเบิดและเปลวไฟที่โหมกระหน่ำได้ทำลายสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้โพรงมดพินาศสิ้น
เสียงระเบิดและแผ่นดินสะเทือนเป็นเหมือนกับว่าทั้งโลกได้แตกทำลายลง แรงระเบิดทำให้หน้าผาตรงภูเขาสั่นสะเทือนพังทลายลง ขณะที่ก้อนหินปลิวว่อนกระเด็นไปทุกที่ แม้แต่แมมม็อธยักษ์ที่หลบอยู่ภายในถ้ำยังปลิวกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า ควันรูปดอกเห็ดลอยขึ้นบนท้องฟ้าภายหลังแรงระเบิด
ทันใดนั้น ยอดเขาเริ่มทรุดตัวและพังทลายลง
ตามมาด้วยการพังทลายของภูเขาไปครึ่งแถบ ก้อนหินใหญ่น้อยนับไม่ถ้วนค่อยๆ กลิ้งทลายลงมากับพื้น
ในที่สุด มันเพิ่มแรงเฉื่อยสะเทือนถึงกันทำให้ก้อนหินในหุบเขาถล่มเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ยอดเขาที่ถล่มอยู่ห่างจากข้างหน้าเย่ว์หยางไม่เกิน 20 เมตร ก่อนที่จะพังถล่มลงไปในหุบเขา
ทั้งโลกสั่นสะเทือนอีกครั้ง
เย่ว์หยางแอบโล่งใจ เขาจัดการดาวตกให้อยู่ในการควบคุมของเขาได้บ้าง แต่ยอดเขาพลังทลายนี่เกินกว่าที่เขาคำนวณเอาไว้ โชคดีที่มันไม่พุ่งกระแทกหน้าผาที่เขาอยู่ มิฉะนั้นเขาคงได้แต่เตะเย่คงและคนอื่นลงเหวลึกข้างๆ พวกเขาแล้วค่อยสั่งให้นางพญากระหายเลือดลงไปช่วยพวกเขาก่อนกระแทกเป็นเลือดเนื้อแหลกเหลว นั่นก็เป็นเรื่องยาก อย่าว่าแต่จำนวนคนเลย แม้แต่เจ้าอ้วนไห่ก็ยังแปลงกายเป็นสัตว์ประหลาดได้ ความสามารถนี้ของเขา…
พวกทหารรับจ้างที่อยู่ด้านล่างของหน้าผาคงไม่รอดแน่นอน อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่นักสู้ระดับห้า 6 คนและระดับหก 2 คน ก็ยังต้องตายแน่ๆ
พวกเขาโดนอุกกาบาตพุ่งชนก่อนเป็นพวกแรก ก่อนที่ยอดเขาจะถล่มลงไปเสียอีก
ต่อให้บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นแมลงสาบ พวกเขาก็คงไม่รอดแน่นอน
หลังจากประสบเหตุการณ์แผ่นดินไหวสองครั้ง ลานหน้าผาที่เย่ว์หยางและคนอื่นๆ อยู่กลับกลายเป็นเอียงไปจากระดับเดิม โชคดีที่มันแข็งแรงพอทนต่อแรงระเบิดและไม่ทลายลงไป
ฮุยไท่หลางดิ้นออกมาจากใต้ร่างเบเฮม็อธและปีนขึ้นไปบนที่ลาดบนข้างหน้าผามองลงไปข้างล่าง มันก็รู้ได้ว่ากองเนื้อซากศพข้างล่างหายไปหมด พวกมันถูกฝังอยู่ใต้หินกันทั้งหมด
หลังจากแผ่นดินไหวแล้ว เย่คงที่ล้มสลบไปจากอาการเหนื่อยอ่อน ก็ดิ้นออกมาจากใต้ท้องตัวเบเฮม็อธอย่างยากลำบาก เขาสั่นศีรษะไล่ความมึนงงและใช้มือที่เต็มไปด้วยฝุ่นและทรายเช็ดคราบเลือดที่ปากและจมูกตนเอง จากนั้นถามเย่ว์หยางอย่างเหนื่อยล้าว่า “เกิดอะไรขึ้น? ดูเหมือนว่าจะฝันเห็นคนจุดพลุ…”
“ก็นั่นเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่มากไม่น้อย” เย่ว์หยางค่อยๆ ผ่อนคลายตนจากสภาวะคลั่งจนเยือกเย็นและเขารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
“นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรน่ะ ที่ทับข้าอยู่?” เย่คงถามขณะที่เขาตระหนักได้ว่ามีสัตว์ประหลาดอัปลักษณ์มากตัวหนึ่งกำลังนอนกรนสนั่นหวั่นไหวอยู่บนพื้น มันทับเขาจนแทบหายใจไม่ออก
“เจ้าไม่คิดหรือว่าเสียงกรนของเขา คุ้นๆ ว่าเคยฟังมาก่อน?” เย่ว์หยางรู้เหมือนกับว่าคนที่เคยได้ยินเสียงกรนของเจ้าอ้วนไห่มาก่อน พวกเขาจะสามารถจำเสียงกรนของเขาได้แน่
“สัตว์ประหลาดนี่คือเจ้าอ้วนหรือนี่?” เย่คงถึงกับตกใจปากอ้าตาค้าง
“เจ้ายังคิดว่าในโลกนี้มีใครกันที่ยังนอนหลับกรนได้สนั่นอย่างนั้นหลังจากได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น นอกจากเจ้าอ้วนไห่เล่า?” เย่ว์รู้สึกว่าทักษะในการนอนของเจ้าอ้วนไห่เป็นทักษะธรรมชาติของเขาแน่นอน เขาจึงหลับได้ทุกที่ทุกเวลา
ข้อดีเรื่องนี้ทำให้ลึกๆ แล้ว เขาอดนับถือเจ้าอ้วนไห่ไม่ได้เลยจริงๆ
เย่คงยังตะลึงงันอยู่นานก่อนที่จะพยักหน้าในที่สุด ก็ยอมรับว่าเจ้าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดนี้คือร่างแปลงของเจ้าอ้วนไห่
มันก็แค่เป็นเรื่องแปลกมาก นี่ไม่ใช่อสูรสายเสริมพลัง ไม่ใช่อสูรธาตุจำเพาะและไม่ใช่อสูรสายนักรบ เจ้าอ้วนไห่อัญเชิญอสูรชนิดไหนออกมากันแน่? ทำไมถึงได้เปลี่ยนร่างเขาให้เป็นสัตว์ประหลาดได้ทั้งตัว
ในคัมภีร์ทองแดงของเจ้าอ้วนไห่ ก็ไม่มีอสูรตัวนี้อยู่ด้วย
เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ เย่คงไม่สามารถค้นหาต้นเหตุเจอ ไม่ว่าเขาจะคิดอยู่นานแค่ไหนก็ตาม
เย่ว์หยางตระหนักอยู่แล้วว่าเจ้าอ้วนไห่แตกต่างจากคนที่เหลือ และมีศักยภาพในตัวอยู่ก่อนแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไห่ไม่เคยบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นพวกเขาให้เกียรติเรื่องลับของเจ้าอ้วนไห่จึงไม่ถามถึงมันเช่นกัน
แค่เพียงหลังจากใช้ศิลาบำบัดไปสักระยะหนึ่งร่างของสัตว์ประหลาดก็ค่อยๆ เปลี่ยนคืนลักษณะเดิม อย่างไรก็ตาม ก่อนอสูรของเขาจะหายตัวไป มันผายลมออกมาป้าดใหญ่ก่อตัวเป็นหมอกเหลืองลอยอ้อยอิ่งคลุมตัวเขาอยู่ชั่วขณะ กลิ่นผายลมทำให้นางพญากระหายเลือดและฮุยไท่หลางสะดุ้งตกใจหนีออกไปอยู่ห่างๆ ทันที ขณะที่เย่ว์หยางอุ้มเย่ว์ปิงแว่บออกไปอยู่ห่างร้อยเมตรราวกับเทเลพอร์ตออกไป
เจ้าสิ่งลึกลับเมื่อตนที่เย่ว์หยางอยู่สภาวะคลั่ง ทำให้ความสามารถในการเทเลพอร์ตของเขากลายเป็นถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
ตัวเขาในสภาพสงบตอนนี้ กลับตรงกันข้าม เขาเทเลพอร์ตผิดตำแหน่งไปมาก จนเกือบร่วงลงเหวอีกฝั่งหนึ่งของเป้าหมายเทเลพอร์ตของเขา หากเขาไม่มีปฏิกิริยารวดเร็ว ก็คงร่วงลงไปในหุบเขาแล้ว
เย่คงต้องการตรวจเจ้าอ้วนไห่ด้วยความตั้งใจดี ใครจะรู้กันว่าต้องมาทนกลิ่นผายลมของเขาด้วย?
เขาสำลักล้มลงกับพื้นในกลางกลุ่มหมอกยักษ์สีเหลือง ปากของเขาเริ่มมีน้ำลายแตกเป็นฟอง ขาของเขากระตุกเหมือนกับแมลงที่โดนพ่นดีดีที
โชคดีที่มีลมแรงที่พัดอยู่ในเหวสิ้นหวังพัดเอาหมอกเหลืองขนาดยักษ์ออกไปในชั่วครู่ จากนั้น เจ้าอ้วนไห่ที่อยู่ในสภาพเปลือย ก็ค่อยๆ ตื่นพร้อมกับบ่นงึมงำ “ข้าว่าข้าได้กลิ่นเนื้อย่างนะ….”
“ลงไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่งั้นข้าจะฆ่าเจ้า” เย่คงยังคงถูกทับอยู่ใต้ก้นเจ้าอ้วนไห่ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพลางคว้าอาวุธบนพื้นทันที
“เอ๋? เจ้ายังมีชีวิตอยู่เหรอ, เจ้าลิงผอม? ยังไม่ตายอีกเหรอ? งั้นข้าก็เสียใจฟรีๆ น่ะสิ!” เจ้าอ้วนไห่มองเย่คงอย่างใสซื่อ ขณะที่เขาเพิ่งรู้ตัวว่าก้นใหญ่ๆ ของเขากำลังกลายเป็นอาวุธฆ่าเย่คง
“เออ, ข้ายังไม่ตาย, แต่กำลังจะตายเร็วๆ นี้เพราะก้นเจ้าที่นั่งทับอยู่นี่!” กระดูกของเย่คงลั่นกร๊อบแกร๊บ เขาล้มลงเพราะความเหนื่อยล้า ไม่มีเรี่ยวแรงจะขยับเจ้าอ้วนไห่ออกไป ได้แต่ด่าทออย่างหัวเสีย
“พี่สาม…” เย่ว์ปิงผู้อ่อนล้าฟื้นขึ้นแล้ว และคนแรกที่นางเห็นก็คือเย่ว์หยาง
นางกอดเย่ว์หยางอย่างมีอารมณ์พลุกพล่าน นางแข็งใจอดทนมาจนถึงเวลานี้ ในที่สุดก็เช็ดน้ำตาแห่งความปลื้มกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าในที่สุด ท่านจะต้องปลอดภัยกลับมา…”
เย่ว์หยางปลอบโยนนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและลูบศีรษะนางเบาๆ เขายังคงช่วยเช็ดน้ำตานาง
ในท้องฟ้าห่างไกล ยังคงมีอสูรบินขนาดใหญ่ 2-3 ตัวพาคนไม่กี่คนที่ยังแต่งตัวเหมือนทหารรับจ้าง คอยสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหุบเขาอย่างเงียบๆ
ในที่สุด บุรุษวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของพวกเขายกมือสั่งการ และพวกอสูรบินก็พากันทำตามคำสั่งบินจากไปอย่างเงียบๆ เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ก่อนที่เขาจะแยกจากไป บุรุษวัยกลางคนนั้นที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าได้จ้องมาที่เย่ว์หยาง สีหน้าของเขาดูเหมือนจะมีความซับซ้อนมาก เหมือนกับว่ามีความเกลียด ประหลาดใจและกลัวปนรวมกัน
จากนั้นเขามองดูนางพญากระหายเลือดก่อนที่จะรีบกระตุ้นอสูรบินไล่ตามสหายที่อยู่ข้างหน้าเขาให้ทัน
พวกเขาไปจากหุบเขาโดยเร็วมาก
“เรื่องนี้… ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เห็นแน่นอน!” เย่ว์หยางยังคงใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจสอบบุรุษวัยกลางคนเพื่อจดจำไว้ เขาจะถามเจ้าเมืองโล่วฮัวเมื่อนางมาถึงที่นี่ ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับเขาแน่นอน อย่างนั้นเขาจำเป็นต้องสืบสวนให้ได้ ไม่ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาจะสืบดูจนจบและติดตามร่องรอยทุกอย่าง เขาจะจับตัวการร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“พี่สาม! มีมดแดงไฟจำนวนมากกำลังออกมาจากตรงนั้น!” เย่ว์ปิงนอนลงในอ้อมแขนของเย่ว์หยางอย่างเหนื่อยล้า เมื่อนางเห็นความเคลื่อนไหวจากหุบเขาเบื้องล่าง
“อาจเป็นไปได้ว่าไข่มดทองคงอยู่ตรงนั้นกระมัง?” พอเห็นเช่นนั้น หัวใจเย่ว์หยางตื่นเต้นทันที
++++++++++++++++++