===============
“อ่า..ความจริง นางคือภรรยาข้า นางมีลูกน้อยๆ ของข้าอยู่ในครรภ์นางเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่กล้าบอกเรื่องนี้ท่านก่อน” เย่ว์หยางทำเหมือนกับว่าเขาเป็นคนอกตัญญู
“……” หญิงงามลึกลับเซแทบล้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เจ้าเมืองโล่วฮัวตะลึงไปชั่วเวลาสั้นๆ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น นางถึงกับหัวเราะลั่น นางหัวเราะจนกระทั่งไหล่โยกคลอนจนน้ำตาไหล นางตบไหล่เย่ว์หยางและพยายามกลั้นหัวเราะกล่าวว่า “นางยังเป็นพรหมจรรย์ แล้วจะมีลูกให้เจ้าได้อย่างไร? เจ้าเล่นตลกเฮฮามากเกินไปหรือเปล่า?”
“เจ้าเมืองคนดี! ท่านรู้ได้อย่างไรว่านางยังเป็นพรหมจรรย์?” เย่ว์หยางถามขณะแกล้งทำเป็นโง่
“เจ้าไม่ได้ตระหนักหรือว่านางมีกลิ่นพรหมจรรย์หอมเหมือนข้า? ข้าบอกได้เลย, เย่ว์หยาง เจ้าต้องรู้จักอีกฝ่ายดีก่อน หากเจ้าต้องการจะโกหก!” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะอีก
“มีกลิ่นสาวพรหมจรรย์ด้วยหรือนี่? ขอข้าดมหน่อยซิ!” เย่ว์หยางขยับตัวไปใกล้หญิงงามลึกลับ
“ไปดมของเจ้าเองเถอะ!” ใช้หนังสือฟาดจนเย่ว์หยางทรุดลงกับพื้น
“ตอนนี้ ข้ามาคิดๆ ดูแล้ว ความจริง ผิวของเจ้าหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก” เจ้าเมืองโล่วฮัวโน้มตัวลงและใช้นิ้วเชยคางของเย่ว์หยางพลางยิ้มให้ ริมฝีปากนางอยู่ห่างจากริมฝีปากเย่ว์หยางไม่กี่เซนติเมตร ลมหายใจของนางเหมือนกลิ่นดอกไม้และการการะทำของนางก็ยังคลุมเครือ “ความจริงเจ้าไม่ต้องกังวลนักหรอก ไม่ว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์กับนางแบบไหน มันก็ดีแล้ว ข้าแค่กังวลถึงความสุขทั้งชีวิตของหัวหน้าองครักษ์ในอนาคตของข้า อย่าเข้าใจผิด”
“ข้าเข้าใจผิดไปเรียบร้อยแล้ว..เอ๊ย! ไม่ใช่ ข้าหมายความว่า ข้าอยากจะเข้าใจผิด เอ๊ย.. ไม่.. ข้าหมายถึง ข้าบอกว่าความเข้าใจผิดของข้าคลี่คลายเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่กังวลแล้ว!” เย่ว์หยางติดอ่างเล็กน้อย
“หัวใจของเจ้าดูเหมือนจะเต้นรัวเชียวนะ?” นัยน์ตาของเจ้าเมืองโล่วฮัวดูเหมือนจะแฝงแววหยอกเย้าขณะหัวเราะ
“นี่ แสดงว่าข้ามีพลังชีวิตที่ดี” ในจุดนี้ เย่ว์หยางสามารถเห็นผิวขาวผ่องราวหิมะ โชคดีที่เขาไม่จมลงในทะเลหน้าอกที่หยั่งไม่ถึงที่แสนยอดเยี่ยมนั้น ภายใต้สถานการณ์นี้ ถ้าหัวใจของเขาไม่เต้นแรง อย่างนั้นเขาก็คงเป็นตงฟางปุ๊กป่าย (จากเรื่องเดชคัมภีร์เทวดา)
“หน้าของเจ้าดูเหมือนจะแดงนิดๆ ใช่ไหม?” เจ้าเมืองโล่วฮัวถามอีกครั้ง
“นั่นแสดงว่าข้าสุขภาพดี เลือดลมก็เลยสูบฉีดดี” เย่ว์หยางตอบได้อย่างคล่องแคล่ว
“ทำไมเจ้าถึงมีเหงื่อออกที่จมูก?” เจ้าเมืองโล่วฮัวเป่าลมใส่หน้าเย่ว์หยางเบาๆ นางเกือบทำให้กระดูกของเย่ว์หยางละลายเพราะความน่ารักของนาง
การยั่วเย้าขณะที่พวกเขายังมีท่าทีที่คลุมเครืออยู่นี้ ถ้าหัวใจเขาไม่เต้นเร็ว หน้าของเขาก็ย่อมไม่แดงและคงไม่เหงื่อออกที่ปลายจมูก อย่างนั้นชื่อของเย่ว์หยางคงจะต้องเปลี่ยนเป็นหลิ่วเซี่ยฮุ่ย* เสียแล้ว (*สมัยชุนชุนจ้านกว๋อ ในหลู่ก๊ก หลิ่วเซี่ยฮุ่ยสวมกอดลูกสาวของอ้ายต้ง แต่ไม่ล่วงเกินหรือมีจิตลวนลาม จึงมักถูกเปรียบเปรยเป็นผู้มีจิตใจมั่นคงแน่วแน่) เรื่องที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ยังมีหญิงงามลึกลับจ้องมองพวกเขาอยู่ด้านข้าง ยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่เป็นทวีคูณ หลายครั้งที่เย่ว์หยางเกือบจะรื่นรมย์กับนางคนใดคนหนึ่งแล้ว ที่สำคัญที่สุดไม่มีนางใดรู้สึกดีด้วยเลย
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังกระหยิ่มในใจอย่างมาก
เขารู้สึกว่าพวกนางทั้งสองคนเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมและเขาไม่ยอมปล่อยพวกนางให้คนอื่นได้ง่ายนัก เขาต้องการใช้เวลาอยู่กับพวกนางทั้งคู่
แน่นอนว่า มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะสมหวังได้ทุกอย่าง ดังนั้น เย่ว์หยางไม่สามารถจะหยอกล้ออะไรได้มากนัก เขาต้องทำเป็นเหมือนคนซื่อตรงและลดความระแวดระวังที่พวกนางมีต่อเขา
เย่ว์หยางพูดอย่างมั่นใจว่า “จมูกข้าเหงื่อออก ก็เพราะอากาศมันร้อน!”
หลังจากพูดคำนี้เสร็จ ลมเย็นก็พัดพาเอาหิมะโปรยปราย
เกล็ดหิมะโปรยลงมาจากบนท้องฟ้า…
หญิงงามลึกลับหันไปรอบๆ ทันที และจามเบาๆ แม้แต่ยุงยังไม่สะดุ้งกลัว แล้วนางก็พูดขึ้นว่า “นี่น่ะหรือ อากาศร้อนมาก”
“อย่าห่วงไปเลย เสื้อผ้าของข้าให้ความร้อนเพียงพอ” พอเห็นว่ามีโอกาสที่เขาจะแสดงความกล้า เขารีบลุกขึ้นถอดชุดออกและคลุมตัวให้หญิงงามลึกลับ
“ความเคลื่อนไหวของเจ้าเหมือนกับฝึกมาดีจริงๆ…” เจ้าเมืองโล่วฮัวตัดสินเย่ว์หยางจากสายตาของนางและถามเขาขณะที่ยิ้มให้ “เจ้าถอดชุดอีกชั้นได้ไหม?”
“ถ้าขืนถอดอีก ข้าก็โป๊น่ะสิ อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านต้องการจริงๆ ก็จะให้ท่าน ข้าไม่ได้ซักกางเกงมาครึ่งเดือนได้แล้ว ท่านจะเอาไหม?” เย่ว์หยางทำท่าเตรียมถอดกางเกง
“ใครต้องการกันเล่า?” เจ้าเมืองโล่วฮัวยื่นมือออกมาแตะชุดหนังที่คลุมตัวหญิงงามลึกลับอยู่ นางชอบพูดปุบปับขึ้นมาจนหัวใจเย่ว์หยางแทบกระดอนออกจากร่าง เจ้าเมืองโล่วฮัวดูเหมือนจะพูดแบบไม่ได้ตั้งใจ นางอดประหลาดใจไม่ได้จึงพูดขึ้นว่า “นี่คือหนังมังกรบินใช่ไหม? มังกรบินตัวที่เราสู้กับมันที่ตำหนักลอยฟ้าใช่ไหม? คุณภาพหนังของมันไม่เลวเลย ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสามารถทำชุดนี้ได้เร็วจริงๆ”
“เจ้าสู้กับมังกรบินกับนางที่ตำหนักลอยฟ้าหรือ?” ตอนนี้ถึงคราวหญิงงามลึกลับเป็นคนมองเย่ว์หยางด้วยสายตาที่แหลมคมราวกับมีด
“ไม่ใช่แน่นอน เพราะตาแก่ทั้งสองคนพูดถึงรายละเอียดของมันมากเกินไป มังกรบินที่ข้าสู้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวยังไม่ได้ใช้ทำอะไรเลย ตัวนี้เป็นมังกรบินพิษที่สู้กับข้าและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เมื่อตอนเราไปหุบเขาอินทรีร้องในเทือกเขากุ่ยเจี้ยนโฉวด้วยกัน” เย่ว์หยางรีบยอมรับขณะอธิบายเหตุการณ์
ทั้งสองนางได้ยินเช่นนั้นและมีความเข้าใจปรากฏอยู่บนใบหน้าทันที “อ่า.. อย่างนั้นมันก็สู้กับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน!”
เย่ว์หยางเหงื่อตกทันที จบกัน เขาลากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้ามาในเรื่องนี้ได้อย่างไรกันนี่?
ตอนนี้เขาไม่สามารถโน้มน้าวให้พวกนางเชื่อในความบริสุทธิ์ของเขาแล้ว
พอเห็นสายตาที่คมกริบของทั้งสองนาง เย่ว์หยางยกมือยอมจำนน “ได้โปรดอย่าเข้าใจผิด ความจริง ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แม้ว่าข้าจะไปหุบเขาอินทรีร้องเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดพร้อมกับนาง แต่ข้าไม่ได้ทำเจ้าชู้กับนางก่อนนะ ข้าไม่ได้ถูกต้องหน้าอกนาง ข้าคงไม่รู้ความจริงที่ว่านางเล็กหรือใหญ่กว่าพวกท่านทั้งสอง ไม่รู้ว่าเอวนาง… ว่าแต่ว่าตอนนั้นข้าว่านอนสอนง่ายนะ ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น”
“ว่าต่อไป” เจ้าเมืองโล่วฮัวเริ่มรวมพลังแสงไว้ในมือของนาง
“ดูเหมือนว่าข้าจะยอมเชื่อเรื่องของเจ้าในเร็วๆ นี้” หญิงงามลึกลับเตรียมเรียกพายุหิมะ
“พระเจ้า! ข้าบริสุทธิ์จริงๆ นะ ใครจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ข้าได้? ฮุยไท่หลาง! พูดสิว่าข้าบริสุทธิ์” เย่ว์หยางกำลังจะร้องไห้จริงๆ ทำไมเขาต้องกลายเป็นคนเลวร้ายเมื่อพยายามอธิบายมากขึ้น? พอเห็นเจ้านายมันพูดแบบนี้ ฮุยไท่หลางใช้ทักษะภาษาที่มันเพิ่งเรียนรู้มาใหม่ทันที “เมี้ยวววว” จากนั้นมันก็ผงกหัวอย่างมีความสุขเพื่อยืนยันว่าเจ้านายของมันบริสุทธิ์
เย่ว์หยางทรุดทันที
เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามลึกลับปรบมือและหัวเราะขำ ขณะที่พวกเขายกย่องเขาว่า “ไม่เลว แม้แต่สัตว์เลี้ยงก็อุตส่าห์ฝึกจนช่วยเจ้านายโกหกได้”
เย่ว์หยางแทบเป็นลมและพยามยามอธิบายขณะที่เหงื่อไหลไม่หยุด “ข้าไม่ได้ทำอะไรองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเลยนะ แม่นั่นชอบใช้ตาที่ผ่านการแต่งหน้ามาอย่างหนักจ้องดูข้าเรื่อย ข้าละกลัวจริงๆ นางชอบชักดาบออกมาฟันคนได้เช่นกัน นางหัวรุนแรงแตกต่างจากท่านทั้งสองคนที่สุภาพและอ่อนโยน แล้วข้าจะกล้ากะลิ้มกะเหลี่ยกะนางได้อย่างไร? เป็นนางเล่นหูเล่นตากับข้ามากกว่า ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับนางแต่อย่างใด สวรรค์เป็นพยานให้ข้าด้วยเถิด”
“ข้าก็เป็นพยานให้เขาได้เหมือนกัน” ข้างหลังเย่ว์หยาง มีเสียงชัดถ้อยชัดคำเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นเสียงที่ตั้งใจยืนยันความจริง “เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นกับข้า นอกจากนั่งคล่อมตัวข้าและฉีกเสื้อผ้าข้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
เอ๋?
พอหันหน้ากลับมา ทันใดนั้นเย่ว์หยางพบว่ามือกระบี่หญิงชาววัง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่ข้างหลังเขาแล้ว
เขาคิดว่าสายตาตนเองไม่ดีจึงขยี้ตาดูใหม่
ในที่สุด เขาก็พบว่าไม่ใช่ภาพลวงตา คราวนี้เขาหลั่งเหงื่อยิ่งกว่าฝน
ด้วยความสงสัย เจ้าเมืองโล่วฮัวจึงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้นหลังจากชุดของเจ้าถูกฉีกเป็นชิ้น?”
“มือซุกซนของเขา…” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อยู่ในชุดเกราะเงินพยักหน้าอย่างตรงไปตรงมาและยอมรับความจริงที่ถูกมือซุกซนของเย่ว์หยางเล่นงาน
“ไม่นะ ข้าแค่พยายามจะลวงอีกากินเนื้อในตอนนั้น ข้ายืนยันได้ข้าไม่ได้สัมผัสนะ” เย่ว์หยางรีบแก้ข้อกล่าวหาให้ตนเองทันที
“ใช่แล้ว เจ้าไม่ได้ถูกต้องมัน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนยันคำอธิบายและพยักหน้าให้ “แต่เขาจับเต็มไม้เต็มมือเลย…”
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากมือซุกซนของเขาจับมันล่ะ?” มาถึงตอนนี้ หญิงงามลึกลับถามขึ้นทันทีบ้าง
“หลังจากเขาจับไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าหมายถึง, เขาไม่ได้จับมันและไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เอ๊ย ไม่ใช่ ข้าหมายถึง มีศัตรูปรากฏตัวขึ้นมา เรามัวแต่วุ่นกับการต่อสู้กับศัตรู เราไม่มีเวลาทำอะไรอย่างอื่น!” เย่ว์หยางรำพึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาผลักองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนล้มลง และยื่นมือซุกซนออกไป แต่เขาจับมันจริงๆ เหรอ? ในตอนนั้น เขากังวลมาก ดูเหมือนว่าเขาจะสัมผัสมันนิดหน่อยจากความทรงจำ ความทรงจำของเขาไม่ชัดเจนนักในตอนนั้น เขาจับหรือไม่หนอ? เย่ว์หยางไม่สามารถยืนยันได้ เขารู้สึกว่า เรื่องทั้งหมดมึนงงอยู่ในหัวของเขา
“เอ่อ.. ศัตรูมาหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง หรือไม่ก็..” คำพูดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายจริงๆ ศัตรูมาหลังจากผ่านไปสองชั่วโมง อย่างนั้นก็ควรจะมีเวลาให้ทำอะไรๆ กันแล้ว
“พวกเจ้าทั้งสองทำอะไรกันภายในเวลาสองชั่วโมง?” เจ้าเมืองโล่วฮัวถาม
“ก็ไม่มีอะไรนี่” เย่ว์หยางรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดไป อย่าว่าแต่ทั้งสองคนเลย แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่เชื่อตัวเอง
“เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” หญิงงามลึกลับถาม ดูเหมือนว่านางสงสัยว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังจะมีลูกน้อยกับเย่ว์หยาง
“ตัวข้ายังคงสบายดี ก็มีแต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เริ่มปวดเมื่อยเนื้อตัว!” คำพูดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบทำให้เขาเอาหัวโขกพื้น ถ้าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ได้ยินคำพูดเหล่านี้ สงสัยว่าเขาคงโดดตัดหัวแน่ คำพูดเหล่านี้มันคลุมเครือเกินไป! มันส่อนัยยะว่าเย่ว์หยางปลุกปล้ำนาง ดังนั้นก็เลยเจ็บเนื้อตัวหลังจากนั้นไม่กี่วัน.. เย่ว์หยางรู้สึกว่าต่อให้เขาโดดแม่น้ำฮวงโห เขาก็คงไม่สามารถล้างมลทินได้ อย่าว่าแต่ในทวีปมังกรทะยาน ไม่มีแม่น้ำฮวงโหให้โดด
“ก็ได้, ข้ายอมรับ ข้าต้องการทำอย่างนั้น แต่ข้าไม่กล้าทำ…” เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาไม่พูดความจริงเสียบ้าง เขาคงต้องเตรียมทำพินัยกรรมและจารึกหน้าหลุมศพรอไว้แน่นอน
“ข้ารู้สึกเหมือนว่าข้าไม่สามารถเชื่อคำสารภาพอาชญากรรมนี้ได้จริงๆ” เจ้าเมืองโล่วฮัว เจ้าเมืองโล่วฮัวทำตัวเหมือนเป็นผู้ตัดสินที่เคร่งครัด
“ทำไมเจ้าถึงไม่กล้าทำจริงๆ ล่ะ?” หญิงงามลึกลับซักถามเหมือนกับเป็นทนายความ
“ข้าไม่มีความกล้าพอน่ะสิ” เย่ว์หยางตอบทำนองนี้
“ฮืมม.. ข้าสามารถยืนยันได้ว่าเขาไม่มีความกล้า ความกล้าของเขาสูงกว่าฟ้านิดหน่อยเท่านั้นเอง” ยิ่งองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสร้างความยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้น นางอยู่ที่นี่เพราะต้องการให้เขายุ่งยาก
“อย่างนั้นเราก็พิพากษาเขาได้ในตอนนี้เลย” เจ้าเมืองโล่วฮัวดูเหมือนนางจะพิพากษาประหารชีวิตเย่ว์หยาง
“เดี๋ยวก่อน ข้าต้องการพูดสรุปปิดสำนวนก่อน” เย่ว์หยางไอและกระแอมเบาๆ ให้โล่งคอ “ข้าเสียใจมากจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถล่วงเกินสาวสวยทั้งสามคน เมื่อพวกนางเป็นลมอยู่ต่อหน้าข้า ตอนนี้ข้ายิ่งเสียใจมาก ถ้าสวรรค์ให้โอกาสข้าสักสามครั้ง ข้ามีความจริงใจจะบอกพวกนางว่าข้าต้องรื่นรมย์กับพวกนาง ไม่ใช่แค่นั้นนะ ข้ายังต้องการคนละสักหมื่นครั้ง!”
โลกเงียบลงทันที
เย่ว์หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาควรจะปลอดภัยดีแล้วตอนนี้
แม้ว่าเขาต้องการจะรื่นรมย์กับพวกนาง แต่ก็ไม่เคยกลายเป็นจริงเลย นี่ไม่ใช่เพราะเขาอาจถูกตัดสินให้ประหารชีวิต
หลังจากผ่านไปหลายวินาที หญิงงามลึกลับอ้าปากนางทันที จนทำให้เย่ว์หยางอยากจะคว้านท้องตัวเอง ในตอนนี้เขาพบว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ใช่คู่อาฆาตของเขาแล้ว ผู้หญิงที่ยุ่งยากจริงๆ ก็คือหญิงงามลึกลับผู้ที่เขาไม่รู้จักชื่อของนาง
มีแต่นางที่เป็นดาวข่มของเขาที่แท้จริง
“นอกจากข้าและเจ้าเมืองโล่วฮัว ยังมีสาวอื่นคนใดที่หน้ามืดต่อหน้าเจ้าบ้าง?” หญิงงามลึกลับถามคำถามสำคัญมาก
“ข้าจะฟันเจ้าคนเห่อน้องสาวชั่วร้ายนี่ต่อหน้าข้าเดี๋ยวนี้แหละ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้แล้ว เป็นที่ชัดเจนว่านอกจากพวกนางทั้งสาม นางไม่เคยเป็นลมต่อหน้ามาก่อน แม้ว่านางจะถูกเขาปล้ำจนล้มลงมาก่อน แต่นางรู้ตัวอยู่ในเวลานั้น อย่างนั้นสตรีคนที่สาม ที่เป็นลมในอ้อมอกเขาก็มีเพียงเย่ว์ปิง… ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิดอย่างนี้ อารมณ์ของนางเริ่มหงุดหงิด นางชักดาบออกมาพร้อมจะฟันเขาให้ขาด
“เดี๋ยว, ข้าจำได้ว่ามีนางโจรคนหนึ่งตัวเตี้ยกว่าเจ้าครึ่งศีรษะ แต่หุ่นนางเพรียวบาง” เจ้าเมืองโล่วฮัวชี้ที่หญิงงามลึกลับและพยายามนึกถึง
“อ่า.. ท่านหมายถึงพี่อี้หนาน” หญิงงามลึกลับดูเหมือนมีความเข้าใจเย่ว์หยางมากกว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนจะร่วงลงพื้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
แม้แต่เรื่องนี้นางก็รู้ด้วย นี่นางสะกดรอยตามเขาทุกวี่วันหรือนี่?
พอเห็นว่าสามสาวมองมาที่เขาด้วยสายตาแหลมคมดุจมีด เย่ว์หยางรีบสั่นศีรษะโบกมือเป็นพัลวันพูดว่า “เข้าใจผิดแล้ว! ข้าไม่รู้ว่าพี่อี้หนานเป็นผู้หญิงแม้แต่น้อย ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนระหว่างข้ากับพี่อี้หนานบริสุทธิ์นะ…”
หญิงงามลึกลับหยิบชิ้นหยกออกมาทันทีแล้วโยนให้เย่ว์หยาง “นี่คือสิ่งที่ข้าเก็บได้หลังจากที่เราสู้กับสื่อจินโหว โปรดอธิบายช่วยอธิบายสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์กับพี่อี้หนานโดยใช้หยกหมั้นหมายจากหุบเขาร้อยบุปผาด้วย” เย่ว์หยางเกือบกระอักเลือด หยกนี้ไปตกอยู่ในมือนางได้อย่างไร? มิน่าเล่าเขาถึงได้ตามจีบใครไม่สำเร็จในช่วยสองวันมานี้ เขาทำสร้อยคอหยกโชคดีตกนี่เอง
หญิงสาวทั้งสามนางมองเย่ว์หยางอย่างสงสัย ดูว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว เขาจะพูดอย่างไร
**********************