===============
“ไม่มีอะไรจะอธิบาย พี่อี้หนานสงสารข้า เพราะข้าไม่มีสาวๆ ที่ชอบพอข้ามาก่อน ดังนั้นเขาก็เลยวางแผนแนะนำน้องสาวของเขาให้ข้า” เย่ว์หยางรีบสวมสร้อยหยกไว้ที่คอ สร้อยนำโชคของเขากลับมาแล้ว เย่ว์หยางเริ่มมีความกล้าและความเชื่อมั่นกลับมาบ้างแล้ว
อย่างน้อยก็ยังมีอี้หนาน เขาไม่กลัวว่าจะไม่สามารถหาภรรยาได้
สำหรับสามนางข้างหน้าเขา เนื่องจากความลับแตกรั่วไหลไปแล้ว เขาคงไม่สนใจจะกอบกู้มันอีกต่อไป อย่างน้อยก็ยังมีอยู่คนหนึ่ง
เมื่อความสามารถของเขาแกร่งกล้าขึ้นในอนาคต ถ้าเขายังไม่สามารถจีบสาวๆ ได้ อย่างนั้นเขาก็แค่บังคับพวกนางแทน ตราบใดที่เขาสามารถปล้ำพวกนางได้ เขาก็ไม่กลัวพวกนางจะตบเขา เขาอาจค่อยๆ ปรนเปรอพวกนาง จากนั้นพวกนางก็จะกลายเป็นของเขา การจีบสาวเป็นเรื่องของกระบวนการพิชิตหัวใจและกายของพวกนาง จะดีที่สุดหากว่าเขาสามารถพิชิตหัวใจพวกนางให้ได้ก่อนจะพิชิตตัวพวกนาง ถ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะทำอย่างนั้น อย่างนั้นเขาก็อาจหาทางอื่นก็ได้ เช่นพิชิตกายพวกนางก่อน จากนั้นค่อยพิชิตใจพวกนาง.. แน่นอนว่า วิธีหลังนี้เขาจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งและพลังมากพอ
มิฉะนั้น ผลที่ตามมาของการพยายามบังคับหญิงสาวเมื่อเขาอ่อนแอลงมาก ก็จะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม มีความเป็นไปได้ที่สาวนางนั้นอาจจะตัดน้องชายของเขาก็เป็นได้
เย่ว์หยางรู้สึกว่า พวกนางสามารถร่วมมือกันต่อต้านเขา มองดูผิวเผินนี่คือพันธมิตรที่ยากจะทำลาย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งขนาดไหน พวกนางก็ไม่สามารถเทียบได้กับวิธีที่เขาเชี่ยวชาญในการแบ่งสรรปันใจ
ตราบใดที่เขายังคงหว่านความขัดแย้งในหมู่พวกนาง ความปรองดองของพวกนางคงจะพังลงได้สักวัน
ตราบใดที่พวกนางยังอยู่ตามลำพัง เขาก็สามารถจับพวกนางได้ยามที่เมื่อพวกนางพลั้งเผลอ
“อย่างนั้นก็กลายเป็นว่า เย่ว์หยางได้หมั้นหมายเตรียมจะแต่งงานแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย!” เจ้าเมืองโล่วฮัวยิ้ม ขณะที่นางเอื้อมมือมาลูบผมเย่ว์หยาง มองผิวเผินเหมือนกับเจ้าเมืองหญิงให้ความสนใจผู้ใต้บังคับบัญชาของนาง แต่กลิ่นที่นางปล่อยออกมาสามารถรับกลิ่นได้แม้อยู่ห่างถึง 5 กิโลเมตร นางไม่ได้หลงรักขโมยน้อยผู้โง่เขลาแต่กล้าหาญนี้ แต่ผู้หญิงบางคนก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย ที่บุรุษผู้ยอดเยี่ยมที่พวกนางต้องการสนิทด้วยกลับถูกผู้หญิงอื่นจองตัวไว้แล้ว
“นั่นเป็นคำอธิบายที่ดีจริงๆ อธิบายได้สมบูรณ์ถึงความสัมพันธ์ฉันเพื่อนที่ยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ระหว่างเจ้ากับพี่อี้หนาน ข้าคิดว่าข้าสามารถเชื่อได้ว่าพี่อี้หนานและเจ้าบริสุทธิ์” หญิงงามลึกลับปิดหนังสือโบราณในมือของนาง จากนั้นก็หายไปต่อหน้าเย่ว์หยางราวกับสายลม
“เสียใจด้วย ข้าแค่แวะผ่านมา” องค์หญิงเชียนเชียนไม่รู้จักทักษะเคลื่อนย้ายเฉพาะที่ แต่นางมีม้วนเทเลพอร์ตอยู่กับตัวนาง
“เฮ้, ความจริง เอ่อ…” เย่ว์หยางรีบเรียกนาง
“ความจริงเจ้าต้องการพูดว่าข้าเป็นผู้หญิงโง่ที่ชอบจ้องคนอื่นด้วยตาเหมือนเสือสาวใช่ไหม? เจ้าไม่ต้องทบทวนอีกก็ได้ ข้าได้ยินมาทั้งหมดแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตะก้นเย่ว์หยางจนกระเด็น จากนั้น นางกระทืบเท้าด้วยความโกรธขณะเดินเข้าประตูเทเลพอร์ตจากไป
“ไม่เป็นไร องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนใจร้อน นางโกรธง่ายแต่หายเร็วเช่นกัน” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะพลางดึงเย่ว์หยางให้ลุกขึ้นและปัดฝุ่นให้เขา นางยิ้มเต็มหน้าขณะกล่าวว่า “ยิ่งไปกว่านั้น, เจ้าก็ไม่ได้เสียเปรียบอะไร เพราะใครก็ตามที่เตะเจ้า ก็ต้องกลายเป็นภรรยาเจ้าชดเชยความสูญเสียให้เจ้า ตอนนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตะเข้าไปแล้ว ดังนั้นนางจึงหนีความรับผิดชอบของนางไม่ได้ ยินดีกับอนาคตเย่ว์หยางเจ้าด้วยนะ เจ้าต้องรับดูแลแม่เสือสาว เอ่อ.. รับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นภรรยาเจ้าแล้ว!”
“ข้าจะเป็นลม!” เย่ว์หยางตระหนักว่าสามสาวที่พวกนางว่ากันว่าไม่รู้จักกันและกัน ความจริงแล้วพวกนางแบ่งปันข้อมูลกันอยู่ ไม่ว่าเขาได้พูดอะไรกันไว้ก่อน สามสาวต่างก็รู้ทั้งหมด
แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพวกนางจะเป็นเช่นไร?
หรือบางทีพวกนางอาจรวมกันเป็นพันธมิตรเพื่อต่อต้านเขา โดยแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน?
เขาไม่เคยได้ยินพวกนางพูดถึงอีกฝ่ายกันมาก่อน จากคำพูดของจักรพรรดินีราตรี เขาพออนุมานได้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวความจริงน่าจะเป็นพลเมืองอาณาจักรเทียนหลัว ส่วนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางเป็นชาวอาณาจักรต้าเซี่ย สำหรับหญิงงามลึกลับที่สวมหน้ากากที่ดูเหมือนจะอ่านและสะกดรอยตามเขาทุกวัน นางเป็นผู้ใดกันแน่
เป็นไปได้ไหมว่านางเป็นเจ้าหญิงจากอาณาจักรสื่อจิน?
เป็นไปไม่ได้ อาณาจักรสื่อจินเต็มไปด้วยบุรุษร่างกายกำยำดุร้าย สาวๆ สวยๆ ในอาณาจักรสื่อจินแทบจะหาทำยาได้ยาก
ความจริง เย่ว์ยางสงสัยว่าหญิงงามลึกลับก็คือพี่สาวของเสวี่ยทันหลาง นั่นก็หมายความว่านางคือคุณหนูเสวี่ยที่สหายผู้น่าสงสารได้ยกเลิกการหมั้นหมายไปแล้ว
แต่คิดดูอีกที ถ้าคุณหนูเสวี่ยถูกสหายผู้น่าสงสารหักอกจริงๆ อย่างนั้นนางก็คงเกลียดเขาถึงขั้วกระดูกเลยทีเดียว ถ้าหญิงงามลึกลับเป็นคุณหนูเสวี่ยจริงๆ นางก็คงทุบตีเขาปางตายไปแล้ว ทำไมนางถึงต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาด้วย? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพวกเขาสู้กับสื่อจินโหวผู้แข็งแกร่งจนคู่ต่อสู้ของเขาท้อแท้ใจ ณ ปากเหวแห่งความตาย นางต้องการใช้พายุหิมะของนางเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจะถ่วงเวลาให้เขาได้หนีไป หญิงสาวอย่างนางเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อเขา เป็นไปได้ไหมที่นางจะเป็นคุณหนูเสวี่ยผู้ที่เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ
เย่ว์หยางไม่แน่ใจ แต่เขาอยากรู้อยากเห็นมาก
“เฮ้, เฮ้, แม้ว่าพวกนางทุกคนจะจากไปแล้ว แต่ข้ายังอยู่ที่นี่… ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าต้องตามพวกนางไป อย่างนั้นรีบไปได้เลย!” เจ้าเมืองโล่วฮัวเปลือกนอกมองดูน่ารักและปล่อยตัวตามสบาย เหมือนกับว่านางไม่สนใจอะไรทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางสามารถมั่นใจได้ว่าถ้าเขาตามหญิงสาวอีกสองนางไปจริงๆ เขาคงไม่มีโอกาสได้พบเจ้าเมืองโล่วฮัวอีกเลย
มีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทอดทิ้งหญิงงามที่อยู่ต่อหน้าแล้วตามคนอื่นไป
เย่ว์หยางรีบกระโดดลุกขึ้นจับมือของเจ้าเมืองโล่วฮัวไว้ ทำท่าทางซื่อสัตย์และจริงใจ “รายงานท่านเจ้าเมือง ข้าสัญญาว่าข้าจะบริการและยอมรับตำแหน่งหัวหน้าผู้คุ้มกันส่วนตัวให้ท่าน 24 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังสามารถทำงานได้ตลอดคืนอีกด้วยนะ” คำพูดของเขาสร้างความขำขันให้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวจนนางถึงกับหัวเราะจนตัวงอ
ในที่สุดนางก็ใช้สายตามองดูเย่ว์หยาง “ข้ากล้าบอกได้เลยว่าเป็นคนหน้าด้านที่สุดในโลก!”
จากนั้นนางถามเพิ่มอีก “บอกข้าได้ไหม เจ้าไปทำเจ้าชู้กับผู้หญิงมากี่คนแล้ว? 10 คน? 100 คน?”
เย่ว์หยางตบเท้าแบบทหารและยืนตรงแสดงออกถึงความเคร่งครัดว่า “รายงานท่านเจ้าเมืองคนงาม! หญิงสาวร้อยคนคือเป้าหมายในชีวิตของข้า ผลงานความสำเร็จของหัวหน้าองครักษ์ส่วนตัวของท่านยังเป็นศูนย์อยู่ จบคำรายงาน ข้ากำลังรอคำแนะนำต่อไปของท่านอยู่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เจ้าเมืองโล่วฮัวยื่นมือไปจับไหล่ของเย่ว์หยางขณะที่นางหัวเราะลั่น นางหัวเราะจนตัวงอจนแทบถลาเข้าอ้อมอกเย่ว์หยาง
กลิ่นหอมจากกายนางชอนไชเข้าไปในหัวใจของเย่ว์หยาง
ถ้าเขาจะพูดถึงช่วงเวลาที่เจ้าเมืองโล่วฮัวน่ารักมีเสน่ห์ที่สุด ก็คงเป็นช่วงเวลาที่นางหัวเราะนี่แหละ การหัวเราะของนางเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับใคร เสียงหัวเราะที่ดังลั่นของนางไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่านางเสียหน้า ตรงกันข้าม มันกับทำให้นางดูเป็นกันเองและเปิดเผยจริงใจ นางทำให้เขารู้สึกว่านางกำลังแสดงความสุขใจจากก้นบึ้งหัวใจอย่างแท้จริง เสียงหัวเราะที่นางเปล่งออกมาไม่ได้มีลักษณะเสแสร้งไม่ต้องปิดบัง มันเป็นการเปิดเผยและจริงจัง ทั้งยังมีความน่ารักที่คนอื่นไม่มี เป็นภาพที่งดงามมาก
จริงๆ แล้วเย่ว์หยางอยากจะกอดจ้าเมืองโล่วฮัวผู้ชอบหัวเราะให้แน่น จากนั้นจากนั้นจุมพิตริมฝีปากนางที่แดงดุจผลเชอรีอย่างดูดดื่มจากปากนาง
เขาขยับมือเบาๆ แต่ก็หักห้ามใจเอาไว้
มันยังไม่ใช่เวลาที่ควร
มันเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ วันที่นางจะเป็นฝ่ายเข้ามากอดเขาก่อนด้วยตัวนางเองจะมาถึงในอีกไม่นานนี้ จากนั้นริมฝีปากดุจผลเชอรีของนางก็จะเสนอให้เขาและอยู่กับเขาตลอดไป
ตราบใดที่เขาทำให้นางหลงรักเขาได้.. เจ้าเมืองโล่วฮัวผู้นี้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้นางหลุดมือไปได้ เขาต้องเอาชนะใจนางและทำให้นางหลงรักเขาจนได้
“เอาล่ะ ข้าจะจ้างเจ้าเป็นหัวหน้าผู้คุ้มกันส่วนตัวของข้าชั่วคราวเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลังจากทดลองงานหนึ่งเดือน หากผลงานของเจ้าไม่ดีขึ้น ข้าจะไล่เจ้าออกทันที” ในที่สุดเจ้าเมืองโล่วฮัวก็หยุดหัวเราะหลังจากบอกเงื่อนไขอย่างยากลำบากด้วยท่าทีขึงขังจริงจัง “องครักษ์ส่วนตัวของข้า ข้าเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ที่นี่เป็นป่าไม้และที่ทุรกันดารทั้งนั้น ในรัศมีหลายสิบกิโลเมตรไม่มีการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์เลย เจ้ามีความคิดดีๆ บ้างไหม?”
“ความคิดดีๆ ก็คือ…” จากนั้นเย่ว์หยางแบกเจ้าเมืองโล่วฮัวขึ้นหลังด้วยการเคลื่อนไหวรวดเดียว ปลายแขนของเขาเหนี่ยวต้นขาของนางไว้ มือของเขาช้อนก้นนางไว้ก่อนที่เขาจะเดินก้าวยาวๆ
เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่าเจ้าเด็กบ้านี่ทำให้นางต้องถ่างขากว้างไปหน่อยเมื่อเขาแบกนางขี่หลัง ยิ่งไปกว่านั้น วิธีที่ทำให้นางต้องสัมผัสกับหลังของเขาทำให้นางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในหน้าขาวผ่องดุจหิมะของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่นางรู้สึกอบอุ่นแล่นออกมาจากจุดตรงที่สัมผัสกับเขา
นางต้องการจะดุด่าและกระตุ้นให้เขาวางนางลง แต่ทันใดนั้นนางรู้สึกมีความพึงพอใจและสะดวกสบายจนยากจะบรรยายที่เขาแบกนางอย่างนั้น
หลังจากนั้น นางคิด ขณะที่นางแนบตัวท่อนบนลงบนหลังของเขา ตอนแรก นางพยายามขืนตัวขึ้นไว้ไม่ให้อกของนางสัมผัสกับหลังเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปชั่วขณะ นางรู้สึกเพลียมากที่จะทำแบบนี้ นางขยับเปลี่ยนตำแหน่งแขนของนางพยายามหาจุดที่สะดวกสบายที่สุด ในที่สุด นางก็แขนโอบรอบคอเขาจนได้และค่อยๆ ผ่อนคลายตัวเองช้าๆ และแนบตัวลงบนหลังของเขา นางผ่อนคลายทั้งตัวตามธรรมชาติและปล่อยให้เขาแบกนางไปข้างหน้า เจ้าเมืองโล่วฮัวพบว่าการอยู่ในท่านี้ไม่ได้อึดอัดเหมือนอย่างที่นางคาดว่าน่าจะเป็น ตรงกันข้าม นางกลับรู้สึกปลอดภัยมากกว่าปกติ
นางจำได้ว่าที่ตำหนักลอยฟ้าในภูเขาลอยฟ้า เขาก็แบกนางแบบนี้มาก่อน
พอนึกถึงมันได้อีกครั้ง นางรู้สึกว่าสะดวกสบายมากจริงๆ
แม้ว่าเจ้าเด็กนี่จิตใจโลเลไม่แน่นอน แต่เขาก็ยังรับความจริงเรื่องส่วนเสียของเขา ต่างจากเหล่าบุรุษพวกนั้นที่มีลักษณะเสแสร้งและทำให้นางเบื่อหน่าย
พอนึกถึงเมื่อพวกเขาต้องร่วมทางกันหลายครั้ง และจากนั้นนางยังจำได้ถึงฉากที่เพิ่งเกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวทำอะไรไม่ถูก ได้แต่หัวเราะอีกครั้ง เมื่อเย่ว์หยางเหลียวศีรษะมาด้วยความสงสัย เจ้าเมืองโล่วฮัวถามบางอย่างที่แม้แต่นางก็ไม่เคยคิดว่าจะถาม “เมื่อเจ้าแบกข้าหลบหนีลงมาจากตำหนักลอยฟ้าครั้งก่อน เจ้าแอบแต๊ะอั๋งข้าหรือเปล่า?”
เย่ว์หย่างสะดุ้งตกใจกลัวทันที แม้ว่า แม้แต่มือซุกซนของเขายังเผลอบีบก้นเจ้าเมืองโล่วฮัวโดยไม่ได้ตั้งใจ เขารีบอ้าปากปฏิเสธทันที “ข้าไม่เคยทำอะไรทำนองนั้น ไอ้เรื่องแอบแต๊ะอั๋งคนอื่น ข้าไม่เคยแม้แต่คิดจะทำด้วยซ้ำ…”
“อย่างนั้น ตอนนี้เจ้าทำอะไรอยู่เล่า?” เจ้าเมืองโล่วฮัวเหงื่อออกแทบตาย กี่ครั้งกันแล้วนี่เจ้าเด็กแอบจับโน่นจับนี่นาง? ความเคลื่อนไหวของเขาดูจะชำนาญและเป็นมืออาชีพมาก
“มันแค่สูญเสียการควบคุมสติชั่วขณะ! เย่ว์หยางเหงื่อออกพราว ทำไมมือของเขาถึงไม่ยอมเชื่อฟังเขา?
“อย่างนั้นเจ้าสูญเสียการควบคุมตนเองนานแค่ไหนแล้ว?” เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่า ถ้านางยังปล่อยให้เจ้าเด็กนี่คลึงก้นนางต่อไป บางทีก้นนางคงกลายเป็นแป้งนวด
“ถ้าท่านไม่ถือสา ข้าอยากจะขาดสติเพิ่มอีกนิด…” เย่ว์หยางไม่อาจตัดใจปล่อยมือ ด้วยความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมในมือของเขา เขาไม่อยากจะปล่อยมือง่ายๆ นักเว้นแต่เขาตาย เหนืออื่นใด ได้ยินเสียงลมหายใจที่หอมของนางข้างหูของเขาและเสียงเต้นของหัวใจ ความรู้สึกนี้ทำให้เลือดลูกผู้ชายเจ้าชู้สูบฉีดแรง ถ้าเขาสามารถแบกนางได้แบบนี้ จะให้แบกนางทั้งชีวิตก็ไม่เป็นไร
“น่ารำคาญ เจ้าหยาบกร้านเกินไป ในฐานะหัวหน้าองครักษ์ถือว่าเจ้าล้มเหลว” เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามบิดตัวเพื่อแสดงอาการต่อต้าน แต่เย่ว์หยางกลับถือว่าเป็นการให้กำลังใจ
“ถ้าข้าทดลองงานไม่ผ่าน ท่านตัดเงินเดือนข้าก็ได้ ประสิทธิภาพการทำงานของข้าจะได้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป…” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาแทบจะถูกไฟรักเผาตายอยู่แล้ว เขาหลังกลับมาเพื่อต้องการจูบเจ้าเมืองโล่วฮัวขณะที่หาตำแหน่งริมฝีปากนางที่พ่นกลิ่นลมหายใจที่หอมออกมา
เจ้าเมืองโล่วฮัวหลบ ไม่ยอมให้เขาจูบนาง
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เย่ว์หยางเคลื่อนไหวมือวุ่นวายยิ่งขึ้น มุ่งมั่นที่จะจูบนางให้ได้ไม่ว่าอย่างไร นางยกหัวของนางช้าลง
นัยน์ตางามนางดูเหมือนมึนงงและริมฝีปากนางสั่นสะท้านช้าๆ
นางค่อยๆ โน้มตัวลงช้าๆ ริมฝีปากนางคลี่ออกเหมือนดอกไม้บาน
จุมพิตนาง
ไม่ว่าฟ้าจะถล่มหรือแผ่นดินจทลาย เขาต้องจุมพิตสาวงามนางนี้ให้ได้
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังจะจุมพิตนางอย่างร้อนแรง ทันใดนั้นลมก็กรรโชกแรง ทั้งเจ้าเมืองโล่วฮัวและเย่ว์หยางทั้งสองโดดขึ้นอย่างตกใจ ยกศีรษะพร้อมกันเหลียวมองไปรอบๆ คิดว่าหญิงงามลึกลับปรากฏตัว… หลังจากเหลียวดูชั่วขณะ พวกเขาก็ไม่เห็นใคร แต่หัวใจพวกเขาแทบหยุดเต้นเพราะความกลัว
เมื่อเย่ว์หยางต้องการจูบนางต่อ เจ้าเมืองโล่วฮัวดึงติ่งหูเขาและหัวเราะออกมาดังๆ “เจ้าวายร้ายน้อย, อย่าแม้แต่จะคิด”
อาการเจ็บหูเล็กน้อยทำให้เขารู้สึกหน้ามืด
เลือดหมาป่าเดือดซะแล้ว
จริงแล้วเขาต้องการจะปล้ำนางต่อ แต่เขามั่นใจว่าไม่เพียงแต่เจ้าเมืองโล่วฮัวจะปฏิเสธต่อต้านแล้ว นางโจรจะต้องแอบคอยดูเขาโดนทุบตีโดยไม่ต้องทำอะไร บางทีแม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่จากไปด้วยความโกรธอาจจะนึกสนุกกลับมาช่วยทุบตีเขาก็ได้
ลืมมันเสียเถิด มันง่ายเกินไปหน่อยที่จะทำอะไรไม่ดีตอนกลางวันแสกๆ
เขาควรรอให้ถึงเวลากลางคืน!
แม่นางโล่วฮัวผู้นี้คงจะตกหลุมรักเขาเร็วๆ นี้หรือหลังจากนั้น ดังนั้น เขาไม่ควรใจร้อนเกินไป อาหารอร่อยต้องค่อยกินค่อยเล็ม แม้แต่เต้าหู้ยังต้องกินทีละคำ
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังคิดเรื่องวิธีลอบบุกรุกเจ้าเมืองโล่วฮัวตอนกลางคืน ประตูเทเลพอร์ตปรากฏที่ด้านหลังของเขา องคหญิงเชี่ยนเชี่ยนกวัดแกว่งดาบของนางพลางร้องลั่นวิ่งออกมา เย่ว์หยางโดดออกด้วยความกลัว เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เป็นไปได้ไหมว่าหญิงงามลึกลับบอกนางถึงวิธีที่เขาทำเรื่องหน้าด้านล่วงเกินเจ้าเมืองโล่วฮัวหรือ? เป็นไปได้ไหมว่าแม่เสือสาวนี้ต้องการจับผิดพวกเขาจากนั้นใช้ดาบของนางฟันพวกเขา
ใครจะรู้กันว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะโกนใส่เย่ว์หยางด้วยน้ำเสียงน่ารัก ทำให้เย่ว์หยางใจเต้นแทน ทั้งนี้เป็นเพราะองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะโกนออกมาว่า “หนีเร็ว!”
*******************