===============
“เจ้าต้องฝันไปแน่!” เจ้าเมืองโล่วฮัวพยักหน้ายืนยัน
เย่ว์หยางพูดไม่ออก เขารู้ว่าเขาไม่ได้ฝันเกี่ยวกับเรื่องนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะเขาฝันถึงเรื่องอื่นในตอนนั้น ไม่มีทางที่คนๆ หนึ่งจะฝันถึงสองเรื่องพร้อมกัน แม้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะไม่ต้องการพูดถึง เย่ว์หยางก็สามารถเดาได้ว่าบางทีคงเป็นหญิงงามลึกลับได้ตามเขามา หรืออาจจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ได้ พวกนางบอกว่าพวกนางไม่รู้จักกันและกัน แต่ในความเป็นจริง พวกนางทุกคนคงเป็นสหายกัน และเป็นสหายที่สนิทกันมากเสียด้วย
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางสับสนที่สุดก็คือความจริงที่ว่าเขาไม่อาจรู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของหญิงงามลึกลับเลยแม้แต่น้อย
นางคงซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งในช่วงที่เขาตรวจสอบ นางไม่น่าจะอยู่ไกลนัก แล้วทำไมเขาถึงได้ไม่รู้สึกถึงนางเลยแม้แต่น้อย
ชักสับสนจริงๆ นางทราบช่วงเวลาที่เขาตรวจสอบด้วยหรือ? หญิงงามลึกลับยิ่งมาก็ยิ่งเป็นปริศนาในใจเขามากยิ่งขึ้น เว้นแต่…เว้นแต่บางอย่างที่เป็นทักษะธรรมชาติของนาง
เย่ว์หยางยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่อีกหลายอย่าง แต่สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
หลังจากพักชั่วครู่ พวกเขาจึงปีนขึ้นไปที่ทะเลสาบเทียมเมฆต่อ
ใช้เวลาครึ่งวัน เย่ว์หยางและเจ้าเมืองโล่วฮัวก็มาถึงยอดทะเลสาบลอยฟ้า ที่ลอยอยู่ในอากาศ
ในสายตาของเย่ว์หยาง สถานที่แห่งนี้คงเคยเป็นน้ำพุร้อนบนปล่องภูเขาไฟที่ดับแล้ว หลังจากผ่านไปนานหลายปี มันกลายเป็นทะเลสาบขนาดยักษ์บนยอดเขา ทะเลสาบเทียมเมฆไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น แม้ว่าจะมีหมอก แต่ถ้าลองเพ่งดูดีๆ จะเห็นขอบทะเลสาบในด้านอื่น ทะเลสาบมีสัณฐานเป็นวงรี มีเส้นผ่าศูนย์กลางไม่กี่กิโลเมตร และเส้นรอบวงดูเหมือนจะน้อยกว่ายี่สิบกิโลเมตร
“ที่นี่มีอสูรน้ำอาศัยอยู่หรือเปล่า?” เย่ว์หยางเคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับอสูรน้ำในทะเลสาบ แต่แน่นอนว่า นั่นเป็นเรื่องที่เขาได้ยินได้ฟังจากโลกอื่น
“อสูรน้ำแบบไหนที่เจ้าพูดถึง? อย่างเช่นอสูรปลาขนาดใหญ่หรือเปล่า?” เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ค่อยรู้เรื่องความคงอยู่ของอสูรน้ำมากนัก ทั้งนี้เป็นเพราะในทวีปมังกรทะยาน มีอสูรแปลกๆ อยู่มากเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้จักอสูรทุกสายพันธุ์
“เอ่อ.. งั้นก็ถือว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน” เย่ว์หยางไม่ได้สนใจอสูรน้ำมากนัก
นี่เป็นเพราะเย่ว์หยางเคยเห็นอสูรมาเป็นจำนวนมากแล้ว ขณะเดียวกัน เขาก็ฆ่าพวกมันไปมากเช่นกัน เย่ว์หยางจึงไม่ค่อยอยากรู้มากเกี่ยวกับอสูรใหม่ๆ อีกต่อไป
หญ้าประกายดาวไม่ได้งอกอยู่บนทะเลสาบเทียมเมฆ แต่มันงอกอยู่บนยอดภูเขาสูง
ภูเขาสูงชันและลึกลับที่เย่ว์หยางเคยปีนมาจะเลี่ยนแห้งแล้งไร้เครื่องค้ำจุนชีวิต เย่ว์หยางใช้พลังไปมากเพื่อพาตนเองและแบกเจ้าเมืองโล่วฮัวขึ้นเขา เจ้าเมืองโล่วฮัวก็สามารถปีนด้วยตนเองได้ แต่นางกำลังอ่อนแอลงมาก เมื่อผ่านไปชั่วขณะ นางจะต้องพัก ลมภูเขาเยือกเย็นมากและฟังดูเหมือนเสียงครวญครางของภูตผีและเสียงหอนของหมาป่า เย่ว์หยางห่วงนาง ดังนั้น เขาตัดสินใจแบกนางในที่สุด
มันเป็นยอดเขาที่ว่างเปล่า นอกจากมีหิมะอยู่บนพื้นบางส่วนแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดเลย
เดิมที เย่ว์หยางท้อแท้เล็กน้อย ขณะที่ดูเหมือนว่าหญ้าประกายดาวคงถูกคนอื่นเก็บไปแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าเมืองโล่วฮัวสำรวจอย่างระมัดระวัง นางพบรอยแยกเล็กอยู่บนพื้น นี่เองทำให้เย่ว์หยางมีความหวัง
ดูเหมือนมีถ้ำเล็กๆ อยู่ตรงนั้น เหมือนว่าใครบางคนสามารถเข้าไปได้ ถ้าพวกเขาเบียดตนเองให้เข้าไปได้
ทั้งสองคนเข้าไปได้และเริ่มปีนลงมาไม่กี่สิบเมตร ผ่านไปชั่วขณะ พวกเขาพบว่า ที่ขอบหน้าผาที่ยื่นออกมา มีดอกไม้แปลกที่เปล่งแสงลางๆ เหมือนดาว เหนือขึ้นไปมองเหมือนกับมีดวงดาวในท้องฟ้า และต่ำลงมาเป็นหลุมที่กำบังลมได้ พลังปราณจากฟ้าและดินรวมเข้าด้วยกัน มั่นใจพอว่า นี่เป็นสถานที่น่าอัศจรรย์ที่ทำให้สมุนไพรเติบโตได้ตามธรรมชาติ
หญ้าประกายดาวนั้น เขาได้เห็นในสารานุกรมสมุนไพรและพบว่ายากที่จะเอามาได้
ตามบันทึกในสารานุกรม มันเป็นสมุนไพรในตำนานระดับ 6
ไม่เป็นที่แน่ใจว่าสถานที่เช่นไรที่พวกมันเติบโตได้ดี แต่พวกมันมักเจริญเติบโตในที่สูงสามารถอาบแสงดาวได้ ระดับความสูงจะต้องสูงพอในระดับที่ไม่มีต้นไม้อื่นดำรงชีวิตอยู่ในรัศมีห้าสิบฟุต ตามตำนานที่บันทึกไว้ในสารานุกรมยา หญ้าประกายดาวมีต้นกำเนิดจากดินแดนอื่น โลกที่ห่างไกลหอทงเทียน หนึ่งหมื่นปีที่แล้ว มีองค์หญิงแห่งดวงดาวผู้รักสันโดษและเป็นพรหมจรรย์พระองค์หนึ่ง นางชอบแยกตัวมาอยู่ในภูเขาและใช้เวลาอยู่กับบุปผาชาติของนาง อย่างไรก็ตาม เจ้าหญิงแห่งดวงดาวถูกลอบสังหารในภายหลัง เมื่อนางถูกลอบสังหาร เลือดของนางกระเซ็นรดดอกไม้ จากนั้นวิญญาณของนางได้รวมตัวเข้ากับดอกไม้ และในหมู่ดอกไม้ที่เป็นที่ชื่นชอบของนาง… หญ้าสีน้ำเงินเข้ม หญ้าสีน้ำเงินเข้มนั้นได้รับพลังปราณของเจ้าหญิงแห่งดวงดาวไว้ทั้งหมด ดังนั้น ผู้คนจึงเริ่มเรียกดอกไม้นี้ว่าหญ้าประกายดาว
ดอกไม้เป็นเหมือนเจ้านายเก่าของมัน มันรักสันโดษและความบริสุทธิ์ มันจะไม่บานในเมื่อปราศจากคืนฟ้าที่มีดวงดาวแพรวพราว และหากปราศจากหัวใจที่บริสุทธิ์ก็ไม่สามารถเก็บดอกไม้ได้
ถ้าคนธรรมดาทั่วไปพยายามเก็บดอกไม้ พลังปราณของมันจะแตกกระจายและดอกไม้ก็จะสลายไปด้วย
พอเห็นหญ้าประกายดาวแล้ว เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับตื่นเต้นมาก นางดึงเย่ว์หยางมาอีกด้านหนึ่งเตือนเขาไม่ให้เข้าใกล้นาง ก่อนที่นางจะเข้าไปในถ้ำ นางอาบน้ำและซักชุดของนางในบ่อน้ำเล็กๆ ใกล้หน้าผา และกำจัดกลิ่นบุรุษสกปรกของเย่ว์หยางออกจากตัวนาง จากนั้นนางเดินไปที่ต้นหญ้าประกายดาวเก็บงำความตื่นเต้นไว้ในใจ
แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่ดอก แต่พวกมันก็มีความเงางามสดใสมาก
ก่อนที่นางจะเก็บดอกไม้ นางแสดงความคารวะเจ้าหญิงแห่งดวงดาว “ขอถวายบังคมเจ้าหญิงแห่งดวงดาว โปรดประทานต้นหญ้าของพระองค์สักสามดอกเถิด ข้าจะไม่ขอมากเกินไป ขอแค่สามเท่านั้น ได้โปรด”
“ทำไมดูเหมือนมีบางอย่างผิดปกติ?” ทันใดนั้นเย่ว์หยางรู้สึกสะท้านใจ
ไม่มีสัตว์อสูรป้องกันทางเข้าถ้ำแม้แต่น้อย บางทีเป็นเพราะถ้ำเล็กนี้ที่มีต้นหญ้าประกายดาวงอกขึ้นตั้งอยู่ที่ขอบฟ้าเป็นที่ไม่มีอสูรที่แข็งแกร่งดำรงชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติแต่ยังไม่สามารถยืนยันความรู้สึกได้ ขณะที่เย่ว์หยางเต็มไปด้วยความสงสัย ก็พยายามมองหาร่องรอยรอบๆ ทางเข้าถ้ำ เขาได้ยินเสียงตะโกนที่เบาดังมาจากด้านบนของทางเข้าถ้ำ ตามมาด้วยเสียงดัง ดูเหมือนว่าใครบางคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เมื่อเย่ว์หยางหันไปรอบๆ เพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น ลูกไฟร้อนลูกหนึ่งถูกยิงเข้ามาที่ปากทางเข้าถ้ำเล็กๆ พุ่งตรงไปที่เจ้าเมืองโล่วฮัว
เย่ว์หยางตกใจ เขาจำเปลวไฟแบบนี้ได้
นี่ นี่มันไฟนรกของปีศาจเรืองแสงติ่งซ่าง
ใช่แน่แล้ว ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างติดตามพวกเขามา เขาเก็บงำความตั้งใจชั่วร้ายไว้ อย่างไรก็ตาม ใครเป็นคนสังเกตว่าปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างพยายามทำร้ายเขาและช่วยห้ามมันในขณะเดียวกัน?
หรือว่าจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน?
เย่ว์หยางคุ้นเคยกับวิธีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมักจะเปล่งเสียงตวาดเสมอยามเมื่อนางสู้ เสียงตวาดของนางเป็นเอกลักษณ์มากต่างจากคนอื่นๆ มันแหลมและชัดเจนมาก และยังเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ มันดังเหมือนเสียงร้องของนักสู้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถได้ยินเสียงร้องได้ชัดเจนในตอนนี้ แต่เขารู้ว่าข้างบนวิกฤติหนัก ด้วยพลังขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางไม่สามารถสู้ตัวต่อตัวกับปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างได้ ตอนนี้ แม้ในท่ามกลางการต่อสู้ที่ดุเดือด ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างยังคงแบ่งพลังยิงไฟนรกใส่เจ้าเมืองโล่วฮัว ยิ่งไปกว่านั้น เขายังจุดไฟใส่หญ้าประกายดาวด้วย นี่หมายความว่า ไม่ใช่เพียงแค่ปีศาจเรืองแสงติ่งสร้างเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ แต่เขายังนำกำลังเสริมมาอีก 2-3 คน
“ระวัง!” เย่ว์หยางพยายามกระโดดเข้าไปปกป้องเจ้าเมืองโล่วฮัวอย่างห่วงใย
“อย่าเข้ามาที่นี่ เจ้าต้องไม่เข้ามาตรงนี้!” เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบเรียกคัมภีร์ออกมาและเรียกโล่แสงออกมาป้องกันไฟไว้ได้
ในใจของนางหญ้าประกายดาวสำคัญที่สุด แม้ว่านางจะบาดเจ็บ แต่นางไม่ต้องการเห็นของล้ำค่าดังกล่าวสูญสลายไป
เสียงดังก้องมาจากข้างนอกอีกครั้ง ความรุนแรงของการต่อสู้ด้านนอกทำให้ถ้ำสะเทือนไปทั้งหมด เย่ว์หยางไม่รู้ว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไร ดังนั้นเขาปีนออกไปและเตรียมตนเองให้พร้อมช่วยเหลือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ณ เชิงเขาแห่งนั้น ฮุยไท่หลางอยู่เป็นเพื่อนจิ้งจอกหิมะสามหางอย่างสบายๆ มันพยายามสื่อสารกับจิ้งจอกน้อยอย่างต่อเนื่องผ่านการใช้ภาษาต่างๆ
อย่างไรก็ตาม มันใช้ภาษาอื่นได้ย่ำแย่มาก อย่าว่าแต่พูดกับจิ้งจอกหิมะสามหางเลย แม้เป็นสัตว์อื่นที่ได้ยินเข้า พวกมันก็ไม่รู้ว่าฮุยไท่หลางพูดอะไร
แต่ก็ยังดี เพราะมันใช้ท่าทางร่างกายได้
เมื่อเวลาผ่านไป ฮุยไท่หลางจะไปจับสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาเพื่อพิชิตใจจิ้งจอกแสนสวย
มันไม่ทราบว่า ไม่ว่าอย่างไร จิ้งจอกหิมะนั้นเป็นมังสวิรัติเหมือนกับเจ้าของมัน ถ้ามันให้ของบางอย่างเช่น แห้วน้ำแข็ง อย่างนั้นมันอาจเอาชนะใจจิ้งจอกหิมะตัวน้อยได้ในที่สุด เพราะสัตว์เล็กสัตว์น้อยชุ่มไปด้วยเลือด จิ้งจอกน้อยไม่ชอบเลย จิ้งจอกจะพันหางรอบตัวมันเองและเริ่มหลับบนพื้น รอคอยเจ้านายมันกลับมาอย่างเงียบๆ
เทียบกับจิ้งจอกแล้ว ฮุยไท่หลางจะกระตือรือร้นมากไป
มันก็กำลังรอเย่ว์หยางเช่นกัน แต่มันก็สร้างความบันเทิงใจให้ตัวเองเช่นกัน
ทุกครั้งที่มันเห็นสัตว์เล็กๆ วิ่งมากวนใจ มันจะไล่กวดพวกมันทันที มันยังคงไล่กลุ่มหมาป่าหิมะระดับ 3 ที่หนวกหูออกไปเป็นสิบกิโลเมตร เพื่อให้จิ้งจอกหลับอย่างสบาย นอกจากนี้มันยังฆ่าแมงมุมยักษ์ 2-3 ตัวและควักแก่นเวทของพวกมันออกมา
อย่างไรก็ตาม มันไม่อาจทนกินแก่นเวทเองได้ จึงนำมันกลับมาด้วย
มันยินดีจะให้แก่นเวทเพื่อทำให้จิ้งจอกน้อยยินดี
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันกลับมาที่เชิงเขา มันก็ต้องตกใจกับภาพน่าอนาถด้านหน้าของมัน พื้นหิมะเต็มไปด้วยรอยเลือด จิ้งจอกน้อยกลายร่างเป็นจิ้งจอกหกหาง ทั้งตัวของมันมีแต่บาดแผลที่ถูกทำร้ายโดยสัตว์ร้ายรอบตัวมัน มันยืนอยู่ตรงนั้น กำลังส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเป็นนักสู้คนหนึ่ง เขาถือบอลมลพิษเขียวที่ทำให้จิ้งจอกหิมะต้องไม่อาจปล่อยพลังเต็มที่ นอกจากนี้เขายังปักเสาโลหะมีอักขระโบราณไว้บนพื้น และเสาสีดำนั้นปล่อยวงแหวนแสงสีดำออกมาต่อเนื่องเพื่อข่มพลังของจิ้งจอกหกหาง
ไฮยีนาสามตัว อสูรทองแดงระดับ 6 ไล่กัดจิ้งจอกหกหางด้วยเขี้ยวคมกริบอย่างดุเดือด
ด้วยการกัดแต่ละครั้ง ก็เกิดบาดแผลที่ร่างของจิ้งจอกหกหาง
จิ้งจอกหกหางมีตัวโชกเลือดไม่สามารถใช้พลังต่อสู้ได้เต็มที่ มันถูกข่มพลังด้วยโล่แสงสีดำจากจากเสาที่ลงอักขระโบราณ และบอลมลพิษยังทำให้มันใช้พลังได้อย่างจำกัดอีกด้วย ตอนนี้มันใช้ความเร็วได้เพียงหนึ่งในสิบจากความเร็วปกติที่มันเคยใช้ แม้ว่ามันจะเร็วมาก แต่ก็ไม่สามารถหลบพ้นจากการโจมตีจากไฮยีนาทั้งสามตัว
อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของมันไม่ได้มีแค่เพียงไฮยีนาสามตัว
ยังมีสัตว์อสูรมากกว่าสามตัวที่แข็งแกร่งพอๆ กับไฮยีนา พวกมันทุกตัวล้อมจิ้งจอกหกหางและคอยโจมตี มีเสือดำสายฟ้าระดับ 5 อสูรเงินสองตัว ราชสีห์แมงป่อง (มัลติคอร์) อสูรเงินระดับ 6 สัตว์อสูรทั้งหกตัวแยกเขี้ยวที่ยังมีเลือดสดๆ ติดอยู่และล้อมกรอบเหยื่อของพวกมัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้จิ้งจอกหกหางหลบหนีขณะที่พวกมันโจมตี
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าตัวน่ารัก! เจ้าจะต้องเป็นของข้าในที่สุด มานี่เร็ว มามะ… จิ้งจอกขาวที่งดงามและแสนรู้ มีแต่ข้าที่คู่ควรเป็นเจ้านายของเจ้า ข้าจะบ่มเพาะฝึกฝนให้เจ้าเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ มาหาเจ้านายของเจ้าซะดีๆ ฮ่าฮ่าฮ่า!” นักรบวิบัติที่มีรอยสักเต็มร่าง ล้วงม้วนเวททำสัญญาออกมาและเปิดมันออก
แสงสีขาวเปล่งออกมาจากม้วนเวทและพุ่งลงบนหัวของเจิ้งจอกหกหาง
จิ้งจอกหกหางเจ็บปวดหนักจนมันต้องการให้ตัวเองตายเสียให้ได้ และเมื่อแสงสีขาวพุ่งใส่ศีรษะมัน กลับทำให้มันทรมานมากขึ้นไปอีก
ขาของมันกะโผลกกะเผลก เป็นเรื่องยากสำหรับมันที่จะดิ้นรนภายใต้แสงของม้วนเวทพันธสัญญา
“โฮ่ง!” ไฮยีนาทั้งสามและเสือดาวสายฟ้ายังคงจู่โจมทำร้ายจิ้งจอกหกหางอย่างต่อเนื่อง
“ฮู้ววว…” ราชสีห์หางแมงป่องน่ากลัวที่สุด มันใช้หางแมงป่องแทงใส่ขาของจิ้งจอกหกหางและปล่อยพิษเข้าไปด้วย ปกติพิษจะไม่มีผลต่อจิ้งจอกหกหาง แต่เมื่อรวมกับการโจมตีของอสูรตัวอื่น จิ้งจอกหกหางก็ล้มลงในที่สุด
ทันทีที่มันล้มลง ทั้งไฮยีนา, เสือดาวสายฟ้าและราชสีห์หางแมงป่องก็รุมขย้ำลงมาพร้อมกัน กัดจิ้งจอกหกหางอย่างบ้าคลั่ง เลือดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ ขนของมันถูกฉีกกระจุย พวกมันกัดแม้กระทั่งหางจิ้งจอกออกไปครึ่งหนึ่ง สถานที่นั้นเต็มไปด้วยเลือด เป็นภาพที่น่าสลดใจอย่างมาก
ในที่สุดจิ้งจอกหกหางใช้พลังอึดสุดท้ายหอนและกระโดดออกมาเต็มกำลัง
พอใช้พลังที่เหลืออยู่ของมัน มันพุ่งเข้าหานักรบวิบัติและกัดม้วนเวทพันธสัญญาจนแหลกเป็นชิ้น ปฏิเสธการทำสัญญา ใช้หางของมัน หวดใส่เสือดาวสายฟ้าทั้งสองตัวกระเด็นไปชนนักรบวิบัติ จนเขาทำลูกบอลมลพิษหล่น
นักรบวิบัติก็กระเด็นออกไปด้วยเช่นกัน เมื่อเขาตกลงพื้น เขาแตะหน้าตนเองดูแล้วรู้สึกว่ามันปูดขึ้นมา เขาถูกจิ้งจอกหกหางทำร้ายและจมูกของเขาเริ่มมีเลือดออก
เขาตื่นเต้นมาก เขาถือเสาโลหะที่มีอักระโบราณและหวดมันใส่หัวจิ้งจอกหกหางอย่างต่อเนื่อง และนี่เองทำให้จิ้งจอกหกหางกระเด็นไป 2-3 เมตร จากนั้นนักรบวิบัติเริ่มตวาดลั่น “เจ้าทำลายความชื่นชม และความมีน้ำใจของข้า ช่างมันเถอะ.. กัดมันให้ตาย!”
ขณะนั้นเอง ฮุยไท่หลางวิ่งเข้ามาช่วยจิ้งจอกหกหางด้วยพลังทั้งหมดของมัน พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ฮุยไท่หลางถึงกับคลั่งทันที
*******************