===============
บนยอดเขาใกล้หน้าผา ถ้ำสายสวรรค์
เย่ว์หยางยังคงปีนขึ้นไปบนถ้ำสายสวรรค์เพื่อช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ทันใดนั้นเขาได้ยินแผ่นดินสะเทือนจากข้างบน เสียงระเบิดบึ้ม เหมือนกับว่าสายฟ้าเทพเจ้าผ่าลงบนยอดเขา เศษหินเศษศิลาร่วงกราวราวกับฝน
ในท่ามกลางสิ่งปรักหักพังระเกะระกะอยู่บนพื้นเงาร่างมนุษย์คนหนึ่งร่วงลงพื้นราวกับอุกกาบาต นางดูเหมือนจะไม่ใช่คู่ต่อสู้กับศัตรูของนางดังนั้นจึงถูกจู่โจมร่วงตกหน้าผาลงมา
ขณะคนจะร่วงลงกระแทกหิน เย่ว์หยางรีบพุ่งไปรับนางไว้ทันที
อย่างไรก็ตาม ขณะที่แรงพุ่งที่แฝงมาด้วยมีพลังมากเกินไป แม้ด้วยทักษะของเย่ว์หยาง ก็ยังไม่สามารถสลายแรงกระแทกได้สิ้นเชิง ดังนั้นทั้งสองคนจึงยังคงกระแทกเข้ากับหินเสียงดังสนั่น เย่ว์หยางถึงกับหน้ามืดไปชั่วขณะ โชคดีที่เขาสลายพลังแฝงส่วนใหญ่ออกไปได้แล้ว ถ้าเขาไม่ทำอย่างนั้น บางทีกระดูกซี่โครงของเขาคงได้หักไปบ้างแล้วในตอนนี้ พอมองดูคนที่อยู่ในอ้อมอกเขา ก็เป็นไปดังคาด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่นเอง โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ เขารีบชักดาบฮุยจินออกมาทันที
“ตาทึ่ม! ข้าเป็นตัวจริงนะ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลัวว่าเจ้านี่จะจู่โจมใส่นาง ดังนั้นนางใช้ตาของคนชั้้นสูงจ้องมองเขาทันที เป็นการเตือนเขาไม่ให้ทำอะไรโดยวู่วาม
“เจ้ากลับไปบ้านแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงตามข้ามาข้างหลังอีก?” เย่ว์หยางไม่ต้องการแยกจากสาวงามในอ้อมแขนเขา จมูกของเขาเคลื่อนอยู่ใกล้คอของนางและสูดกลิ่นสาวบริสุทธิ์ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าเต็มที่ และแอบถอนหายใจอย่างยินดี ด้วยมีสาวงามอยู่ในอ้อมแขน ยังดีกว่าได้ปกครองทั้งประเทศอยู่เพียงคนเดียว ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนทั้งหลายต่างก็ยอมตายภายในอ้อมอกนาง ความรักความต้องการเป็นแรงปรารถนาผลักดันให้คนก้าวไปข้างหน้าได้
“อยู่ห่างๆ จากข้าเลย…!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ออกเมื่อนางเห็นว่าแม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ไม่ลืมที่จะเอาเปรียบนาง ไล่ดมกลิ่นนางไปทุกที่ นางใบหน้าแดงรีบลุกขึ้นและผลักมือซุกซนของเย่ว์หยางออกไป
ระเบิดไฟนรกพุ่งลงมาจากท้องฟ้าด้วยเสียงดัง ตอนนี้เป้าหมายไม่ใช่เจ้าเมืองโล่วฮัวแล้ว แต่เป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
แทนที่จะถอย แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกระโดดสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีไฟโหมกระหน่ำและกวัดแกว่งดาบของนาง
เปลวไฟถูกผ่าเป็นสองส่วน
ปราณกระบี่ที่สะท้อนออกมาจากการฟันของนางกระจายอยู่ในท้องฟ้าและฟันลงบนโขดหินและผนังหลังคาของถ้ำกรีดลึกลงไปในเนื้อหิน
นางยังกังวลว่าเย่ว์หยางจะถูกไฟนรกเผาไหม้จะเป็นเถ้าถ่าน แต่เมื่อนางหันมองกลับมา นางถึงได้ตระหนักว่าเจ้าเด็กบ้านี่นั่งยองๆ อยู่ด้านหลังของนางใช้ตัวนางเป็นโล่ป้องกันและอยู่อย่างปลอดภัยสบายใจ เขายังคงมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่บนใบหน้าเห็นแล้วคันไม้คันมืออยากตบ นี่ยิ่งก่อความรำคาญให้องค์เชี่ยนเชี่ยน “เจ้าทำอะไรอยู่?”
ตอนนี้เย่ว์หยางชื่นชมรูปร่างที่น่ารักและบั้นท้ายที่งดงามขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามปกติ ส่วนต่างๆ เหล่านี้ถูกคลุมด้วยเกราะเงินของนาง จึงดูไม่เด่นชัดเกินไป
แต่ตอนนี้นางต้องกวัดแกว่งดาบจู่โจมอย่างแข็งขัน ด้วยอาการที่ต้องเคลื่อนไหวอย่างหนักของนาง ทำให้สามารถสัมผัสส่วนโค้งส่วนเว้าของนางได้ทันที
แน่นอนว่า เย่ว์หยางเพียงแต่ชื่นชม ไม่ได้เปล่งเสียงพูดออกมา ตอนแรกเขาคิดจะพูดว่าเขาตั้งใจคอยอยู่ที่ด้านหลังของนางเพื่อหลบไฟ แต่ทันทีที่ถูกจ้องด้วยสายตาที่สูงส่ง เขาก็เลยเผลอพูดว่า “ข้าแค่มานั่งชมวิวอยู่ตรงนี้…”
“แล้ววิวเป็นยังไงบ้าง?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชักจะโกรธ
“ก็ไม่เลว, แต่ข้าเห็นไม่ค่อยชัด คงจะดีไม่น้อยถ้าถอดเกราะออก” จินตนาการของเย่ว์หยางยังคงเตลิดไปไกลจึงได้เผลอพูดความจริงอีกครั้ง
“อย่างนั้น, ข้าจะให้เจ้าดูเสียให้พอเลย!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกบั้นท้ายนางจู่ๆ นางก็ถอยมาทั้งตัวทำให้บั้นท้ายนางกระแทกเข้าที่หน้าของเย่ว์หยาง ส่งผลให้เขากระเด็นออกไปหลายเมตร เย่ว์หยางคลำจมูกที่ถูกกระแทกเจ็บ เขาแอบคิดว่าแม้เป็นเรื่องโชคทางผู้หญิง ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาทนได้โดยไม่เจ็บตัว ถ้านางกระแทกใส่เขาโดยไม่มีอะไรปิดบังบั้นท้ายนางก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นางยังสวมเกราะเงินที่หนักและแข็งด้วยนี่ มันมากเกินไปแล้ว
เจ้ามืองโล่วฮัวยังคงยุ่งเกินกว่าจะเข้ามาสมทบกับคนทั้งสอง ตอนนี้นางยังคงจ้องก้านของหญ้าประกายดาวที่อยู่ด้านนอกขอบเขตโล่ป้องกันของนาง ถูกไฟนรกเผาจนเป็นเถ้าถ่าน ดอกไม้ที่กลายเป็นจุดดาว ได้หายไป
ในฐานะคนที่รักดอกไม้แล้ว นางโกรธมาก
แต่ยามนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากข่มความโกรธของนางไว้และรวบรวมหญ้าประกายดาวที่เหลือแล้วเก็บไว้ในกล่องหยกที่นางเตรียมไว้ก่อน
เสียงกึกก้องดังเป็นระยะๆ ได้ยินมาจากด้านบนของถ้ำ มีหินขนาดใหญ่กระแทกมาจากด้านบน
หลักจากหลบหินที่ร่วงลงมาได้แล้ว เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพบว่า ศัตรูที่อยู่ด้านบนใช้กำลังเปิดรอยแยกแนวขอบฟ้าและโดดลงมาในหลุมอย่างฮึกเหิม
คนที่มาก็คือปีศาจเรืองแสงติ่งซ่าง
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องต่อสู้กับเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าประมาท จึงรีบอัญเชิญคัมภีร์ออกมาและกางโล่ป้องกันตัวไว้
ในทางตรงกันข้าม สหายของปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างหยิ่งยโสมาก
สหายของเขาเป็นยักษ์ที่ตัวสูงบึกบึนตนหนึ่งที่พอยืนก็สูงมากกว่าสามเมตร และแข็งแกร่งพอๆ กับวัวและทั้งตัวอัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ
แขนทั้งสองสวมถุงมือยาวรูปทรงแปลก หมัดของมองดูเหมือนกับค้อนขนาดใหญ่ ถุงมือนั้นมีเขี้ยวหมาอยู่จำนวนมากเหมือนกับปักไว้ด้วยหนาม ไม่ใช่แค่มองดูแข็งแกร่งน่ากลัวเพียงเท่านั้น แต่ยังมีพลังที่จะฆ่าและทำร้ายให้บาดเจ็บได้อีกด้วย ใครก็ตามที่ถูกหมัดเหล่านั้นต่อยใส่ อย่างน้อยที่สุดกระดูกคงหักทั้งร่างแน่นอน
เจ้ายักษ์ดูมีความมั่นใจเป็นพิเศษ เขาเปลือยกายท่อนเผยให้เห็นผิวกายที่ไม่ได้สวมเกราะใดๆ ทั้งนั้น แม้แต่ขาทั้งสองของเขาก็ถูกหุ้มอยู่ในกางเกงหนังสีดำ
ทันใดนั้น เขากระแทกหินยักษ์ที่เขาเหยียบจนแหลกเป็นชิ้น ทำให้สะเทือนไปทั้งถ้ำ
เย่ว์หยางรู้ได้ว่ายักษ์ตัวนี้แข็งแกร่งกว่าปีศาจเรืองแสงติ่งซ่าง เขาเป็นนักรบที่คลั่งไคล้อสูรสายเสริมพลังล้วนๆ ด้วยพลังสนับสนุนของอสูรชั้นทองในร่างของเขา เขาย่อมมีพลังต่อสู้ที่น่ากลัวแน่นอน แม้ว่ามันไม่อาจเทียบได้กับสื่อจินโหว แต่ใครก็ตามไม่ควรจะประมาทอสูรชนิดนี้เลย กับศัตรูทั้งสองนี้ ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมาก อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ไม่ได้มีศัตรูเพียงสองคนที่เผชิญหน้าด้วยแน่นอน
ยังมีศัตรูอื่นอีก บุรุษที่สวมหน้ากากผอมเหมือนกับลำไม้ไผ่
เขาลอยตัวลงบนกองหินที่แตกอย่างเงียบกริบ เขากระโดดลงมาจากระดับความสูงเกินกว่าสิบเมตรแล้วก็ยังไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียวตอนเขาโดดลงพื้น วิชาตัวเบาอย่างนั้นทำให้เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขาควรจะสู้กับศัตรูที่เสริมพลังมาตัวเหมือนกับยักษ์สองคน มากกว่าสู้กับศัตรูที่ปราดเปรียวว่องไวเหมือนกับบุรุษผอมสวมหน้ากากผู้นี้
ศัตรูคนที่สี่คือชายชราที่สวมหมวกไผ่กันฝน เขาถือคันเบ็ดสีเขียวมรกตและยังแบกขวดน้ำเต้าขนาดใหญ่ไว้ที่หลัง
เขาอาจดูเหมือนชาวประมงบ้านนอกผู้ต่ำต้อย แต่พลังของเขาน่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในคนทั้งสี่ีนี้
ยังคงมีศัตรูคนที่ห้า ที่ลอยตัวลงมาจากหลังคาถ้ำ
ผู้นี้เป็นสตรีรูปร่างเย้ายวน แต่งหน้าแต่งตัวมาอย่างดีประดับดอกไม้สดอยู่บนศีรษะนาง อกของนางมหึมาเหมือนกับลูกบอล มันยื่นจนแทบจะล้นทะลักออกมาจากด้านบน ขณะเดียวกัน ยังเด้งดึ๋งตอนที่นางลงถึงพื้น ลูกบอลคู่ยักษ์นั้นก็ยังกระเพื่อมโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
แม้ว่ามองอย่างผิวเผิน แต่นัยน์ตาเย่ว์หยางจะฉายให้เห็นสิ่งที่อยู่ในใจ และปากของเขาก็มีน้ำลายยืดไม่หยุดที่ได้เห็นภาพนั้น แต่ภายในนั้น เขาตื่นตัวเต็มที่
ถ้าแม่นางคนสวยผู้นี้ที่กล้าสวมชุดยาวมาสู้เป็นนักสู้ที่อ่อนแอ บางทีนางอาจพ่ายแพ้ไปแล้วในตอนนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อนางหยั่งเท้าลงพื้น บุรุษผอมและชาวประมงเฒ่าต่างก็ก้าวออกห่างนางทันที แม้แต่เจ้ายักษ์ที่แข็งแกร่งยังก้าวเท้ามาข้างหน้าสองก้าว เตรียมกดดันเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แต่แท้ที่จริงแล้ว มันพยายามรักษาระยะห่างจากจากสตรีที่น่ากลัวนางนี้ผู้ใช้กรงเล็บเซียนหงส์ทั้งที่ยังยิ้มโปรยเสน่ห์ได้ เย่ว์หยางรู้สึกว่านางอาจไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่เป็นคนที่น่ากลัวที่สุดในห้าคนนั้น รับหมัดของเจ้ายักษ์ใหญ่บางทีอาจทำให้เขาบาดเจ็บมากก็ได้ แต่ถูกแม่นางผู้นี้ยั่วยวน บางทีเขาอาจถึงตายได้
ศึกห้าต่อสามครั้งนี้ ศัตรูได้เปรียบเขาอย่างชัดเจน
เย่ว์หยางรู้ว่าศัตรูกลุ่มนี้เติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างสมบูรณ์แบบ
มีนักสู้สายเสริมพลังถึงสองคนรวมอยู่ในห้าคนนี้ คนหนึ่งแข็งแกร่ง คนหนึ่งปราดเปรียว ขณะที่คนหนึ่งเป็นกำลังหลักในการโจมตีและอีกคนหนึ่งคอยลอบโจมตี พลังโจมตีครั้งนี้มีอย่างพอเพียง นอกจากนี้ พวกเขายังมีอสูรธาตุจำเพาะอย่างไฟนรกของปีศาจเรืองแสงติ่งซ่าง ในทางปฏิบัติมันสามารถต่อสู้ได้ทั้งระยะใกล้และระยะไกล ขณะที่ชาวประมงเฒ่าน่าจะมีพลังเก็บกักไว้เป็นจำนวนมาก แค่ดูจากคันเบ็ดยาวสีมรกต ใครๆ ก็สามารถบอกได้เลยว่าเขามีฝีมือที่ไม่มีใครเทียบและได้ตำแหน่งเป็นผู้สั่งการ การร่วมมือกันของคนทั้งสี่ผสมลงตัวเป็นอย่างดี
ในที่สุด ยังคงเป็นสตรีที่สวยบาดตานี้ที่มีอันตรายมากที่สุด ดูผิวเผิน นางดูเหมือนมีเสน่ห์แบบหญิงคณิกา แต่ในความเป็นจริง นางอาจเป็นเหมือนอสรพิษร้ายก็ได้
“เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและไตตันผู้จงใจปกปิดสถานะของตนเอง วันนี้ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่จะแนะนำให้พวกเจ้าได้รู้จักสหายจากวังปีศาจของพวกเรา” เสียงแหลมเล็กของปีศาจเรืองแสงติ่งสร้างดังขึ้น “พวกเจ้าเป็นผู้เยาว์ที่มีศักยภาพมากที่สุด ขนาดที่มหาปีศาจฟ้าทั้งสิบต้องการตัวพวกเจ้าไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม แม้ว่าพวกเจ้าจะกลายเป็นศพ วันนี้ เราเสี่ยงอันตรายครั้งใหญ่กับการที่กองกำลังอาจถูกกำจัดได้ เรามีความจริงใจขอเชิญพวกเจ้าเข้าร่วมกับวังปีศาจ แม้ว่าชื่อของวังปีศาจอาจไม่น่าฟังก็ตาม แต่นอกจากเรื่องนั้น ความจริงแล้วพวกเราเป็นนักสู้ที่โดดเด่นที่สุด อิสระที่สุด ทั้งยังมีความสุขที่สุดอีกด้วย ตราบใดที่เจ้าเป็นสมาชิกของเรา เจ้าจะได้สัมผัสกับโลกใหม่ที่น่าตื่นเต้น เจ้าจะไม่มีทางหาความลับในทวีปมังกรทะยานได้มากแน่ เพราะคนแก่เหล่านั้น จะคอยบอกกับเจ้าว่าพวกเขาจะบอกเจ้าครั้งต่อไปหรือไม่ก็เจ้าจะเข้าใจทันทีเมื่อถึงระดับนั้น พวกเขาจะไม่บอกความจริงกับเจ้า… แต่เราแตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิง นักสู้แข็งแกร่งที่สุดของเรา จะส่งข้อมูลสำคัญลงมาทุกปีและทำให้ทุกคนสามารถเลื่อนระดับชั้นได้เร็ว… ภูเขาทลายจองจำไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะคิดเอาเองว่าเป็นดินแดนที่ปีศาจทอดทิ้ง แต่ความเป็นมันเป็นสวรรค์ที่น่ารื่นรมย์ เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความสุข”
“พูดได้ดีนี่!” เย่ว์หยางปรบมือให้สองแผละ จากนั้นก็หาวกล่าวว่า “แต่นั่นมันยาวเกินไปหน่อย”
“…….” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังคงจ้องมองอกของสตรีฉูดฉาดนางนั้น อาจจะกล่าวได้ว่านางชักอิจฉาอกมหึมาคู่นั้นจนเลือดกำเดาแทบไหล
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ได้เงยหน้าขึ้นเลย นางยังคงเก็บรวบรวมหญ้าประกายดาวอย่างเงียบๆ นุ่มนวล เหมือนกับกลัวว่าการใช้แรงมากไปเพียงเล็กน้อยจะสร้างความเจ็บปวดให้กับหญ้าประกายดาว นางเก็บก้านหญ้าประกายดาวใส่กล่องหยกอย่างใส่ใจ ไม่เหลือไว้แม้กระทั่งดอกตูมที่ยังไม่บาน
หญ้าประกายดาวเหล่านี้ จะอยู่รอดไม่ได้ในท่ามกลางการต่อสู้นี้ถ้าพวกมันไม่ถูกเก็บไว้
แล้วก็เป็นไปตามคาด เพราะพวกมันเหมือนถูกตัดสินแล้วว่าจะต้องถูกทำลาย แน่นอนว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเย่ว์หยาง ปีศาจเรืองแสงติ่งสร้างไม่ได้โกรธ
เขาชี้ไปที่เจ้ายักษ์สูงสามเมตรและแนะนำตัวว่า “งั้นข้าขอแนะนำจอมพลังแห่งวังปีศาจของพวกเรา “สิงเหมิ่ง” เป็นที่รู้จักกันดีว่าเขาแข็งแกร่งดุร้าย ครั้งหนึ่งเขาเคยทุบหัวของอสูรโคโดจนแหลกคามือ นอกจากนี้ยังได้บิดงาของแมมม็อธยักษ์จนหัก ฆ่าจระเข้หนังเหล็กยักษ์ เอาหัวกระแทกใส่วัวเขาเหล็กและฉีกร่างงูเหลือมทองแดงจนขาดกระจุย ตอนนี้เขาอยู่ในลำดับที่ 38 ในวังปีศาจและรู้จักกันในนามว่า ปีศาจดินทลายภูผา”
เย่ว์หยางพยักหน้าและปรบมือให้ “ไม่เลว เอาไปทำงานเป็นกรรมกรได้”
หน้าของเจ้ายักษ์สูงสามเมตรสิงเหมิ่งเขียวคล้ำทันที ตาทั้งสองของเขาแทบจะมีไฟปะทุออกเพราะความโกรธ
ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง ยังคงแนะนำต่อไป “นี่คือ “กู่จุย” ถ้าเจ้าคิดว่าเขาเป็นนักสู้ลำดับ 30 ในวังปีศาจ แค่นี้ยังไม่พอ เจ้าสามารถดูจากบัญชีนักฆ่าแห่งทวีปมังกรทะยานได้ มีคนถึงสิบคนที่ต้องการเงินรางวัลค่าหัวของเขา ผู้ที่มีค่าหัวสูงสุดก็คือกู่จุยของพวกเราเอง
ขณะที่ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างยังคงแนะนำอยู่นั้น บุรุษผอมสูงที่สวมหน้ากากโค้งคำนับให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างสุภาพ “ข้าสนใจจะฆ่าองค์หญิง โปรดอภัยให้ข้าด้วย และคนที่้ข้าจะจัดการคนต่อไปก็คือฝ่าบาท”
“ถุย!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีนิสัยที่ไม่ยอมใคร ปฏิกิริยาของนางก็คือถ่มน้ำลายอย่างดูถูก
“ขอบคุณองค์หญิง!” แต่ บุรุษผอมสวมหน้ากากที่ชื่อว่ากู่จุยยิ้มชั่วร้าย แววตากระหายเลือดของเขากำลังเพิ่มความเข้มข้น แต่เขายังคงข่มความกระหายเลือดตนเองไว้ เหมือนกับว่ากำลังรอโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อปลดปล่อยมันออกไป ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างแนะนำสหายเฒ่าที่สวมหมวกไผ่สานและถือคันเบ็ดต่อ เขายิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ “อันดับยี่สิบหกในวังปีศาจ “เสียนกง” คือคนที่ได้รับการกล่าวขวัญกันทั้งเมืองเมื่อร้อยปีมาแล้ว จำนวนทหารรวม 3,681 ชีวิต คือความสำเร็จที่เขาสะสมมาทั้งชีวิต สถิตินี้เป็นสิ่งที่คนรุ่นเราอย่าหวังเลยว่าจะทำลายได้ นักสู้นับไม่ถ้วนต่างก็ตายในเงื้อมมือเสียนกงรวมทั้งพระราชาอีก 2-3 พระองค์ ถ้าข้าจำได้ไม่ผิด ปิตุลาขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน 2 พระองค์ ก็คือองค์ชายเสียนและองค์ชายเอ้อผู้ฉลาดมากก็พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของเสียนกง…”
“เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นในอดีต ไม่ควรแก่การเอ่ยอ้าง!” ประมงเฒ่ายิ้มพอใจในตนเอง
“อย่าประเมินตัวเองสูงเกินไปเลย ท่านผู้เฒ่า เพราะทั้งชื่อและท่าทางของท่านเหมือนกับยั่วให้ถูกตบจริงๆ!” เย่ว์หยางไม่ชอบใช้วิธีนี้ ทำไมตาแก่นี่ถึงไม่ขึ้นภูเขาถอนตัวจากวงการเล่า? เขาแก่มากแล้ว แต่ก็ยังหยิ่งยโสมาก แล้วคนที่อ่อนกว่าจะรู้สึกอย่างไร?
“เจ้าจะไม่แนะนำข้าให้หนุ่มน้อยรูปหล่อผู้นี้บ้างหรือ??” หญิงสาวอกโตเหลือเชื่อชายตาเจ้าชู้มองดูเย่ว์หยาง
“อ่า….” พอได้ยินเช่นนี้ ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่าง เช็ดเหงื่อที่ศีรษะอย่างประหม่า พยักหน้ากล่าวว่า “ใครบ้างที่ไม่รู้จักเซียนหงส์ฟ้าของพวกเราบ้าง อะแฮ่ม…เสน่ห์และความงามของท่านเป็นที่รู้จักกันดีในโลกนี้…”
“หลังจากคุยมาซะนาน เจ้าก็ยังไม่ได้เข้าเรื่องสักที” หญิงงามอกโตยังคงกระพริบตาโปรยเสน่ห์ใส่เย่ว์หยาง “หนุ่มน้อยรูปหล่อ ข้าคือเซียนหงส์ฟ้า ข้าก็ยังดูไม่ดีนักหรอก และยังไม่อาจเทียบองค์หญิงน้อยข้างกายเจ้า แต่ข้าเชี่ยวชาญการให้บริการบางอย่าง เจ้าสามารถทดลองได้นะ เมื่อเจ้าว่าง หลังจากนั้นเจ้าจะได้รู้จักสิ่งดีๆ ของข้า พ่อศัตรูหนุ่มน้อย อย่าห่วงไปเลย เจ้าดูดีมากจนข้าไม่อาจหักใจทำร้ายเจ้า แม้เผลอทำร้ายหน้าเจ้าจนเป็นบาดแผลแม้แต่น้อย ก็ยังอาจทำให้ข้าหัวใจสลายได้มากมาย ทำไมเจ้าไม่ยอมฟังคำแนะนำของข้าแล้วมาอยู่ฝ่ายเรา และพาองค์หญิงน้อยมากับเจ้าก็ได้? ทุกคนจะได้มีความสุขด้วยกันไม่ใช่หรือ? ข้าเกลียดการต่อสู้ฆ่าฟันกันเป็นที่สุด!”
ขณะที่นางพูด สาวงามใช้ลิ้นสีแดงฉ่ำของนางเลียริมฝีปากที่แสนยั่วยวนของนาง
นัยน์ตานางดึงดูดหัวใจและวิญญาณผู้ชาย ทั้งยังส่อแววเจ้าชู้ไม่จำกัดอีกด้วย
ขณะที่นางกำลังพูด นางยังคงเดินส่ายสะโพกที่ร้อนแรงจนบุรุษที่เห็นแทบจะเลือดกำเดาไหล หน้าอกลูกบอลนางยังคงเด้งขึ้นลง ทำให้เย่ว์หยางจ้องมองจนตาแทบหลุดจากเบ้า
พอเห็นความประพฤติที่ไร้ประโยชน์ของเจ้าเด็กนี่แล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถึงกับหงุดหงิดมาก นางไม่ได้ไล่ต่อยเขาเหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไป แต่ใช้มือนางฟาดใส่ก้นเย่ว์หยางโดยตรง ถือว่าเป็นการตบด้วยมือที่หนักที่สุดพลางแค่นเสียงเย็นชา “เช็ดน้ำลายเจ้าซะ! สตรีนางนั้นเตรียมขึ้นเป็นอนุปีศาจฟ้า นอกจากอนุปีศาจฟ้า 8 ตนแล้วยังมีมหาปีศาจฟ้าอีก 10 เจ้าพวกสี่คนรวมกันยังเอาชนะนางไม่ได้ ตามตำนานบอกไว้ว่า จำนวนบุรุษที่นางสูบพลังชีวิตจนเหือดแห้งมีมากกว่าพันคน ถ้าเจ้าอยากตาย ก็เชิญไปนั่นได้เลย ปล่อยให้หน้าอกยักษ์บีบเจ้าจนหายใจไม่ออกไปเลย!”
“จริงเหรอ? นางคืออนุปีศาจฟ้าจริงๆ เหรอ? เจ้าฟันธงว่าเป็นอนุปีศาจฟ้าได้อย่างไร? โดยหลักเกณฑ์ขนาดทั้งสามงั้นหรือ?” พอได้ยินเช่นนี้ เย่ว์หยางตกใจหนัก
“ไม่มีใครเข้าไปในวังปีศาจแล้วกล้าท้าประลองมหาปีศาจฟ้า จะมีก็เพียงกรณีที่สิบมหาปีศาจเกินกว่าครึ่งเห็นพ้อง จากนั้นปีศาจที่ได้รับพิจารณา จะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นอนุปีศาจฟ้า จำนวนคนที่นังแม่มดนี้สังหารไปมากกว่ามดที่เจ้าเดินเหยียบตายเสียอีก เจ้านึกว่านางอ่อนแอที่สุดหรือ? นางซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้อย่างดี ตาทึ่ม!”
“อา… เจ้าพูดถูก!” เย่ว์หยางพบว่า แม้จะใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับสาม เขาไม่อาจบอกระดับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางแม่มดได้ เขาถูกนางตบตาให้เห็นความแข็งแกร่งที่เป็นเท็จ และถึงกับตกใจมากเมื่อรู้เช่นนั้น แต่โชคดี การใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับสามตามสังเกตดูนาง เขาพบจุดอ่อนอย่างหนึ่งของสตรีนางนี้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา สตรีนางนี้ยากที่จะสู้ด้วย และยังไม่สามารถบอกถึงพลังที่แท้จริงของนางได้ บางทีอาจใกล้เคียงกับสื่อจินโหวผู้ที่เขาต่อสู้ด้วยหลังจากที่ได้ต่อสู้กับแม่เฒ่าฉือมาแล้ว
แต่ถ้าเขาสามารถใช้จุดอ่อนนั้นได้ เขาก็ยังแทบใช้พลังสู้กับนางแทบไม่พอ
เย่ว์หยางยินดีที่เขามีทักษะญาณทิพย์ มิฉะนั้น เขาคงไม่รู้ว่าความตายเข้ามาหาตนในการสู้ครั้งนี้ได้อย่างไร!
“หนุ่มน้อยรูปหล่อ เจ้ามองไปตรงไหนกัน? ข้าแข็งแกร่งไม่มากนัก ลำดับของข้าในวังปีศาจก็เพียงที่ 55 ยังอ่อนแอกว่าคนทั้งสี่มากนัก ไว้เมื่อเราสู้กัน พ่อหนุ่มน้อยเจ้าต้องไม่ใช้พลังสู้กับข้ามากเกินไป และอย่าแตะต้องร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของข้านะ นั่นเป็นเรื่องที่เจ้าไม่ควรทำ” ผู้หญิงที่มีสัดส่วนโค้งเว้าอย่างเซียนหงส์ฟ้าบิดเอวเดินเหมือนงู อกมหึมาเด้งตามจังหวะเดินจนแทบทะลักหลุดออกมาจากด้านบน พอได้เห็นเช่นนี้ เย่ว์หยางทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ท่าทีเช่นนี้ทำนางหัวเราะไม่หยุด พร้อมกับหน้าอกที่กระเพื่อมรุนแรงมากขึ้น ทำให้คนที่เห็น เลือดกำเดาแทบพุ่ง
“เอาเป็นว่า จบการยั่วยวนแต่เพียงเท่านี้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกดาบยักษ์ของนาง ตะโกนว่า “ถ้าเจ้าปลงใจว่าเป็นศัตรูแล้ว ก็เริ่มสู้เสียที!”
“ข้ายังไม่ได้ตัดสินใจเลย!” เย่ว์หยางตระหนักว่าศัตรูทั้งหมดเข้มแข็งอำมหิต คงเป็นเรื่องยากที่จะสู้กับหนึ่งในพวกนั้น
“แม้ว่าเจ้ายังไม่ได้ตัดสินใจ เจ้าก็ยังต้องสู้กับพวกเขา เจ้าคิดว่าศัตรูจะให้เวลากับเจ้าเป็นพิเศษเหรอ? พวกเขาไม่ได้เริ่มโจมตี เนื่องจากพอพวกเขามาถึงที่นี่ พวกเขาตรวจสอบอย่างระมัดระวังว่าเราเตรียมกับดักไว้จัดการพวกเขา ตอนนี้พวกเขาพบแล้วว่าไม่มีกับดักอะไร พวกเขาก็จะสู้กับเจ้าทันที!” คำพูดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังไม่ทันจบ เมื่อเจ้ายักษ์สิงเหมิ่ง เคลื่อนตัวไปข้างหน้าและกระโจนเข้าใส่พวกเขา ท่อนแขนที่สวมถุงมือเขี้ยวสุนัขป่าฟาดใส่หน้าของเย่ว์หยางด้วยเสียงปานฟ้าผ่า…..
*******************