===============
เย่ว์หยางไม่อาจหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับหมัดของเจ้ายักษ์สิงเหมิ่งได้
ด้านหลังของเขาคือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ถ้าเขาหลบและปล่อยให้นางถูกทำร้าย ต่อให้นางไม่เป็นอะไรหลังจากนั้นก็ตาม บางทีนางอาจสาปแช่งเขาตลอดไปก็ได้ เย่ว์หยางไม่สามารถหลบการจู่โจมได้ แต่เขาไม่โง่พอที่จะสู้กับยักษ์ตัวสูงสามเมตร ที่มีแขนหนากว่าลำตัวเขาแน่ ก่อนอื่นเขาใช้ขายันใส่สะโพกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่งผลให้นางกระเด็นออกไปเหมือนลูกปืนใหญ่ เขาใช้แรงส่งจากการยันร่างนางลอยตัวขึ้นในอากาศ หลบหมัดของเจ้ายักษ์อย่างชาญฉลาดและขณะเดียวกันฉวยโอกาสเตะเข้าที่หน้าของเจ้ายักษ์สิงเหมิ่ง
เจ้ายักษ์เดินหน้าต่อแทนที่จะถอย กลับควงหมัดยักษ์ เหมือนกับว่าตั้งใจจะขยี้ร่างเล็กๆ ของเย่ว์หยางให้ได้
“ฮ่าาาาา!”
หากพูดกันตามตรง พลังป่าเถื่อนน่ากลัวของยักษ์สิงเหมิ่งแข็งแกร่งกว่าเย่ว์หยางแน่นอน ถ้าเย่ว์หยางไม่เพิ่มความแข็งแกร่งจากเงาปีศาจยักษ์แล้ว เขาคงไม่อาจเทียบกับนิ้วเดียวของเจ้ายักษ์นี้ได้
สำหรับพลังป้องกัน หนังของยักษ์สิงเหมิ่งหนากว่าของแมมม็อธยักษ์เสียอีก
เย่ว์หยางไม่เคยเห็นกรณีที่ศัตรูสามารถเมินเฉยการโจมตีของเขา หลังจากใช้พลังขาอย่างเต็มกำลัง อย่างไรก็ตาม จากคำพูดในหนังของโจว ซิงฉือ “ในยุทธจักรนี้ ความเร็วกำหนดผู้ชนะได้” กลับกลายเป็นว่าพลังที่แข็งแกร่งในการต่อสู้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังป้องกันที่เข้มแข็งทรงพลังเท่านั้น ทักษะการต่อสู้ที่แท้จริง ต้องใช้ความเร็วและวิธีสู้เป็นหลัก ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหมัดที่ใหญ่ที่สุดหรือพลังที่แข็งแกร่งที่สุด
ถ้าพวกเขาเปรียบเทียบที่ปฏิกิริยาความเร็ว และความคล่องตัวแทน เย่ว์หยางอาจเอาชนะเจ้ายักษ์นี้ได้ขณะที่ทำเจ้าชู้กับสาวๆไปพลาง เขาคงมีเวลาพอที่จะกิน, และทำอะไรได้อีกหลายอย่าง
เมื่อยักษ์สิงเหมิ่งเหวี่ยงหมัดเสียงดังราวกับฟ้าคำราม เย่ว์หยางสามารถหลบมันได้ง่ายและขณะเดียวกันยังตอบโต้กลับคืนด้วยการเตะเป็นสิบครั้ง ถ้าศัตรูของเขามีเพียงยักษ์สิงเหมิ่งเท่านั้น อย่างนั้นเขาคงพบกับความตายอย่างน่าอนาถภายใต้การจู่โจมที่เกรี้ยวกราดของเย่ว์หยางไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ยักษ์สิงเหมิ่งสามารถแสดงความแข็งแกร่งสูงสุดของตนได้ต่อเมื่อเขาร่วมเมือกับบุรุษผอมกู่จุยและเสียนกงสู้กับคนอื่น
บุรุษผอมนามกู่จุยเรียกอสูรหุ่นกระดูกมนุษย์ที่มีปีกกระดูกคู่หนึ่งอยู่ที่หลังและห่อหุ้มตัวของเขาไว้ภายในหุ่นโครงกระดูก
จากนั้นเขาก็แว่บตรงมาที่หลังของเย่ว์หยางไวกว่าสายฟ้า
ปีกกระดูกบนหลังของเขาแทงใส่หลังของเย่ว์หยางเหมือนกับหางของแมงป่องพิษ
มือของเขาจู่โจมเข้าใส่เย่ว์หยาง
“หลบไป!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบกลับเข้ามาช่วย นางใช้ดาบยักษ์ฟันใส่หัวของกู่จุยตั้งใจจะฟันให้
ตัวขาดกลาง
เสียนกงรีบวิ่งเข้ามาทัน ควงคันเบ็ดมรกตของตน
วิชาหอกของเขาดูคล้ายมีเงาหอกนับร้อยนับพัน เงาภาพคันเบ็ดแน่นขนัดราวกับป่า
การโจมตีเหมือนกับจะชอนไชเข้าไปในช่องว่างของมิติจนเกิดเสียงดังหวีดหวิว
เมื่อเย่ว์หยางเห็นเช่นนี้ เขารีบโดดออกจากหน้าของยักษ์สิงเหมิ่งและพุ่งออกไปราวกับกระสุน เขาบิดตัวหลบการแทงของคนผอมกู่จุย จากนั้นก็เจอดาบขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เขาไถลตัวผ่านดาบนั้นไปเหมือนกับปลา เขากางแขนกอดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแล้วพุ่งลงพื้นแล้วผละออกจากกันจากนาง แม้ว่าพวกเขา จะตกลงไปในแอ่งน้ำอย่างทุลักทุเล แต่อย่างน้อยพวกเขาก็หลบการผสานโจมตีของทั้งสามคนได้ ยังปลอดภัยจากการต่อสู้อยู่
“นั่นเป็นเพลงทวนตระกูลเย่ว์ไม่ใช่หรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะลึงอย่างมากเมื่อนางเห็นเสียนกงใช้เพลงทวนตระกูลเย่ว์ด้วยคันเบ็ดมรกตของเขา
“หึหึหึ, หลายปีมานี้ลำบากจริงๆ ข้าแค่เรียนรู้วิชานี้โดยวิธีทรมานและตั้งคำถามสมาชิกของตระกูลเย่ว์ ถ้าข้าจำไม่ผิด เขาคือเย่ว์กวน” เย่ว์กวน สมาชิกตระกูลเย่ว์ที่เสียนกงอ้างถึงคือผู้อาวุโส เป็นลุงของเย่ว์ไห่ เดิมทีเย่ว์กวนเป็นอัจฉริยะในเชิงวิทยายุทธ์ที่ตระกูลตั้งความหวังทั้งหมดไว้ที่เขา อย่างไรก็ตาม ในวันหนึ่ง เขาหายไปในช่วงเดินทางไปประชุมและสาบสูญไปโดยไม่มีร่องรอย ตระกูลเย่ว์เชื่อว่าเขาถูกตระกูลศัตรูฆ่าตาย และใช้เวลาสิบปีที่เจ็บปวดตามหามือสังหาร แต่พวกเขาไม่เคยพบเลย พวกเขาไม่เคยรู้ว่า เขาติดกับของเสียนกง ซึ่งเป็นสมาชิกของวังปีศาจ
“…..” เย่ว์หยางตระหนักว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเสียนกงไม่ใช่วิชาทวนตระกูลเย่ว์ ทักษะที่แท้จริงของเขาถูกซ่อนเอาไว้อย่างดี
อาจเป็นได้ว่าฝีมือของเจ้าผู้นี้คงจะแข็งแกร่งกว่าวิชาทวนตระกูลเย่ว์กระมัง?
เขาสามารถใช้วิชาทวนโดยใช้คันเบ็ดที่เบาและบอบบางได้ นี่แสดงว่าเขามีความสามารถและวิชาที่ลึกซึ้งอย่างแท้จริง เย่ว์หยางหันไปมองและรู้ได้ว่าหินที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่ก่อนหน้านี้ เต็มไปด้วยรูเล็กๆ ทั้งหมดนี้เกิดจากพลังลมอัดกระแทกจากวิชาทวนของเสียนกง
ถ้าแรงอัดจากวิชาทวนของเสียนกงเป็นอันตรายได้ขนาดนี้ อย่างนั้นถ้าคันเบ็ดมรกตที่เป็นสมบัติระดับทอง ก็คงสามารถใช้ทิ่มแทงคนจนตายอย่างน่าสังเวชได้
เย่ว์หยางคิดเรื่องนี้จนขมวดคิ้วเล็กน้อย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสังเกตความเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเขา นางยื่นนิ้วออกไปและเขียนบางคำบนหลังเขาเบาๆ
“ข้าเข้าใจ….” เย่ว์หยางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทั้งสองฝ่ายแค่หยั่งกำลังของกันและกัน การสู้ครั้งต่อไปจะเป็นการสู้กันถึงตาย นอกจากนี้เจ้าเมืองโล่วฮัวเก็บหญ้าประกายดาวเสร็จแล้วและกำลังรวมพลังแสงอุษา
ถ้าพวกเขาสามารถเทเลพอร์ตได้ อย่างนั้นเจ้าเมืองโล่วฮัวก็คงเรียกเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้าไปในโล่แสงและเทเลพอร์ตหนีไปจากที่นี่แล้ว
ปัญหาก็คือว่าบนยอดแนวถ้ำสายสวรรค์ มีลำแสงสีดำลอยขวางอยู่กลางอากาศ
มันคอยรบกวนพื้นที่มิติทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำการเทเลพอร์ต
ถ้ามีคนต้องการไปจากที่นี่ ก็ต้องสู้ตาย มีแต่เพียงผู้ชนะจึงจะจากไปได้ ผู้แพ้ต้องอยู่ในถ้ำตลอดไป
ไม่ใช่แค่สีหน้าของเย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวเท่านั้นที่จริงจัง แม้แต่ยักษ์สิงเหมิ่ง, คนผอมกู่จุย ผู้เฒ่าเสียนกงและปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างก็ยังไม่กล้าประมาท ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อพวกเขาเพิ่งได้ทดสอบความแข็งแกร่งกันและกันไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถมีเปรียบได้แม้แต่น้อย ผู้เยาว์ทั้งสามคนนี้ไม่ใช่ศัตรูที่จัดการได้ง่ายแน่นอน คนที่ยังยิ้มอยู่เต็มหน้าก็คือหญิงงามผู้เย้ายวน เซียนหงส์ฟ้าผู้มีอกมหึมา ตอนนี้นางยังนั่งอยู่บนแผ่นหินใกล้กับผนังภายในถ้ำภูเขา โดยเผยให้เห็นขาที่มีผิวละเอียดอ่อนเรียบเนียนของนางและรองเท้าส้นสูงที่นางสวม
นางมองดูสถานการณ์เบื้องล่างขณะที่แกว่งขาเบาๆ อย่างสบายใจ หน้าของนางยิ้มอยู่ตลอดเวลา
“เสริมพลังกล้ามเนื้อสิบเท่า” ยักษ์สิงเหมิ่งตะโกนลั่น
ควันสีดำลอยออกมาจากปากของเขา
ควันดำกลายรูปเป็นมนุษย์หัววัวดำ และผสานร่างเข้ากับยักษ์สิงเหมิ่ง
ในทันใดนั้น กล้ามเนื้อของยักษ์สิงเหมิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มันปูดขึ้นและกลายเป็นกล้ามเนื้อมากขึ้น กลุ่มของกล้ามเนื้อมีมากขึ้น ชั้นโลหะสีดำกระจ่างปรากฏอยู่บนผิวของยักษ์สิงเหมิ่ง หลังจากผสานรวมกันแล้ว ความแข็งแรงและพลังป้องกันของยักษ์สิงเหมิ่งเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาสามารถทำลายภูเขาและทำให้หินแหลกลาญได้ นี่คือสาเหตุให้เขาได้รับการขนานนามว่า ปีศาจดินทลายภูผา”
กู่จุยไม่ได้เรียกอะไรเพิ่มขึ้นอีก เขาแค่ขยับขาและเริ่มเต้นด้วยท่าทางแปลกๆ
พวกที่มีความคุ้นเคยกับการโจมตีของกู่จุย รู้ว่านี่คือระบำมรณะของเขา
ขณะที่เขาเคลื่อนไหวเร็วขึ้นตามความเร็วของการเต้น ร่างของกู่จุยแยกออกเป็นสอง จากนั้นก็แยกเป็นสี่
ในที่สุด จำนวนร่างแยกของกู่จุยก็เพิ่มจำนวนเป็นหลายสิบ ต่างก็เต้นอยู่บนพื้น
ส่วนเสียนกง ก็เรียกกุ้งตัวเล็กออกมาตัวหนึ่ง และเกี่ยวมันเบาๆ กับเบ็ด
สายตาเย่ว์หยางเบิ่งค้างเมื่อเห็นอย่างนี้ กุ้งตัวนี้มองผิวเผินเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่ความจริงมันเป็นอันตรายมากที่สุด
เย่ว์หยางจำถึงสิ่งที่เขาได้อ่านจากสารานุกรมสัตว์อสูรมาก่อนว่า “สิบสุดยอดอสูรที่ร้ายกาจ มีสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่เย่ว์หยางคาดไม่ถึงว่ามันจะอยู่ในสิบสุดยอดได้ และมันก็คือ “กุ้ง”
ร่างของกุ้งเกาทัณฑ์ทะเลลึกนี้ตัวจะไม่ใหญ่ แต่มันสามารถยิงธนูแรงดันน้ำที่เจาะทะลุร่างของแมมม็อธได้ถึงสามตัว ยิ่งไปกว่านั้น แรงเสียดทานจากการยิงธนูน้ำเหล่านี้สามารถทำให้อุณหภูมิขึ้นไปถึง 3 พันองศาเซลเซียส ในทะเลลึก กุ้งชนิดนี้สามารถสังหารจ้าวหมึกยักษ์ด้วยธนูของมันได้ เย่ว์หยางไม่แน่ใจว่าเจ้ากุ้งตัวน้อยนี้คือกุ้งเกาทัณฑ์น้ำลึก อย่างไรก็ตามเขาจะต้องไม่ประมาท
ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างไม่ยิงไฟนรกใส่เย่ว์หยางอีกต่อไป ศัตรูที่เขาเลือกไว้ก็คือเจ้าเมืองโล่วฮัว
“ไฟนรก!” เขาเล็งไปที่เจ้าเมืองโล่วฮัวอย่างอดทน
นั่นเป็นเพราะเขาไม่สามารถโจมตีเจ้าเมืองโล่วฮัวที่ถูกปกป้องอยู่ภายในโล่แสง ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าเมืองโล่วฮัวยังทุ่มพลังทั้งหมดเตรียมโจมตีด้วยพลังแสงอุษา มุ่งเป้าไปที่นางเซียนหงส์ฟ้าที่นั่งอยู่บนโขดหินบนภูเขา ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างรีบเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องเซียนหงส์ฟ้าทันที แต่เขาก็ต้องปล่อยไฟนรกถึงสองรอบ ก่อนที่เขาจะสามารถป้องกันแสงอุษาของเจ้าเมืองโล่วฮัวได้ โชคดีที่แสงอุษาใช้เวลาสะสมพลังก่อนยิงช้ากว่าไฟนรกของเขา
แสงไฟของลำแสงอุษาสดใสชัดเจน เป็นแสงสว่างในอากาศ ยิงตรงใส่นางเซียนหงส์ฟ้า
นางเซียนหงส์ฟ้าทำเป็นเหมือนไม่เห็นหรือได้ยินอะไร แต่ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างสะบัดแขนยาว ขณะที่เขาปล่อยคลื่นไฟนรกออกไป โดยเล็งตรงไปที่แสงอุษา
“บึ้ม!”
เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวจากการปะทะกันของแสงอุษากับไฟนรกดังกึกก้องสั่นสะท้านไปทั้งภูเขาจนหินกะเทาะออกมาจากผนังภูเขา
เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วถ้ำจนทุกคนรู้สึกได้ เหมือนกับว่ามีคนใช้ไม้พลองตีหัวพวกเขา คลื่นความร้อนจากไฟนรกและแสงอุษาแตกกระจายเป็นลูกศรแสงพุ่งลงพื้น ที่ยักษ์สิงเหมิ่งกับเย่ว์หยางกำลังสู้กันอยู่ พอเกิดระเบิดใหญ่ทุกคนก็ลงมือพร้อมกัน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโดดสูงเข้าใส่ยักษ์สิงเหมิ่งใช้ดาบยักษ์ของนางฟันใส่เขา
ขณะที่ยักษ์สิงเหมิ่งรับมือกับการโจมตี กู่จุยพยายามลอบเข้ามาฆ่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางคว้าขาข้างซ้ายขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้ และเหวี่ยงนางไปทางหลังของเสียนกง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฟันใส่ขวางใส่ร่างของเสียนกง… แต่ร่างของเสียนกงสลายหายไปในอากาศ ร่างจริงของเสียนกงมาปรากฏที่ด้านหลังเย่ว์หยางขณะที่เขาขำในใจ “ช้าเกินไป” เขาตวัดคันเบ็ดมรกต มันเปลี่ยนสภาพไปเหมือนแส้ คันเบ็ดฟาดเข้าที่เอวของเย่ว์หยางจนเขาสูญเสียการทรงตัวกระเด็นลงไปกองกับพื้น มันเหมือนกับว่ายักษ์สิงเหมิ่งและเสียนกงได้ผ่านการฝึกฝนร่วมกันมาเป็นพันครั้ง เมื่อเย่ว์หยางลอยตัวอยู่ในอากาศ เสียนกงตวัดคันเบ็ดของเขาอีกครั้ง ทำให้สายเบ็ดยาวพุ่งออกไป กุ้งที่ถูกเกี่ยวอยู่ที่สายเบ็ดจู่ๆ ก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้น จากนั้นมันยิงแท่งน้ำเข้าเสียบร่างของเย่ว์หยางเต็มแรง แท่งน้ำยังทะลุเข้าไปที่ผนังภูเขาด้านหลังเย่ว์หยาง จนทะลุเป็นรูถึงอีกด้านหนึ่ง
ผนังภูเขาหนาอย่างน้อยสิบเมตร ยังถูกพลังแท่งน้ำยิงทะลุได้ง่าย
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากว่าพลังที่แสนน่ากลัวพุ่งโดนร่างเย่ว์หยางอย่างจัง
เย่ว์หยางถูกศัตรูร่วมมือกันโจมตีทำร้าย ร่วงลงไปในแอ่งน้ำเสียงดังสนั่น เขาลุกขึ้นมาไม่ได้ชั่วขณะ ขณะที่เลือดพุ่งออกมาจากตัวเขาไม่หยุด
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการวิ่งเข้าช่วยเย่ว์หยาง แต่กู่จุยใช้ร่างแยกนับไม่ถ้วนที่เกิดจากวิชาระบำมรณะขัดขวางนางไว้ นางถึงกับถอยร่นไปเรื่อยๆ แม้แต่จะป้องกันตนเองนางก็ยังทำได้ยาก
“มีสิ่งผิดปกติ!”
เสียนกงสังหารเย่ว์หยางทันทีด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียว แต่ไม่มีความสบายใจปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
พอขึ้นไปยืนบนโขดหินเหนือบ่อน้ำและมองดูผิวน้ำ เขารู้สึกสงสัยในใจอย่างไม่มีอะไรเปรียบ เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์นี่เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด รับมือได้ยากกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แล้วจะถูกฆ่าตายทันทีแบบนี้ได้อย่างไร?
ส่วนยักษ์สิงเหมิ่งกำลังมองหาเย่ว์หยางและพูดว่า “เด็กขนาดนั้นจะเอาตัวรอดจากอาการบาดเจ็บหนักขนาดนั้นได้อย่างไร? เว้นแต่เขามีร่างเป็นอมตะ เขาต้องตาย! อ๊า…. ตาของข้า… ตาของข้า!”
ทันใดนั้น ดวงตาขวาของยักษ์สิงเหมิ่ง ระเบิดออกเหมือนฟองสบู่ เลือดกระเด็นไปทั่วย้อมมือเขาเป็นสีแดง
เสียนกงตกใจกลัวกับเหตุที่เกิดขึ้นนี้ เขารีบยกคันเบ็ดมรกตขึ้นเตรียมป้องกันตัว
ขณะเดียวกัน เขามองหาการปรากฏตัวของศัตรูในทุกตำแหน่ง
จากนั้น เสียงที่ดังชัด ดังมาจากด้านหลังของเขาเสียงนุ่มนวลคุ้นเคยเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นสหายเก่ามานาน “ตาแก่! เจ้ามองหาข้าอยู่หรือ?”
เสียนกงหันศีรษะและแหงนดูด้านบนที่ไม่มีหลังคา พบเย่ว์หยางกำลังยิ้มกว้างเต็มใบหน้าราวกับพระอาทิตย์ส่องแสง เย่ว์หยางเหยียดแขนตนออกมาพร้อมกับมีดทองฆ่ามังกรกระชับมั่นอยู่ในมือ… เสียนกงต้องการจะรีบถอยและหลบการโจมตี แต่เขาตระหนักได้ว่าตัวของเขาหนักดุจหิน มันหนักมากจนเขาไม่สามารถขยับได้ เขายังคงต้องการยกคันเบ็ดและใช้วิชาทวนของเขากับเย่ว์หยาง เพื่อแทงร่างของเย่ว์หยางให้เป็นรูนับสิบๆ รู แต่ว่ามือของเขารู้สึกหนักเหมือนตะกั่ว ไม่ว่าเขาจะพยายามขยับเขยื้อนร่างกายเขาขนาดไหนก็ตาม แต่เขาไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่นิ้วเดียว
มันเหมือนกับว่ามีโซ่ที่มองไม่เห็นรัดตัวเขาไว้แน่น
เสียนกงหวาดผวาแล้ว
“ไม่มีใครเอาเปรียบข้าได้! เจ้าก็ไม่ยกเว้น นี่คือสิ่งที่เจ้าเป็นหนี้ข้า จงชดใช้มาพร้อมทั้งดอกเบี้ย!” เย่ว์หยางเสียบมีดทองฆ่ามังกรเข้าที่หลังของเสียนกง จากนั้นเขาบิดและรูดมีดทองฆ่ามังกรกรีดผ่านคอของเสียนกงตัดเข้าที่หลอดลมและหลอดเลือดของเขา
เลือดแดงฉานพุ่งขึ้นในอากาศ….
********************