===============
เมื่อกู่จุยพุ่งเข้ามาโจมตีอย่างรวดเร็ว เย่ว์หยางก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“อ๋า!”
เสียนกงทรุดลงบนกองหินอย่างเจ็บปวด เลือดจากจุดที่ใกล้หัวใจและลำคอของเขารดใส่พื้น
ในด้านตรงข้ามบาดแผลที่เลือดไหลของสิงเหมิ่งฟื้นคืนสภาพอย่างรวดเร็ว รวมทั้งพลังต่อสู้ของเขาด้วย, ขาทั้งสองของเสียนกงยังคงกระตุกอยู่และดูเหมือนว่าจะตายไปหลังจากผ่านไปชั่วขณะ
คราวนี้ เป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ขมวดคิ้วน่ารัก “ตาเฒ่าผู้นี้ดูเหมือนจะกลัวตาย อุบายที่ล่อให้ทำร้ายตัวเจ้าเพื่อให้ศัตรูผ่อนคลายการป้องกันตัวตอนนี้ล้มเหลวเสียแล้ว เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าโดนทำร้ายมากขนาดไหน?”
เย่ว์หยางปรากฏตัวที่ด้านหลังของนาง เขาส่ายศีรษะ ทำนองให้ทราบว่าเขายังสบายดี
แต่ในความเป็นจริง มีแผลเหวอะขนาดใหญ่รอบเอวเขา มีรอยเนื้อฉีกลึกที่เกิดจากสายเบ็ด เป็นแผลลึกเกือบเห็นกระดูก
“เจ้าผู้นี้มีเงาในตัวเขาที่คนอื่นๆ มองไม่เห็น น่าจะเป็นอสูรพิทักษ์ นอกจากสามารถลอบเข้าไปทำร้ายตาของสิงเหมิ่งแล้ว มันยังสามารถยึดแขนขาของเสียนกงและยังสามารถรับการโจมตีเพื่อป้องกันเจ้านายของมัน พวกเราทุกคนต้องบันทึกเรื่องนี้ไว้ให้ดี” กู่จุยตระหนักได้ทันทีว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติและเตือนเรื่องนี้กับสหายของเขา
“แสงอุษา!” เจ้าเมืองโล่วฮัวยิงแสงทำลายตรงมาที่ซากศพของเสียนกงจากหน้าผาเบื้องบนที่นางยืนอยู่
บึ้ม…
แสงอุษาทำลายหินรอบๆ สระทั้งหมด แผ่นหินขนาดใหญ่ยุบตัวลงเกิดเสียงดังสนั่น จากนั้นน้ำจึงไหลเข้าไปกลายเป็นบ่อน้ำแห่งใหม่
เมื่อแสงอุษาหายไป มีเงาร่างหนึ่งยืนอยู่เข้างสระน้ำ
หัวมันสีเขียว หลังสีทองและมีหางดำ
มีเต่าชราในร่างคล้ายมนุษย์ยืนอยู่ที่นั่น มีเสียงเปล่งของมาจากจะงอยปากของเสียนกงว่า “ข้าไม่ได้กลับคืนสู่ร่างเดิมของข้านานแล้ว เด็กๆ สมัยนี้ ประมาทไม่ได้เลย เอาล่ะ เพื่อตอบแทนการกระทำของเจ้า และสลายความโกรธที่อยู่ในใจข้า ข้าจะทรมานพวกเจ้าทั้งสามคนจนปางตาย จากนั้นจะกินพวกเจ้าทั้งเป็นทุกคน…”
“กัปปะพันปีหรือนี่?” เย่ว์หยางร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากสู้กันมานานขนาดนี้ เจ้าผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์หรือนี่?
“ข้าอยากถามเจ้า ถ้าเราตายแล้ว ชาติหน้าเจ้ายังจะจำข้าได้หรือเปล่า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเช็ดรอยเลือดจากปากของเย่ว์หยางเบาๆ เปลี่ยนสภาพจากแม่เสือสาวเป็นถามเขาด้วยเสียงนุ่มนวลและอ่อนโยน
“ถ้าเจ้ายังสวยเลิศอยู่นะ ข้ารับรองได้ว่าเห็นเพียงแว่บแรกข้าก็จำได้แล้ว” เย่ว์หยางพยักหน้ายืนยัน
“จะเป็นอย่างไร ถ้าข้าเป็นเด็กผู้หญิงอัปลักษณ์?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถามต่อ
“ต่อให้ข้าจำเจ้าได้ ข้าจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเจ้า…” เย่ว์หยางพูดตามจริง อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค เขาก็โดนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต่อยใส่เสียก่อน
“คงไม่มีชาติหน้าสำหรับเจ้าแล้ว เพราะเสียนกงมี “มุกกลืนวิญญาณ” เจ้าจะติดอยู่ในมุกกลืนวิญญาณตลอดไปจนกว่าวิญญาณเจ้าจะถูกทำลาย!” ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ขโมยน้อยพวกนี้รับมือได้ง่ายมาก ข้าสามารถเอาชนะพวกเขาด้วยมือเดียวก็ยังได้ พวกเจ้าทั้งสองจากไปได้แล้ว ข้าจะดูพวกเจ้าจากไป!” เย่ว์หยางยื่นมือและยกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขึ้น และเหวี่ยงนางขึ้นบนหลังคาถ้ำ ปากทางเข้าถ้ำสายสวรรค์ ขณะเดียวกันเขายกดาบฮุยจิน ฟันใส่กู่จุยที่พุ่งเข้ามาหาเขา ขาของเขาหมุนควงจี๋อยู่ในอากาศเร็วเหมือนตะไล เตะเข้าที่ตาของสิงเหมิ่ง บีบบังคับให้ทั้งสองถอยกลับไป
เสียนกงที่มีหัวเป็นมนุษย์มีตัวเป็นเต่า ปรากฏตัวที่ด้านหลังของเย่ว์หยางด้วยความเร็วจัดจนเย่ว์หยางไม่อาจคาดถึง เขาต่อยใส่เย่ว์หยางส่งผลให้เขากระเด็นออกไป
เย่ว์หยางบิดตัวกลางอากาศและดีดตัวออกจากโขดหินส่งตัวเองเหินขึ้นไปในอากาศ
มีประกายเงาดำอยู่ในอากาศและเสียนกงปรากฏตัวอีกครั้ง
เสียนกงใช้หางยาวของเขาหวดใส่เย่ว์หยางจนกระเด็น.. กู่จุยถือโอกาสนี้ยิงกระดูกออกไป กระดูกของเขายืดขยายออกและปักเข้าที่ไหล่ขวาของเย่ว์หยาง ตรึงเขาไว้กับผนังหิน
หมัดหนักของสิงเหมิ่งตามมาในไม่ช้า แต่เย่ว์หยางหายไปแล้ว
เขาปรากฏตัวอยู่ภายในโล่แสงของเจ้าเมืองโล่วฮัว ใช้สองมือโอบร่างนางอย่างรักใคร่
“หน้าโง่! ข้าจะไม่จากไป ข้าไม่ใช่นักสู้ประเภทเสริมพลังอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ข้าไม่อาจหนีไปได้! ปล่อยข้านะ ข้าต้องการอยู่สู้ร่วมกับเจ้า!” เจ้าเมืองโล่วฮัวตวาดลั่น
“ข้าเป็นบุรุษ สิ่งที่ข้าพูดถือเป็นที่สุด!” เย่ว์หยางใช้พลังของเขาเหวี่ยงเจ้าเมืองโล่วฮัวไปที่ปากถ้ำสายสวรรค์ เจ้าเมืองโล่วฮัวถูกเหวี่ยงออกมาโดยไม่ได้ตั้ง ได้ลงยืนบนยอดหินที่สูงสุด นางยังคงต้องการกระโดดลงไป แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพุ่งเข้าไปหานาง และกอดเอวเจ้าเมืองโล่วฮัวไว้ มองเย่ว์หยางอย่างลึกซึ้ง จากนั้นกัดฟันกระโดดออกมาจากถ้ำสายสวรรค์
ภายในถ้ำ เย่ว์หยางเป็นเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ตอนนี้เขาต้องการเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งห้าคน
“เจ้ารู้ไหม ทำไมเราไม่ขัดขวางพวกนางไม่ให้จากไป?” ปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างเริ่มหัวเราะลั่น “นั่นเป็นเพราะยังมีคนของเราอยู่ข้างนอก!”
แรงสะเทือนกึกก้อง ดังสนั่นออกมาจากปากทางออกถ้ำ
เสียงร้องโหยหวนน่ากลัวของหมาป่าและเสียงตวาดของสตรียังคงดังอย่างต่อเนื่อง
เสียงต่อสู้ดังลั่นตลอดเส้นทางในถ้ำด้านล่างสะท้อนผ่านถ้ำเป็นเวลานาน
ปีศาจเรืองแสงชี้นิ้วมาที่เย่ว์หยางและพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอย่างคาดไม่ถึง “เจ้าไม่รู้ว่ามหาปีศาจฟ้าทั้งสิบเห็นคุณค่าเจ้ามากแค่ไหน เพื่อล่าและสังหารเจ้า โดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง พวกเขาส่งกองกำลังจำนวนมากเพื่อจะเบี่ยงเบนความสนใจอาณาจักรต้าเซี่ยและเทียนหลัวทั้งสอง พวกเขาส่งอนุปีศาจฟ้าคนหนึ่ง สี่ปีศาจดิน และห้าปีศาจมนุษย์ รวมสิบคน เพื่อมากำจัดเจ้าด้วยกองกำลังที่มากเป็นประวัติการณ์ขนาดนั้น เจ้าเป็นเป้าหมายสำคัญของเรา ถ้าเจ้าไม่ยอมจำนน เจ้าต้องตาย! สำหรับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว ภายใต้วงล้อมของสี่ปีศาจมนุษย์ ความสามารถของพวกเขาข่มพวกนางอยู่แน่ ข้าเชื่อว่าพวกนางไม่สามารถทนได้นานนักหรอก อีกอย่างหนึ่ง ให้ข้าบอกข้อมูลสำคัญกับเจ้าสักอย่างก็ได้ วังปีศาจให้ความสำคัญกับเจ้าถึงขนาดส่งปีศาจมนุษย์ไปล่าและสังหารหมาป่าปีศาจสองหัวของเจ้าและจิ้งจอกหิมะสามหางของเจ้าเมืองโล่วฮัว พวกเจ้าไม่มีโอกาสหนีรอดชีวิตไปได้แน่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ร่องรอยความคงอยู่ของเจ้าจะสลายหายไปกับความว่างเปล่าในดินแดนมนุษย์ และจะหายไปจากความทรงจำของผู้คนตลอดกาล…”
เย่ว์หยางขมวดคิ้ว และสีหน้าของเขาก็เคร่งเครียดและเศร้าหมองอย่างคาดไม่ถึง “พวกเจ้าทุกคนต้องการชีวิตข้าเหรอ? อย่างนั้นพวกเจ้าต้องเสนอบางอย่างที่คุ้มค่าต่อการแลกเปลี่ยน!”
เสียนกงที่มีหัวเป็นมนุษย์ตัวเป็นเต่าอ้าจะงอยปากหัวเราะอย่างเย็นชา “สหายน้อย เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว แค่เฉพาะข้า ข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้ถึงร้อยครั้ง!”
สิงเหมิ่งที่ตาบอดไปหนึ่งข้างเพราะเย่ว์หยาง พุ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่งและต่อยใส่เย่ว์หยางด้วยความโกรธจัด
จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเย่ว์หยางทำลายดวงตาของเขาอย่างเงียบกริบได้อย่างไร ความจริง ไม่ใช่แค่เพียงเขา ทุกคนก็ไม่เข้าใจเรื่องนี้ แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าที่นั่งอยู่บนแผ่นหินก็ยังทำหน้านิ่ว นางก็ไม่อาจเห็นได้ชัดเมื่อตอนที่เย่ว์หยางทำร้ายดวงตาสิงเหมิ่ง เจ้าผู้นี้ต้องทำอะไรบางอย่าง แต่นางไม่สามารถเห็นได้เย่ว์หยางเคลื่อนไหวได้อย่างไรหรือเมื่อไหร่ เขายังถูกสิงเหมิ่งบุกจู่โจม แต่ไม่ใช่แค่เพียงเขายังปลอดโปร่งสบายๆ เท่านั้น เขายังสามารถทำร้ายดวงตาสิงเหมิ่งจนบอดได้ นี่แปลกมากจริงๆ!
เย่ว์หยางยกดาบฮุยจิน
รูปวงกลมหยินหยางหมุนวนรอบตัวก่อรูปร่างขึ้นเองในชั้นของดาบในมือเย่ว์หยาง เขาฟันผ่านพื้นที่รอบมัน
สิงเหมิ่งยกแขนยักษ์ทีมีเขี้ยวสุนัขป่าและฝืนโจมตีสู้ทำให้เกิดประกายไฟกระเด็นไปทั่ว
ในตอนแรก เขายังสามารถรับการโจมตีนี้โดยใช้พลังป่าเถื่อนได้ แต่หลังจากนั้นเย่ว์หยางควงมือเหมือนกังหันวิดน้ำตีเข้าที่แขนของสิงเหมิ่งทันที ดาบฮุยจินเฉือนเข้าที่หนังของสิงเหมิ่งอย่างบ้าคลั่งทำให้เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด แต่พลังป้องกันของเขาแข็งแกร่งเหนือธรรมดา การโจมตีแค่ทำให้เขาเจ็บตัว แต่ไม่ถึงกับได้รับบาดเจ็บ เขาเข้ามากอดเย่ว์หยางไว้ จากนั้นใช้หัวของเขาที่แข็งเหมือนเหล็กกล้าโขกเข้ากับศีรษะเย่ว์หยาง
“ข้าจะให้เจ้าได้เท่ห์” เย่ว์หยางบ้ายิ่งกว่าสิงเหมิ่ง เขาระดมหมัดใส่หัวและใบหน้าของสิงเหมิ่ง หมัดของเขาเน้นทำร้ายที่ดวงตาของสิงเหมิ่ง โจมตีใส่ข้อศอกและเข่าของสิงเหมิ่งอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเย่ว์หยางก็เอาศีรษะโขกเข้าที่ใบหน้าของสิงเหมิ่งจนได้ยินเสียงแตก เสียนกง, กู่จุยและปีศาจเรืองแสงติ่งซ่างจ้องมองจนตะลึงค้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนใช้ร่างกายสู้กับสิงเหมิ่ง
เจ้าเด็กนี่บ้าระห่ำจริงๆ…
แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างสิงเหมิ่งถึงกับถอยเพราะพลังหมัดของเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางใช้เข่าทั้งสองหนีบคอของสิงเหมิ่งไว้ เขาใช้มือบิดหัวของสิงเหมิ่ง เสียนกง, กู่จุยและติ่งซ่างได้ยินเสียงแตกหักจากศีรษะของสิงเหมิ่ง ดูเหมือนว่าสิงเหมิ่งจะถูกหักคอ
สิงเหมิ่งคำรามแกว่งแขนยักษ์อย่างแข็งขันพยายามใช้แรงมากขึ้น ในที่สุด เขาก็คว้าเย่ว์หยางผู้เกือบจะหักคอเขาจนได้รับความเจ็บปวด
พอรวบรวมแรงได้มากขึ้น เขาเย่ว์หยางฟาดเข้ากับแผ่นหิน เขายกเท้ายักษ์และกระทืบอย่างหนักหวังจะให้จมลงไปในผิวหิน
เสียงยังดังกว่าเสียงคำรามของสิงเหมิ่งที่ดังลั่นในอากาศ
เหมือนกับปีศาจ มือทั้งสองของเย่ว์หยางจับน่องของสิงเหมิ่งไว้ พวกเกร็งเรี่ยวแรงได้ เขายกสิงเหมิ่งขึ้นในอากาศและทุ่มลงกับพื้น
ความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยาง ดูเหมือนกับว่าเขาเหวี่ยงกระสอบยัดนุ่นลงมา เขายกร่างของสิงเหมิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเขาหลายเท่าฟาดลงกับพื้นซ้ำๆ อย่างรุนแรงและบ้าคลั่งทำให้สะเก็ดหินปลิวว่อนไปทั่ว ในที่สุด เหมือนกับคิดได้ว่า มันยังไม่เพียงพอ เขาจับสิงเหมิ่งหวดเข้ากับผนังหินจนถ้ำสะเทือนแทบถล่มทลาย
……………..