===============
เย่ว์หยางกลับไปถึงตระกูลเย่ว์ แต่เขาหาแม่สี่ไม่พบ
ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ไม่ว่าปู่ห้าผู้ขี่กวางต่างก็ไม่อยู่บ้าน รักษาการประมุขตระกูลเย่ว์ซานแะลุงรองเย่ว์หลิ่งไปฉางจิงเพื่อเตรียมการแข่งขันประลองร้อยสถาบัน แม้แต่คุณชายใหญ่และเย่ว์เยี่ยนศัตรูคู่แค้นของเย่ว์หยางก็ไปยังหอทงเทียนเพื่อจบการฝึกครั้งสุดท้าย ปราสาทตระกูลเย่ว์ทั้งหมด นอกจากผู้อาวุโสไม่กี่คนที่ไม่เคยออกมาข้างนอกและญาติห่างๆ ก็เหลืออยู่แต่เพียงผู้รับใช้ของครอบครัวสาขา หลังจากเย่ว์ปิงถามดูแถวๆ นั้นพวกเขาก็รู้ได้ว่ามารดาของพวกเขากลับไปยังเมืองไป๋ฉือ ยิ่งไปกว่านั้น แม่สี่ได้กลับไปหลังจากเย่ว์หยางและเย่ว์ปิงออกไปจากปราสาท
“นี่ก็แปลก, แม่สี่ต้องการจะอยู่ดูแลอาสี่ไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เย่ว์หยางไม่เคยพบอาสี่มาก่อน
เขารู้แต่เพียงว่าแม่นางเฟิงคอยดูแลท่านอยู่ แล้วแม่สี่จะไปอยู่กับพวกเขาได้อย่างไร เขาไม่เคยคิดมาก่อน
เป็นไปได้ไหมว่าแม่สี่กลับไปที่เมืองไป๋ฉือ เพราะนางถูกรังแก?
นี่ก็ไม่น่าจะใช่เหตุผล ขณะที่เย่ว์ปิงกับเขาสร้างความแข็งแกร่งเพื่อตระกูล แม้แต่รักษาการประมุขตระกูลเย่ว์ซานและลุงรองเย่ว์หลิ่งยังไม่กล้าแสดงท่าทีอะไร ไม่น่าที่จะมีใครมากวนใจแม่สี่ได้
อย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เย่ว์หยางรู้สึกสับสนและมึนงง
“คุณนายสี่บอกว่านางโล่งใจแล้ว เนื่องจากมีแม่นางเฟิงคอยดูแลนายสี่ นางบอกว่ารู้สึกไม่ดีที่ทิ้งบ้านในเมืองไป๋ฉือไว้นาน นั่นคือสาเหตุที่นางจะไปพาลุงหนานและป้าสวีกลับมา อาการป่วยของนายสี่บางทีก็ดีขึ้น บางทีก็แย่ลง ยังเอาแน่นอนไม่ได้ แม่นางเฟิงบอกว่ามีความหวังที่เขาจะดีขึ้นได้ถ้านางพาเขาไปรับการรักษาบางอย่าง ข้ายังไม่แน่ใจเรื่องนี้” พ่อบ้านรายงานข้อมูลให้เย่ว์หยางทันที เนื่องจากเขากลัวว่าจะไปยั่วโมโหคุณชายสามผู้ไม่ธรรมดานี้ ปัจจุบันนี้เย่ว์หยางไม่ใช่คุณชายสามผู้สวะอีกต่อไป ในสายตาของบ่าวรับใช้ เขาเป็นคนโหดร้ายที่สามารถฆ่าคนได้โดยไร้ความปราณี พวกเขากลัวว่าศีรษะจะหลุดจากบ่าได้หากพูดอะไรผิดพลาดไป แน่นอนว่าหัวหน้าบ่าวทาสผู้นี้ระมัดระวังตัวมาก
“ถ้าเป็นแบบนี้… อย่างนั้นเราไปกัน” เย่ว์หยางเริ่มเข้าใจสถานการณ์ ไม่ใช่ว่าแม่สี่ปฏิเสธที่จะอยู่ดูแลอาสี่ แต่เป็นแม่นางเฟิงนั้นพาอาสี่ไปรักษาเพิ่มต่างหาก
เห็นได้ชัดว่าพิษที่อาสี่ได้รับนั้นร้ายแรงมาก
เย่ว์หยางตั้งใจจะถามถึงว่ายาแบบไหนที่แม่นางเฟิงต้องใช้ แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้ามึนงงของหัวหน้าคนใช้ เขาแน่ใจว่าหัวหน้าบ่าวทาสคงไม่รู้รายละเอียดของข้อมูล
เขาพาเย่ว์ปิงไปหมู่บ้านตระกูลเย่ว์เพื่อเทเลพอร์ตไปเมืองฉางจิงชุมทางเทเลพอร์ต จากนั้นไปเมืองหงเหยียนและสุดท้ายก็เป็นเมืองไป๋ฉือ
แม้ว่าเป็นกระบวนเดินทางที่ซับซ้อนมาก แต่ก็ใช้เวลาไม่นานเกินไป แค่เสียค่าใช้จายเพิ่มอีกเล็กน้อย
เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงกลับมาบ้าน รู้สึกยินดีและคาดหวังเต็มเปี่ยม
เย่ว์หยางชอบบ้านน้อยแต่อบอุ่นสงบสุขในเมืองไป๋ฉือมากกว่าปราสาทตระกูลเย่ว์ เขามาจากบ้านน้อยหลังนี้ ดังนั้น เขาไม่มีความรู้สึกผูกพันต่อปราสาทตระกูลเย่ว์และคนที่นั่น มีเพียงแม่สี่, เย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงที่เป็นญาติสนิทของเขา สำหรับคนอื่นๆ เขาไม่เคยรู้จัก ในฐานะที่เป็นญาติของเขา อย่างมากที่สุด พวกเขาเป็นคนที่เขารู้จักเท่านั้น
เย่ว์หยางได้กลิ่นหนึ่ง เป็นกลิ่นคาวเลือดทันทีที่เขาก้าวเข้าไปในบ้าน
สีหน้าของเขาเปลี่ยน เขารีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
เขาพบว่าในบ้านเต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือด บ่าวทาสหลายคนที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินตายอย่างอนาถ เลือดกระจายไปทั่วบริเวณ
เย่ว์หยางไม่สามารถหาร่างแม่สี่และเด็กหญิงน้อยในกองคนตายได้ ไม่มีร่องรอยของบ่าวชราลุงหนานและป้าสวีเช่นกัน
เขาตระหนักได้ทันทีว่า บางทีแม่สี่และเด็กหญิงยังไม่ถูกฆ่า แต่ถูกฆาตกรลักพาตัวไป
เย่ว์หยางโกรธจัดจนแทบคลั่ง เขาแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เขารู้แน่ว่าคงเป็นเรื่องโง่ หากเขาสูญเสียการควบคุมตนเองและเป็นบ้าไป เขาต้องไปช่วยแม่สี่และน้องสาวคนเล็กกลับมาทันที คราบเลือดบนพื้นและศพที่ยังไม่แข็งตัวดีนักแสดงให้เห็นว่าพวกเขาถูกสังหารไม่เกิน 24 ชั่วโมง เย่ว์หยางระงับความโกรธและตรวจสอบระยะเวลาตายและกระจกตาของศพบ่าวทาส เขาระบุได้ว่าเวลาที่บ่าวรับใช้ถูกสังหารควรจะอยู่ที่ราวๆ สิบชั่วโมง
แม่สี่ไปที่ไหน?
นางหลบไปกับลุงหนานหรือถูกฆาตกรลักพาตัวไป
และใครจะทำแบบนี้ได้? พวกเขาบ้ามากขนาดไหนถึงบังอาจแตะต้องสมาชิกของตระกูลเย่ว์ โดยทำร้ายแม่สี่? เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นโจร หรือฆาตกรที่มีแรงจูงใจ?
เย่ว์หยางสับสนไปหมด เขาคิดเรื่องทั้งหมดไม่ออก
แม่สี่เผชิญกับหายนะเช่นนี้ได้อย่างไร ในเมื่อนางเพิ่งมาถึงบ้านได้ไม่กี่วัน? เรื่องนี้น่าสงสัยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม, เนื่องจากเย่ว์ปิงตกใจมากจนตัวสั่นไม่หยุด ก่อนอื่นเย่ว์หยางต้องสร้างเรื่องเพื่อปลอบใจนางก่อน “อย่าเพิ่งกลัว, ทำใจดีๆไว้, แม่สี่น่าจะหลบไปได้ด้วยความช่วยเหลือของคนบางกลุ่ม ไม่มีศพแม่สี่และซวงเอ๋ออยู่ด้วย เราจะต้องติดตามร่องรอยไปเพื่อช่วยพวกนาง ปิงเอ๋อ! ทำใจดีๆ ไว้ อย่าร้องไห้ เจ้าต้องเข้มแข็งไว้ ไปพาแม่กลับมาด้วยกัน!”
เย่ว์ปิงกลัวมากแทบว่าจะเป็นลม ขาของนางอ่อนเปลี้ยจนแทบไม่สามารถเดินได้
นางกลัวจัดจนร่างสั่นเทิ้มไม่หยุด…
ทันใดนั้น เย่วหยางจำอะไรบางอย่างได้ เขาแบกเย่ว์ปิงขึ้นหลังและวิ่งไปยังสมาคมนักฆ่า
(นักล่าค่าหัว)
เขาสามารถรู้ตำแหน่งของแม่สี่และซวงเอ๋อได้หลังจากพบฆาตกร
การเสนอผลตอบแทนไม่ใช่เรื่องหลักของเขา เย่ว์หยางเพียงต้องการรู้จักคนที่บุกรุกบ้านของเขาและสังหารทุกคน
ผลของการตรวจรายชื่อฆาตกรทำให้เขาตะลึง
เขาเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนแต่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจมากนัก ชื่อมันคือ ฉางเตา
เมื่อเขาฆ่าเถี่ยขวงเมื่อก่อนนี้ เย่ว์หยางเคยได้ยินชื่อเสียหั่วและฉางเตาจากหญิงอกโตจากร้านเหล้า อูอี้และเสียหั่วถูกเย่ว์หยางฆ่าในป่าบันเทิง หลังจากนั้น เย่ว์หยางก็ไปหอทงเทียนเพื่อตามหาเย่ว์ปิง จากนั้นก็พาน้องสาวและแม่สี่ไปอาละวาดที่ปราสาทตระกูลเย่ว์… เขาลืมฆ่าฉางเตาไปเลย แต่ฉางเตารู้ว่าเขาเป็นคนฆ่าเถี่ยขวง, อูอี้, และเสียหั่วได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น ทำไมเขาถึงได้บุกบ้านของเขาและฆ่าทุกคนในบ้าน จากนั้นลักพาตัวแม่สี่และเด็กหญิงไปด้วย?
เป็นไปได้ไหมว่ามีคนคอยบงการเขาอยู่เบื้องหลัง?
เย่ว์หยางจำข้อมูลที่สาวร้านเหล้าทรงโตบอกเรื่องราวฉางเตา นางบอกว่า “ดาบของเขาไวมาก แม้ตอนที่เขายังนั่งดื่มเหล้า เขาก็ยังสามารถฆ่าคนหลายสิบโดยเพียงโบกมือเท่านั้น ปกติ เขาจะไม่มาเมืองไป๋ฉือบ่อยนัก เขาเดี๋ยวก็ปรากฏตัวเดี๋ยวก็หายไปไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ตาม ฉางเตาผู้นี้มีความโดดเด่นเห็นได้ชัด มือขวาที่ถือดาบจะใหญ่กว่าข้างซ้าย อย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่ง”
ฉางเตา, ถ้าเพียงเขาสามารถหาตัวมันพบ
เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์เงินออกมาและพยายามหาร่องรอยของฉางเตาบนแผนที่บุปผาโลหิต
รูปมีดบุปผาโลหิตปรากฏบนชื่อของฉางเตาในแผนที่บุปผาโลหิต ชี้ไปบนพื้นที่แห่งหนึ่ง… เป็นเขตที่ไม่ได้อยู่ในเมืองไป๋ฉือ มันอยู่ห่างเมืองไป๋ฉือไกลเกินกว่า 100 กิโลเมตร เทือกเขาสุนัขโหย…เทือกเขาสุนัขโหยเป็นส่วนหนึ่งของเขามีเมฆหมอกปกคลุม พวกทหารรับจ้างตั้งชื่อว่าเทือกเขาสุนัขโหย เพราะมันดูเหมือนกระดูกสันหลังของสุนัขผอมโซ นอกจากนี้ มันมีลักษณะเป็นภูมิประเทศที่อันตรายและถูกทิ้งรกร้างมีแต่เพียงสุนัขเถื่อนวิ่งหากินอยู่ที่สันเขา
มันเป็นสถานที่ซึ่งแม้แต่โจรก็ยังพบว่ายากจะอยู่รอดได้ ในบริเวณสันเขา ยังมีผาสูงชันและหน้าผามากพอๆ กับหุบเขาขนาดต่างๆ
กล่าวกันว่าสงครามที่น่าอนาถได้เกิดขึ้นครั้งหนึ่ง ณ บริเวณแนวเขาสุนัขโหยจนทำให้หลายๆ คนต้องตายภายใต้แนวเขาสุนัขโหย มีกองกระดูกมนุษย์ในหุบเขาจนถึงวันนี้ ประมาณว่าทหารที่ตายแล้วไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้และกลายเป็นผีที่น่าเกลียดน่ากลัววนเวียนอยู่ในที่แห่งนี้
แนวเขาสุนัขโหยเป็นสถานที่ผีสิงที่น่ากลัวมาก
ทำไมฉางเตาถึงได้ไปสถานที่แห่งนี้?
อาจเป็นได้ว่าเขาเป็นคนลักพาแม่สี่และเด็กหญิงไปแนวเขาสุนัขโหยหรือเปล่า?
เย่ว์หยางเก็บความสงสัยไว้ในใจ เขาปลอบโยนเย่ว์ปิงที่ยังตัวสั่นด้วยเสียงที่นุ่มนวล “อย่ากลัวเลย, แม่สี่ยังปลอดภัย ข้าต้องหาตัวฆาตกรให้ได้ มันชื่อฉางเตา สหายของเสียหั่ว ข้าคิดว่าเขาเป็นคนลักพาตัวแม่สี่และซวงเอ๋อไป แม่สี่น่าจะอยู่ที่แนวเขาสุนัขโหย ข้าจะไปช่วยพวกนางทันที ตอนนี้สภาพของเจ้ายังไม่ค่อยดี เจ้ากลับไปรอข่าวดีที่สถาบันน่าจะดีกว่า อย่าห่วง ข้ามั่นใจจะพาแม่สี่กับซวงเอ๋อกลับมาได้อย่างปลอดภัย”
“ไม่, ไม่นะ…พี่สาม! ข้าอยากไป, ข้าอยากไปด้วย!” เย่ว์ปิงเกาะไหล่เย่ว์หยางเพื่อยืนยัน นางไม่ต้องการกลับ และไม่ต้องการลงจากหลังเขา
“อย่างนั้นเจ้าต้องว่าง่าย เจ้าต้องไม่ร้องไห้ เราสามารถทำได้เพียงช่วยแม่สี่กับซวงเอ๋อ ถ้าเราไม่ทำให้ศัตรูตื่นตัว” เย่ว์หยางรู้สึกสงสารโชคชะตาที่ไม่ดีของน้องสาวของเขาและแม่สี่ เขาเป็นต้นเหตุแห่งหายนะ ถ้าศัตรูต้องการล้างแค้นก็ควรตามหาตัวเขาแทน พวกนางไม่ควรต้องพลอยมารับเคราะห์
เย่ว์หยางเก็บความโกรธไว้และพยายามปลอบโยนเย่ว์ปิง
เย่ว์ปิงพยายามอย่างมากที่จะกลั้นน้ำตาเพื่อที่ว่านางจะได้ไม่เป็นตัวขัดขวางของพี่ชาย อย่างก็ตาม นางไม่สามารถควบคุมความกลัวและความเศร้าลึกๆ ในใจได้ นางปาดน้ำตาขณะสะอื้นเบาๆ
ขณะที่เย่ว์หยางดูมือของเย่ว์ปิงสั่นเทิ้ม จากนั้นมองตาที่เต็มไปด้วยแววอ่อนแอและหน้าที่ซีดของนาง เขาสาบานในใจว่าเขาจะช่วยแม่สี่ให้ได้แม้ว่าเขาจะต้องอาละวาดไปถึงนรกทั้งแปดขุม ถ้ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับแม่สี่และเด็กหญิง เย่ว์หยางตัดสินใจจะฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพื่อล้างแค้นให้พวกนาง แม้ว่าเขาจะต้องกลายเป็นเครื่องจักรที่ฆ่าคนไม่หยุดก็ตาม
แน่นอนว่า เย่ว์หยางจะช่วยแม่สี่ด้วยการทุ่มเททุกอย่าง
“ไปกันได้แล้ว ฮุยไท่หลาง! เย่ว์หยางเตะฮุยไท่หลางเหมือนจะเตือนให้มันช่วยนำพวกเขา ตามกลิ่นไปจนถึงปลายทาง
มันจะอยู่ใกล้กับแนวเขาสุนัขโหย ถ้าพวกเขาเทเลพอร์ตจากเมืองไป๋ฉือเข้าเมืองเฮย์หลิน แต่เทือกเขาสุนัขโหยใหญ่โตมาก ถ้าเป้าหมายของแผนที่บุปผาโลหิตไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ มันจะไม่ปรากฏตำแหน่งให้เห็นโดยพิเศษ แน่นอนว่า แม้การเทเลพอร์ตจะทำได้ใกล้ แต่มันทำให้เสียเวลาช่วยเหลือ ขณะที่พวกเขาจะไม่มีเป้าหมายที่ถูกต้องให้ไล่ตาม มันจะดีกว่า ที่ปล่อยให้ฮุยไท่หลางตามกลิ่นและเขาคอยตามไปพร้อมกับมันตลอดทาง
ถ้านี่ยังใช้ไม่ได้ อย่างนั้นพวกเขาจะเทเลพอร์ตไปที่เมืองเฮย์หลินและเปลี่ยนเส้นทางไปเทือกเขาสุนัขโหย
ยิ่งไปกว่านั้น จะมีประโยชน์ ถ้าให้ฮุยไท่หลางนำทาง มันจะนำทางไปตามกลิ่นของแม่สี่และเด็กหญิง ถ้าเป้าหมายไม่อยู่ที่แนวเขาสุนัขโหย อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าพวกเขานางไม่ได้อยู่กับฉางเตา
มันยังไม่สายเกินไปที่จะไปเทือกเขาสุนัขโหยเพื่อฆ่าฉางเตาหลังจากหาตัวแม่สี่และเด็กหญิงพบ
ฮุยไท่หลางวิ่งไปราวกับลูกธนูและนำทางไปเทือกเขาสุนัขโหย… เย่ว์หยางควบคุมความโกรธที่พลุ่งขึ้นมาจนเขาแทบจะควบคุมไม่ได้แล้ว เขาติดตามฮุยไท่หลางและวิ่งออกไปจากเมืองขณะแบกเย่ว์ปิงอยู่บนหลังของเขา ตอนกลางคืน ประตูเมืองไป๋ฉือปิด เนื่องจากเย่ว์หยางไม่มีที่ระบายอารมณ์ เขาตะโกนด้วยความโกรธ “พวกที่ขวางทางข้า จะต้องพินาศ!”
เสียงตะโกนดังราวกับฟ้าผ่า เย่ว์หยางยังไปต่อเหมือนมังกรและปล่อยหมัดที่แข็งแกร่งหนักหน่วงใส่ประตูเมือง
ประตูเมืองขนาดใหญ่แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนทันที
พวกทหารเฝ้าประตูเมืองร่วงลงมาบนพื้น ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกระแทกอย่างหนัก
กระทั่งเย่ว์หยางจากไปราวกับพายุสลาตันและหายลับไปในความมืด ขณะที่เขาวิ่งไปไกลแล้ว พวกทหารสั่นงันงกขณะที่ลุกขึ้นยืน พวกเขามองหน้ากันเลิกลั่ก ต่างก็ตกใจโดยไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เจ้าเมืองไป๋ฉือกำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจที่จวน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอึกทึก มือของเขาสั่นจนชาหกรดเสื้อผ้าสุดหรูของเขา
เมื่อบริวารของเขารีบเข้ามารายงานกับเขา เขาถึงกับขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีคนทำลายประตูเมืองไป๋ฉือโดยไม่มีเหตุผล? ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครที่มีความสามารถแบบนี้ นอกจากจอมยุทธ์ดาบทองกับข้า นี่มันแปลกจริงๆ … เดี๋ยวก่อน ยังมีอีกคนที่ทำแบบนี้ได้.. อย่าบอกข้านะว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้าเด็กบ้านั่น? พระเจ้า… ขออย่าให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเลย” เจ้าเมืองไป๋ฉือไม่ได้ออกคำสั่งบริวาร เขาต้องรับมือเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง เขากระโดดขึ้นไปในอากาศ โลดแล่นไปตามกำแพงสูง จากนั้นโดดข้ามกำแพงสูงและเหินร่อนไปพลางกวาดตามองไปตามหลังคา
จอมยุทธ์ดาบทองมาถึงที่เกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว เมื่อเจ้าเมืองไป๋ฉือโดดลงมาที่ลานบ้านของเย่ว์หยาง
สีหน้าของยอดยุทธ์ดาบทองถึงกับเคร่งเครียดจัด “นี่มันหายนะชัดๆ บ่าวทาสในตระกูลเย่ว์ถูกสังหารหมด คุณนายสี่และลูกสาวหายไป ตอนนี้ ปัญหาใหญ่มาเยือนแล้ว”
เจ้าเมืองไป๋ฉือตัวสั่นหลังจากได้ยินสิ่งที่จอมยุทธ์ดาบทองพูด “ใครบังอาจโจมตีสมาชิกตระกูลเย่ว์? ยิ่งไปกว่านั้น คุณนายสี่เพิ่งจะมาถึงบ้านได้ไม่กี่วัน มันคงไม่บังเอิญอย่างนั้น แม้ว่าจะเป็นแค่การโจรกรรมก็เถอะ? เราตายแน่ นี่เป็นเรื่องใหญ่และจริงจังแน่นอน”
“มันคงดีถ้าพวกมันมาเพราะตระกูลเย่ว์ แต่มันจะเป็นเรื่องหายนะหากพวกเขามาเพราะพี่สาวของตระกูลฮัว” จอมยุทธ์ดาบทองพูดอย่างขมขื่น
“เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครรู้สถานะแท้จริงของคุณนายสี่…” เจ้าเมืองไป๋ฉือตัวสั่นอีกครั้งขณะที่เขาได้ยินจอมยุทธ์ดาบทองพูด หน้าของเขามีเหงื่อผุดเต็มไปหมด..
****************