===============
เย่ว์หยางชักดาบฮุยจินของเขาแล้ววิ่งเข้าไปช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
แม้ว่าเขาเพิ่งจะต่อสู้ครั้งใหญ่มากับถูเฉิง ทั้งยังเจ็บไปทั้งตัวจนไม่สามารถใช้ปราณก่อกำเนิดได้เต็มที่ แต่เขายังสามารถใช้พลังวงกลมหยินหยางและความสามารถใช้ไฟขั้วหยางของเขา ก็สามารถแสดงพลังที่น่ากลัวได้ หลังจากปลุกความสามารถใช้พลังเพลิงอมฤตของเขาแล้ว ทักษะการใช้ไฟขั้วหยางของเขากลับแข็งแกร่งและบริสุทธิ์ขึ้น เมื่อเย่ว์หยางเงื้อดาบฮุยจินของเขา ไฟสีม่วงก็คลุมดาบของเขาทันทีกลายเป็นดาบเพลิงที่เห็นได้ชัด แล้วฟันลงด้วยพลังที่สามารถฉีกสวรรค์และโลกไปที่ยอดนักรบวิบัติที่ขับขี่ฉลามเสือทองในทะเลสาบ
นักรบวิบัตินั้นคิดได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี ดาบไฟหรือนั่น? นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้านรับได้ เขารีบขี่ฉลามเสือทองดำลงไปในทะเลสาบ
ถ้าเป็นเวลาอื่น เย่ว์หยางอาจใช้แผนอื่นแน่นอน
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาพอ
เขาเรียกเสี่ยวเหวินหลีทันทีแล้วสั่งให้เธอโจมตีศัตรูที่อยู่ในทะเลสาบ
เย่ว์หยางไม่สนอะไรมากอีกต่อไปแล้ว เขาจับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโยนลงไปในทะเลสาบ จากนั้นกอดเจ้าเมืองโล่วฮัวผู้ไม่มีทักษะทางน้ำพาโดดลงไปในทะเลสาบ เขาไม่ต้องการเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เขาเตรียมพาสองสาวไปด้วยขณะที่ฝืนใจใช้วิธีนี้รับมือเพื่อไปช่วยแม่สี่ให้เร็วขึ้น ยอดฝีมือนักรบวิบัติเหล่านี้มีทักษะรบทางน้ำ เขาปล่อยให้เสี่ยวเหวินหลีจัดการทั้งหมด
เจ้าเมืองโล่วฮัวร้องลั่น เพราะนางไม่เคยคิดว่าเย่ว์หยางจะใช้วิธีถึกเถื่อนอย่างนั้นฝ่าตรงเข้าไป
เขายังไม่ได้เอาชนะศัตรูเลยและ พวกเขาทั้งสามไม่มีทักษะสู้ทางน้ำ พวกเขารวมพลังกันอาจยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของพลังศัตรู แล้วพวกเขาจะฝ่าเส้นทางเข้าไปงั้นหรือ?
จากนั้นเมดูซาศิลาและเงือกวายุก็ถูกเรียกออกมาโดยเสี่ยวเหวินหลี พวกนางว่ายด้วยความเร็วมากกว่าเย่ว์หยาง พลังต่อสู้ใต้น้ำของพวกนางแข็งแกร่งกว่าความสามารถต่อสู้เหนือน้ำถึง 2-3 เท่า ร่างของเมดูซาศิลาและเงือกวายุไปได้เร็วราวสายฟ้าขณะที่พวกนางแยกทำน้ำแยกจากกันและตามมาทันเย่ว์หยาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว แม้แต่เสี่ยวเหวินหลีก็ลงน้ำมาเป็นคนสุดท้ายยังมาได้ไวกว่าเย่ว์หยางมาก
เมื่อเป็นการต่อสู้ในน้ำ แน่นอนว่ามันเป็นเขตแดนของเมดูซาศิลาและนางเงือกวายุ
เงือกวายุถือหอยสังข์เรียกพายุไว้ในมือขณะที่กระโจนลงในน้ำ เหมือนกับมีมือปีศาจที่มองไม่เห็นมาสร้างความปั่นป่วนในทะเลสาบ แอ่งน้ำวนยักษ์ปรากฏอยู่ทุกที่และมีทีท่าว่าจะดูดสิ่งมีชีวิตทุกอย่างลงไปในนั้น เมดูซาศิลาคว้าตัวองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หยางที่ยังกอดเจ้าเมืองโล่วฮัวไว้และดำลงไปถึงช่องใต้ดินใต้ทะเลสาบ
ฉลามเสือทองว่ายน้ำมาอย่างคึกคะนองพลางอ้าปากกว้าง ฟันคมกริบที่อันตรายดูน่ากลัวมาก
เมดูซาศิลาหันกลับไปจ้องฉลามเสือทอง
นางคลายมือปล่อยให้เย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไปต่อ
นางรีบยกคันธนูและตั้งท่ายิง
ฉลามเสือทองตัวนั้นกลัวมาก มันรีบหันว่ายน้ำหนีไปทันที แม้จะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกระโจนออกจากผิวทะเลสาบ แต่มันก็เหมือนกับได้พบนักล่าที่น่ากลัวเหลือเกิน
มีปลากระโทงดาบทองและปลาหมึกทองว่ายโฉบไปมาอยู่ด้านนอก ไม่กล้าเข้ามาใกล้ ขณะที่ยอดฝีมือนักรบวิบัติทั้งสามคน พยายามจะต่อต้านกับอ่างน้ำวนที่กล้าแข็ง พวกเขาสามารถบังคับตัวเองให้อยู่ในที่ของพวกเขา แต่พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ บริวารของพวกเขาผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ในน้ำ คนของพวกเขาที่รอซุ่มโจมตีทุกคนและสัตว์อสูรของพวกเขา ถูกดูดลงไปในอ่างน้ำวน ไม่มีใครสามารถหนีออกมาจากแรงดึงดูดของอ่างน้ำวนได้ ฉลามเสือทองก็หลบหนีออกมาจากการโจมตีของเมดูซาศิลาก็โดยกระโจนขึ้นมาจากน้ำ และมันก็ไม่มีโอกาสกลับลงไปในทะเลสาบได้อีก เมื่อมีแสงวาบของสายฟ้ายิงเข้าที่ตัวของมันด้วยเสียงดังปานฟ้าผ่า
ฉลามเสือทองได้เห็นฉากที่น่ากลัวที่สุด มีสัตว์อสูรที่งามสง่าแต่น่ากลัวลอยอยู่บนผิวทะเลสาบสามารถเรียกสายฟ้าได้อสูรทุกตัวลอยขึ้นมาบนผิวน้ำจากพลังสายฟ้า
“สวรรค์, นั่นคือนาคาสายฟ้า…”
ยอดฝีมือนักรบวิบัติทั้งสามคนโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ เมื่อพวกเขาเห็นเมดูซาศิลาและเงือกวายุลงมาในน้ำ พวกเขารู้ว่าศึกครั้งไม่ใช่จะสู้ได้ง่าย มีอสูรสองตนเป็นนักฆ่าใต้น้ำ เมดูซาศิลามีความสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดให้กลายเป็นหินและจมพวกมันลงในน้ำลึก ขณะที่เงือกวายุ แม้ว่าพวกเงือกจะเป็นสิ่งมีชีวิตละเอียดอ่อนและเปราะบาง แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่หนึ่งก็คือเงือกวายุ นางเงือกวายุละเอียดอ่อนและสวยงามมีพลังที่จะคว่ำทะเลและแม่น้ำก็ได้ อย่าว่าแต่ฉลามเสือและปลากระโทงดาบเลย เจ้าพวกนี้ยังจัดว่าเป็นอสูรขนาดธรรมดา ต่อให้เป็นวาฬยักษ์ สัตว์อสูรขนาดมหึมาก็ยังไม่กล้ากวนใจเงือกวายุ…อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้คนทั้งหมดสิ้นหวังก็คืออสูรที่น่ากลัวตัวที่สามที่ปรากฏขึ้นมา นาคาสายฟ้า
เมดูซาศิลาก็ว่าหายากแล้ว ปกติพวกนางจะซ่อนตัวอยู่ในเกาะร้างขนาดเล็กที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ พวกนางอาจซ่อนตัวอยู่ใต้ทะเลสาบ ปฏิเสธที่จะติดต่อกับมนุษย์ที่มีชีวิต
เงือกวายุมักจะว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรกว้างใหญ่อย่างอิสระเสรี พวกนางรักอิสระและชอบการละเล่น ไม่ชอบโจมตีผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม นาคาสายฟ้าแตกต่างจากสองตนแรกมาก
พวกมันดำรงอยู่ในโลกที่เป็นเครื่องจักรสังหาร
ไม่ว่าจะเป็นนาคาทะเลลึกหรือนาคาทะเล พวกมันทั้งสองเป็นเครื่องจักรสังหารและคลั่งไคล้การต่อสู้ พวกมันจะไล่ตามทุกอย่างที่มันเล็งเป้าหมายอย่างไม่ลดละจนกว่าพวกมันจะสังหารเป้าหมายได้ ถ้ามีคนถามถึงอสูรใต้น้ำที่ฉลาดที่สุดและน่ากลัวที่สุดคืออะไร มีเพียงคำตอบเดียวก็คือ นาคา
และถ้ามีผู้ถามว่านาคาชนิดไหนน่ากลัวที่สุดในบรรดานาคาทั้งหมด ก็คงมีเพียงคำตอบเดียวก็คือ นาคาสายฟ้า!
โอกาสที่นาคาสายฟ้าจะถือกำเนิดขึ้นมาได้มีเพียงหนึ่งในสิบล้านของนาคาทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกมันถือกำเนิดขึ้นมา ระดับของพวกมันอย่างน้อยก็ต้องเป็นจ้าวอสูรทอง พวกมันอาจกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ตั้งเกิด นาคาสายฟ้าสามารถเรียกสายฟ้าได้ง่ายมากไม่ว่าจะอยู่ใต้น้ำหรือเหนือน้ำ พวกมันสามารถสังหารศัตรูได้ง่าย โดยปกติพวกมันจะไม่ใช่อสูรจากทวีปมังกรทะยาน มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อหนึ่งปีที่แล้ว บรรพบุรุษในยุคโบราณได้นำพวกมันมาจากหอทงเทียนและแดนปีศาจเอามาไว้ในมหาสมุทรในทวีปมังกรทะยาน แม้ว่าจะมีเพียงนาคาไม่กี่ตนที่ยังมีอยู่ แต่พวกมันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในมหาสมุทรได้โดยเร็วและกลายเป็นจ้าวสมุทร พวกอสูรจ้าวสมุทรแต่เดิมอย่าง “จ้าวหมึกยักษ์”และจ้าวฉลามขาวมักจะถูกสายฟ้าฆ่าตายให้เห็นอยู่เสมอ ซากศพของพวกมันลอยอยู่เหนือสมุทร…
นาคาสายฟ้าที่บรรพบุรุษโบราณได้นำมาจากหอทงเทียนและแดนปีศาจเป็นแค่เพียงจ้าวอสูรทอง แต่นาคาสายฟ้าที่มาปรากฏอยู่ในทะเลสาบต่อหน้าพวกเขา แท้จริงแล้วเป็นอสูรระดับเพชร ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ยังปกป้องสมบัติในตำนาน “ผลึกสายฟ้า” ในมือนาง
ที่เหนือหน้าผา มีเมฆดำทะมึนก่อตัวอยู่
สายอสนีบาตถูกเรียกออกมาโดยนาคาสายฟ้า และโจมตีใส่สิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนผิวทะเลสาบ
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดตายทันที ไม่มีผู้ใดได้รับความปราณี
สามยอดฝีมือนักรบวิบัติพรวดพราดขึ้นฝั่งแล้วรีบเผ่นหนีไปจากทะเลสาบ
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาอาจจะถูกเมดูซาศิลาเปลี่ยนให้กลายเป็นหินจมอยู่ใต้ก้นทะเลสาบ หรือไม่ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ จากอ่างน้ำวนของเงือกวายุ ที่น่ากลัวที่สุดเห็นจะเป็นสายฟ้าของนาคาสายฟ้า ใครก็ตามที่หลงโดนสายฟ้าที่กลัวเข้า อาจจะโดนเผาไหม้เกรียมทั้งเป็น
ปลาหมึกทองถูกยิงโดยธนูทองของเมดูซาศิลา หนวดของมันกลายเป็นหิน จากนั้นโดนอ่างน้ำวนที่นางเงือกวายุเรียกออกมากระแทกจนแตกเป็นเสี่ยง และในที่สุด เหลืออยู่แต่เพียงศีรษะของมัน มันยังคงตะเกียกตะกายหลบหนีโดยพ่นน้ำออกจากปากของมัน แต่ในที่สุดก็ถูกเสี่ยวเหวินหลีฟัน มันพ่นหมึกสีดำออกมาคิดจะหลบหนีในท่ามกลางความมืด อย่างไรก็ตาม โดยไม่มีใครได้รู้ อสูรทองที่แปลงเป็นปลอกแขนของเย่ว์หยางกลับคืนสู่สภาพเดิม มันไม่สนใจหมึกสีดำและว่ายเข้าไปหาเจาะเข้าไปในแผลของปลาหมึกเข้าไปดูดพลังจากแก่นเวทที่อยู่ในสมองของปลาหมึกทอง
ส่วนปลากระโทงดาบทองสามารถว่ายน้ำได้เร็ว มันจึงหลบหนีขึ้นได้เรียบร้อย
เจ้านายของมันพยายามเรียกมันกลับเข้าไปในแก้วผลึกอัญเชิญ
อย่างไรก็ตาม ธนูทองยิงออกมาจากในน้ำปักเข้าที่หางของปลากระโทงดาบทอง จากนั้นสายฟ้าของนาคาสายฟ้าฟาดเข้าใส่ร่างของปลากระโทงดาบทองอย่างไม่ปราณี
นอกจากนี้ยังมีงูเล็กๆ ตัวหนึ่ง คล้ายอสูรมังกรน้ำเหวี่ยงร่างของปลากระโทงดาบทองขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่ร่างของปลากระโทงดาบทองหายไปมันจะกระแทกอย่างแรงใส่เจ้านายของมัน หน้าของยอดฝีมือนักรบวิบัติกระแทกเข้ากับส่วนหางที่กลายเป็นหินจนแตกเป็นชิ้น ก่อนที่ยอดฝีมือผู้นั้นจะได้ทันหายใจ เสี่ยวเหวินหลีตั้งหลักได้ควงมีดน้ำแข็งของเธอตัดปลากระโทงดาบทองที่กำลังดิ้นรนจนขาดเป็นสามท่อน….
“ไม่!” นักรบวิบัติที่เป็นเจ้านายของปลากระโทงดาบทอง จ้องมองอสูรที่เป็นสมบัติของเขาทั้งหมดตายต่อหน้า เขาร้องออกมาอย่างทรมานใจ
“รีบไปกันได้แล้ว ไม่มีเวลาเศร้าแล้วตอนนี้ รักษาชีวิตของเจ้าเอาไว้สำคัญกว่า!” สหายของเขา นักรบวิบัติอีกสองคนดึงเขาไปด้วยกัน ขณะที่พวกเขาพุ่งเข้าไปในแม่น้ำใต้ดินและหลบหนีไปด้วยความเร็วที่พวกเขาไม่เคยทำมาได้ก่อนในชีวิต
ในทะเลสาบ ฉลามเสือทองที่บาดเจ็บหนักมองดูอย่างทำอะไรไม่ได้ขณะที่เจ้านายของมันทอดทิ้งมันและหนีเอาตัวรอด
พอเผชิญหน้ากับผลึกสายฟ้าของนาคาสายฟ้า, ธนูทองของเมดูซาศิลา มังกรน้ำของนางเงือกวายุและเสี่ยวเหวินหลี ทันใดนั้นมันมีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ฉลาดมาก ตอนแรกมันพยายามหนีทันที แต่หลังจากนั้นมันตัดสินใจยอมแพ้ มันหงายท้องลอยอยู่เหนือทะเลสาบ มันไม่ได้ต่อต้านแม้แต่นิดเดียว และหวังว่าศัตรูของมันจะปราณีและไว้ชีวิตพวกมันเมื่อรู้ว่ามันพ่ายแพ้แล้วสิ้นเชิง
อสูรระดับทองและเหนือกว่ามีปัญญาที่อสูรธรรมดาไม่มี
พวกมันสามารถละทิ้งการต่อสู้และหักหลังเจ้านายของมัน นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาด
สำหรับอสูรชั้นทองแดงหรือชั้นสามัญ แม้ว่าพวกมันจะหนีไปและหักหลังเจ้านายของมัน ปัญญาของมันก็ยังมีจำกัดมาก เมื่อพวกมันโจมตีล้มเหลว พวกมันจะแตกตื่นและพยายามหนี พวกมันอาจไม่สามารถคิดยอมจำนนต่อศัตรูของพวกมัน
ยอมจำนนต่อเสี่ยวเหวินหลีที่เงื้อดาบคู่ของเธอรอไว้แล้ว แต่ในที่สุดเธอก็ลดดาบลงอีก
ดูเหมือนเธอไม่ชอบอสูรชั้นทองอย่างฉลามเสือทองตัวนี้เลยจริงๆ เหมือนกับว่าในสายตาเธอ ฉลามเสือทองตัวนี้เป็นอสูรสวะที่ไม่มีประโยชน์
เสี่ยวเหวินหลีมองดูขณะที่ฉลามเสือทองตัวสั่น เธอเอียงศีรษะมองดูเหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น เธอล้วงผลึกอัญเชิญออกมา เธอไม่ต้องการทำสัญญากับมัน ดังนั้นเธอจึงให้ผลึกอัญเชิญกับเมดูซาศิลา เมดูซาศิลาตอนแรกยังลังเลใจอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดก็เอื้อมมือออกมารับและเขียนวงเวทอัญเชิญที่หน้าผากของฉลามเสือทองหลังจากเสี่ยวเหวินหลียุนางไม่ลดละ นางพยายามผนึกอยู่ถึงสองครั้งแต่ล้มเหลว เมดูซาศิลาโกรธจัดแทบจะยกธนูทองของนางและเตรียมฆ่าฉลามเสือทอง..ในที่สุด ภายใต้คำแนะนำและช่วยเหลือของเสี่ยวเหวินหลีความตั้งใจของนางก็สำเร็จเป็นครั้งที่สาม