เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 212 – ตอนที่ 195 ภูตควันไฟ

===============
เสี่ยวเหวินหลีห้ามเย่ว์หยางไว้ อย่างไรก็ตาม เธอยังไม่ขยับทำอะไรต่อ

เธอมองร่างที่ตายแล้วของหญิงสาวพลางเอียงศีรษะดู และกระพริบตาเหมือนกับว่ากำลังคิดแก้ปัญหาบางอย่าง

ขณะที่ทุกคนมองเธอฝากความหวังไว้กับเธอเต็มเปี่ยม เสี่ยวเหวินหลีทำได้เพียงส่ายหน้าให้เย่ว์หยางเป็นทำนองว่าเธอไม่มีวิธีแก้ปัญหา เย่ว์ปิงกอดเสี่ยวเหวินหลีร้องไห้เหมือนใจจะขาด “ช่วยคิดหน่อยเถอะ ต้องมีสักทาง เจ้าหาทางออกได้ดีแน่นอน ช่วยคิดอีกสักครั้งเถอะ ขอร้องล่ะ ได้โปรด”

เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่มองดูเสี่ยวเหวินหลีอย่างใจจดใจจ่อ หวังว่าเธอจะสร้างปาฏิหาริย์ได้

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคว้าแขนเย่ว์หยางไว้แน่นขณะที่นางยังอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หวี่ นางรู้สึกประหม่ามาก ความจริงไม่ใช่แค่นาง เย่ว์หยางก็ยังกังวลมากเช่นกัน เขารู้ว่าเสี่ยวเหวินหลีส่ายหน้าเพราะเธอหมดทางช่วยจริงๆ แต่เขาหวังว่าอาจจะมีปาฏิหาริย์อะไรสักอย่าง

เธอมองเย่ว์หยาง ทันใดนั้น เธอทำท่าทางมือกับเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางสะดุ้ง

เป็นไปได้ไหมว่าเสี่ยวเหวินหลีต้องการคุยกับเขาตามลำพัง? ขณะที่เย่ว์หยางถูกความคิดหนึ่งกระตุ้น เขาโอบเสี่ยวเหวินหลีไว้ในอ้อมแขน และถามเธออย่างประหลาดใจว่า “เจ้ามีวิธีแก้ปัญหาหรือ?”

เสี่ยวเหวินหลีจับมือของเย่ว์หยางและกัดมือเขาเบาๆ จนกระทั่งเลือดไหลออกมาจากนิ้วของเขา

เธอเป่าแผลที่นิ้วของเย่ว์หยางด้วยปากน้อยๆ ของเธอเหมือนกับว่าเธอเสียใจต่อเย่ว์หยาง จากนั้นเธอดึงนิ้วของให้ยื่นออกไปจรดที่หน้าผากของสาวร้านสุราและใช้เลือดเขียนอักษรรูน (โบราณ) บนหน้าผากนาง

เมื่อพวกเขาเห็นการกระทำของเธอ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจด้วยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเธอ

เย่ว์หยางรู้สึกว่าอักษรรูนเป็นที่คุ้นเคยเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาเคยเห็นมันมาก่อนที่ไหนสักแห่ง อย่างไรก็ตาม เสี่ยวเหวินหลีวาดวงแหวนอักษรรูนเพื่อทำสัญญาบนหน้าผากของหญิงสาวที่เสียชีวิต ก่อนที่เย่ว์หยางจะสามารถจำได้ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าอย่างเงียบ แม้ว่ามนุษย์จะสามารถร่างสัญญากับสัตว์อสูรได้ แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะทำสัญญากับมนุษย์อีกคนหนึ่ง กฎโบราณนี้ไม่สามารถเปลี่ยนได้ นักรบสามารถทำสัญญากับอสูรรูปมนุษย์ได้ แต่ไม่สามารถทำกับมนุษย์ด้วยกันได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสัญญากับมนุษย์อ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นนักรบที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เข้าใจการกระทำของเสี่ยวเหวินหลี แต่นางรู้ว่าระหว่างมนุษย์ไม่สามารถทำสัญญากันแบบนี้ได้แน่

เสี่ยวเหวินหลีเขียนอักษรรูนโบราณตั้งแต่แก้ม คอ ไหล่และหน้าอกของหญิงสาวที่เสียชีวิตด้วยเลือดโดยเธอจับนิ้วของเย่ว์หยางเขียน

ในที่สุด วงเวทอักษรรูนถูกเขียนลงที่ตำแหน่งหัวใจของหญิงสาวที่ตายอีกครั้งโดยใช้เลือดของเย่ว์หยาง ขณะที่เธอเขียนวงเวทเสร็จ เธอจับนิ้วของเย่ว์หยางและจูบที่นิ้วของเขา เธอรู้สึกเสียใจต่อเย่ว์หยาง ตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาคล้ายกำลังจะร้องไห้

ความจริงเย่ว์หยางไม่ได้ถือสาเรื่องการสละเลือดตนเองตราบเท่าที่ยังมีความหวัง เขาจะไม่ถือสาอะไรแม้จะต้องจ่ายด้วยราคาที่สูงเพื่อช่วยหญิงสาวร้านสุรา

“ข้าไม่เป็นไร แม่หนูคนดี! อย่าร้องไห้เลย” เย่ว์หยางปลอบโยนเสี่ยวเหวินหลีโดยโอบเธอไว้ในอ้อมแขนเบาๆ และจูบแก้มน้อยๆ ของเธอ

“อือ…” จากนั้นเสี่ยวเหวินหลีพยายามทำมือคล้ายจะบอกว่าเธอต้องการใช้ไฟ ดูเหมือนเธอต้องการเผาร่างของหญิงสาวที่ตาย

“เราจะไปเอาน้ำมันจุดไฟเอง เราจะรีบไปรีบกลับ” เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่หมุนตัวและวิ่งออกไป อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขานำน้ำมันจุดไฟกลับมา เสี่ยวเหวินหลีโบกมือปฏิเสธ จากนั้นเธอดึงมือของเย่ว์หยางและเขย่า

เป็นไปได้ไหมว่าเย่ว์หยางต้องการให้เขาเผาด้วยตัวเขาเอง?

เย่คงยื่นน้ำมันจุดไฟให้เย่ว์หยาง แต่เสี่ยวเหวินหลียังคงโบกมือ

เย่ว์หยางฉุกนึกขึ้นได้ เป็นไปได้ไหมว่าเสี่ยวเหวินหลีต้องการให้เขาใช้ เพลิงอมฤต?

เพลิงอมฤตนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ทันทีที่มันถูกใช้ พื้นที่ทั้งหมดจะถูกทำลาย อาจทำให้เย่ว์ปิงและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตกอยู่ในอันตรายก็ได้

ขณะที่เย่ว์หยางนึกถึงผลที่จะตามมา เย่ว์หยางใช้ผ้าปูที่นอนห่อศพ เขาตัดสินใจนำศพไปยังสถานที่ที่เหมาะสม จากนั้นค่อยนึกหาวิธีใช้เพลิงอมฤต

เขาเปิดม้วนเทเลพอร์ตและตั้งประตูเทเลพอร์ตที่จะนำไปสู่มิติประลองที่เขาได้สู้กับถูเฉิง

แน่นอนว่า เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เบียดเสียดเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตจนได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงก็ห่วงเหมือนกัน ดังนั้นพวกนางจึงเข้าไปในประตูเทเลพอร์ตด้วย ศพของยักษ์ทองถูเฉิงและยักษ์เงินขวงจั่นยังคงอยู่บนพื้น ศพของมังกรทองและยักษ์โบราณระเกะระกะอยู่บนพื้น อสูรภูเขาไฟที่ฝังไว้ใต้ดินยังไม่ระเบิด สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางแปลกใจก็คือซากศพเหล่านั้นไม่พุพองขึ้นอืด ยังคงดูเหมือนเดิมแม้ว่าจะอยู่ตรงนั้นมานานมากกว่าสิบวันแล้ว

“ช่วยถอยไปห่างๆ หน่อย” เย่ว์หยางขอร้องเย่คงและคนที่เหลือซึ่งกำลังล้อมวงดูให้ถอยออกไปห่างๆ

เย่คงและพวกที่เหลือรีบถอยออกไปไม่กี่ก้าว เย่ว์หยางมองพวกเขาอย่างไม่รู้จะทำยังไง พอเห็นว่าพวกเขาไม่ถอยออกห่างเท่าที่เขาต้องการ เขาจึงอุ้มศพหญิงสาวร้านสุราโดดออกไปห่างๆ เอง

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถใช้พลังปราณก่อกำเนิดได้ในเวลานี้ แต่เมื่อเขาเผยพลังของตนเองออกมา ผลกระทบจากพลังที่เหมือนพายุสลาตัน สร้างคลื่นอัดกระแทกจนเย่คงและพวกที่เหลือกระเด็นออกไป

แม้แต่คนที่ตัวหนักอย่างเจ้าอ้วนไห่ก็ยังถูกคลื่นกระแทกจนกระเด็นได้ ขณะที่เขาล้มลง เขาประหลาดใจจนพูดไม่ออก เขารู้ว่าเย่ว์หยางมีพลังแข็งแกร่งมาก แต่พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่ว์หยางจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาครอบครองพลังที่แข็งแกร่งเหลือเชื่อ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังดีกว่าคนอื่น นางรู้จักพลังของเย่ว์หยางแล้ว อย่างไรก็ตามเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงทั้งคู่ตะลึงจนหุบปากไม่ลง

เย่ว์ปิงเรียกคัมภีร์ออกมาทันที เหมือนกับว่านางเห็นว่าเย่ว์หยางยังสร้างแรงระเบิดได้อีก

ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าอ้วนไห่ยังงุ่มง่ามเรียกคัมภีร์ของตนเอง หลังจากผ่านไปนาน เขาก็เรียกคัมภีร์ออกมาได้ในที่สุด ด้วยโล่ป้องกันที่พวกเขาสร้างขึ้น เย่ว์หยางไม่ต้องกังวลแล้วว่าเพลิงอมฤตของเขาคงไม่ทำร้ายเย่ว์ปิงและคนที่เหลือ

เย่ว์หยางพยายามรวมเพลิงอมฤตไว้บนฝ่ามือของเขา

การควบคุมเพลิงอมฤตจะทำได้ง่ายต่อเมื่อเขาอยู่ในสภาวะปราณก่อกำเนิด เย่ว์หยางไม่สามารถเรียกเพลิงอมฤตได้ราบรื่นนักหลังจากพยายามอย่างหนักเป็นเวลานาน เสี่ยวเหวินหลีชี้มาที่เย่ว์หยางอย่าได้ลำบากต่อไปเลย มือน้อยๆ ของเธอกอดขาของเย่ว์หยางแน่นขณะรอเขาอย่างเงียบๆ จากนั้นจู่ๆ อักษรรูนสีทองเข้มปรากฏบนตัวเย่ว์หยาง และเพลิงอมฤตถูกรวบรวมไว้ที่มือของเย่ว์หยางได้ในที่สุด ศพของหญิงสาวร้านเหล้าถูกเผาเป็นเถ้าถ่านภายในวินาทีเดียว

ดูเหมือนมีวงเวทอักษรรูนเผาอยู่ข้างในไฟอมฤตนานสองวินาที

อย่างไรก็ตามศพของหญิงสาวร้านสุราได้เป็นควันจางหายไปโดยไม่ปรากฏร่องรอยให้เห็น ขณะที่เพลิงอมฤตค่อยๆ หรี่ลงและหายไปจากฝ่ามือของเย่ว์หยาง เหมือนกับว่าหญิงสาวร้านเหล้าไม่เคยคงอยู่ในโลกนี้มาก่อน

แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ไม่สามารถทนต่อเพลิงอมฤตได้ อย่าว่าแต่สตรีธรรมดาเลย

เย่ว์หยางตะลึงงัน

เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะไม่มีแม้แต่เวลาเสียใจกับการกระทำของเขา ศพของหญิงสาวร้านสุราถูกเผามอดไหม้ไปภายในวินาทีเดียว

พอเห็นว่าพิธีกรรมคืนชีพล้มเหลว, เสี่ยวเหวินหลีทำอะไรไม่ถูก ได้แต่กอดเย่ว์หยางร้องไห้เสียงดัง เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้ออกมาอย่างจนปัญญา จากที่เธอเห็น เธอไม่เพียงทำลายโอกาสคืนชีพหญิงสาวเท่านั้น แต่เธอยังทำให้เย่ว์หยางเสียเลือดมากอีกด้วย ช่วงเวลานั้น เธอทนรับความผิดพลาดไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมาเสียงดังพร้อมกับโผเข้ากอดแขนเย่ว์หยาง น้ำตาเธอไหลอาบแขนเย่ว์หยาง

“ไม่เป็นไรลูก, อย่าร้องไห้เลย, นี่คือชะตาของนาง ไม่ใช่ความผิดของเจ้า!” เย่ว์หยางก็เศร้าใจมากเช่นกัน แต่การฟื้นชีพคนตายไม่สามารถบังคับกันได้ มันเป็นชะตากรรมของหญิงสาวนั้นที่ไม่สามารถคืนชีพได้ ไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวเหวินหลี

“แง……..” เสี่ยวเหวินหลีร้องไห้อย่างหัวใจสลาย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอร้องไห้เหมือนเด็กต่อหน้าเย่ว์หยาง แตกต่างจากภาพลักษณ์ตามปกติของเธอ ที่เป็นเทพสงครามตัวน้อย

เย่ว์หยางถอนหายใจแผ่วเบา เขาลูบหลังของเธอเบาๆ และจูบเธอทั้งน้ำตาเบาๆ

เขาพยายามอย่างดีที่สุด แต่เขาก็ยังล้มเหลว

ชีวิตของหญิงสาวร้านสุราโดดเดี่ยวและเศร้ายิ่งนัก นางยังสูญเสียโอกาสที่จะคืนชีพอีกด้วย

นางมีชีวิตที่น่าสงสารมาทั้งชีวิต เย่ว์หยางส่ายหน้าขณะที่เขามองดูคนอื่นร้องไห้เสียใจ หลังจากเก็บศพถูเฉิง, ขวงจั่น, มังกรทองและอสูรยักษ์โบราณแล้ว เขาอุ้มเสี่ยวเหวินหลีที่ยังคงไห้อยู่เตรียมไปจากที่เศร้าแห่งนี้

ทันใดนั้น ภูเขาไฟที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นก็ระเบิดขึ้น

บึ้ม บึ้ม!

ลาวาเดือดพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียงพื้นสั่นสะเทือน

เย่ว์หยางประหลาดใจ ความจริงแล้วกับดักภูเขาไฟเหล่านี้ถูเฉิงวางไว้เพื่อทำร้ายเขา มันจะไม่ระเบิดหากไม่มีใครกระตุ้นพวกมัน ทำไมอยู่ๆ มันถึงระเบิดขึ้นมาเองได้

บึ้ม.. บึ้ม.. บึ้ม… บึ้ม……

ภูเขาไฟทั้งสิบที่ถูกซ่อนไว้ใต้พื้นระเบิดขึ้นทีละลูก ลาวาสีแดงเลือดพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า เถ้าภูเขาไฟ ควันหนาทึบและลาวาสีแดงถูกพ่นออกมาจากภูเขาไฟ ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้ทำอะไร ทันใดนั้นเย่ว์หวี่หวีดร้องอย่างตกใจ “มาตรงนี้เร็วเข้า ดูนี่ิสิ มีเงาแปลกๆ อยู่ตรงนั้น.. ทุกคนดูสิ!” เย่ว์หยางมองดูตรงตำแหน่งที่เย่ว์หวี่ชี้ให้ดู และพบว่ามีเงาแปลกๆ ร่างหนึ่งก่อตัวจากเปลวไฟและควันหนาทึบลอยขึ้นมาเหนือลาวา ดูเหมือนมันจะสนุกร่าเริงขณะที่มันเคลื่อนลอยออกมาจากลาวา

“นั่นอะไร?” เย่ว์หยางสังเกตว่าเงาประกอบด้วยเปลวไฟสามส่วนและควันหนาอีกเจ็ดส่วนดูคล้ายกับหญิงสาวร้านสุราที่ตายไปแล้ว

เงานี้ไม่มีร่างที่มั่นคง ร่างของนางแทบจะมองไม่เห็นท่ามกลางควันไฟที่โหมกระหน่ำ ร่างของนางเปลี่ยนแปลงรูปอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับว่านางบิดตัวทำให้รูปผิดเพี้ยนเมื่อไหร่ก็ได้ ผ่านไปชั่วครู่ นางก็กลายเป็นสายควันลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ชั่วครู่ต่อมานางก็กลายเป็นลูกไฟและพุ่งกระแทกเข้าใส่ลาวา

ลาวาไม่เพียงแต่ไม่มีอันตรายสำหรับร่างเงานั้น แต่ยังเพิ่มพลังให้อีกด้วย

ควันหนาทึบและลาวาจากภูเขาไฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างเงา ขณะที่นางเคลื่อนออกมาจากภูเขาไฟ

เย่ว์หยางเหลือบเห็นอักษรรูนที่คุ้นเคยบนหน้าผากของเงา วงเวทอักษรรูนเลือนรางแทบมองไม่เห็นมีอยู่บนร่างของนางด้วยเช่นกัน เงานี้คือสาวร้านสุราที่มีพัฒนาการแล้วแน่นอน นางไม่ได้ตาย แต่นางกลายเป็นสาวควันไฟแทน ร่างของนางทำจากควันและไฟที่หนา นางดูไม่เหมือนทั้งมนุษย์ ไม่เหมือนสัตว์อสูร จนยากจะจำแนกได้ว่านางอยู่ในประเภทใดกันแน่

อย่างไรก็ตาม ทุกคนรู้สึกยินดีมากขึ้นเพราะนางฟื้นขึ้นมาแล้ว โดยไม่คำนึงว่านางจะดูเป็นอย่างไร

เสี่ยวเหวินหลีมีความสุขที่สุด เธอกอดคอเย่ว์หยางดูสดชื่นร่าเริงขึ้น

แม้ว่าการคืนชีพจะไม่สำเร็จเต็มที่ แต่ก็ไม่ถึงกับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ความคิดของเธอส่วนหนึ่งถูกต้อง อย่างน้อยหญิงสาวนางนี้ก็ต้องใช้เลือดของเย่ว์หยางเป็นจำนวนมากชำระวิญญาณนาง แม้ว่าร่างของนางจะถูกทำลายไปแล้ว

“ดูเหมือนนางจำเราไม่ได้อีกต่อไป…” เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเรียกนาง 2-3 ครั้ง หญิงสาวผู้ก่อตัวจากควันและไฟก็หันตัวมาหยุดต่อหน้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขณะที่นางหมุนควันหนาจนเป็นลำ นางจ้องดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ชั่วครู่ด้วยนัยน์ที่มีเปลวไฟลุกไหม้แล้วปล่อยองค์หญิงไว้เหมือนกับว่าจำนางไม่ได้ นางดูเหมือนเด็กผู้สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป เอาแต่เล่นอย่างสนุกสนานอย่างเดียว

“ไม่เป็นไร ตราบใดที่นางยังมีความสุข” เย่ว์หยางยิ้ม บางทีนี่ถือว่าเป็นการจบเรื่องที่ดีที่สุดแล้วสำหรับหญิงสาวร้านสุรา

ถ้านางยังคงมีความทรงจำในอดีตชาติอยู่ อาจทำให้นางมีความทุกข์ใจมากยิ่งขึ้น

ร่างกายไม่มีขีดจำกัด ก็ดีต่อนางที่จะได้สนุกสนานอย่างไม่มีอะไรต้องกังวลมิใช่หรือ? บางครั้งอาจเป็นความสุขแบบหนึ่งเหมือนกันเมื่อคนเราไม่สามารถจำหรือเข้าใจบางเรื่องได้

เย่ว์หวี่พยักหน้าเหมือนกับว่านางเห็นด้วยกับเย่ว์หยาง แม้แต่นางก็คิดทำนองเดียวกัน

เย่ว์ปิงยิ้มสดใสทั้งที่ใบหน้ายังมีคราบน้ำตา ในที่สุดพายุก็ผ่านไป นางเข้ามาเกาะแขนเย่ว์หยางพูดเชิงหยอกล้อ “พี่สาม! พานางกลับไปบ้านด้วยก็ได้ แม้ว่านางจะอยู่รูปแบบนี้”

“ปล่อยนางไว้ ให้นางใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ก็ได้ นางเป็นคนของที่นี่แล้ว อาจไม่ค่อยดีสำหรับนางที่จะกลับทวีปมังกรทะยาน” เย่ว์หยางลูบศีรษะของเย่ว์ปิงขณะที่เขาปฏิเสธข้อเสนอของนาง

“ถ้านางอยู่ที่นี่ตามลำพัง นางจะไม่เหงาหรือ?” เย่ว์ปิงถาม ขณะที่นางรีๆ รอๆ

“ไม่เป็นไรหรอก เรามาเยี่ยมนางก็ได้เมื่อมีเวลาว่าง “เย่ว์หยางอุ้มเสี่ยวเหวินหลีด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่ใช้มืออีกข้างหนึ่งเปิดม้วนเทเลพอร์ต พวกเขาเตรียมพร้อมจะจากไป

เมื่อสาวควันไฟที่เอาแต่เล่นสนุกสนานเห็นร่างเย่ว์หยางกำลังอุ้มเสี่ยวเหวินหลี นางลอยตัวมาหยุดอยู่หน้าเย่ว์หยางพลางมองดูเขาโดยไม่กระพริบตา เย่ว์หยางโบกมืออำลานาง ทันใดนั้นนางเข้ามาใกล้เย่ว์หยางและจ้องมองตาเย่ว์หยาง นางยื่นนิ้วที่มีเปลวเพลิงออกเหมือนกับว่าพยายามจะแตะดวงตาเย่ว์หยาง

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสะดุ้ง ในไม่ช้านางก็รีบเตือน “เย่ว์หยาง นางยังมีความทรงจำบางส่วน นางจำดวงตาเจ้าได้”

ทันใดนั้น สาวควันไฟชักมือนางกลับมา และกลายเป็นควันบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอีก

นางเปลี่ยนเป็นลูกไฟขณะที่บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะพุ่งเข้าไปใกล้ภูเขาไฟอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เล่นลาวาอย่างมีความสุข เห็นได้ชัดว่านางจำเย่ว์หยางไม่ได้อีกต่อไป มันเป็นแค่เศษเสี้ยวแห่งความทรงจำที่มีผลต่อสภาวะใจของนางเท่านั้น

ทุกคนถอนหายใจเงียบๆ เย่ว์หยางได้แต่ยิ้ม

ขณะที่เย่ว์หยางหันกายหมายจากไป สาวควันไฟกลับมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง นางตามมาข้างหลังเย่ว์หยาง จากนั้นก็ม้วนตัวเป็นควันไปอยู่ด้านหน้ามองดูตาของเขา

“เย่ว์หยาง! ลองอัญเชิญนาง นางอาจเป็นอสูรของเจ้าก็ได้.. แค่ลองดูสักครั้ง” ในความเห็นขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน สาวควันไฟไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นมนุษย์แล้ว นางน่าจะเป็นอสูรสายธาตุจำเพาะไปแล้ว

“เป็นไปไม่ได้ มนุษย์ไม่สามารถทำสัญญากับมนุษย์อีกคนหนึ่งได้ นี่คงใช้ไม่ได้แน่” เย่ว์หยางก็ยังรู้ว่านักรบสามารถทำสัญญาได้เฉพาะกับสัตว์อสูรเท่านั้น

“แค่ลองดูสักครั้ง มีวงแหวนเวทพันธสัญญาอยู่บนหน้าผากนาง” ไม่เพียงแต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่สงสัยเท่านั้น ทุกคนก็เห็นความจริงด้วยตาตนเอง สาวควันไฟไม่ถือว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว เหลือแต่เพียงวิญญาณของนางเท่านั้น พวกเขาทุกคนสงสัยว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?

บางทีอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและแม่เฒ่าอู๋เถิงคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้น ดีที่สุดก็คือนำนางออกไปจากที่นี้

เย่ว์หยางพยายมอัญเชิญนางในใจ เขาสังเกตได้ว่ามีความเชื่อมโยงกับความคิดของสาวควันไฟจริงๆ

แต่มันอ่อนมาก

เขาพยายามเรียกนาง แต่เขาสังเกตว่า มีการต่อต้านและมีความคิดที่ปฏิเสธเขา

สาวควันไฟพอจ้องดูตาเย่ว์หยางก็ปรากฏอาการตกใจทันที จากนั้นนางเปลี่ยนรูปเป็นสายควันหมุนตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าหลบเข้าไปในลาวาและหายไปทันที เย่ว์หยางงง เขาเรียกคัมภีร์เงินออกมา เขารู้สึกงงอีกครั้งเมื่อเปิดดู

เป็นไปตามคาด ภาพควันไฟได้เพิ่มลงไปในหน้าว่าง

ภูตควันไฟ : อสูรธาตุจำเพาะ รูปทรงมนุษย์ อสูรเงินระดับ 1 ร่างไร้ลักษณ์, อสูรพิทักษ์, ไม่มีรูปแน่นอน, ทักษะพิเศษ – ร่างไร้รูปทรง, บังหวนควัน, ติดไฟ

ทุกคนตะลึงขณะที่พวกเขามองดูคัมภีร์

เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์ธรรมดาจะเปลี่ยนร่างเป็นอสูรพิทักษ์ได้?

พวกเขาคิดว่าคนเราจะมีอสูรพิทักษ์ได้เพียงตัวเดียว พวกเขาไม่รู้ว่าเย่ว์หยางมีอสูรพิทักษ์อยู่หลายตน แต่พวกเขาไม่เคยเห็นกรณีที่มนุษย์คนหนึ่งกลายรูปเป็นอสูรพิทักษ์ไปได้ สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางแปลกใจที่สุดก็คือเขาควบคุมนางไม่ได้ มันพิสูจน์ได้ว่านางมีระดับสติปัญญาที่สูงขณะที่นางรู้วิธีต่อต้านเขา ระดับปัญญาของนางไม่น่าจะต่ำกว่านางพญากระหายเลือด ถ้านางได้รับการฝึกที่เหมาะสม อนาคตของนางคงไม่มีขีดจำกัดแน่

“ช่างเถอะ! แค่นี้ก็ดีพอแล้ว!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าจบเรื่องแบบนี้ก็ดีพออย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมเขา

“ใช่, นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่อาจเคยเกิดขึ้นมาก่อน ข้าก็หวังให้เรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น” เมื่อเย่ว์ปิงรู้ว่าหญิงสาวร้านสุราผู้ช่วยชีวิตมารดาและน้องสาวของนางไม่ตายและกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของพี่ชายของนาง นางรู้สึกยินดีและมีความสุข นางผงกศีรษะเล็กน้อยเห็นด้วยกับพี่ชายของนาง

เมื่อเย่ว์หยางและคนที่เหลือจากไป สาวควันไฟก็ม้วนตัวเป็นควันออกมาจ้องดูร่างของเย่ว์หยางที่กำลังจากไปอย่างสงสัย

แม้ว่านางจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ก็ยังมีเศษเสี้ยวความทรงจำเล็กน้อยที่ทำให้นางรู้สึกเหมือนกับว่าเย่ว์หยางต่างจากคนอื่นๆ นางไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรจึงจะถูก

ทันทีที่พวกเขากลับมาเมืองไป๋ฉือ เย่ว์หยางขอให้เย่ว์ปิงไปที่ห้องรับแขกและเรียกอาจารย์จิ้งจอกมา

ขณะที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ฟังพวกเขา เขาสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ “เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ พวกเจ้าทั้งสองคงร่วมกันหลอกข้า เพื่อที่ว่าข้าจะได้ถูกพวกเจ้าทำให้ขายหน้าใช่ไหม? มนุษย์จะกลายเป็นสัตว์อสูรได้อย่างไร? นี่มันเป็นไปไม่ได้! มนุษย์ไม่ว่าหญิงหรือชายก็ถือว่าตาย พวกเขาไม่มีทางที่จะคืนชีพแล้วกลายเป็นสัตว์อสูรได้ เจ้าคิดยังไงถึงได้มาหลอกข้า? ข้าเป็นถึงรองผู้อำนวยการ ดังนั้นความรู้ที่ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับจักรวาล มันจะกลายเป็นเรื่องอัปยศ ถ้าข้าไม่รู้ความรู้พื้นฐานแบบนี้ ข้อพิสูจน์เจ้าอยู่ที่ไหน? ขอข้าดูซิ.. โอว! ข้าจะเป็นลม!”

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset