เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 213 – ตอนที่ 196 บันทึกลับ

===============
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่เข้าใจเรื่องที่หญิงสาวร้านสุรากลายเป็นภูตควันไฟเช่นกัน แม่เฒ่าอู่เถิงก็ยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจไม่ติดตามเรื่องต่อไป

เรื่องนี้ รู้น้อยคนยังจะดีกว่า

คนที่อยู่ในห้องโถงดูเหมือนจะถกเถียงกันเสร็จสิ้นจนได้ข้อสรุปแล้ว

เย่ว์หยางไม่รู้สิ่งที่พวกเขาหารือกัน แต่เห็นได้ว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าหรี่ตาให้เขา เหมือนกับว่าพวกเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องอะไรที่แย่ๆ

หลังจากถกเถียงกันยาวนาน อาจารย์ตาเหยี่ยวเสี่ยโหวเว่ยเลี่ยพาเจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ กลับไป และบอกว่าเขาต้องการให้พวกเขาอยู่ชั้นเรียนนรกพิเศษ เย่คงและคนอื่นๆ รู้สึกว่าพลังของพวกเขายังตามหลังเย่ว์หยางอยู่มากและว่าพวกเขาเป็นแค่เพียงตัวถ่วงหากอยู่กับเย่ว์หยาง พวกเขาสามารถทำได้เพียงกัดฟันติดตามอาจารย์ตาเหยี่ยวเสี่ยโหวเว่ยเลี่ยไปเข้าชั้นเรียนนรกของพวกเขา แม้แต่เจ้าอ้วนไห่ที่ก่อนหน้านี้เกียจคร้านก็ยังเริ่มขยันขันแข็ง เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากเย่ว์หยาง

ความก้าวหน้าของเขาจะทำให้คนอื่นอิจฉาจนตาถลน

ก่อนที่เย่คงจะจากมา เขาถามเย่ว์หยางว่าเขาต้องการจะเข้าร่วมงานประลองสุดยอดร้อยสถาบันหรือเปล่า

เย่ว์หยางแม้ได้ฆ่านักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้แข็งแกร่งอย่างถูเฉิงและขวงจั่นไปแล้ว ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงไม่สนใจต่อสู้กับเด็กๆ ในโรงเรียน แต่พอเห็นเย่ว์ปิงหวังจะเห็นเขาแสดงออกบ้าง ในที่สุดเขาก็พยักหน้า ความจริงเย่ว์ปิงหวังว่าพี่ชายนางจะสามารถล้างชื่อเสียงไม่ดีที่ว่าเขาเป็นสวะไร้ประโยชน์ในประเทศออกไป เมื่อนางเห็นเย่ว์หยางเห็นดีด้วย นางพยักหน้าอย่างดีใจทันที

แม้ว่าเย่ว์หยางจะได้อาละวาดในปราสาทตระกูลเย่ว์เมื่อก่อนหน้านั้น แต่จำนวนคนที่รู้ว่าเย่ว์หยางไม่ใช่สวะอีกต่อไปและเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งก็ยังมีไม่มากนัก

เย่ว์ปิงคิดว่า ถ้าพี่ชายนางกวาดคู่แข่งในการแข่งขันและเอาชนะได้ ในโลกนี้ก็จะไม่มีใครเยาะเย้ยเขาได้อีกต่อไป

“ไปหอทงเทียนกันเถอะ ก่อนอื่นเจ้าควรจะผ่านด่านวิหารสิบสองนักษัตรในหอทงเทียนชั้นที่หนึ่งให้หมดเสียก่อน เมื่อเจ้าฝึกฝนอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว เราจะไปจบภารกิจต่อเนื่อง “โลกพฤกษา” กัน เจ้าเองก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว แต่เจ้าควรจะดูแลน้องสาวด้วยไม่ใช่หรือ? พานางไปด้วยสิ!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ให้เย่ว์หยางได้มีโอกาสพัก กลับบังคับให้เขาฝึกหนักอีก

“เจ้าก้าวหน้าไปถึงนักสูัระดับ 5 หรือยัง?” เย่ว์หวี่ห่วงเรื่องระดับของเย่ว์หยางที่สุด ถ้าเขาอยู่ในระดับ 5 (ยอดยุทธ์) อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถเข้าวิหารสิบสองนักษัตรได้แน่

“ไม่เลย” ปกติเย่ว์หยางไม่ค่อยเอาคัมภีร์ออกมาใช้ระหว่างต่อสู้ ดังนั้นระดับของเขาจึงยังต่ำมาก เขายังเป็นนักสู้ระดับ 2 (ผู้กล้า) เท่านั้น

“อย่างนั้นก็ไปกัน!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเลื่อนไปเป็นนักสู้ระดับ 5 แล้วจากการฝึกประจำวันที่นางทำมาตั้งแต่เล็กกับอาจารย์ของนาง นางไม่มีโอกาสเข้าวิหาร 12 นักษัตร ดังนั้นนางจึงอิจฉาเย่ว์หยางเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า เพื่อแสวงหาพลังที่แข็งแกร่ง นางมุ่งแต่จะพัฒนาอสูรพิทักษ์ของนางเอง ด้วยเหตุนี้พลังของนางจึงแข็งแกร่งเกินเพื่อนร่วมรุ่นของนาง ยกเว้นแต่เย่ว์หยาง เจ้าเด็กนี่แข็งแกร่งผิดเด็กธรรมดา คนอื่นๆ ทั้งหมดไม่อาจต่อกรกับนางได้เลย

นอกจากนี้ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายังสนับสนุนให้เย่ว์หยางเข้าไปฝึกอีกด้วย

เขาคุยว่าเขายินดีจะอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนและช่วยเย่ว์หยางจัดการเรื่องที่เหลือและยังสามารถช่วยให้แม่สี่กับซวงเอ๋อไปพักอยู่ในที่ปลอดภัย

ขณะที่พลังของเย่ว์หยางเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนที่ฆ่าสาวกนิกายพันปีศาจ ถูเฉิงและขวงจั่น บางทีพวกนิกายพันปีศาจคงจะไม่ทำร้ายแม่สี่อีกในช่วงระยะหนึ่ง หลังจากปรึกษากันอยู่นาน ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่, จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตัดสินใจส่งแม่สี่ไปไว้ในที่ลับซึ่งเป็นที่ปลอดภัยสำหรับนาง พวกเขาไม่ยอมให้คนอื่นรู้สถานที่ที่แม่สี่อยู่

สำหรับเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องครอบครัวของหญิงสาวร้านสุรา พวกเขาก็ยังสั่งให้คนพาพวกเขาไปไว้ในที่ปลอดภัยและอนุญาตให้พวกเขาได้เริ่มชีวิตใหม่ที่นั่น เย่ว์หยางไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด

เย่ว์หยางต้องการพบอี้หนานและเจ้าเมืองโล่วฮัวจริงๆ แต่พวกนางทั้งคู่เอาแต่เก็บตัวและปฏิเสธที่จะพบกับเขา

เหมือนกับว่าพวกนางรู้ว่าครอบครัวของพวกนางไปพบเย่ว์หยาง ดังนั้นพวกนางจึงไม่ต้องการพบเย่ว์หยาง

อี้หนานดีกว่าเล็กน้อย นางทิ้งจดหมายไว้ให้เย่ว์หยางบอกว่านางจะกลับบ้านสักระยะหนึ่ง นางค่อยมาพบเย่ว์หยางอีกครั้งในช่วงแข่งขันประลองสุดยอดร้อยโรงเรียน เจ้าเมืองโล่วฮัวตรงกันข้าม ไม่ส่งข่าวอะไรไว้ให้เย่ว์หยางเลย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบอกว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวใช้เวลาทั้งวันกับการปลูกบุปผาปีศาจและหญ้าประกายดาวที่บ้านนางทุกวันและพอใจกับการใช้ชีวิตเช่นนั้น บางทีนางคงลืมเย่ว์หยางไปแล้ว

สำหรับผู้อำนวยการแสนสวยที่มีหน้าตาคล้ายหญิงงามลึกลับ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่พูดถึงนางเลย เหมือนกับว่านางไม่มีตัวตนอยู่

เย่ว์หยางต้องการถามนางถึงหญิงสาวคนอื่นๆ แต่เขารู้สึกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชักจะเบื่อหน่ายด้วยความอิจฉา เมื่อนางต้องพูดถึงเรื่องเจ้าเมืองโล่วฮัว ถ้าเขาถามนางถึงหญิงงามลึกลับอีก นางอาจกลายเป็นแม่เสือคลั่งและทำร้ายเขาก็ได้ ในที่สุดเขาตัดสินใจเก็บความสงสัยไว้และไม่ถามนาง ถ้าญาติผู้พี่ของเขาเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงน้องสาวเขาไม่อยู่ที่นั่นด้วย เย่ว์หยางคงไม่ยอมปล่อยโอกาสเช่นนี้หลุดมือแน่ แม่เสือสาวนี้เป็นสาวน่ารัก หุ่นของนางก็สุดยอดแข็งแรง ทรงพลังเหมือนกับว่าเป็นแบบฉบับนิสัยนาง เขาคงไม่สนเรื่องนั้น ที่สำคัญที่สุด ทักษะธรรมชาติหกรับรู้ของนางยังใช้กับเขาได้ ถ้าเขาปล้ำนาง ทำให้นางเป็นหญิงของเขาได้เร็วเท่าไหร่ ภัยคุกคามก็จะหายไปเร็วมากเท่านั้น

แม้ว่าพระบิดาของนางจุนอู๋โหย่วจะเป็นฮ่องเต้และการปล้ำนางอาจทำให้พระองค์กริ้วมาก แต่ความคิดจะปล้ำองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีอยู่ในหัวเขามานานแล้ว เขาไม่ยอมยกเลิกง่ายๆ แน่

บางทีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าอาจเป็นเรื่องอันตรายถ้านางจะอยู่กับเย่ว์หยางสองต่อสอง นางจึงจงใจดึงเย่ว์หวี่มาอยู่ข้างตัวนาง นางยังดึงเย่ว์ปิงมาอยู่ข้างตัวนางอีกด้วย

ต่อหน้าญาติผู้พี่และน้องสาว เป็นเรื่องยากที่เย่ว์หยางจะทำตัวลามกได้

หอทงเทียน

กลับมาที่หอทงเทียนชั้นหนึ่งครั้งนี้ เย่ว์หยางรู้สึกสะดวกสบายจริงๆ มีหญิงงามสามนางเป็นเพื่อนร่วมทางของเขา ครั้งก่อนเขาวิ่งไปตามหุบเขาจ้าวมังกรและเหงื่อโชกไปทั้งตัว ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้แม้แต่ม้วนเทเลพอร์ต เขานั่งบนรถบินที่ลากโดยกวางอินทรี ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีมื้อค่ำที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจัดเตรียมไว้ให้แล้ว

“ข้าไม่เคยเห็นคนขี้เหนียวอย่างเจ้ามาก่อน เจ้าทำอะไรกับเงินเป็นกองๆ ของเจ้า?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบ่น นางแทบคลั่งเพราะเย่ว์หยางไม่ยอมออกเงินแม้แต่แดงเดียว

“ข้าจะเก็บไว้เป็นของขวัญวันหมั้นก็แล้วกันนะ!” เย่ว์หยางหาข้ออ้างหน้าตาเฉย

“…..” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหลือกตาขึ้น เมื่อนางได้ยินคำตอบของเขา นางรู้สึกหดหู่อยู่นาน ขณะที่นางนั่งอยู่ในรถบิน นางอยากเตะเย่ว์หยางให้ร่วงจากรถ เย่ว์ปิงไม่เคยนั่งรถบินที่มีค่าโดยสารถึง 20 เหรียญทองมาก่อน นางมีความสุขมากขณะมองภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจจากด้านบน เย่ว์หยางเคยนั่งเครื่องบินมาก่อนหลายครั้งแล้ว เขาจึงไม่คิดอะไรมากกับรถบินที่เคลื่อนที่ได้ช้า เขากลับถือโอกาสอ่านบันทึกลับของพ่อแม่ของสหายผู้น่าสงสารและปล่อยให้สามสาวสนทนากันเอง

แม้ด้วยทักษะญาณทิพย์ระดับสาม เขาก็ยังไม่สามารถอ่านคำที่ซ่อนได้เลย อย่างไรก็ตาม พอใช้ทักษะนัยน์ตามองทะลุสิ่งกีดขวาง เขาสามารถอ่านข้อมูลได้อย่างคร่าวๆ

ในดินแดนแห่งความฝันของเย่ว์หยาง ภายใต้การสั่งสอนของเทพธิดากระบี่ฟ้าที่กลายร่างเป็นพี่สาวแสนสวย เย่ว์หยางยังคงเรียนรู้การใช้ปราณก่อกำเนิดตรวจสอบ

เมื่อประสานทักษะเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เขารู้สึกได้ลางๆ ถึงส่วนแห่งข้อมูลในบันทึก

ชิ้นส่วนข้อมูลนั้นมาจากมารดาของสหายผู้น่าสงสาร นางเขียนไว้ว่า เมื่อฝึกฝนสัตว์อสูรตนหนึ่ง มันจะเจริญเติบโตมากขึ้นหากมันได้รับการอบรมบ่มเพาะยาวนานเพียงพอในแต่ละระดับ นอกจากนี้ยังจะเป็นเรื่องดี ถ้าสัตว์อสูรเรียนรู้ทักษะและมีประสบการณ์มากขึ้นในแต่ละระดับ ในทางตรงกันข้าม ระดับของสัตว์อสูรขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งแทนที่จะสอนทักษะใหม่ทำให้เป็นเรื่องแย่ที่จะให้สัตว์อสูรเติบโตได้ นางยังชี้แจงเจาะจงอีกว่าการเติบโตก้าวหน้าของสัตว์อสูรแบ่งเป็นห้ารูปแบบ รูปแบบแรกคือระดับความแข็งแกร่ง วิธีนี้จะปล่อยให้สัตว์อสูรกินแก่นเวทเพื่อยกระดับ วิธีนี้เป็นวิธีที่เร็วที่สุด แต่เป็นวิธีที่อันตรายที่สุดในการบ่มเพาะสัตว์อสูร แบบที่สองคือระดับการต่อสู้ วิธีนี้จะให้สัตว์อสูรได้เรียนรู้และยกระดับขึ้นในระหว่างต่อสู้ นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการอบรมบ่มเพาะสัตว์อสูรแต่ช้าที่สุดและอันตรายมากที่สุดวิธีหนึ่ง มันไม่เป็นปัญหาสำหรับนักรบแข็งแกร่ง แต่สำหรับนักรบธรรมดา อ่อนแอมีพลังน้อย การปล่อยให้อสูรของพวกเขายกระดับโดยต่อสู้ตามลำพังเป็นเรื่องตลก ทั้งนี้เพราะวิธีนั้นมีความเสี่ยงสูงที่สัตว์อสูรจะตายหรือกลายเป็นสัตว์พิการระหว่างสู้ ไม่มีการรับรองว่าสัตว์อสูรของพวกเขาว่าจะรอดชีวิตหรือไม่ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับนักรบที่ทรงพลังผู้ต้องการฝึกฝนอสูรพิทักษ์

แบบที่สามเป็นการประยุกต์แบบที่หนึ่งกับแบบที่สองฝึกสัตว์อสูรโดยหาอาหารแก่นเวทให้พวกมันและมีส่วนร่วมในการต่อสู้ นี่เป็นวิธีที่นักรบในทวีปมังกรทะยานชอบใช้มากที่สุด ความเร็วในการเพิ่มระดับเป็นไปได้รวดเร็วและวิธีนี้จะทำให้สัตว์ที่อบรมบ่มเพาะมีพลังที่แข็งแกร่ง สำหรับนักรบธรรมดา นี่คือวิธีที่ดีที่สุด แต่สำหรับนักรบที่แข็งแกร่ง วิธีนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ทั้งนี้เป็นเพราะสัตว์อสูรจะถึงขีดจำกัดหลังจากปรับเพิ่มระดับไปถึงจุดหนึ่ง นอกจากผิดปกติแล้ว พวกมันไม่สามารถพัฒนาได้มาก

แบบที่สี่ก็คือฝึกฝนทั้งเจ้าของและสัตว์อสูรร่วมกัน ขณะที่พวกเขาเติบโตด้วยกัน การเจริญเติบโตของพวกเขาจะกลายเป็นร่วมกันแข็งแกร่งขึ้นมาก แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถใช้วิธีนี้ได้ มันถูกจำกัดด้วยการใช้งานร่างกายของพวกเขา

เย่ว์หยางรู้ได้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ใช้วิธีแบบนี้ เจ้าเมืองโล่ฮัวและหญิงงามลึกลับก็น่าจะใช้วิธีที่คล้ายกันนี้เช่นกัน แต่พวกนางไม่เพียงแต่อบรมบ่มเพาะสัตว์อสูรเพียงอย่างเดียวเหมือนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน ที่มีแต่เพียงอสูรพิทักษ์ของนาง

ที่ทำให้เย่ว์หยางแปลกใจก็คือแบบที่ห้า เป็นวิธีที่คล้ายกลับอบรมรมบ่มสร้างที่เขาใช้อยู่

มารดาของสหายผู้น่าสงสารชี้เฉพาะเจาะจงว่าวิธีบ่มสร้างอสูรวิธีนี้ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็ทำกันได้ นักรบต้องมีร่างกายที่พิเศษเพื่อวัตถุประสงค์ทำพันธสัญญาวิญญาณโลหิต เพื่อเปลี่ยนอสูรธรรมดาให้เป็นอสูรพิทักษ์ จากนั้นก็บ่มสร้างอสูรพิทักษ์ให้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์และอสูรที่เหนือกว่าระดับนั้น ด้วยวิธีการลับ นักรบจะสามารถวิวัฒนาการอสูรของพวกเขาให้เป็นอสูรในตำนานหรือให้สูงกว่าระดับนั้น เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารรู้เรื่องพันธสัญญาวิญญาณโลหิตด้วย และยิ่งไปกว่านั้น นางยังรู้ว่าเขามักใช้วิธีนี้ทำสัญญากับสัตว์อสูร อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้จงใจทำอย่างนั้น ผลลัพธ์ที่ได้เป็นเรื่องบังเอิญไปคล้ายกับสิ่งที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารอธิบายไว้ในวิธีการที่ห้า

ตามข้อมูลจากบันทึกลับ ทำให้เย่ว์หยางเรียนรู้ความรู้ลึกลับมากมายที่เขายังไม่รู้

มีความรู้ลึกลับอีกมากมายซ่อนอยู่ในบันทึกส่วนลึก

เย่ว์หยางลอบถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเพียงแต่ทักษะญาณทิพย์ของเขาเลื่อนขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4 บางทีเขาอาจอ่านความรู้ลึกลับได้มากขึ้น

“มารดาของสหายผู้น่าสงสารต้องเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแน่นอน ขนาดที่มีเพียงนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเท่านั้นที่รู้เรื่องพันธสัญญาวิญญาณโลหิต ถ้านางยังรู้เรื่องนี้ได้ นางคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน! เย่ว์หยางแอบถอนหายใจ

ตอนนี้เย่ว์หยางคิดเรื่องนี้อย่างระมัดระวัง เขารู้สึกว่าร่างของเขาต้อง “พิเศษ” เพราะเขามาจากโลกอื่น เขาแตกต่างจากคนอื่นๆ

แม้ว่าหญิงร้านสุราจะตายไปแล้ว นางก็ยังกลายเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาได้ กระทั่งยังได้ทำสัญญากับเขา

เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้แน่นอนสำหรับคนจากทวีปมังกรทะยาน

ยังมีนางพญากระหายเลือดที่ผสานเข้ากับเงาปีศาจและกลายเป็นอสูรพิทักษ์ โคเงาเถื่อนก็เป็นอสูรที่ถูกสร้างขึ้นหลังจากที่เย่ว์หยางใช้ทักษะครอบงำกับอสูรโคเถื่อนชั้นทองแดง สำหรับเสี่ยวเหวินหลี ไม่จำเป็นต้องพูดถึงว่าเธอเป็นอสูรพิทักษ์ของเขา สัญญาของนางถูกเขียนโดยนางพญาเฟ่ยเหวินหลีต่อหน้าเขาเมื่อเธออยู่ในระยะฟักไข่

มีอสูรทองลึกลับและตั๊กแตนมรณะซึ่งยังอยู่ในระยะฟักตัวเช่นกัน พวกมันเกี่ยวข้องกับเลือดของเขาทั้งนั้น

แม้แต่นางปีศาจดอกหนามก็ชอบเลียเลือดของเขา

เย่ว์หยางคิดเรื่องนี้อย่างระมัดระวังและรู้สึกว่าเขาน่าจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น น่าเสียดาย ทักษะญาณทิพย์ของเขาอยู่ในระดับ 3 ยังไม่สามารถมองทะลุข้อมูลในบันทึกได้ทั้งหมด จำนวนข้อมูลที่เย่ว์หยางเห็นจากบันทึกลับที่มารดาของสหายผู้น่าสงสารทิ้งไว้มีจำกัดมาก

“เจ้ากำลังอ่านหนังสืออะไรอยู่เหรอ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดสงสัยไม่ได้

“หนังสือโป๊!” เย่ว์หยางเกรงว่าแม่เสือสาวจะสงสัย เขาใช้คำตอบลามกเพื่อให้นางไม่สงสัยอีกต่อไป

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบเขาทันที แต่ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีกต่อไป มันมีความอ่อนไหวต่อทักษะธรรมชาติหกรับรู้ของนาง นางสามารถบอกได้ว่าเจ้าเด็กนี่โกหก แม้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะสงสัยเรื่องความลับที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้ ถ้าเขาไม่บอกนาง นางก็คงกดดันอะไรไม่ได้ เย่ว์หวี่อายเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของเย่ว์หยาง ขณะที่นางเหลือบดูหนังสือเล่มนี้อย่างหวาดๅ นางถึงได้รู้ว่าเย่ว์หยางเพียงแต่ถือหนังสือบันทึกอยู่ในมือตน นางถอนหายใจโล่งอกทันที นางเพิ่งจะตระหนักได้ว่าความจริงญาติตัวแสบของนางล้อเล่นกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้น

เย่ว์ปิงไม่เคยคิดว่าพี่ชายของนางจะทำเรื่องแย่ๆ และนางรู้ว่าพี่ชายนางหยอกล้อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเล่นเท่านั้น นางหัวเราะอย่างมีความสุข เดี๋ยวนี้นางมีเรื่องให้ได้หัวเราะหลายครั้งในวันหนึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมานี้ เทียบกับเมื่อก่อนนี้ นางค่อยเดินออกมาจากความว้าเหว่เงียบเหงาและหดหู่ของนาง

กลับไปที่แดนดาว คนทั้งกลุ่มเดินตรงไปที่วิหาร 12 นักษัตร

องค์หญิงและเย่ว์หวี่ไม่สามารถเข้าไปได้ พวกนางต้องรออยู่ด้านนอก ขณะที่เย่ว์หยางและน้องสาวของเขาเย่ว์ปิงจับกลุ่มเข้าไปในวิหาร 12 นักษัตร

ขณะที่เย่ว์หยางผ่านวิหารแอรีส (ราศีเมษ) ได้เมื่อก่อนหน้านั้นแล้ว ตอนนี้เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงถูกส่งตัวไปที่วิหารทอรัส (ราศีพฤษภ์)

“พี่สาม, ให้ข้านำโจมตีนะ!” เย่ว์ปิงตัดสินใจใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมต่อหน้าพี่ชายของนาง

“ไม่, ข้ามีความคิดที่ดีกว่านั้น” ทันใดนั้นเย่ว์หยางคิดถึงวิธีลับจากบันทึกลับได้ บางทีเขาน่าจะใช้ได้ดีกับเย่ว์ปิง

*************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset