===============
มารดาของสหายผู้น่าสงสารได้พูดถึงวิธีลับไว้
วิธีลับนี้เหมาะสำหรับคนสองคนที่เป็นคู่รักหรือมีสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากัน ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งสัมพันธภาพระหว่างคนทั้งสองยิ่งดีมากเท่าไหร่ วิธีลับก็ใช้ได้ผลมากเท่านั้น ขั้นตอนแรกของวิธีลับก็เพื่อคู่รักที่หัวใจของพวกเขาผูกพันสนิทกัน เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งกีดขวางพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็จะเชื่อมพลังภายในถึงกันและกัน เหมือนวิธีที่นักสู้เชื่อมพลังปราณของเขากับสัตว์อสูร ทั้งสองคนจะต้องสนับสนุนพลังปราณกับกันและกัน ผสานพลังของกันและกันเพื่อใช้ทักษะอัญเชิญ ถ้าวิธีลับนี้ได้รับการฝึกฝนในระดับหนึ่ง คนทั้งสองก็จะสามารถร่วมกันและปล่อยทักษะต่อสู้ร่วมกันได้ ความแข็งแกร่งที่มาจากการผสานพลังต่อสู้ระหว่างกันและทักษะอัญเชิญก็จะมีพลังมาก พลังอาจเพิ่มขึ้นจนเกิดพัฒนาการที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้
แน่นอนว่าผลโดยเฉพาะ จะมีความแตกต่างกับคนที่แตกต่าง อย่างไรก็ตาม แม้การผสานพลังกันอย่างแย่ที่สุดก็ยังแข็งแกร่งกว่าพลังของคนๆ เดียว
วิธีการลับนี้ มีมานานตั้งแต่สมัยโบราณ และสาบสูญไปในช่วงหลายพันปีที่ผ่านมา มารดาของสหายผู้น่าสงสารได้รับความรู้นี้โดยบังเอิญ แต่นางเชื่อว่าวิธีลับที่นางคิดไว้นี้ ยังไม่สมบูรณ์ มิฉะนั้น ถ้าคนสองคนผสานพลังกันได้จริง ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า
ในที่สุด นางตั้งชื่อวิธีลับที่นางค้นคว้าด้วยตัวเองว่า “ผสานร่าง”
เดิมที การผสานร่างนี้เพียงเหมาะกับคู่รักหรือสามีภรรยาไว้ฝึกร่วมกัน แต่เย่ว์หยางไม่อาจทำอะไรได้ จึงแนะนำให้เย่ว์ปิงทำ
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเป็นลามกมากก็ตาม แต่ความจริงเขาไม่มีความตั้งใจที่จะคิดบัดสีกับน้องสาวของเขา เขาไม่มีความตั้งใจจะฉวยโอกาสเอาเปรียบน้องสาวเขาแต่อย่างใด ในเมื่อเขาจะใช้วิธีผสานร่างนี้ มันก็แค่เป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างช่วยไม่ได้ เพียงแต่เขาต้องการจะช่วยน้องสาวของเขา พอเห็นว่าพลังของน้องสาวของเขายังคงอ่อนด้อยอยู่บ้าง
เย่ว์ปิงทั้งว่าง่ายทั้งดื้อรั้นเป็นได้ทั้งสองอย่าง ปกตินางจะฝึกฝนตัวนางเองมาอย่างหนักมาก
อย่างไรก็ตาม นางขาดผู้ให้คำปรึกษาสายอสูรพฤกษา ดังนั้นนางจึงมีความก้าวหน้าช้ามาก จริงๆ แล้วเย่ว์หยางไม่สามารถจะทนได้อีกต่อไป เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้ทำหน้าที่พี่ชายของนางเลย
สำหรับวิธีฝึกผสานร่างนี้ เย่ว์หยางรูสึกว่า ตราบใดที่เขาไม่คิดอกุศลอะไร ก็คงไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์ปิงก็ไม่ได้มีความคิดประหลาดๆ อะไรเลย นางเป็นสาวน้อยจิตใจสะอาดและบริสุทธิ์ คิดแต่เพียงว่าพี่ชายนางต้องการช่วยให้นางได้เพิ่มพลัง ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางไม่ได้บอกวิธีลับแก่นางทั้งหมด เขาเพียงบอกให้นางช่วยให้ความร่วมมือโดยเชื่อฟังเขาและเขาจะถ่ายพลังภายในลงไปในตัวนาง เวลานั้นนางก็จะสามารถเรียกสัตว์อสูรด้วยพลังปราณของนางเองได้
“พี่สาม! ข้าพร้อมแล้ว” เย่ว์ปิงประกบฝ่ามือนางลงที่ฝ่ามือของพี่ชายนางและพริ้มตาลงช้าๆ นางทำตามคำแนะนำของเย่ว์หยางสงบจิตใจ ทำความคิดให้ว่างเปล่า
เนื่องจากนางเชื่อมั่นพี่ชายเต็มร้อย นางจึงเข้าสู่เขตแดนในจิตใจได้สำเร็จอย่างเป็นธรรมชาติ
สตรีอื่นๆ อาจพบอุปสรรคในใจ เนื่องจากพวกนางระมัดระวังคู่หูของนาง แต่สำหรับเย่ว์ปิง อุปสรรคอย่างนี้ไม่มีอยู่เลย
คนที่เชื่อมโยงทางจิตกับนางเป็นพี่ชายของนางเอง
เย่ว์ปิงผ่อนคลายโดยสิ้นเชิง
เย่ว์หยางประหลาดใจมากที่เย่ว์ปิงสามารถเข้าสู่สภาวะจิตภายในได้รวดเร็ว วิธีลับกล่าวไว้ว่าบางทีพวกเขาอาจล้มเหลวเป็นร้อยครั้งเมื่อพวกเขาเริ่มฝึกครั้งแรก แต่เย่ว์ปิงกลับทำได้สำเร็จในการลองครั้งแรก… ดูเหมือนว่าจิตใจของเด็กสาวคนนี้จะบริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาว ไม่มีความคิดรบกวนในสมาธิเลย เย่ว์หยางแอบยกย่องนางและกำจัดความคิดฟุ้งซ่านในจิตใจตนเองทันที จากนั้นเขาค่อยๆ ถ่ายปราณก่อกำเนิดของเขาเข้าร่างของเย่ว์ปิง ร่างของนางสั่นเล็กน้อยแต่ไม่มีการต่อต้านเลย… ปราณก่อกำเนิดไหลผ่านแขนของนางและเส้นเลือด เหมือนกับว่ามันไหลเวียนในร่างของเย่ว์หยาง เมื่อปราณก่อกำเนิดโคจรไปทั่วร่างของนางแล้ว มันออกมาที่มืออีกข้างของนาง
แม้ว่ามีปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางเพียงครึ่งเดียวที่เข้าไปในตัวนาง มันก็ยังมากสำหรับนาง ขณะที่่ช่องโคจรปราณของนางยังไม่เปิดดี
นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาสะท้อนกับ
ปกติ นางจำเป็นต้องพักหนึ่งชั่วโมงเป็นอย่างน้อยก่อน นางถึงจะเรียกคัมภีร์ออกมาเป็นครั้งที่สองได้
ตอนนี้ แม้ไม่ต้องใช้เวลาถึงชั่วโมง แต่นางก็ยังเรียกคัมภีร์อัญเชิญของนางอีกครั้งได้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น นางยังสามารถเรียกออกมาได้อย่างสบายๆ และเป็นธรรมชาติมากขึ้น แทบไม่ต้องใช้ความสามารถและพลังอะไรเลย
เย่ว์ปิงรู้สึกว่าแสงสีทองฉายอยู่ในเขตแดนวิญญาณของนาง ดูเหมือนว่านางเห็นร่างพี่ชายของนางภายในแสงสีทอง หน้าของเขาซ่อนอยู่ในแสงสว่าง ดังนั้นนางไม่สามารถเห็นได้ชัดนัก แต่นางยังสามารถรู้สึกได้ถึงพลังของเขา ตาของเขาฉายแสงดุจดวงดาว
นางรู้สึกว่าร่างของนางเบาขึ้นและเบาขึ้น เหมือนกับว่าผสานกลมกลืนเป็นอันเดียวกับแสงสีทอง
ร่างของนางลอยเข้าหาพี่ชายของนาง
นางตระหนักได้เพียงว่าพี่ชายนางเป็นยักษ์ใหญ่เมื่อนางลอยเข้าไปใกล้เขา เขาตัวสูงอย่างน้อย 10 เมตร เทียบกกับเขาแล้ว นางกลายเป็นบอบบางมาก
พี่ชายของนางมีแสงทองอาบไปทั้งตัว และยื่นมือยักษ์สีทองออกมา มือของเขามีวงเวทอักษรรูนสีทองเข้มอยู่บนฝ่ามือ จากนั้นก็มีประกายพลังงานนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากมือของเขาทำให้มือของนางขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เย่ว์ปิงตระหนักได้ว่าหลังจากนางได้รับพลังของพี่ชาย นางก็กลายร่างเป็นยักษ์ไปด้วย
พอยืนอยู่บนฝ่ามือของพี่ชายของนาง เมื่อนางเอื้อมมือนางออกไป นางรู้สึกว่านางแทบจะเอื้อมมือถึงท้องฟ้าเบื้องบน
ถ้านางลืมตา นางจะพบว่าร่างเนื้อของนางกำลังลอยอยู่เหนือพื้น มือของนางยังคงแตะเย่ว์หยางอยู่ แต่ร่างของนางลอยสูงเหนือพื้นเกือบเมตร
ด้านหลังนางมีนางยักษ์ผิวสีเขียวสูง 10 เมตรกำลังเปล่งแสงสีเขียวระเรื่อปรากฏตัวขึ้น นางดูคล้ายเย่ว์ปิงมาก แต่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่า ผมสีเขียวงดงามของนางเหมือนใบไม้ที่เขียวชอุ่มที่งอกขึ้นมาจากต้นไม้หนา มีปีกสีเขียวเปล่งแสงได้อยู่บนหลังของนาง มีใบ ดอก รุ้ง, เย่ว์หยางมองอย่างตะลึง อย่างไรก็ตาม เขาเกรงว่าสภาวะใจที่เปลี่ยนแปลงของเขาจะมีผลต่อพัฒนาการของเย่ว์ปิง เขารีบสำรวมจิต ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อช่องเดินปราณที่หนึ่งเปิดแล้ว เย่ว์ปิงตะโกนออกมาในสภาพที่ยังหมดสติ
แสงสีทองห่อหุ้มร่างนาง
ส่วนนางยักษ์เขียวที่อยู่เหนือเย่ว์ปิงกลายเป็นแสงทองเข้าไปในตัวของเย่ว์ปิงอีกครั้ง
คัมภีร์เงินขั้นต้นของเย่ว์ปิงผุดขึ้นมาและเปิดออกด้วยแสงสีทองจากนั้นยกระดับเป็นคัมภีร์เงินขั้นกลางด้วยตัวมันเอง ขณะเดียวกันมันเปลี่ยนหน้าอย่างรวดเร็ว บนหน้าเปล่าหน้าหนึ่ง มีภาพใหม่ปรากฏขึ้น มันเป็นภาพนางยักษ์สีเขียวที่อาบแสงทองเมื่อครู่ ปราณของเย่ว์ปิงระเบิดออกมาจนเสื้อผ้านางป่นเป็นผุยผง คลื่นกระแทกจากแรงระเบิดปราณทำให้พวกกระทิงป่าเผ่นออกไปไกล แม้แต่กระทิงเผือกที่กำลังหลับยังลืมตาขึ้นมองเย่ว์ปิง ตาของมันมีประกายเจ้าปัญญา แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันคิดอะไร ผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีที่ตายไปแล้วจากเนตรประหารถูกเรียกออกมาอีกครั้ง และพวกมันคุกเข่าแสดงความคารวะเย่ว์ปิง…
เย่ว์หยางตระหนักได้ว่าร่างของเย่ว์ปิงกำลังสั่นขณะที่อยู่ๆ นางก็ร่วงลงมาจากอากาศ เขารีบรับนางไว้ในอ้อมแขน
ไม่ต้องสนใจความจริงที่ว่านางยังเปลือยกายอยู่ เย่ว์หยางรีบเอาชุดออกมาและสวมให้นาง
เมื่อเขาจัดการเสร็จแล้ว เขามองดูคัมภีร์เงินของเย่ว์ปิงที่ยกระดับขึ้นแล้วอย่างสงสัย…
นางไม้แสงเขียว : อสูรร่างมนุษย์ สายจำเพาะธาตุ(ไม้) อสูรเงินระดับหนึ่ง เป็นอสูรพิทักษ์ มีองค์ประกอบที่เข้ากันได้ตามธรรมชาติ ความสามารถพิเศษ : งอกใหม่, จู่โจมรวดเร็ว, รากวิญญาณ
“อสูรพิทักษ์หรือ?” เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าเย่ว์ปิงจะสามารถครอบครองอสูรพิทักษ์ได้ถึงสอง
อาจเป็นไปได้ไหมว่าเป็นศักยภาพแต่กำเนิดที่นางมีอยู่แต่แรกแล้ว?
หรือเป็นไปได้ไหมว่า เป็นเพราะอิทธิพลของปราณก่อกำเนิด? ถ้าเขาดำเนินการผสานร่างวิธีเดียวกันนี้กับเจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและหญิงงามลึกลับ พวกนางจะก้าวหน้าได้เหมือนเย่ว์ปิงหรือเปล่า? นอกจากนี้ ในปัจจุบันนี้เย่ว์ปิงถึงขีดจำกัดของนางแล้วหรือว่านางยังมีศักยภาพที่จะก้าวหน้าได้อีก?
เย่ว์หยางไม่สามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ นี่เป็นข่าวที่ดีมาก
อสูรพิทักษ์ที่ได้รับเพิ่มมาอีกตนหนึ่งมีความหมายยังไงกับเย่ว์ปิง? แม้แต่คนโง่ก็รู้ว่านี่คือเครื่องหมายรับรองว่าอนาคตของนางไม่มีประมาณ
เทียบกับเย่ว์หยาง คนที่ไม่ธรรมดาจากโลกอื่นที่มีอสูรพิทักษ์มากมาย เย่ว์ปิงอาจจะมีน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคนอื่น เย่ว์ปิงได้เปรียบอสูรพิทักษ์อื่นมหาศาล เมื่อนางอยู่ในเส้นทางที่เริ่มต้นเท่านั้น.. บางที ขณะที่ผสานร่างจะเพิ่มระดับพลังได้สูงขึ้นไปอีก นางจะสามารถก้าวหน้าไปได้อีกมาก มารดาของสหายผู้น่าสงสารพูดไว้ถูกต้องจริงๆ วิธีลับโบราณชนิดนี้ ถ้าใช้ถูกต้องก็จะได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเย่ว์หยางวางมือของเขาลงบนคัมภีร์เงินของเย่ว์ปิงและถ่ายปราณก่อกำเนิดลงไป, ราวกับมีเวทมนตร์ ร่างยักษ์ของนางไม้แสงเขียวปรากฏขึ้น แทบจะเหมือนกับว่าเขาเป็นคนอัญเชิญเอง นางมองดูเล็กกว่าเมื่อก่อนนี้มาก ราวๆ 3 เมตร ร่างของนางยังคงโปร่งแสงเหมือนเมื่อก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าดูดีกว่าแต่ก่อนนี้ ตอนนี้มันดูชัดเจนขึ้น นางไม้แสงเขียวดูเหมือนจะมีปัญญาบางส่วน นางมองเย่ว์หยางอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย เหมือนกับว่าแปลกใจที่ไม่ใช่เป็นเจ้านายของนางที่เรียกนางออกมา แต่กลับเป็นเย่ว์หยางแทน… จากนั้นนางโยนลูกกลมเรืองแสงสีเขียวสองลูกไปบนตัวผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีทั้งสองตน พลังต่อสู้ของผู้พิทักษ์พฤกษาเพิ่มขึ้นทันที ขณะที่พวกมันพุ่งเข้าโจมตีกระทิงป่าทองแดงอย่างเกรี้ยวกราด การร่วมโจมตีพร้อมกันกันส่งผลให้กระทิงป่าทองแดงกระเด็นไปไกล
นางไม้แสงเขียวมองดูเย่ว์หยางอีกครั้งก่อนจะยื่นนิ้วออกมาสัมผัสตัวเย่ว์หยาง แล้วจึงตระหนักได้ว่านางไม่สามารถเข้าไปในตัวเย่ว์หยางได้ นางส่ายศีรษะก่อนที่จะเข้าไปในตัวเย่ว์ปิงอีกครั้งอย่างช้าๆ
“อืม….” ขนตาเย่ว์ปิงกระตุกขณะที่นางค่อยลืมตา และรู้สึกตัวได้ในที่สุด
เมื่อนางตระหนักว่าเย่ว์หยางกำลังกอดนางไว้ นางตื่นเต้นยินดีทันทีขณะที่นางกอดเย่ว์หยางตะโกนว่า “พี่สาม! ข้าฝันว่าท่านกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่มากๆ เหมือนกับอาคารใหญ่ๆ และทั้งตัวของท่านก็เปล่งแสงสว่างมาก เหมือนกับดวงอาทิตย์…”
เมื่อเย่ว์หยางได้ยินเช่นนี้ เขาถึงกับเหงื่อตก ดรุณีนางนี้เข้าสู่โลกภายในตัวได้ง่ายมาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถเข้าไปในตัวอย่างนั้นได้
ดูเหมือนมีความลึกลับไม่มีที่สิ้นสุดเกี่ยวกับวิธีลับในการผสานร่างที่รอคอยให้เขาตรวจสอบดู
เย่ว์ปิงกระโดดผางของจากอ้อมแขนของพี่ชายนาง และต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีทั้งสองตนกำลังสู้กับอสูรกระทิงทองแดงอย่างห้าวหาญและยังไม่เสียเปรียบอะไรเลย นางสับสนขณะที่นางเอียงศีรษะถามเย่ว์หยาง “พี่สาม! นักรบพฤกษาของข้าถูกเรียกออกมาได้อย่างไร? เรื่องนี้ทำตอนที่ข้าฝันหรือ? อุ๊ย..ทำไมถึงมีหัวเรื่องเพิ่มขึ้นมาบนคัมภีร์ของข้า?” เย่ว์หยางอ่านตามที่เย่ว์ปิงชี้ และก็ตระหนักว่าที่ด้านหลังหัวเรื่อง นักสู้ระดับ 3 (วีรสตรี) ขั้นเริ่มต้น มีหัวเรื่องใหญ่พิเศษ ว่า “วิญญาณพฤกษ์”
เย่ว์หยางจำได้ว่าตอนแรก ที่ด้านหลังของชื่อเล่มของเขาเองเป็น ระดับ 1 มือใหม่ครั้งก่อน ก็ยังมีหัวเรื่องที่คนอื่นมองไม่เห็นก็คือ “ก่อกำเนิด”
หัวเรื่องของเขาเป็นสีทองเข้ม ขณะที่หัวเรื่องของเย่ว์ปิงเป็นสีเขียว
นี่น่าจะเกี่ยวข้องความสามารถใหม่ของนาง
ขณะที่เย่ว์ปิงเปิดหน้าคัมภีร์ของนาง นางก็ตระหนักได้ว่านางมีอสูรพิทักษ์มาเพิ่มอีกตนหนึ่ง นางถึงกับตะลึงทันทีพลางมองเย่ว์หยางอย่างเหลือเชื่อ เหมือนกับว่านางต้องการให้พี่ชายช่วยยืนยันให้กับนาง เพียงแค่นั้นนางคงเชื่อว่าเรื่องที่จินตนาการไม่ได้แบบนี้ทั้งน่าประหลาดใจจะกลายเป็นเรื่องจริงได้
“ยินดีด้วย, ปิงเอ๋อ! เจ้าได้รับอสูรพิทักษ์เพิ่มมาอีกแล้ว” เย่ว์หยางวางมือบนหัวนาง
“แง้….” นึกไม่ถึงเลยว่าเย่ว์ปิงจู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมาและโผเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยางด้วยตัวนางเอง น้ำตานางไหลออกมาราวสายฝนจนยากจะกลั้นไว้ได้ นางเพิ่งจะหยุดร้องหลังจากที่เย่ว์หยางปลอบนางอยู่นาน ขณะที่นางยิ้มอย่างหวาดๆ “ข้ามีความสุขมาก สุขใจจริงๆ พี่สาม! นี่เป็นสิ่งที่ท่านให้ข้าหรือ? ขอบคุณพี่สามมาก!
“ไม่, นี่คือสิ่งที่เจ้ามีด้วยตัวเอง..เฮ้อ..ก็ได้.. เอาล่ะ ไม่มีอะไรที่จะให้เจ้ามากไปกว่าอสูรพิทักษ์ เด็กดี..อย่าร้องไห้เลยนะ!” พอเห็นว่าเย่ว์ปิงไม่เชื่อเขา ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไร เย่ว์หยางเลยตัดสินใจปล่อยให้นางเชื่อของนางไป แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้อสูรพิทักษ์กับนาง แต่การปรากฏตัวของอสูรของนางจะมากจะน้อยก็เกี่ยวข้องกับเขา เย่ว์ปิงไม่เคยมีความสุขมากในชีวิตของนาง นางปาดน้ำตาขณะที่นางหัวเราะลั่น ท่าทีที่น่ารักของนางเหมือนกับรุ้งที่ปรากฏขึ้นหลังฝนตกทำให้เย่ว์หยางชักหวาดๆ เย่ว์ปิงในปัจจุบันนี้แตกต่างจากบุคลิกก่อนหน้านี้ที่นางโดดเดี่ยว คลุมผ้าคลุมหญิงม่าย เหมือนกับเป็นคนละคน
ขณะเดียวกัน การต่อสู้ด้านนอกยังคงดำเนินต่อไป โคเงาชื่ออาหมันยังคงย่ำใส่พื้นไม่หยุด ทำให้แผ่นดินไหวใส่คู่ต่อสู้ จากนั้นนางจู่โจมเข้าใส่และจับเขาอสูรกระทิงป่าจับร่างขนาดใหญ่ของพวกมันทุ่มลงพื้น
นางพญากระหายเลือดที่บินวนอยู่ด้านบน ก็บินไปตรงโน้นทีตรงนี้ที บางทีก็โฉบลงโจมตีเป็นครั้งคราว
มีดทองฆ่ามังกรในมือนางใช้สังหารกระทิงทองแดงไป 3 ตัวแล้ว และล่อกระทิงทองทั้งสองตัวออกไปไกลๆ
ตอนแรก โคเงาอาหมันยังรับมือกับศัตรูจำนวนมากอย่างยากลำบาก แต่ขณะที่ผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีทั้งสองพอได้รับพรจากนางไม้แสงเขียวก็เข้าร่วมโจมตีด้วย นางจึงค่อยๆ หายเสียเปรียบ
เย่ว์หยางเห็นว่ากระทิงเผือกลุกขึ้นจนได้ในที่สุด ความรู้สึกว่าการต่อสู้ที่ยากลำบากกำลังใกล้เข้ามา เย่ว์หยางรีบสั่งให้เย่ว์ปิงอยู่แต่ภายในระเบียง ขณะที่เขาจู่โจมใส่กระทิงเผือก
กระทิงเผือกตัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นนางพญากระหายเลือด หรือโคเงาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน
คู่ต่อสู้ของมันมีแต่เสี่ยวเหวินหลีเท่านั้น!
**************