===============
เย่ว์หยางและคนอื่นๆ กลับไปยังฉางจิง
อาจารย์ที่ปรึกษาของเย่ว์หวี่พักอาศัยในบ้านพักที่เงียบสงบในสถาบันฉางจิง
นางเป็นหญิงสูงวัยมีผมขาวโพลนดุจหิมะ อยู่ในชุดสมถะเรียบง่ายและดูลักษณะเป็นคนใจเย็นและอ่อนโยน
พอเห็นว่าเย่ว์หวี่มาเยี่ยม นางพยักหน้าให้เย่ว์หวี่ช้าๆ มีแววความรักความเมตตาปรากฏอยู่ในสายตาของนาง นางชี้ให้ทุกคนนั่งลงและพูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและทุกคน..เชิญนั่ง หวี่เอ๋อ! เจ้าไม่ได้ไปหอทงเทียนกับองค์หญิงหรอกหรือ?”
“อาจารย์! นี่คือญาติผู้น้องลำดับที่สามของข้า เขาต้องการทำความเข้าใจถึงวิธีการที่อาจารย์ทวดท้าประลองในวิหารเจมินี่เมื่อครั้งก่อนนั้น…” เย่ว์หวี่นั่งลงใกล้หญิงชราและจับมือนางไว้
“ญาติผู้เยาว์ลำดับสามของหวี่เอ๋อเหรอ? อา.. เด็กเอย, นั่งลงก่อน, เจ้าไม่ต้องมากมารยาทก็ได้!” หญิงชราประเมินเย่ว์หยางอย่างจริงจังพลางพยักหน้า “เจ้าช่างต่างจากคำร่ำลืออย่างสิ้นเชิง เจ้าเข้าใจวิธีซ่อนทักษะของตนเองได้ แม้ว่าเจ้ายังอายุเยาว์นัก น่ายกย่องจริงๆ! หวี่เอ๋อ! ทำไมเจ้าถึงรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาอีกเล่า?” เย่ว์หวี่เรียนท่านทันที “ญาติผู้น้องของข้าท้าประลองผ่านด่านสิบสองนักษัตร เขาผ่านด่านวิหารแอรีสและทอรัสได้แล้ว แต่มาสะดุดอยู่ที่วิหารเจมินี่ ข้าเล่าให้เขาฟังเรื่องที่อาจารย์ทวดได้ท้าประลองผ่านด่านในครั้งก่อน หวังจะให้เขาได้มีแรงบันดาลใจบ้าง ในที่สุด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าเราจะถามอาจารย์เป็นการส่วนตัว.. ถ้าอาจารย์ทวดกำชับมาโดยเฉพาะเจาะจงไม่ให้คุยเรื่องของนางกับคนภายนอก อย่างนั้นพวกเราจะไม่ถามอาจารย์ต่อ..”
“ผ่านด่านวิหารแอรีสและทอรัสได้แล้วหรือ?” ร่างของหญิงชราสั่นเมื่อได้ยินและจ้องมองดูเย่ว์หยางขึ้นๆ ลงๆ และทำการประเมินใหม่อีกครา “เป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีผู้เยาว์ที่โดดเด่นปรากฏอยู่ในอาณาจักรต้าเซี่ย นับเป็นข่าวดีจริงๆ! พูดถึงการผ่านด่านวิหารเจมินี่จริงๆ แล้ว อาจารย์ก็ไม่ได้กำชับว่าต้องรักษาเป็นความลับ ข้าพูดให้พวกเจ้าฟังได้แน่นอน”
“ขอบคุณ..อาจารย์!” เย่ว์หวี่จับมือของหญิงยกขึ้นแนบริมฝีปากนางอย่างมีความสุข
นางสนิทกับหญิงชรามาก แทบจะสนิทกันราวกับมารดากับธิดา
ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะอาจารย์กับนักเรียนและความจริงที่ว่าความแตกต่างระหว่างวัยของคนทั้งสองยังห่างกันมาก คนอื่นอาจเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองคนเป็นแม่ลูกกัน
มีเรื่องที่เย่ว์หยางไม่รู้มาก่อนก็คือ เย่ว์หวี่ไม่มีสถานะใดๆ ในปราสาทตระกูลเย่ว์เพราะเหตุผลหลายประการคือ ประการแรก บิดาของนางเย่ว์ซานทุ่มเทความสนใจให้กับบุตรชายของเขาเย่ว์เทียน มากกว่าจะให้ความใส่ใจธิดาของตนผู้จะต้องออกเรือนไปในอนาคต ประการที่สอง เย่ว์หวี่มีทักษะธรรมชาติและอสูรพิทักษ์ที่อยู่ในสายบำบัด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ ไม่คุ้มค่าที่จะทุ่มเทส่งเสริม ประการที่สาม ความล้มเหลวในการแต่งงาน เย่ว์หวี่ยังไม่ยอมไปบ้านของตระกูลสามี ไม่ใช่ว่าคู่หมั้นของนางยังอายุเยาว์เกินไป แต่ตอนนี้ศักยภาพของตระกูลเซี่ยยิ่งใหญ่ขึ้น และต้องการขึ้นมายิ่งใหญ่แทนที่ตระกูลเย่ว์ กลายเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่แทน
แต่ก่อนนั้น ตระกูลเซี่ยให้ความนับถือตระกูลเย่ว์มากเมื่อพวกเขายังคงเริ่มรุ่งเรือง ประมุขตระกูลเซี่ย, เซี่ยเทามักจะสอพลอและคอยเลียแข้งเลียขาเย่ว์ซานอยู่เสมอ
หลังจากที่มีสมาชิกของตระกูลเซี่ยเลื่อนระดับนักสู้เป็นระดับ 7 (ยอดมนุษย์) หนึ่งในนั้นก็คือเซี่ยนิ่วฉายา “นักฆ่าพันลี้” ขณะที่อีกคนชื่อ เซี่ยถู ฉายา “ผู้ล้างผลาญ” เพราะเหตุนี้ตระกูลเซี่ยจึงเรืองอำนาจขึ้น ยิ่งกว่านั้นพวกเขายังได้หนึ่งในตระกูลใหญ่คอยหนุนหลังก็คือ ตระกูลเหยียน ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับอำนาจมากยิ่งขึ้น
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าพวกเขายังไม่ได้มีรากฐานที่มั่นคงและได้รับการยอมรับจากคนทั่วไป พวกเขาคงกลายเป็นตระกูลยิ่งใหญ่ตระกูลที่ห้าไปแล้ว
มีอัจฉริยะเกิดขึ้นมากมายจากตระกูลเซี่ยในปัจจุบันนี้ ตัวอย่างเช่น เซี่ยเฉียนเยิ่น ศัตรูความรักของสหายผู้น่าสงสาร เขาเป็นหนึ่งในรุ่นผู้เยาว์ที่มีอนาคตสดใส และเขามีชื่อเสียงมากแทบจะพอๆ กับเย่ว์เทียน, เย่ว์เยี่ยนและคนอื่นๆ ความสามารถของเขาเพียงเป็นรองสามดาวเพชฌฆาต เฟิงชิซา, เหยียนพั่วจวิน และเสวี่ยทันหลาง เซี่ยเทาที่เมื่อก่อนนั้นคอยเกาะติดเย่ว์ซาน รักษาการประมุขตระกูลเย่ว์มาก่อน ก็กลายเป็นหยิ่งยโสขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เขากลายเป็นเจ้าเมืองเตาฟง
มีอยู่ครั้งหนึ่ง พวกเขามีธุรกิจกับตระกูลเย่ว์ หลังจากขายของชั้นดี ให้กับตระกูลเย่ว์และรับเงินมาแล้ว พวกเขากลับสั่งให้สมาชิกตระกูลปลอมตัวเป็นโจรเข้าขโมยสินค้าเอากลับมาขายให้คนอื่นๆ
การโจมตีครั้งนี้เป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่และกระทบกระเทือนฐานะของตระกูลเย่ว์
นับเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางระหว่างตระกูลทั้งสอง
ตระกูลเซี่ยยังคงปฏิเสธข้อกล่าวหา แม้ว่าเมื่อจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้จะซักถามพวกเขาอย่างโกรธกริ้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ยอมรับ เหมือนกับว่าพวกเขาได้รับการหนุนหลัง ในที่สุดตระกูลเย่ว์ทำได้แต่เพียงกล้ำกลืนความทุกข์ทรมานอย่างเงียบๆ โดยพวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานมาได้ ขณะที่ตระกูลเย่ว์และตระกูลเซี่ยทะเลาะกัน พวกเขายุติการติดต่อระหว่างกันทั้งสองฝ่าย แม้ว่างานแต่งงานระหว่างเย่ว์หวี่และบุตรชายคนโตของตระกูลเซี่ย เซี่ยเชียนชิวจะไม่ได้ถูกยกเลิก ทว่าแม้แต่คนตาบอดก็เห็นได้ว่าความพยายามแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองตระกูลล้มเหลวสิ้นเชิง
ตระกูลเย่ว์ไม่มีข้ออ้างที่จะยกเลิกการแต่งงาน และตระกูลเซี่ยพยายามเหยียบย่ำธิดาคนรองของตระกูลเย่ว์อย่างจงใจ ยืนกรานปฏิเสธการยกเลิกการแต่งงาน
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ตระกูลเซี่ยยังเร่งรัดให้เย่ว์หวี่ออกจากโรงเรียนเร็วขึ้น เพื่อที่ว่านางจะได้แต่งงานเข้าครอบครัวได้เร็วขึ้น
ในความเป็นจริง เซี่ยเชียนชิวแต่งงานกับธิดาของตระกูลเลี่ยแล้ว เขามีภรรยาคนหนึ่งและนางบำเรออีกหลายคน ขณะเดียวกันเขายังได้ชื่อว่าเป็นคนเจ้าชู้ที่สุดในสถาบันฉางจิง
จอมเจ้าชู้เซี่ยเชียนชิวมีชื่อเสียงในเรื่องชอบหยอกล้อกับสาวงามเป็นประจำ เขาได้รับการขนานนามว่า “นักฆ่าบุปผาโรงเรียน”
เขาแตกต่างจากเหยียนพั่วจวินที่เป็นคนจริงจังมาก หญิงสาวมากมายก็พร้อมจะโผเข้าหาเหยียนพั่วจวินเหมือนกัน แต่ชื่อเสียงของเขาไม่ได้เลวร้าย อย่างน้อย เขาก็ไม่เป็นเช่นเดียวกับเซี่ยเชียนชิวที่ได้ประกาศความสำเร็จต่อหน้าสาธารณชนว่า “ฟันสาวครบพันคน” แล้ว
มารดาของเย่ว์หวี่ไม่ได้เป็นภรรยาตามกฎหมายและเสียชีวิตเร็วเกินไป ส่วนภรรยาตามกฎหมายปฏิบัติต่อเย่ว์หวี่เหมือนกับคนที่อยู่ตามชายแดน นางไม่เคยได้รับความรักตามสมควร ต้องอยู่อย่างอ้างว้างเงียบเหงา
ต่อหน้าคนอื่น มารดาที่เป็นภรรยาตามกฎหมายจะปฏิบัติกับนางเหมือนกับเอาใจใส่ธิดาของตน
สำหรับการแต่งงานของเย่ว์หวี่ นางก็แค่เพียงเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ตระกูลเย่ว์ไม่สามารถหาข้ออ้างมายกเลิกการแต่งงานของพวกเขาได้
เย่ว์หยางไม่ค่อยเข้าใจปัญหาของเย่ว์หวี่มาก่อน แต่หลังจากไปเข้าเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงและไปที่เหวสิ้นหวังแล้ว เย่ว์ปิงก็บอกเล่าเรื่องของนางให้ฟัง จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าญาติผู้พี่ผู้อ่อนโยนนุ่มนวลผู้นี้ มีชะตากรรมที่น่าเศร้า
“หวี่เอ๋อ! นั่งลงก่อน!” หญิงชราลูบใบหน้าเย่ว์หวี่ด้วยความรักพลางทอดถอนใจ “ตอนนั้น เรื่องที่เหล่าผู้อาวุโสท้าประลองผ่านด่าน สร้างความอับอายให้กับนิกายเรา เหมือนกับว่าพวกท่านโกงและหลอกลวงได้ชัยชนะมา ดังนั้นพวกเราที่เป็นผู้เยาว์รุ่นหลังจึงไม่พูดถึงมันมากนัก ในวิหารเจมินี่ ผู้ท้าประลองทุกคนที่จะเข้าไปปลดหน้ากากทองที่อยู่กับเงาตัวที่สองในห้องโถงหลัง เงาที่สองอยู่ตรงกันข้ามกับเงาที่หนึ่ง ไม่ใช่มีแต่เพียงเพศตรงข้ามเท่านั้น พลังของมันยังคงอยู่ที่ชั้นอสูรทองระดับ 6 มันไม่เหมือนกับเงาแรกที่มีทักษะสามารถเปลี่ยนร่างให้เหมือนกับผู้เข้าท้าประลองได้”
“ท่านหมายความว่าเงาที่สองที่ผู้ชายจะเข้าไปเจอก็จะเป็นเงาของผู้หญิงใช่ไหม? และผู้ท้าประลองที่เป็นหญิงก็จะพบเงาผู้ชาย?” เย่ว์หยางตะลึงเมื่อได้ยินคำอธิบายของนาง
“ใช่แล้ว ขณะที่อาจารย์ย่าเข้าประลองผ่านด่านด้วยสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนัก คู่หมั้นและครอบครัวของนางคิดว่านางคงถูกเงาภายในวิหารทำเรื่องน่าอับอาย ดังนั้น พวกเขายกเลิกการจัดงานแต่งงาน อาจารย์ได้อ้อนวอนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางและร้องเรียนกับจักรพรรดินีในตอนนั้นให้ช่วยตรวจสอบและชำระชื่อเสียงให้นาง อย่างไรก็ตาม จนแล้วจนรอด นางไม่สามารถได้รับความรักความเชื่อใจคนรักของนางคืนมา ในที่สุดนางก็ฆ่าตัวตายพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เงาของวิหารเจมินี่เป็นเพียงจินตนาการ ดังนั้นมันจะไม่ทำให้ผู้ท้าประลองขายหน้า เพื่อสืบสาวความจริง อาจารย์ของข้าใช้วิธีที่แตกต่างเข้าไปท้าประลองผ่านด่านและในที่สุด นางก็พิสูจน์ได้ว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตามร่างลอกเลียนแบบของเงาไม่มีทางทำอะไรให้ผู้ท้าทายต้องอับอายขายหน้าเลย อาจารย์ย่าที่น่าสงสารของข้าไม่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนางได้จนในที่สุด ทั้งหมดเป็นเพราะคู่หมั้นของนางพยายามแสวงหาอำนาจผ่านความสัมพันธ์จากการแต่งงาน และตัดสินใจแต่งงานกับธิดาของสมุหนายกฝ่ายซ้าย ดังนั้นเขาจึงยกเรื่องความบริสุทธิ์ของอาจารย์ย่าขึ้นมาเป็นข้ออ้าง เงาที่สองและเงาที่หนึ่งเป็นแฝดกัน แต่เงาที่สองจึงจะเป็นองครักษ์พิทักษ์วิหารตัวจริง นอกจากนี้เงาที่สองยังไม่….”
เรื่องเล่าของหญิงชราทำให้เย่ว์ปิงและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถึงสะอื้น
ความคิดว่า ความบริสุทธิ์ของอาจารย์ย่านั้นต้องกลายเป็นมัวหมองเพราะนางท้าทายประลองผ่านด่าน และวิธีคิดของคู่หมั้นอาจารย์ย่ามันเป็นเรื่องเกินจริงและอันตรายเกินไป
อาจารย์ย่าเลือกคู่หมั้นผิดคนจริงๆ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มาก นางรู้สึกว่าจะต้องไม่เลือกคู่ครองผิดไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางไม่ต้องการมีจุดจบที่น่าสงสารเหมือนอย่างอาจารย์ย่าผู้นั้น
นางหันไปมองเย่ว์หยาง
นางรู้สึกว่าแม้ว่าเจ้าเด็กนี่จะเป็นจอมเจ้าชู้คนหนึ่ง มีจิตใจลามกคิดแต่เรื่องจะปล้ำสาวๆ แต่เขาก็ยังโดดเด่นในแง่มุมอื่นๆ เรื่องแรกก็คือ เขาใส่ใจครอบครัวของเขามาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแม่สี่หรือเย่ว์ปิง เขามักเป็นคนแรกที่เข้าไปช่วยพวกนาง ถ้าเขาแต่งงานกับผู้หญิงสักคน นางเชื่อว่าเขาก็เป็นสามีที่คอยดูแลห่วงใยรักใคร่ภรรยาของเขา เรื่องที่สอง เขาเป็นคนเที่ยงธรรมและซื่อสัตย์ เขาจะไม่พูดอะไรที่เจ้าเล่ห์
สำหรับในด้านอื่นๆ เช่นทักษะต่อสู้ เขามีความสามารถที่โดดเด่นเป็นหนึ่งในล้าน
แม้ว่านางจะไม่ต้องการยอมรับว่า เจ้าเด็กนี่โดดเด่นจริงๆ เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แต่เจ้าเด็กนี่ยังคงเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างดี
ปัญหาเดียวของเขาก็คือหัวใจโลเล เป็นจอมลามกโดยสันดาน ชอบตกหลุมรักสาวสวยทันทีที่เห็นหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เขายังต้องการจะครอบครองพวกนางให้ได้ทั้งหมด โชคดีว่านางไม่มีเพื่อนชายคนอื่นๆ มิฉะนั้นเจ้าเด็กนี่คงฆ่าบุรุษผู้โชคร้ายนั้นเพราะความหึงหวงแน่
พอได้เรียนรู้กรณีศึกษาของอาจารย์ทวดของเย่ว์หวี่ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตัดสินใจว่านางจะพินิจพิจารณาอย่างระมัดระวังก่อน มันเป็นอนาคตที่นางต้องกังวลอยู่แล้ว
ถ้านางเลือกแต่งงานผิดคน นั่นก็จบกัน
เป็นไปได้ไหมที่องค์ชายสื่อจินที่เคยขอมือนางเพื่อแต่งงาน จะดีกว่าเย่ว์หยาง?
หรืออาจเป็นประมุขน้อยแห่งนิกายเขาหมอกที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อนจะโดดเด่นยิ่งกว่าจอมลามกเย่ว์หยาง? บิดาของนางไม่ต้องการให้นางแต่งงานด้วยเหตุผลทางการเมือง นั่นคืออนาคตของนาง ดังนั้น นางต้องพิจารณาอย่างระมัดระวังจริงๆ นางจะไม่ยอมให้ความหุนหันพลันแล่นทำลายชีวิตของนางทั้งชีวิต
โดยที่เย่ว์หยางไม่รู้ แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแอบเปรียบเทียบกับบุรุษที่นางรู้จักทั้งหมดอย่างระมัดระวัง
เย่ว์หยางยังดำดิ่งอยู่กับความคิดตน เป็นเรื่องปัญหาที่สำคัญ
เงาที่ลอกเลียนแบบตัวแรก ทำไมถึงได้สวมหน้ากากทองคำไว้? ทำไมเงาที่สองถึงปรากฏเมื่อหน้ากากทองถูกถอดออก? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขานำหน้ากากทองออกไปจากวิหารเจมินี่?
“นี่คือบันทึกของอาจารย์ของข้า เมื่อนางเข้าท้าประลองเมื่อครั้งล่าสุด ข้าจะให้เจ้าดูกับตาเจ้าเอง!” หญิงชราให้บันทึกแก่เย่ว์หยางที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่พบในวิหารเจมินี่ มีแม้กระทั่งภาพประกอบต่างๆ
เย่ว์หยางปลาบปลื้มมาก หลังจากเขากล่าวคำอำลาหญิงชรา เขาไม่อาจอดทนรอได้เขารีบอ่านผ่านๆ บันทึกส่วนตัวนั้นทันที
พอเห็นว่าเย่ว์หยางหมกมุ่นเกินไปกับการผ่านด่าน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ทุบเขาเบาๆ
เย่ว์หยางโบกมือของเขา “ชูว์ ให้ข้าอ่านจบก่อน แล้วเจ้าค่อยอ่านทีหลัง ถ้าเจ้าแตะต้องข้าอีก ข้าจะฟ้องเจ้าข้อหาทำอนาจารข้า..” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคุ้นเคยกับคำพูดของเขามาบ้างแล้ว แต่เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงอยู่ที่นั่น องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลัวและอาย ขณะที่นางทุบเย่ว์หยางเบาๆ อีกที เย่ว์หยางงงสับสนอีกครั้ง แม่นี่เป็นอะไรไป? นางชอบไล่ทุบคนอื่นหรือไง? ขณะที่เตรียมจะทุบคืน เย่ว์หวี่รีบเหนี่ยวมือเขาไว้และพูดว่า “อย่าโกรธสิ นับเป็นเรื่องดีแล้วที่นางทุบเจ้า!”
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางยิ่งสับสนมากกว่าเดิม การที่นางทุบเขานี่นะ เป็นเรื่องดี?
“ถ้าเป็นคนอื่นๆ นางคงไม่ใช่แค่ทุบหรอก หึหึ เอาล่ะ เจ้าเลิกอ่านหนังสือก่อน ทุกคนหิวกันแล้ว เราไปหาอะไรกินกันก่อนเป็นอย่างไร?” เย่ว์หวี่ตระหนักว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความรู้สึกที่แปลกไปเมื่อนางมองดูเย่ว์หยาง มีแววลึกลับหรือดูแล้วน่าจะมีไฟบางอย่างคุโชนอยู่ในหัวใจนางมาก่อนแล้ว
ด้วยสัมผัสที่หกของสตรี นางรู้สึกมีความสุขและยินดีกับน้องชายนาง
นางรู้สึกมีความสุข แต่นางก็ยังรู้สึกว่าญาติผู้น้องของนางยังเป็นตัวโง่งมอยู่ สตรีมักจะสงวนท่าทีมากกว่าบุรุษ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความรู้สึกต่อเขา ทำไมนางต้องทำท่าเหมือนกับผู้หญิงที่เอาแต่ใจเมื่ออยู่ใกล้ๆ เขา?
ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ทุบนิ่มๆ เบาๆ แรงขนาดตบยุงไม่ตายด้วยซ้ำ แล้วจะกลายเป็นทุบตีคนไปได้อย่างไร? มันเป็นเรื่องน่าปลื้มใจจริงๆ
ญาติน้องผู้โง่เขลานี้มีชีวิตที่มีความสุขโดยไม่รู้คุณค่ามัน
เย่ว์หวี่เกรงว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะไม่พูดให้ชัดเจนเพราะนางอาย ดังนั้นนางจึงได้แต่ห้ามเย่ว์หยางที่เตรียมจะตีนางคืน ไม่ใช่แค่เย่ว์หวี่เท่านั้น แม้แต่เย่ว์ปิงที่ไม่เข้าใจเรื่องความรักเลย ก็ยังเห็นได้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความรู้สึกที่ดีต่อพี่ชายนาง นางได้แต่ลอบหัวเราะเป็นครั้งคราว หัวเราะกับความโง่ของพี่ชายของนาง เขาเข้าใจผิดว่าพี่อี้หนานเป็นบุรุษ แล้วตอนนี้ยังคิดว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังจะทุบตีเขา นางคิดว่าพี่ชายนางเอาแต่ขังตัวเองในห้องมานานเกินไปจนเขาไม่เข้าใจจิตใจสตรีเลย
พูดให้ถูกก็คือ เย่ว์หยางขังตัวเองอยู่ในห้องตนเองเหมือนกับพวกที่เอาแต่หมกมุ่นกับตัวเอง แต่เขาไม่ใช่คนโง่แน่นอน
เขาแค่แกล้งทำไปอย่างนั้นเอง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แม่เสือสาว เขาจะไม่ปล่อยให้ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาหลุดมือไปแน่นอน แต่ตอนนี้ เขาแค่เพียงหยอกล้อนาง มันคงไม่สายเกินไปถ้าเขาจะหาโอกาสที่ดีในอนาคตปล้ำนางให้อยู่หมัด
“ไฮ้! ว่าที่ภรรยาของข้าไม่ใช่หรือ? ข้าได้ยินมาว่าภรรยาของข้าบริสุทธิ์และสะอาดสะอ้านมาก แม้แต่ข้าที่เป็นคู่หมั้นก็ยังไม่ได้แตะต้องนางได้สักนิด เหมือนกับว่าเจ้าทำจากทองบริสุทธิ์ แล้วตอนนี้ทำไมเจ้าถึงได้ฉุดมือบุรุษอย่างอุกอาจเล่า? ต่อให้พวกเจ้าต้องการจะทำ ก็อย่าทำต่อหน้าข้า ไม่ว่ายังไงก็ตาม ข้าก็ยังคือคู่หมั้นของเจ้า เจ้ารู้ไหม? ถ้าข้าได้รู้เร็วกว่านั้นว่าเจ้าเป็นนังแพศยาเจ้าเล่ห์ ข้าจะปล่อยให้เจ้าตายโดยไม่เมตตาปราณี ผู้หญิงที่ข้าคิดว่ายังคงบริสุทธิ์ กลับจะกลายเป็นว่าเจ้าคือสินค้าที่หมดอายุ…”
เสียงดัง ประหลาดก้องมาจากทางเดิน ขณะที่บุรุษคนหนึ่งเดินกร่างอยู่ข้างหน้า
***************