===============
เซี่ยถูประเมินผู้เยาว์ที่อยู่ต่อหน้าเขา ดูเหมือนจะอายุราวๆ 20 ปี เขาเป็นคนหนุ่มที่ไม่ธรรมดา แต่ปราณของเขาที่แผ่ออกมายังทำให้ตัวเขาซึ่งเป็นนักสู้ระดับ 7 ตื่นตกใจได้
ถ้านักสู้รุ่นเยาว์นี้เพียงแต่ฆ่าอสูรหรือคนมาไม่กี่คน เขาไม่น่าจะมีรังสีฆ่าฟันที่รุนแรงขนาดนี้
รังสีฆ่าแบบนี้ดูเหมือนจะอยู่ในระดับเดียวกับขุนศึกผู้ทำศึกใหญ่และรอดตายมาได้หลายครั้ง
เขาต้องฆ่าคนมามากกว่าพันคนเป็นแน่ รังสีฆ่าฟันของเขาแทบจะเทียบเท่าได้กับจ้าวปีศาจ
ถ้าเป็นรังสีฆ่าฟันของนักรบธรรมดาจะไม่มีทางแผ่ออกมาได้ ไม่ว่าพวกเขาจะฝึกมานานขนาดไหนก็ตาม
นักสู้รุ่นเยาว์ผู้นี้ยังอายุน้อยนัก ถึงกับมีรังสีฆ่าฟันที่อำมหิตและเลือดเย็นขนาดนั้นได้ เป็นไปได้ไหมว่า เขาเริ่มฆ่าเป็นตั้งแต่คลอดออกมาจากท้องมารดา? จิตใจของเซี่ยถูสั่นอย่างไม่ได้ตั้งใจ… เขาไม่เคยเห็นใครในหมู่ผู้เยาว์ที่มีรังสีฆ่าฟันมากกว่าตัวเขาเอง แม้แต่สามดาวเพชฌฆาต เฟิงซิซาผู้ฆ่าคนมามากที่สุด ก็ยังไม่มีรังสีฆ่าฟันเหมือนกับนักสู้รุ่นเยาว์ผู้นี้ ในความเป็นจริง เขายังไม่คู่ควรจะพูดถึงนักสู้รุ่นเยาว์ผู้นี้ด้วยซ้ำ!
ถ้าเขาเปรียบรังสีฆ่าฟันของเฟิงชิซาเป็นเหมือนลูกหมาป่า รังสีฆ่าฟันของเจ้าเด็กนี่ก็เป็นเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่เพิ่งกัดคนจนศีรษะขาด
เขาฆ่าคนไปกี่คนกันแน่? มีนักสู้ผู้แข็งแกร่งกี่คนแล้วที่ ถูกเขาสังหารด้วยรังสีฆ่าฟันที่เหมือนกับจ้าวปีศาจนั้น?
เซี่ยถูไม่สามารถจินตนาการได้หมด
“เจ้าเป็นใคร?” เซี่ยถูเริ่มคิดว่าแค่รักษาการณ์ประมุขตระกูลเย่ว์ซานหรือประมุขตระกูลเย่ว์ เย่ว์ไห่คงเห็นว่าคุ้มค่าที่จะเป็นศัตรูของเขา เขาไม่เคยคิดว่าตระกูลเย่ว์จะมีผู้เยาว์ที่มีฝีมือสูงส่งขนาดนี้ สี่ตระกูลใหญ่นับว่ามีชื่อจริงๆ แม้ว่าตระกูลเย่ว์จะดูเหมือนว่าภายนอกแล้วพวกเขาตกต่ำ แต่ความแข็งแกร่งที่พวกเขาซ่อนเร้นไว้นับว่าดูถูกไม่ได้เลย ทันใดนั้นเซี่ยถูมีความรู้สึกว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับพวกเขาที่จะท้าทายตระกูลเย่ว์ พวกเขายังประมาทเกินไป ตระกูลเซี่ยไม่ทันตรวจสอบเรื่องนี้ให้ดีก่อน พวกเขาก็รีบบุกรุกปราสาทตระกูลเย่ว์เสียแล้ว
“นักสู้ตระกูลเย่ว์! ถอยห่างออกไปจากเส้น 10 เมตร ข้าจะได้ไม่ตัดหัวพวกเจ้าไปด้วย!” เย่ว์หยางไม่เตือนเซี่ยถู กลับจ้องมองนักสู้ของตระกูลถอยไปอย่างไม่พอใจ
นักสู้ของตระกูลถอยออกไปไกลที่สุดและชะงักทันทีเมื่อเจอฮุยไท่หลางที่อ้าปากคำรามโชว์ฟันซี่คมของมัน
นักสู้คนนั้นกลัวจัดถึงขนาดปัสสาวะราดกางเกงและอ้อนวอนขอชีวิต
พอเห็นแบบนี้เหล่านักสู้ของตระกูลเย่ว์ต่างพากันหวาดกลัว ทุกคนตกใจกลัวจนตัวเริ่มสั่น
คุณชายสาม ตัวประหลาดผู้นี้ไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน ก่อนนี้ เขายังกล้าฆ่าผู้อาวุโสของเขาเมื่อตอนพาคุณนายสี่และบุกฝ่าเข้ามาในปราสาทตระกูลเย่ว์ ความอำมหิตของเขาแทบจะทำให้เกิดแม่น้ำโลหิต แม้เมื่อรักษาการประมุขตระกูลเย่ว์ซานออกมาเอง เขาก็ยังหาญท้าสู้ด้วย ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความจริงที่ว่าประมุขตระกูลเย่ว์ไห่กลับมาทันเวลา ผลที่ตามมาไม่อาจจะคาดคิดได้เลย….หลังจากนั้น ในการแข่งขันประจำตระกูล คุณชายสามผู้นี้ยังกล้าทุบตีสมาชิกนิกายหมอกฟ้าคนหนึ่ง ไม่มีใครกล้าด่าว่าความก้าวร้าวของเขา
สำหรับจอมมารน้อยผู้กล้าฆ่าผู้อาวุโสตนเองนี้ นักสู้ประจำตระกูลไม่ต้องการยั่วโทสะเขาและยอมเชื่อฟังคำสั่งแต่โดยดี
ยิ่งไปกว่านั้น ได้คุณชายสามช่วยสนับสนุนการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเขาคงจะเสียหน้าจริงๆ ถ้าถูกต้อนจนถอย
“เฮ….!” ทันใดนั้น พวกเขากลับไปรวมตัวด้วยกันและเพิ่มขวัญกำลังใจในการรบ
สำหรับสองผู้อาวุโส พอเห็นว่านักรบตระกูลยอมรับให้เย่ว์หยางเป็นผู้นำของพวกเขา ก็ไม่พอใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเข้าใจดีถึงฝีมือที่ยอดเยี่ยมของเขามาก่อน ตอนนี้ เจ้าเด็กนี่จะไม่ใช่คนที่พวกเขาจะจัดการหรือควบคุมได้อีกต่อไป เนื่องจากพวกเขาไม่มีความสามารถที่ยิ่งใหญ่เหมือนเจ้าเด็กนี่ พวกเขาได้แต่ทนรับความอัปยศอย่างหดหู่ใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ศัตรูเข้มแข็งมาท้าสู้ถึงหน้าประตูบ้านพวกเขา ถ้าตระกูลเย่ว์ไม่สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน พวกเขาจะต้องเสร็จแน่ๆ
ขณะที่พวกเขาคิดอย่างนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองยังคงแบ่งพวกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ทางขวา และอีกส่วนหนึ่งอยู่ทางซ้ายของเขา เสียงโห่ร้องของกองกำลังเย่ว์หยางกึกก้องไปทั่ว
นักรบตระกูลเซี่ยเสียคนไปมากกว่า 20 เมื่อเย่ว์หยางเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ ดังนั้น พวกเขามีความวิตกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ขณะที่นักสู้ระดับ 7 เซี่ยถูลอยตัวลงมาและยืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา นักสู้ตระกูลเซี่ยมีความต้องการจะสู้ต่อทันที พวกเขาคำรามโห่ร้องตอบโต้ใส่นักสู้ตระกูลเย่ว์
“โห่……!” นักสู้ตระกูลเซี่ยโห่ร้องลั่น ต้องการแสดงความเหนือว่าทั้งในเรื่องพลังปราณและจำนวนคนเพื่อข่มขู่นักสู้ตระกูลเย่ว์
“เฮ…….!” ตอนนี้นักสู้ตระกูลเย่ว์จะถอยได้อย่างไรกัน? ดาบฮุยจินของเย่ว์หยางไม่มีความปราณีให้ใคร ยิ่งไปกว่านั้น หมาป่าปีศาจที่ชอบกินเนื้อมนุษย์ก็ยังคุมเชิงอยู่ด้านหลังพวกเขา ถอยไปอาจหมายถึงตาย แต่พวกเขายังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าพวกเขาเดินหน้าสู้ พวกเขาไม่แพ้อยู่แล้วเรื่องเสียงร้อง ขณะที่พวกเขาเริ่มเร่งเสียงพร้อมกัน ทำให้เสียงดังสนั่น นักสู้ตระกูลเย่ว์ทะยอยมาเพิ่มไม่สิ้นสุดจากปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อสนับสนุนพวกเขา
จากหมู่บ้านตระกูลเย่ว์ ยังคงมีนักสู้ของตระกูลเซี่ยเข้ามาร่วมสมทบสู้ไม่ขาดสาย เริ่มมีการปีนภูเขากันแล้ว ขณะที่พวกเขาตะโกนอย่างน่ากลัว
ในที่สุด ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ก็ปรากฏตัว ก้าวยาวๆ ออกมาจากปราสาทตระกูลเย่ว์
ในทางตรงกันข้าม ที่เชิงภูเขา เซี่ยนิ่วนักสู้ระดับ 7 อีกคนหนึ่งจากตระกูลเซี่ย ผู้แข็งแกร่งและมีชื่อเสียงพอๆ กับเซี่ยถูยังคงเบิกทางขึ้นภูเขามาทีละก้าว กองกำลังทั้งสองฝ่ายมารวมกันอยู่กลางภูเขาอย่างรวดเร็ว การต่อสู้ครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น
“ข้าไม่สนว่าพวกเจ้ามีความตั้งใจเช่นไร พวกที่บุกรุกปราสาทของข้า ข้าขอสั่งให้พวกเจ้าวางอาวุธและยอมจำนน มิฉะนั้นเราจะสู้โดยไม่ลังเลใจอะไรทั้งนั้น” เย่ว์หยางจะไม่ยอมเสียเวลาเห็นอกเห็นใจของเขาหรือพูดคุยกับศัตรูของเขา เขามีกฎเพียงข้อเดียว : คนไม่ยอมแพ้ต้องตายสถานเดียว ปราสาทตระกูลเย่ว์ที่มีชื่อเสียงถูกศัตรูบุกโจมตีโดยเปิดเผย ถ้าพวกเขาไม่ฆ่าศัตรูของเขาในตอนนี้ ต่อไปในอนาคตใครๆ ก็สามารถรุกรานเขาได้ เย่ว์หยางไม่ได้มีความรู้สึกเป็นเจ้าของปราสาทตระกูลเย่ว์เหมือนกับว่ามันเป็นบ้านของเขา แต่นี่ก็ยังคงเป็นบ้านของบรรพบุรุษของสหายผู้น่าสงสาร เนื่องจากว่าเขาสวมฐานะของสหายผู้น่าสงสารกลายเป็นคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ เขาจะสู้หน้าคนอื่นได้อย่างไร ถ้าเขาไม่สามารถปกป้องปราสาทตระกูลเย่ว์ได้?
“….” เซี่ยถูโกรธ เจ้าเด็กนี่หน้าหนาเกินไปหน่อยไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ ตระกูลเซี่ยได้เปรียบจำนวนคนและกำลังรบ เขาไม่ยอมแม่แต่เจรจาต่อรอง แต่กลับเรียกร้องให้พวกเขาวางอาวุธและยอมแพ้ทันที นั่นจะเป็นไปได้อย่างไร?
เซี่ยนิ่วผู้มีอารมณ์ร้อนอยู่แล้วแทบคลั่งเมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง
เซี่ยถู ยังเป็นคนรอบคอบมากกว่า เขาส่งสัญญาณให้คนอื่นรอสักครู่และตรวจสอบสถานการณ์ก่อน
ตระกูลเย่ว์มีประวัติศาสตร์และรากฐานที่แข็งแกร่งมาเป็นพันปี แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะมีผู้สนับสนุนเบื้องหลังที่มีอำนาจและเข้าโจมตีตระกูลเย่ว์ด้วยนักรบมือดีเกือบร้อย ก็ยังไม่สามารถเอาชนะตระกูลเย่ว์ได้ง่ายนัก การโจมตีตระกูลเย่ว์มีแต่จะกระตุ้นให้พวกเขาเสียแผน ยิ่งไปกว่านั้น ความสัมพันธ์ระหว่างสี่ตระกูลใหญ่จะสนิทกันมาก ถ้าตระกูลใดถูกโจมตีโดยไม่มีเหตุผล อีกสามตระกูลใหญ่ที่เหลือที่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิดกันหมด จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือทันที
ถ้าตระกูลเซี่ยต้องการจะเอาชนะศัตรูใหญ่อย่างตระกูลเย่ว์นี้ พวกเขาไม่เพียงแต่ต้องมีกำลังที่เพียงพอเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีเหตุผลที่รัดกุมดีพออีกด้วย
มิฉะนั้น พวกเขาจะไม่สามารถมองผ่านจักรพรรดิต้าเซี่ย จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ได้
แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าแม่ทัพใหญ่เย่ว์ไห่สนิทกับจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ขนาดไหน ถึงกับเรียกเป็นพี่เป็นน้องกัน จุนอู๋โหย่วมักจะมองเย่ว์ไห่เป็นเหมือนพี่ ดังนั้นเขาจะไม่ยืนดูอย่างเงียบๆ แน่นอน
“ท่านประมุขตระกูลเย่ว์ แม่ทัพใหญ่เย่ว์ไห่! วันนี้ เหตุผลที่ข้าเซี่ยถูต้องมาที่นี่ก็เพื่อทวงถามให้ตระกูลเย่ว์ส่งคนบางคนออกมา แม่ทัพเย่ว์โปรดส่งตัวคุณหนูรองและคนรักบัดซบของนางผู้สังหารสมาชิกตระกูลของเรา เซี่ยเชียนชิวด้วย ก่อนนี้ตระกูลเย่ว์และเซี่ยเคยเกี่ยวดองกันด้วยงานหมั้นหมายและทุกคนก็มีความสุขดี อย่างไรก็ตาม คุณหนูรองตระกูลเย่ว์ประพฤติไร้ยางอายและมีสัมพันธ์ชู้สาวกับคนรักอื่นก่อนแต่งงาน มีการสมรู้ร่วมคิดเพื่อฆ่าหลานชายของข้า เซี่ยเชียนชิวและเป็นคู่หมั้นของนางแน่นอน …. ตอนนี้ เรามาที่นี่เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมอันสูงส่งของท่านแม่ทัพเย่ว์ โปรดส่งตัวเย่ว์หวี่และคนรักบัดซบของนางมาให้ตระกูลเซี่ยเราลงโทษและเป็นการพิทักษ์กฎหมายของเรา” เซี่ยถูแสดงความเคารพต่อผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ผู้กำลังก้าวเดินเข้ามา นี่คือการอ้างกรรมสิทธิ์และวางข้อแก้ตัวของเขา
“เจ้าเมืองเซี่ย ในฐานะเจ้าเมือง เจ้าต้องไม่พูดคำที่ไม่เหมาะสม เจ้ายังไม่ได้ตรวจสอบความจริงเลย เจ้าก็นำกองกำลังบุกรุกตระกูลเย่ว์เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังใช้กำลังบังคับเรียกร้องคนจากเรา เจ้าคิดว่าข้าแก่จนถึงขนาดที่เจ้าสามารถรังแกข้าตามอำเภอใจได้อย่างนั้นหรือ?” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ใช้พลังปราณของท่านระเบิดพลังเสียงราวกับฟ้าผ่า จนแก้วหูทุกคนอื้อไปหมด
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้มีประสบการณ์รบมาเป็นพันๆ ครั้ง พลังปราณของท่านราวกับภูเขา แหลมคม หนักแน่นและทรงพลังกว่าเย่ว์หยางเหมือนกับว่ามันมีตัวตน
นักสู้ตระกูลเซี่ยที่อยู่ด้านตรงข้ามรู้สึกถึงแรงกดดันเมื่อผู้เฒ่าเย่ว์ไห่มาถึง
ตอนที่เขาเพิ่งได้ตะโกนโต้ตอบ นักรบตระกูลเซี่ยทำอะไรไม่ถูกได้แต่ถอยออกมาด้วยความกลัว
นักสู้ตระกูลเซี่ยกลัวสง่าราศีทหารนักรบของผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ แม้ว่าเซี่ยถูและเซี่ยนิ่วนักสู้ระดับ 7 ถึงสองคนจะควบคุมกองกำลังมา แต่การจัดทัพของเขาเริ่มจะผิดปกติแล้ว เซี่ยถูยังดูสงบ แต่มีแอบสั่นเล็กน้อย โชคดีที่วันนี้เขามาที่นี่พร้อมกับเซี่ยนิ่ว ถ้าเป็นคนอื่นนักสู้ตระกูลเซี่ยคงพินาศย่อยยับแน่ เจ้าเฒ่าเย่ว์ไห่นี้ เป็นจริงสมคำร่ำลือ เขาไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และเย่ว์หยาง หนึ่งชราและหนึ่งผู้เยาว์ยืนอยู่ต่อหน้ากองกำลังของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ปราณของพวกเขากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
คนหนึ่งเหี้ยมหาญและดุดันเหมือนพยัคฆ์ที่ต้องการจะแสดงความสามารถของตนให้คนอื่นที่จะจ้องดวงตาเขาอาจตายได้ในพริบตาเดียว อีกคนหนึ่งสงบและแข็งแกร่งดุจศิลา มั่นคงดุจภูผา เขาไม่ต้องโกรธก็ทำให้คนอื่นกลัวจับจิตใจได้ ที่สำคัญที่สุด พลังปราณของปู่ผู้ชราและหลานชายผู้เยาว์วัยเติมเต็มซึ่งกันและกัน ทำให้พวกเขาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีก
นี่ทำให้เซี่ยถูมีความรู้สึกว่า อย่าว่าแต่กองกำลังเล็กๆ ของเขาเลย แม้กองทัพที่มีคนและม้าเป็นพันพวกเขาก็อาจเอาชนะได้ไม่ยาก
เซี่ยถูลอบถอนหายใจ นี่คือพลังของหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลเย่ว์แน่นอน
แม้เมื่อพวกเขามีกำลังลดลงอย่างมากทุกวัน แต่ก็ยังเป็นสิงห์เฒ่าที่กล้าหาญไม่กลัวตาย ถ้าพวกเขาต้องการทำอะไรกับตระกูลเย่ว์ พวกเขาคงต้องจ่ายค่าตอบแทนสถานหนัก หลังจากขับเคี่ยวก่อสงครามกับตระกูลเย่ว์แล้ว ตระกูลเซี่ยจะเหลือนักรบมือดีสักกี่คน ตระกูลอื่นก็จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของพวกเขาและแทนที่พวกเขาในฐานะเป็นสี่ตระกูลใหญ่ชุดใหม่? คำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจของเซี่ยถู…. ทันใดนั้น เขาก็พบว่าก่อนนั้นเขามัวแต่มุ่งจะเอาชนะตระกูลเย่ว์ให้ได้และไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาและคุณค่าที่พวกเขาต้องจ่ายออกไป หากพวกเขาล้มเหลว
เทียบกับเซี่ยถูแล้ว เซี่ยนิ่วคิดง่ายเกินไป
เขาคิดว่า เขาและเซี่ยถูทั้งสองคนสามารถจัดการศัตรูอีกฝ่ายได้ คนหนึ่งสู้กับผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ขณะที่อีกคนหนึ่งสู้กับเจ้าผู้เยาว์ที่หยิ่งยโสนี้ พวกเขาจะใช้การโจมตีที่คาดไม่ถึง
ตราบใดที่พวกเขาสามารถบังคับให้ตระกูลเย่ว์เปิดเผยขุมกำลังที่ซ่อนเร้นของเขา จากนั้นพลังยิ่งใหญ่ที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังก็จะทำการเคลื่อนไหว ด้วยนักรบมือดีเกินร้อยบุกเข้าตระกูลเย่ว์ พวกเขาจะกำจัดพวกนั้นได้ด้วยการบุกโจมตีรวดเดียว นับจากวันนี้ไป ตระกูลเซี่ยจะแทนที่ตระกูลเย่ว์ในฐานะหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่
“น้องสี่! เราไม่มาที่นี่เพื่อต้องการสู้ เรามาที่นี่เพื่อเจรจาต่อรอง” เซี่ยถูเปลี่ยนใจแล้ว ตระกูลเย่ว์ต้องการสู้ แต่ตระกูลเซี่ยต้องไม่โจมตีพวกเขาก่อน มิฉะนั้น พวกเขาอาจไม่สามารถโค่นตระกูลเย่ว์ได้แม้เมื่อกองกำลังของพวกเขาถูกทำลาย นอกจากคนอื่นๆ ที่พลังไม่เท่าเทียมกันแล้ว การสู้กับแม่ทัพเย่ว์ไห่และเจ้าเด็กที่เหมือนกับจ้าวปีศาจนั้นก็ยากจะเอาชนะได้แล้ว ยังคงมีรักษาการประมุขตระกูลเย่ว์ซาน นายรองเย่ว์หลิ่งและสิบสองผู้อาวุโส พวกเขามีพลังที่ควรเอ่ยถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามผู้เฒ่าที่ขังตัวเองไว้ภายในและไม่เคยออกมาข้างนอกมาก่อน ความแข็งแกร่งของพวกเขาลึกซึ้งและยังมีมากอีกนับไม่ถ้วน คนอื่นอาจคิดว่าพวกเขาเป็นเพียงนักสู้ระดับ 6 แต่เซี่ยถูได้ยินมาจากหน่วยสืบความลับว่า ผู้เฒ่าทั้งสามไม่ใช่นักสู้ที่ตระกูลเซี่ยไม่สามารถจะสู้ได้ แม้เมื่อเขาทุ่มพลังสู้ทั้งหมด มันเป็นเพราะว่าพวกท่านสาบานว่าจะไม่ย่างเท้าออกมา พวกท่านป้องกันตำหนักหุ่นตระกูลเย่ว์ด้วยการทุ่มชีวิตของท่าน ดังนั้นคนทั่วไปจะไม่รู้เรื่องพลังที่แท้จริงของสามผู้เฒ่าเหล่านี้
พวกเขาต้องดึงพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สนับสนุนพวกเขาจากเบื้องหลังออกมาแนวหน้าให้ได้
มิฉะนั้น ตระกูลเซี่ยจะกลายเป็นลูกไล่ของคนบางคน เป็นเครื่องมือหรือเป็นก้อนหินให้คนอื่นเหยียบข้ามไป
เซี่ยถูเปลี่ยนแผนของเขาและประสานมือคารวะผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ กล่าวว่า “ท่านแม่ทัพเย่ว์ ทุกอย่างสามารถตกลงกันได้ด้วยเหตุผล วันนี้ตระกูลเซี่ยแค่มาคุยถกเหตุผลกับตระกูลเย่ว์ คุณหนูรองของตระกูลเย่ว์ เย่ว์หวี่สมคบคิดคนอื่นฆ่าเซี่ยเชียนชิวหลานชายของข้า เรื่องนี้มีเหตุผลตรงไหน? ถ้าแม่ทัพเย่ว์เป็นคนที่มีเหตุผล อย่างนั้นเราหยุดสู้กันก่อนก็ได้ เราสามารถประชุมคนของพวกท่านหารือเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้!”
เขารู้สึกว่า ถ้าตระกูลเซี่ยนำเรื่องหลักเหตุผลออกมาใช้โดยตรงและต่อหน้าตระกูลเย่ว์ต่อหน้าจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ จุนอู๋โหย่วและผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่มีเหตุผลที่จะช่วยตระกูลเย่ว์ได้ สำหรับตระกูลเย่ว์ เขารู้ว่าพวกเขาจะไม่ส่งตัวเย่ว์หวี่ให้แน่นอน ดังนั้น เมื่อถึงเวลานั้น เขาและพลังยิ่งใหญ่ที่หนุนหลังพวกเขาจะเข้าจู่โจมตระกูลเย่ว์พร้อมกัน ตราบใดที่ยอดนักรบในตระกูลเย่ว์ตาย ตระกูลเย่ว์ก็จะสูญเสียคุณสมบัติความเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ไปโดยปริยาย
เขาจะไม่ยอมให้พลังยิ่งใหญ่ที่หนุนหลังพวกเขาใช้ตระกูลเซี่ยเปิดทางสะดวกให้พวกเขาแน่
อย่างน้อยที่สุด เซี่ยถูจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น
มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับตระกูลเซี่ยที่จะโงหัวขึ้นได้อีก หากพวกเขาเผชิญหน้ากับตระกูลเย่ว์โดยตรง บางทีพวกเขาอาจสูญเสียกำลังทั้งหมดยากที่จะกลับมายืนหยัดในจุดเดิมได้ พอไม่มีผู้ที่มีพลังในตระกูล พลังหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ยังจะสนับสนุนพวกเขาต่อไปอีกหรือ?
“ตระกูลเย่ว์มีเหตุผลที่เหมาะสมแน่นอน เสี่ยวซาน! กลับไปเรียกพี่สาวเจ้าออกมา ข้าจะเจรจากับตระกูลเซี่ย ถ้าพวกเจ้าจงใจก่ออาชญากรรมจริงๆ พวกเจ้าจะหนีกฎของตระกูลไปไม่พ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถ้าใครบางคนพยายามใส่ร้ายชื่อเสียงของเรา ข้าก็จะไม่ยืนเฉยทนดูพวกเราถูกคนอื่นรังแกแน่” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เป็นคนแบบไหนกันแน่? เขาเป็นแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งผู้เดินฝ่าเข้าพายุร้ายแรงมามากแล้ว เขาเล่นตามบทแผนการเหมือนกับว่าเซี่ยถูจี้เข้าใส่จุดอ่อนของเขา แม้แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง เขาโบกมือและส่งสัญญาณให้เย่ว์หยางจากไป
ถ้าเย่ว์หยางไม่ไป ทุกคนจะไม่สามารถรับบทต่อไปได้ จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้ก็จะไม่สามารถปรากฏตัวออกมาหน้าฉากได้
พอเห็นว่าเย่ว์หยางออกไปได้ในที่สุด เซี่ยถูและเซี่ยนิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักสู้ระดับ 7 แต่การเผชิญหน้ากับรังสีอำมหิตของเย่ว์หยางทำให้หัวใจพวกเขาสั่นไหวด้วยความกลัว พวกเขารู้สึกเหมือนว่าเป็นเหยื่อของพยัคฆ์ร้ายตัวหนึ่ง
ถ้าข้อมูลลับของพวกเขาถูกต้อง เจ้าเด็กนี่น่าจะเป็นบุตรชายของเย่ว์ชิว ผู้ซ่อนตัวและให้คนอื่นเรียกตัวเองว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์มาเกินกว่าสิบปี หลังจากรับสืบทอดเพลงดาบของบิดาเขาเมื่อเร็วๆ นี้ ในที่สุดเขาก็สำเร็จจนได้ เมื่อตอนต้นปีนี้ เขาลากรถม้าขณะที่ฆ่าเบิกทางเพื่อพามารดาบุญธรรมของเขาและน้องสาวกลับปราสาทตระกูลเย่ว์และเพื่อรักษาเกียรติยศของพวกเขา สิ่งเดียวที่ตระกูลเซี่ยเสียใจก็คือพวกเขาไม่ได้ส่งคนมาสังเกตการณ์ระหว่างการแข่งขันประลองในตระกูลในวันปีใหม่ พวกเขาพลาดโอกาสเห็นฝีมือของเจ้าเด็กนี่
จากหน่วยสืบความลับของพวกเขา เจ้าเด็กนี่ดูเหมือนจะมีพลังอย่างน้อยก็นักสู้ระดับ 6 ชั้นสูง
เป็นเพราะเจ้าเด็กนี่จู่ๆ ก็กลายเป็นผู้มีพลังมาก ซึ่งผู้ทรงอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลเซี่ยเริ่มสงสัยว่าเย่ว์ชิวจะไม่ได้ตายในปีนั้นจริงๆ และว่าเขายังมีชีวิตอยู่โดยแอบสอนบุตรชายตนเองอย่างลับ คนจำนวนมากคิดว่าด้วยความสามารถที่โดดเด่นของคุณชายสามตระกูลเย่ว์อาจจะขึ้นไปถึงระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ได้ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ถ้าตระกูลเย่ว์ให้กำเนิดนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้ว อย่างนั้นก็จะไม่มีผู้ใดสามารถเขย่าตำแหน่งหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ได้แน่นอน
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นเหตุผลให้พลังยิ่งใหญ่ที่หนุนหลังตระกูลเซี่ยต้องรีบโจมตีตระกูลเย่ว์
พวกเขาต้องกำจัดคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์และล่อให้เย่ว์ชิวออกมา… ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ชราภาพมากแล้ว ส่วนเย่ว์ซานและเย่ว์หลิ่งไม่มีพลังมากนัก พ่อลูกคู่นี้คือภัยคุกคามที่แท้จริงที่ยังอยู่กับตระกูลเย่ว์ ไม่ว่าจะเป็นครั้งล่าสุดหรือในอนาคต
“ใช่แล้ว ท่านปู่เป็นประมุขตระกูล ข้าต้องเชื่อฟังท่านปู่อย่างไม่ต้องสงสัย” ดูเหมือนเย่ว์หยางจะว่านอนสอนง่ายแต่เพียงผิวเผิน แต่ดาบวิเศษฮุยจินของเขากลับพุ่งออกไปข้างหน้าทันที และฟันขวางด้วยพลังราวกับสายฟ้าฟาด แรงระเบิดแทบจะทำให้ภูเขาทั้งลูกถูกผ่าจากกัน การโจมตีของเขาสร้างความตกตะลึงให้กับเซี่ยนิ่ว ขณะที่เซี่ยนิ่วหลบการลอบโจมตีของเย่ว์หยาง เขาพบว่าเย่ว์หยางกระโจนเข้าไปในกลุ่มนักสู้เหมือนพยัคฆ์กระโจนเข้าไปในฝูงแกะสังหารคนไปมากกว่าสิบในครั้งเดียว
“บึ้ม!” เย่ว์หยางใช้พลังระเบิดปะทะเข้ากับแรงระเบิดของเซี่ยถูที่พยายามจะหยุดเขา เสียงดังสนั่นราวกะสายฟ้าฟาดและเสียงปะทะกันดังก้องไปทั้งบริเวณ นักสู้ตระกูลเซี่ยกระเด็นออกไปจากแรงปะทะ คนมากกว่าครึ่งบาดเจ็บหนัก ขณะที่เย่ว์หยางลอยตัวกลับมาอยู่ข้างกายผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เบาเหมือนขนนก
“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ! ถึงได้กล้าฆ่าคนของเราต่อหน้าข้า?” เซี่ยนิ่วแทบจะคลั่งเพราะความโกรธ พวกเขาจะเจรจาต่อรองกันไม่ใช่หรือ? เจ้าเด็กนี่บังอาจกลับคำของเขา และลอบทำร้ายพวกเขาแทน?
“พวกมันยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?” เย่ว์หยางกระตุกริมฝีปาก และหมุนตัวเดินจากไป
ไม่ใช่แค่นักสู้ตระกูลเซี่ยเท่านั้น, แม้แต่นักสู้ตระกูลเย่ว์ก็ยังพลอยขนลุกไปกันทุกคน
เย็นชาต่อชีวิต เยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งพันปี ในสายตาของคุณชายสามผู้นี้ บางทีคนเหล่านั้นไม่ต่างจากมดปลวกบนถนน พวกนักสู้ตระกูลเย่ว์รีบเปิดทางให้เย่ว์หยาง และมองเย่ว์หยางจากไปอย่างนับถือ ความรู้สึกของพวกเขาซับซ้อนมาก พวกเขากลัวเย่ว์หยางแต่ก็อดภาคภูมิใจไม่ได้
เซี่ยนิ่วความจริงต้องการจะอาละวาดและใช้พลังของเขาพิสูจน์เป็นตายกับเจ้าเด็กนั่น
แต่เซี่ยถู ส่งสัญญาณให้เขาระงับความโกรธ
เมื่อเขาเพิ่งจะปะทะกับเย่ว์หยางมา เขาพบความจริงที่น่าตื่นตะลึงอย่างหนึ่ง คุณชายสามผู้หยิ่งยโสมีสิทธิ์ที่จะหยิ่งได้ พลังของเขาไม่ใช่ระดับ 6 แน่นอน มันเป็นพลังของนักสู้ระดับ 7… เซี่ยถูตระหนักว่าเมื่อเขาเตรียมปะทะกับเขา เขาก็ยังไม่อาจมีเปรียบได้ ตรงกันข้าม ศัตรูของเขาดูเหมือนจะยังมีพลังเหลืออยู่อีก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เจ้าเด็กนี่มองข้ามทุกอย่าง เหตุผลก็เพราะเขาครอบครองพลังที่กร้าวแกร่งมากด้วยตัวเขาเอง เขาจึงไม่จำเป็นต้องแสดงมารยาทกับใคร
“พี่รอง..ท่าน…” เซี่ยนิ่วไม่เคยรู้สึกเดือดร้อนนัก ตั้งแต่เขากลายเป็นนักสู้ระดับ 7
“อย่ายั่วยุเขา ไปพาผู้เฒ่าซงและผู้เฒ่าเฮ่อทั้งคู่มาช่วยสนับสนุนเราที่นี่!” เซี่ยถูกางฝ่ามือของเขาออกเงียบๆ เซี่ยนิ่วผู้ยืนอยู่ต่อหน้าเขาสามารถเห็นได้ว่ามือของเซี่ยถูไหม้เกรียมเหมือนกับถูกไฟที่รุนแรงเผา เซี่ยนิ่วตกใจหนัก พลังป้องกันของพี่รองของเขาแข็งแกร่งที่สุดอยู่ที่มือของเขา เพราะเขามีวิชาแขนเทพสายฟ้า มันเป็นเครื่องมือสมบัติที่ล้ำค่าคอยปกป้องมือของเขา เซี่ยนิ่วไม่เคยคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะสามารถเผามือพี่ชายของเขาด้วยการใช้ดาบโจมตีเพียงครั้งเดียวได้
เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
***********