===============
“สถาบันฉางชุนเฉิง ถึงรอบเย่ว์ปิงแล้ว! ถ้าเจ้าไม่ขึ้นเวทีภายในสิบวินาที จะถือว่าถูกตัดสิทธิ์การต่อสู้!”
ผู้ตัดสินและผู้เข้าแข่งขันคนอื่นอยู่บนเวทีแล้ว แต่พวกเขายังไม่เห็นคู่แข่งอีกฝ่ายหนึ่งหลังจากรอเป็นเวลานาน ในอีกด้านหนึ่ง เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงเพิ่งเข้ามาในพื้นที่ซึ่งเป็นที่พวกเขาได้จองไว้นานแล้ว และก็ยังไม่ขึ้นเวทีต่อสู้
ยังคงเป็นรอบที่สองแพ้คัดออกและยังมีผู้เข้าชมไม่มากนักในวันนี้ ที่นั่งชมยังเหลืออยู่หลายพันที่ เห็นผู้คนเพียงไม่กี่ร้อยคน อาจกล่าวได้ว่านักเรียนที่เตรียมตัวต่อสู้ในรอบต่อไปที่ด้านล่างยังมากกว่าผู้ชมเสียอีก ในความเป็นจริง ผู้คนร้อยละเก้าสิบที่เข้ามาชมการแข่งขัน ถ้าไม่เป็นเพื่อนก็เป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกัน พวกเขาทั้งหมดมาที่นี่เพื่อเชียร์พวกของตน ที่นั่งชมตอนนี้ราคาจะถูกมาก และจ่ายค่าเข้าชมเพียง 3 เหรียญเงินเท่านั้น ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ยังมีเครื่องดื่มไว้บริการฟรีอีกต่างหาก
ถ้าเป็นการแข่งขันรอบสุดยอดร้อยนักเรียน ที่นั่งชั้นพิเศษสามารถจุคนได้เกิน 12 คนบ้าง แต่ราคาจะแพงอย่างน้อยก็ราคาสิบเหรียญทอง
สำหรับ 10 ทีมสุดยอดและรอบชิงชนะเลิศประเภทบุคคล ราคาอาจจะแพงกว่านั้นถึงสองเท่า
เย่คงรีบไปที่พื้นข้างล่างเวทีและส่งเสียงบอกกรรมการว่า “ผู้เข้าแข่งขันเย่ว์ปิงมาถึงแล้วหลังจากวิ่งจนมาถึงที่นี่ โปรดรอสักเดี๋ยวให้นางได้พักหายใจสักหน่อยเถิด!”
หน้าของกรรมการที่มีผ้าดำคลุมหน้ายิ่งดำคล้ำกว่าชุดของเขาอีก หลักจากที่ได้ยินคำนี้
นางมาสายแล้ว แต่ยังต้องการเวลาพักหายใจอีกหรือ?
เขาเริ่มนับถอยหลังทันที สิบ เก้า แปด เจ็ด หก….
ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น แต่ความเร็วในการนับยังเร็วมากกว่าปกติ เย่ว์ปิงคงมาไม่ทันเวลาแน่ หากว่านางจะเข้ามาทางเข้าผ่านไปถึงเวทีต่อสู้ ดังนั้นนางจึงโดดลงมาจากพื้นที่ชั้นพิเศษทันที ขณะที่กรรมการนับถอยหลังจนถึงหนึ่ง นางก็ลงสัมผัสลงบนพื้นเวทีทันที เนื่องจากนางถูกเร่งรัดเวลา หน้าของนางจึงแดงซ่านด้วยความกังวลใจและหัวใจนางเต้นรัว ทันทีที่นางอยู่บนพื้นเวที นางรีบคำนับกรรมการและขอโทษอย่างกังวลใจ กล่าวว่า “ท่านกรรมการ! ข้า ข้าคือเย่ว์ปิง!”
เดิมทีกรรมการในชุดดำอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่ทันทีที่เขามองเห็นคนที่บังอาจมาสายอย่างเย่ว์ปิงและทำให้เขาต้องรอนาน เขาถึงได้รู้ว่านางคือสาวน้อยผู้น่ารักจริงๆ
หัวใจที่แข็งกระด้างดุจเหล็กก็พลันอ่อนโยน
เป็นไปได้ว่านางคงหลงทางระหว่างหาสนามต่อสู้? เขาคิด ดูเหมือนว่านางจะไม่ใช่คนขี้เกียจที่ชอบมาสาย
“ทันทีที่เจ้าพร้อม การแข่งขันก็จะเริ่มขึ้น!” กรรมการชุดดำพยายามรักษามารยาทอย่างดีที่สุด นั่นเป็นต้นเหตุให้เสียงของเขาอ่อนลง ถ้าเป็นคู่แข่งขันที่เป็นบุรุษแทน บางทีเขาคงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงถึงญาติผู้ใหญ่และครูผู้สอนไปแล้ว แต่เย่ว์ปิงมักให้ความเคารพและคำนับยอมรับคำพูดของเขาเป็นอย่างดี
“เป็นเด็กผู้หญิงตัวนิดเดียว…” คู่ต่อสู้เป็นเด็กหนุ่มผอมสูง พอเห็นว่าเผชิญหน้ากับเย่ว์ปิง หัวใจเขาก็ยินดี คิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือของเขาแล้ว
“ในการแข่งขันแบบรวม ไม่ได้ถูกจำกัดเรื่องลูกเล่นแผนการต่อสู้ พวกเจ้าอาจเรียกอสูร หรือเครื่องมือต่อสู้อย่างอื่นก็ได้ อย่างไรก็ตาม ความต้องการเบื้องต้นก็คือ ต้องมีสัตว์อสูรหนึ่งตัวเข้าร่วมต่อสู้ด้วย พวกเจ้าจะเรียกอสูรออกมาในตอนนี้เลยก็ได้ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นสามยก ยกละสามนาที ถ้าพวกเจ้าทำร้ายคู่ต่อสู้จนออกนอกเวที ทำให้ฝ่ายตรงข้ามหมดสติหรือบังคับให้ฝ่ายตรงข้ามยอมแพ้ เจ้าก็จะชนะทันที ถ้าตัดสินหาผู้ชนะภายในสามยกไม่ได้ ผู้แข่งขันจะถูกตัดสินตามประสิทธิภาพของการโจมตีและพลังของพวกเขา คนที่โจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่ารุนแรงกว่าจะเป็นผู้ชนะ ห้ามคิดร้ายฆ่าคนอย่างเด็ดขาด วัตถุประสงค์ของเราก็เพื่อฝึกฝนฝีมือเพื่อจิตวิญญาณของนักสู้ ไม่ใช่นักฆ่า พวกเจ้าเข้าใจกฎเหล่านี้ชัดหรือยัง?” กรรมการชุดดำอธิบายกฎกติกาอย่างรวดเร็วและชัดเจน
“ข้าเข้าใจชัดเจนดีแล้ว” เย่ว์ปิงพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ฮึ..” เด็กหนุ่มผอมสูงแค่นเสียงอย่างยโส ใครจะไปจำกฎเหล่านี้ได้ทั้งหมดเล่า? แข่งทุกครั้งก็ต้องท่อง เดี๋ยวเขาก็ว่ากฎให้ฟังอีก พอได้ฟังเนื้อความนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันน่ารำคาญมากกว่า
เหล่านักเรียนกองเชียร์เด็กหนุ่มผอมสูงตะโกนมาจากข้างล่าง “เสี่ยวลิ่ว! อย่าใจอ่อนเด็ดขาด! เอาชนะนังตัวเล็กนั่นให้ได้ หลังจากชนะครั้งนี้แล้วเจ้าจะเข้าสู่รอบแข่งขันนักเรียนระดับหัวกะทิแล้ว! อย่าออมมือเพราะเห็นว่านางเป็นเด็กผู้หญิง สู้ให้เต็มที่! หลังจากเจ้าชนะได้แล้ว เราจะหาสาวๆ อกโตๆ กัน ยัยเด็กอกแบนนี่ไม่คู่ควรกับการมองหรอกน่า รีบๆ เอาชนะนางได้แล้ว”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เย่คงและคนอื่นๆ โกรธ
แข่งขันก็คือการแข่งขัน ทำไมต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนั้นด้วย
ถ้าพวกเขาพูดเหลวไหลก็คงไม่เป็นไร แต่พูดถึงเรื่องขนาดหน้าอกอย่างนี้ เจ้าพวกนี้เกิดมาเพื่อวอนเจ็บตัวเสียแล้วกระมัง? กล้าดียังไงมาพูดถึงเย่ว์ปิงอย่างนี้
เย่ว์หยางเพิ่งจะนั่งลงบนที่นั่งของเขา ก่อนที่เขาจะมีเวลาดื่มน้ำชา เขาได้ยินคำพูดโง่เง่าจากอีกด้านหนึ่ง
เขาถูกยั่วจนโกรธจึงโยนแก้วชาทิ้ง เตรียมจะลงไปสั่งสอนเจ้าเด็กพวกนั้น
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรวบตัวเย่ว์หยางด้วยแรงของนางทั้งหมดและดุใส่เย่ว์หยาง “หน้าโง่, มันไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า อย่าไปสนใจเรื่องที่พวกเขาพูด ก็แค่ปล่อยให้ปิงเอ๋อสู้และจัดการเจ้าเด็กคนนั้น! ที่นี่ ชัยชนะคือสิ่งที่สำคัญที่สุด กลับไปนั่งที่เดี๋ยวนี้!” เจ้าเมืองโล่วฮัวกลับตรงกันข้าม นางหัวเราะไม่มียั้ง นางตระหนักได้ว่าความจริงแล้วเย่ว์หยางเป็นคนที่ชอบปกป้องครอบครัวของเขา แน่นอนว่าความรู้สึกต้องการปกป้องไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเลย
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปกป้องตัวนางเองในตอนนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้ว่า ถ้ามีคนบังอาจล้อเล่นกับนางแบบนี้ เขาจะต้องโกรธจนหน้าแดงแบบนี้ด้วยเช่นกัน
ที่ข้างล่างเวที เย่คงและเจ้าอ้วนไห่วิ่งเข้าใส่ไล่ทุบตีเด็กพวกนั้นกันแล้ว
พอเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ กรรมการกำกับเส้นสองคนวิ่งมาห้ามการกระทำที่ห่ามๆ ของพวกเขาทันที
เจ้าอ้วนไห่ถูกกันไว้ แต่อารมณ์โกรธของเขาไม่ได้ลดลงง่ายๆ เขาชี้ไปที่กลุ่มนักเรียนแล้วเริ่มสบถใส่ กล่าวว่า “เจ้าพวกสวะ, จำเรื่องนี้ไว้นะ! อย่ามาเจอกับข้าบนเวทีก็แล้วกัน มิฉะนั้นข้าผู้นี้จะชกหน้าพวกเจ้าจนกว่าพวกเจ้าจะมองเห็นฟันของตัวเองร่วงอยู่บนพื้น” พอเห็นว่ามีคนเพียงสี่คนอยู่ข้างๆ เย่คง, ตัวเขา, พี่น้องตระกูลหลี่และเจ้าอ้วนไห่ ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมีคนอยู่สิบคน กลุ่มเด็กหนุ่มทั้งสิบคนรู้สึกว่า คนพวกนี้บ้ามาก เด็กหนุ่มที่เป็นหัวโจกแค่นเสียงอย่างยโส “เจ้าหมูอ้วน! เจ้าน่าจะได้ฉลองที่ได้มาอยู่ที่นี่มากกว่า ถ้าเจ้าอยู่ข้างนอก เราคงจับเจ้าทำหมูย่างไปแล้ว ข้าคือกู่ชือจวินจากสถาบันหมาป่าทองอาณาจักรสือจิน ข้าขอคืนคำพูดอย่างนี้ให้กับเจ้า เจ้าหมูอ้วน! ถ้าเจ้ามีฝีมือพอ อย่างนั้นเราจะได้เจอกันในการประลองร้อยสุดยอด!”
ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะโต้ตอบกลับไป ผู้กำกับเส้นสองคนก็ไล่ตามหลังเขามา
ผู้กำกับเส้นทั้งสองคนเพียงแต่พูดประโยคเดียวกับเย่คงและคนอื่นๆ พวกเขาไม่มีทางเลือก แต่ต้องเชื่อฟังและกลับไปนั่งที่ของตนเอง ทั้งนี้เพราะกรรมการผู้กำกับเส้นบอกว่า “ถ้าผู้เกี่ยวข้องและเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างล่างตีกัน การแข่งขันบนเวทีจะถูกยกเลิกทันที”
“ฮ่าฮ่า เด็กผู้หญิงตัวเล็กอย่างเจ้าทำให้ทีมบริบูรณ์ด้วยเจ้าอ้วนอย่างเขาหรือ” เด็กหนุ่มผอมสูงหัวเราะ ดูเหมือนเขาไม่สนใจว่าเย่ว์ปิงจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่เขารู้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาแพ้ไปสองรอบแล้ว
เขายิ่งดูถูกนางมากกว่าเดิม
เขาไม่ได้รู้สึกว่าเขาอ่อนแอเลย เขาแค่โชคไม่ดีกว่าคนอื่นมากกว่า ในรอบแรกของการประลองคัดเลือก เขาต้องเจอกับเสวี่ยทันหลาง หนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต เป็นเรื่องปกติที่จะเอาชนะคนที่เก่งขนาดนั้นไม่ได้
สำหรับเย่ว์ปิงแล้ว เขาไม่เห็นนางอยู่ในสายตา
เด็กหนุ่มผอมสูงเรียกหมีดำออกมา มันเป็นหมีชั้นทองแดงระดับ 3 และแลดูทรงพลังมาก
กรรมการชุดดำลอบส่ายหัว
ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้ความพ่ายแพ้จะตกอยู่กับสาวน้อยเย่ว์ปิงแน่แท้ การเผชิญหน้ากับหมีดำที่เป็นอสูรชั้นทองแดงระดับ 3 และมีพลังโจมตีที่ทรงพลัง… กรรมการชุดดำยังไม่โบกมือให้เริ่มแข่ง แต่กลับถามเบาๆ ว่า “เจ้าจะยอมแพ้หรือจะสู้ต่อ?” ดูเหมือนจะห่วงเย่ว์ปิงอยู่บ้าง เพียงแค่หมีดำของฝ่ายตรงข้ามตะปบใส่ก็อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตของสาวน้อยนี้ได้
“ขอแข่งต่อค่ะ!” เย่ว์ปิงไม่ใช่เย่ว์ปิงในอดีตอีกแล้ว การร่วมต่อสู้กับพี่ชายนางทำให้นางเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง นางกลายเป็นนักสู้คนหนึ่ง
ที่วิหารวัว, วิหารกรกฎและวิหารราชสีห์ นางฆ่าอสูรชั้นทองแดงมาเป็นสิบๆ
นางฆ่านักรบหัววัวและอสูรกระทิงป่าอสูรทองแดงระดับ 5 มาหลายตัว, ปูยักษ์อสูรทองแดงระดับ 5 และราชสีห์ชั้นทองแดงก็เช่นกัน ตอนนี้ ในสายตานาง หมีดำอสูรทองแดงระดับ 3 ไม่นับว่าเท่าไหร่นัก นางต้องการผ่านเข้าไปแข่งขันในรอบร้อยสุดยอดโรงเรียนและพิสูจน์ให้พี่ชายนางทราบว่านางมีความสามารถจะฝึกฝนได้และมีความก้าวหน้า นอกจากนี้นางยังต้องการพิสูจน์ว่า นางสามารถใช้เทคนิคต่างๆ ที่พี่ชายนางได้สอนในการต่อสู้เพื่อชีวิต
การประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนนี้ เป็นเหมือนกับรายงานผลของการฝึกฝนของนางต่อพี่ชายนาง
นั่นคือเหตุผลที่นางตัดสินใจแสดงผลงานที่ดีที่สุดเพื่อพี่ชายของนาง
เย่ว์ปิงพยักหน้าให้เย่ว์หยางที่นั่งอยู่ในที่นั่งผู้ชม เป็นการยืนยันด้วยสายตา
กรรมการชุดดำโบกมือให้คู่แข่งทั้งคู่โค้งคำนับกันและกัน เย่ว์ปิงไม่ได้เรียกคัมภีร์ของนางออกมา และไม่ได้เรียกผู้พิทักษ์พฤกษาของนางออกมาด้วยเช่นกัน นางโค้งให้คู่ต่อสู้ด้วยมารยาทที่สุภาพมาก
เด็กหนุ่มผอมสูงไม่ได้แสดงมารยาทที่ดีต่อเย่ว์ปิง เขาถือโอกาสสั่งให้หมีดำโจมตีขณะที่เย่ว์ปิงโค้งคำนับ
“น่ารังเกียจ!” เย่คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คงจะไม่เป็นไรถ้าเขาโจมตีขณะที่พวกเขาคุยกัน แต่เจ้านี่เป็นคนแบบไหนกัน? ขณะที่พวกเขาโค้งคำนับกันและกัน เขายังกล้าลอบโจมตีหรือ? ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น แต่คู่ต่อสู้ยังเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง.. เย่คงเกือบจะโดดขึ้นเวทีแล้วฉีกเจ้าเด็กนี่ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเสียแล้ว
“เจ้าโง่!” อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางหัวเราะเยาะเย้ยเด็กหนุ่มผอมสูง
หมีดำคำรามเหมือนเสียงสายฟ้า
มันลุกขึ้นยืนสองขาและตะปบอุ้งเท้าข้างหนึ่งลงมา
ประกายเงาของเย่ว์ปิงปรากฏเพียงแว่บเดียว ทันใดนั้นนางปรากฏตัวอยู่ด้านบนศีรษะของเด็กหนุ่มผอมสูง ขณะที่เขาคิดว่าแผนของตนเองสำเร็จแล้ว นางกวาดขาเตะเข้าที่หน้าของเด็กหนุ่ม
บึ้ม!
เด็กหนุ่มผอมสูงปลิวตกไปจากเวที เลือดยังคงไหลออกจากปากและจมูกของเขาไม่หยุด
นอกจากคนที่รู้จักความแข็งแกร่งของเย่ว์ปิงแล้ว ทุกคนตกตะลึงกับภาพที่เกิดขึ้นข้างหน้า
แม้แต่เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ก็ยังไม่รู้ว่าเย่ว์ปิงแข็งแกร่งขนาดนี้ ภายใต้การแนะนำของเย่ว์หยาง เย่ว์ปิงกลายเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เย่คงและคนอื่นๆ รู้เรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่รู้ว่า ทักษะการต่อสู้ของนางก็ยังรุดหน้าจนถึงระดับที่สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ของนางได้ทันที
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เย่ว์หยางกำลังหัวเราะด้วยความภูมิใจ
เขารู้ดีว่าเย่ว์ปิงเป็นเด็กใจดีและเคร่งครัดกฎ ปกตินางจะปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นอย่างดี ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น เพราะจากนางจิตใจบริสุทธิ์ จึงไว้วางใจคนได้ง่ายเนื่องจากนางขาดประสบการณ์
นิสัยแบบนี้ นางจะถูกคนลอบทำร้ายหรือถูกหลอกลวงในการต่อสู้ได้ง่าย
เพื่อยอกย้อนจุดอ่อนของนาง เขาจึงสร้างเทคนิคโดยเฉพาะที่จะทำให้นางโจมตีได้เร็วและปรับตัวให้ได้กรณีมีเหตุฉุกเฉิน ก่อนที่จะสอนเย่ว์ปิง เย่ว์หยางจะย้ำนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ดูความเคลื่อนไหวของศัตรูของนางเป็นระยะ จากนั้น พอเวลาที่ศัตรูเคลื่อนไหว ไม่มีความจำเป็นต้องคิด แต่ปล่อยให้เป็นปฏิกิริยาของร่างกายและโต้ตอบกลับไปเอง เขาฝึกนางจนถึงระดับที่ “ถ้าศัตรูไม่เคลื่อนไหว เราก็จะไม่เคลื่อนไหว ถ้าศัตรูขยับ เราจะขยับก่อน” จนนางมีปฏิกิริยาโต้ตอบเองตามธรรมชาติ
แม้ว่าเย่ว์ปิงจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเย่ว์หยางจนสามารถเข้าถึงระดับที่ “เคลื่อนไหวที่หลัง แต่บรรลุถึงก่อน” ในตอนนี้ก็ตาม แต่คิดจะลอบทำร้ายนางเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
ข้อได้เปรียบที่แข็งแกร่งที่สุดที่เย่ว์ปิงมีก็คือเย่ว์ปิงเป็นคนว่านอนสอนง่าย
ไม่ว่าเย่ว์หยางบอกอะไร นางกลับจำได้ทุกคำพูด ดังนั้น นางสามารถนำออกมาใช้ได้เมื่อจำเป็นต้องใช้… เย่ว์หยางอาจไม่ใช่ครูที่ดี แต่เย่ว์ปิงเป็นนักเรียนที่ดีอย่างแน่นอน
ผลที่เด็กหนุ่มผอมสูงได้รับก็คือโดนเย่ว์ปิงเตะน็อคในเท้าเดียว เย่ว์หยางไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม, มันเป็นไปตามที่เขาคาดไว้!
“อ่า…เย่ว์ปิงแห่งสถาบันฉางชุนเฉิงชนะ!” กรรมการชุดดำตะลึงอยู่ชั่วขณะ แต่ก็มีปฏิกิริยาทันทีและรีบโบกมือส่งสัญญาณว่าเย่ว์ปิงชนะแล้ว
“เป็นไปไม่ได้ นางลอบโจมตีเสี่ยวลิ่ว!” กลุ่มนักเรียนอีกด้านหนึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ยอมรับผลการต่อสู้เช่นนี้
“แฮ่…” หมีดำอสูรทองแดงระดับ 3 พุ่งเข้าหาเย่ว์ปิงทันที มันอ้าปากจนเห็นฟันแหลมคม ในความเป็นจริงเด็กหนุ่มผอมสูงไม่ยอมรับความล้มเหลวจึงยังคงสั่งให้หมีดำโจมตีต่อไป กรรมการชุดดำโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขาคงจงใจจะละเมิดกฎการแข่งขันครั้งนี้ใช่ไหม? เขาบังอาจท้าทายศักดิ์ศรีผู้ตัดสินอย่างเขางั้นหรือ? เมื่อเขาเตรียมจะต่อยหมีดำให้หมอบคาเวที ทันใดนั้นเขาก็เห็นร่างเย่ว์ปิงเคลื่อนไหวหลบคมเขี้ยวของหมีดำได้อย่างสบาย
บึ้ม!
พลังเตะต่อเนื่องสิบแปดตลบ เย่ว์ปิงซัดจนร่างยักษ์ของหมีดำหมอบ
แรงเตะสุดท้าย นางส่งให้หมีดำกระเด็นออกไปสองเมตร จนทำให้มันร่วงบนตัวของเด็กหนุ่มผอมสูงที่กำลังเตรียมปีนกลับขึ้นเวที
กรรมการชุดดำถึงกับปากอ้าค้าง… เป็นไปได้อย่างไร?
คนดูที่กำลังนั่งชมการแข่งขันตาแทบปะทุออกนอกเบ้าด้วยความแปลกใจ เย่คงและคนอื่นๆ ได้แต่จ้องเย่ว์ปิงที่เปี่ยมไปด้วยพลังโจมตี ทั้งที่ลมหายใจก็ยังแผ่วเบาขณะที่หน้าแดงนิดเดียว ทุกคนตะลึง นี่..นี่คือเย่ว์ปิงที่เขารู้จักหรือเปล่า?
***************