===============
“นางโจมตีเขาโดยไม่ทันรู้ตัว! การลอบโจมตีเป็นเรื่องน่าละอาย!” กลุ่มคนที่เชียร์คู่ต่อสู้ของเย่ว์ปิงเริ่มป่วน พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าเย่ว์ปิงจะเชี่ยวชาญการต่อสู้และมีพลังแข็งแกร่งขนาดนั้น และยังสามารถหมุนตัวเตะหมีดำ อสูรทองแดงระดับ 3 จนตกเวทีอีกด้วย
“กรรมการกำกับเส้น ไล่เจ้าเด็กก่อกวนพวกนี้ออกไป นอกจากนี้ จับกุมคนที่แหกกฎการแข่งขันและละเมิดจริยธรรมของนักสู้ด้วย!” กรรมการชุดดำเกลียดที่สุดเมื่อมีผู้ท้าทายอำนาจของเขาในการแข่งขัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนักเรียนของสถาบันหมาป่าทองลอบลงมือโจมตีขณะที่อีกฝ่ายยังโค้งคำนับอยู่ เขาสั่งให้หมีดำของเขาโจมตีคู่ต่อสู้ต่อหลังจากที่ตัวเองโดนน็อคตกเวทีไปแล้ว เขารนหาที่ตายชัดๆ
“เราไม่ยอมรับผลการแข่งขันครั้งนี้ นางเป็นฝ่ายผิดชัดๆ นางใช้แต่วิทยายุทธเข้าต่อสู้ ไม่ได้เรียกสัตว์อสูรออกมาแต่อย่างใดเลย!” เด็กหนุ่มผอมสูงพยายามจะโต้แย้งในประเด็นนี้
“ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่แข่งประลองวิทยายุทธสักหน่อย นี่เป็นการประยุกต์ใช้ฝีมือต่อสู้ ท่านระบุให้ใช้สัตว์อสูรตัวหนึ่ง เนื่องจากนางไม่มีเลย นางจึงเป็นฝ่ายละเมิดกฎก่อน!”
“การแข่งขันครั้งนี้ไม่ถูกต้อง!”
กลุ่มเด็กผู้ชายฝ่ายตรงข้ามเริ่มก่อกวน
เมื่อกรรมการชุดดำคิดทบทวนอีกครั้ง สิ่งที่เขาพูดดูเหมือนจะเป็นความจริง สาวน้อยผู้นี้ขึ้นเวทีต่อสู้โดยไม่ได้อัญเชิญอสูรออกมาแต่อย่างใด
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ความผิดของนาง นี่เป็นเพราะนางยังไม่ทันเรียกอสูรของนางออกมาก่อนที่คู่ต่อสู้ของนางจะลอบทำร้าย พอเห็นเป็นสาวน้อยที่เข้มแข็งและและว่าง่าย กรรมการไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงได้แต่ถอนหายใจชมเชย เขาให้อภัยเย่ว์ปิงและไม่ติดใจเอาความในเรื่องนี้ต่อไป
ใครจะคาดคิดกันว่า เย่ว์ปิงกลับคำนับแสดงความเคารพ ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างใจเย็น ขณะที่นางยิ้มกล่าวว่า “ข้าก็มีอสูรตนหนึ่ง เพียงแต่พวกท่านมองไม่เห็นกันเอง”
นางยกมือทั้งสองขณะที่บอลสีเขียวเรืองแสงปรากฏออกมาจากตัวนางช้าๆ
ในที่สุด มันก็ก่อตัวเป็นรูปมนุษย์อย่างช้าๆ
แน่นอน นี่คืออสูรพิทักษ์ตัวที่สองของเย่ว์ปิง นางไม้แสงเขียว เย่ว์หยางเคยเห็นวิธีที่หญิงงามลึกลับผสานร่างของนางเข้ากับอสูรสายธาตุจำเพาะด้วยร่างของนางคล้ายกับอสูรสายเสริมพลัง ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากสู้กับถูเฉิงแล้ว เย่ว์หยางยังคงได้เรียนรู้วิธีผสานอสูรสายธาตุจำเพาะเข้ากับร่างผู้อัญเชิญเหมือนกับเป็นอสูรสายเสริมพลัง เพื่อจะช่วยให้เย่ว์ปิงผสานร่างเข้ากับนางไม้แสงเขียวได้ดียิ่งขึ้น เย่ว์หยางสอนทักษะนี้ให้กับนางโดยเฉพาะ
ผลของมันนั้น อย่าว่าแต่คนธรรมดาเลย แม้แต่กรรมการชุดดำก็ไม่อาจมองเห็นการผสานกายได้
พอเห็นดังนี้ กรรมการชุดดำลอบละอายใจตัวเอง คิดว่าเขาพลาดไปจริงๆ อย่างไรก็ตาม เขาไม่แสดงออกมา และยังคงเข้มงวดต่อไป พูดอย่างหงุดขึ้นว่า “พวกเจ้าจงใจก่อกวนโดยไม่มีเหตุผลและยังสงสัยอำนาจของข้าผู้ทำหน้าที่ตัดสินอีกด้วย เจ้าหน้าที่! จับเจ้าพวกนี้ให้ข้าทุกคน และส่งตัวให้สำนักงานคุมความประพฤติลงดำเนินการลงโทษ!”
องครักษ์เกราะเงินจำนวนหนึ่งรีบจับกุมพวกเด็กวัยรุ่นทันที กรรมการกำกับเส้นทั้งสองคนขู่ว่าจะตัดสิทธิ์ใครก็ตามที่ขัดขืนตอบโต้
นักเรียนสถาบันหมาป่าทองไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่เดินตามองครักษ์เกราะเงินไปและถูกกักอยู่ในกระท่อมมืดและเล็ก โดยจะต้องอยู่ที่นั่นจนกว่าจะถูกปล่อยตัวออกมา
พวกเขาได้แต่ภาวนาว่าครูประจำสถาบันจะรีบมาประกันตัวพวกเขาออกไป มิฉะนั้น พวกเขาอาจพลาดการแข่งขันรอบต่อไป เมื่อเย่คงและเจ้าอ้วนไห่เดินผ่านคนพวกนี้ พวกเขาต่างก็ดีดนิ้วแสดงความสะใจ นักเรียนสถาบันหมาป่าทองแสดงท่าทางโกรธมาก แต่ไม่กล้าทำอะไรภายใต้การจับตาของกรรมการชุดดำ ถ้าพวกเขากล้าตอบโต้กลับ อาจโดนลงโทษถูกตัดสิทธิ์ออกจากการแข่งขันได้ พวกเขาอาจต้องหมอบคลานอยู่ในกระท่อมเล็กมืดนานขึ้นและอาจถูกรายงานไปยังการแข่งขันจนเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
“เจ้าลิงผอม เจ้าหมูอ้วน, คอยดูต่อไปเถอะ!” เด็กหนุ่มหัวโจกนามกู่ชือจวินแค่นเสียงอย่างเย็นชาและน่ากลัว พวกเขาจะไม่มีวันลืมความเสียใจครั้งนี้
“คิดว่าเราจะกลัวพวกเจ้าหรือ?” ถ้าเจ้าอ้วนไห่ยังเป็นคนเดียวกับเมื่อก่อน เขาอาจจะกลัวบ้างเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไห่ในตอนนี้ ผ่านการต่อสู้เสี่ยงชีวิตมานับไม่ถ้วน ฆ่าสัตว์ประหลาดและปีศาจมามาก ฆ่าทหารรับจ้างที่คลุ้มคลั่งและฝึกโหดกับอาจารย์ตาเหยี่ยวนานถึงสองเดือน ที่สำคัญที่สุด ภายใต้คำแนะนำของเย่ว์หยาง เขามุ่งพัฒนาพลังลึกลับในตัวเขาและบ่มเพาะอสูรพิทักษ์ของเขา แรดหลังเหล็ก ตอนนี้ เขาต่างจากคนเดิมไปมาก
เรื่องที่จะถูกคู่ต่อสู้น็อคคาเวทีภายในสิบวินาที ตอนนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเขาอีก
พลังต่อสู้ของเจ้าอ้วนไห่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และหลังจากมีประสบการณ์ชีวิตในการสู้เสี่ยงตาย เขาก็มีความมั่นใจในฝีมือตนเองมากยิ่งขึ้น ศัตรูอย่างกู่ชือจวินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาจะไม่พูดออกมาดังๆ แต่เจ้าอ้วนไห่นึกอยากจะสู้กับสามดาวเพชรฆาตเพื่อทดสอบขีดจำกัดและฝีมือของเขา
ถ้าเขายังคงเหมือนอย่างแต่ก่อน เขาคงไม่กล้าฝันที่จะทำเช่นนี้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่นั่งชมอยู่ด้านนอกเวทีก็กลายเป็นพอใจทันที เย่ว์ปิงฝึกฝนมาหนักหน่วงจริงๆ นางน็อคคู่ต่อสู้ได้โดยยังไม่ได้ใช้อสูรใดๆ ของนาง เขาคิดในแง่ร้ายว่า ถ้าแม่สาวน้อยนี้จะเรียกผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปี อสูรทองแดงระดับ 5 ออกมา บางทีคู่ต่อสู้ของนางคงปัสสาวะรดกางเกงเพราะความกลัวไปแล้ว น่าเสียดายที่คู่ต่อสู้ของนางอ่อนแอเกินไป นางไม่จำเป็นต้องเรียกผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีออกมาและยังใช้เพียงวิทยายุทธ์เอาชนะเขาได้ทันที…
“ดูเหมือนว่าในปีนี้ท่านก็มีเด็กฝีมือดีนี่นะ นางใช้สกุลเย่ว์ หรือว่านางเป็นคนตระกูลเย่ว์กันแน่?” หนึ่งในครูผู้สอนถามอย่างสงสัย
“น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์ ถ้านางมีสัตว์อสูรที่ทรงพลัง นางคงจะได้รับการจัดอันดับใน 50 อันดับแรกแน่นอน” ครูอีกคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นด้วยวิธีนี้เพื่อต้องการหยั่งเชิงปฏิกิริยาของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเห็นความคิดของครูพวกนี้ได้ชัดเจน ดังนั้นเขาแค่ยิ้มใจเย็นให้พวกเขา ทำเป็นเหมือนอ่อนน้อมถ่อมตนตอบอย่างประชดว่า “นักเรียนของเราจะได้อสูรทรงพลังมาจากไหนกัน? นางมีแค่ผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปี อสูรทองแดงระดับ 5 อยู่สองตน พวกมันเป็นอสูรสายพฤกษาที่ไร้ค่า อสูรของนางไม่มีทางจะเทียบได้กับหมีดำอสูรทองแดงระดับ 3 ของนักเรียนเจ้าได้แน่!”
“….” คนพวกนั้นที่แต่เดิมเคยเยาะเย้ยอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าถึงกับผิดหวังจนแทบกระอักเลือดเสียให้ได้ พวกเขาไม่เคยคิดว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าจะหานักเรียนอัจฉริยะสายอสูรพฤกษามาได้จริงๆ พวกเขาเสียหน้าจริงๆ
ความโกลาหลสงบลงอย่ารวดเร็ว ขณะที่การแข่งขันคัดเลือกรอบสองยังคงดำเนินต่อไป
สิบนาทีต่อมา ในที่สุดเย่ว์หยางก็ได้ขึ้นเวที
เย่ว์หยางขี้เกียจสู้เกินไป เขาสวมหน้ากากทองคนคู่และเรียกเงาปีศาจให้ออกมาสู้แทนเขาทันที
มองผิวเผิน เงาปีศาจมีความสามารถเพียงครึ่งหนึ่งของเย่ว์หยางและช่วงเวลาเรียกมันออกมาสั้นมาก มันอยู่ได้เพียงหนึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตาม มันก็มากเกินพอที่จะมีส่วนร่วมในการแข่งขันวันนี้ เย่ว์หยางเกรงว่าคนอื่นๆ อาจเห็นได้ง่ายว่าเงาปีศาจคือตัวปลอม เพราะสีหน้าของมันบ่งบอกว่าไม่มีความฉลาด ดังนั้นเขารีบเอาผมปลอมและผ้าขนหนูสีดำคลุมปิดตาของมันไว้
เนื่องจากว่า เงาปีศาจจะต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณของมันไม่จำเป็นต้องใช้ตาของมันเลย
เมื่อเงาปีศาจปรากฏตัวบนเวที ไม่มีใครตระหนักเลยว่ามันเป็นเงาที่ลอกแบบมา ทุกคนคิดว่านักเรียนที่ชื่อไตตันผู้นี้ ตาบอด
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้แต่ตะลึงปากอ้าตาค้าง
อย่างไรก็ตาม หลังจากสังเกตดูประมาณสิบวินาที ในที่สุดเขาก็รู้ได้ว่าเย่ว์หยางที่ยืนอยู่บนเวทีเป็นตัวเงา อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนจริงมาก ก็แค่ไม่มีเลือด เนื้อและลมหายใจอยู่ในร่าง
“เจ้าไม่มีนักเรียนฝีมือดีคนอื่นที่นอกจากแม่สาวน้อยนั่นแล้วหรือ? ทำไมถึงส่งนักเรียนตาบอดขึ้นมาสู้?” สหายของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าบางคนเริ่มหัวเราะลั่น
“…..” มันทำให้อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าพูดไม่ออกในตอนนี้ ที่อยู่ตรงนี้ใครเป็นคนตาบอดกันแน่?
พวกเขามีความรู้ในฐานะครูได้อย่างไร ขนาดที่ไม่สามารถพบได้ว่ามันเป็นเพียงเงา? กล้าดีอย่างไรที่เรียกตัวเองว่าครูด้วยความสามารถเพียงแค่นั้น? พวกเขาไม่กลัวว่าจะสอนนักเรียนผิดอย่างนั้นหรือ?
พอเห็นว่าอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่ตอบ สหายของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคิดว่าเขากำลังขาดความมั่นใจ ก็เลยแอบยิ้มเยาะในใจมากกว่าเดิม
เมื่อถึงรอบเย่ว์หยางต่อสู้ กรรมการก็เปลี่ยนเป็นกรรมการชุดขาว
เนื่องจากกรณีของเย่ว์ปิง เขาไม่ต้องการทำผิดพลาดซ้ำเหมือนเดิม ดังนั้นเขาสั่งให้ทั้งสองฝ่ายตรวจสอบสัตว์อสูรให้ดีก่อน เย่ว์หยางไม่ต้องการเรียกตั๊กแตนมรณะออกมาในตอนนี้ มันน่าตลกที่จะเรียกอสูรชั้นทองออกมาสู้ในรอบคัดเลือด มันคงแปลกถ้าเขาทำให้คู่ต่อสู้ร้องไห้ด้วยความกลัว ดังนั้นเขาจึงส่งหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมาหนึ่งตัว ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึงต่อการกระทำของเย่ว์หยาง เจ้าหุ่นหนูตัวเล็กจะเอามาสู้ได้อย่างไร?
สหายของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าระเบิดเสียงหัวเราะทันทีจนน้ำตาไหลออกมา พวกเขาเริ่มตบไหล่ของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่า “นักเรียนคนนี้ของท่านสุดยอดจริงๆ”
เจ้าพวกมีตาแต่ไร้แวว อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าคำรามอยู่ในใจ
พวกเขาดูถูกเขาอย่างนั้นหรือ?
แล้วพวกเขาจะไม่มีแม้แต่เวลาร้องไห้ต่อไป
ทันทีที่กรรมการชุดขาวโบกมือส่งสัญญาณให้เริ่มแข่งขัน ก่อนที่เสือดาวป่าของคู่ต่อสู้จะเริ่มเข้าโจมตี เงาปีศาจก็จับกรามของเสือดาวได้แล้วใช้แรงฉีกมันออก ปากของเสือดาวป่าถูกฉีกจนถึงคอ พลังและการกระทำที่บ้าเลือดดังกล่าว ทำให้กรรมการชุดขาวตะลึง
เขาฉีกปากเสือดาวชั้นสามัญระดับ 4 ด้วยมือเปล่าจริงๆ หรือนี่?
เมื่อเงาปีศาจผู้มีมือเต็มไปด้วยเลือดก้าวเดินทีละก้าวเข้าไปหาคู่ต่อสู้ที่ตะลึงค้างอยู่ ทันใดนั้นเจ้านั่นเริ่มร้องไห้ลั่นและเผ่นลงจากเวทีด้วยความกลัวและสยดสยองทันที
“เจ้าเด็กตาบอดนี่ยังเป็นยอดฝีมือด้วยหรือนี่? ท่านไปหาจอมยุทธ์มาจากไหนกัน?” สหายของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าอิจฉาอย่างมาก นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงปกติจะเป็นพวกแย่แสนแย่ ที่ผ่านมาก็มักถูกหามลงจากเวทีก่อนสิบนาที เจ้าเด็กนี่สร้างสถิติใหม่ก็ยังเป็นเรื่องตลกที่คนเคยพูดถึงกันอย่างสนุกสนาน ใครจะรู้กันว่าสถาบันฉางชุนเฉิงจะส่งนักเรียนที่ไม่ธรรมดามาสู้ด้วยถึงสองคนในปีนี้ พวกเขาทุกคนมีทักษะวิทยายุทธ์ระดับยอดฝีมือ คนหนึ่งเป็นสาวน้อยผู้เตะหมีดำจนปลิวด้วยเท้าของนาง และอีกคนหนึ่งเป็นเด็กตาบอดผู้ฉีกร่างของเสือดาวป่าด้วยมือเปล่า นี่ พลังสังหารนี่มากเกินไปหรือเปล่า?
“นักเรียนไตตัน เจ้าทำผิดตรงนี้อีกแล้ว ข้าบอกเจ้าไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าทำรุนแรงเกินไป? มันไม่ดีนะที่ทำให้สหายของเจ้าร้องไห้ด้วยความกลัว!” คำพูดของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเหมือนกับตบหน้าสหายของเขา
“อย่าได้สำคัญตนเองมากไป ให้คอยดูการแข่งขันของนักเรียนยอดฝีมือให้ดี!” สหายของอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์สะบัดแขนเสื้อหันไปรอบๆ ทำให้อาจารย์สถาบันอื่นรู้สึกหดหู่ในหัวใจยิ่งนัก
“แล้วก็ ถึงตอนนั้น ช่วยยบอกนักเรียนฝีมือดีของท่านให้เมตตาพวกเราบ้าง นักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงของพวกเราแค่เข้าร่วมหาประสบการณ์ เราไม่มีความสามารถในการชิงแชมป์กับพวกเจ้าได้ ทุกคน ดูแลตัวเองด้วย ข้าจะไปปลอบนักเรียนที่ร้องไห้ก่อน จำไว้ โปรดเมตตาเราด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า” พอเห็นว่านักเรียนที่ร้องไห้ด้วยความกลัวเกลือบสลบเพราะรังสีฆ่าฟันของเงาปีศาจ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าหัวเราะลั่นด้วยความพอใจ
โชคดีที่เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงกลับมา มิฉะนั้น เขาคงไม่อาจล้างแค้นในหัวใจเขาได้
เย่ว์ปิงและเงาปีศาจของเย่ว์หยางทั้งคู่ชนะการต่อสู้อื่นอีก พวกเขาสามารถกลับเข้าสู่การแข่งขันรอบแรกของยอดนักเรียนได้
จากนั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเดินไปยังที่นั่งแล้วนั่งอย่างสบายใจ เขารับน้ำชาที่เจ้าเมืองโล่วฮัวชงให้เขาขณะที่เขาจ้องดูเย่ว์หยางแล้ววิพากษ์วิจารณ์ “เด็กน้อย! คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อไล่จีบหญิง เจ้าชอบชีวิตที่สบายไม่ใช่หรือ? เจ้าไม่ได้มีส่วนร่วมต่อสู้ด้วยตัวเองแถมยังมีสาวสวยอยู่กับเจ้าตรงนี้ นี่มันจะไม่สบายเกินไปหน่อยหรือ? แล้วเจ้าไปได้หน้ากากทองนั่นมาจากไหน? ดูเหมือนว่าเป็นของดีนี่…”
เย่ว์หยางชี้นิ้วกลางไปที่เขาและพูดว่า “ข้าได้มันมาหลังจากเลือดท่วมตัวต่อสู้ในวิหารคนคู่ เล่นเอาเสียข้าเกือบตาย อย่าไปคิดถึงมันเลย ข้าบอกเลยนะ ตาแก่ อย่าแม้แต่คิดยุ่งกับมัน หรือจะให้ข้ารายงานผู้อำนวยการ…”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “ข้าไม่ได้รับสินบนหรือทำทุจริตอะไรมา เจ้าจะรายงานข้าไปเพื่ออะไร?”
แน่นอนว่า เย่ว์หยางมีวิธีจัดการกับเขา ขณะที่เขากระซิบใส่หู “ข้ารู้จักคนในสมุดภาพวาดสีของท่านนะ มีภาพสาวงามมากมายดูเหมือนจะไม่ได้สวมอะไรเลย ข้าจำได้ว่าบางคนบอกว่า เขามีแม้แต่ภาพของผู้อำนวยการคนปัจจุบัน แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าข้าให้ภาพเหล่านั้นกับผู้อำนวยการ ข้าคิดว่านางจะต้องมีความสุขมากที่ได้เห็นภาพเปลือยของนาง ข้าเชื่อว่านางจะเปลี่ยนความคิดไปโดยสิ้นเชิง กับเรื่องราวที่รองผู้อำนวยการไม่ยอมรับสินบนและไม่มีการทุจริตเป็นแน่”
“พรวด..!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าถึงกับพ่นน้ำชาออกมาทันทีเขารีบยิ้มขอโทษ “เจ้าหมายความว่ายังไง ภาพสี? นักเรียนไตตัน เจ้าเข้าใจผิดแล้ว แล้วก็อีกอย่างหนึ่งนะ ข้ารู้จักร้านอาหารที่มีอาหารทะเลของเขาขึ้นชื่อ คุณภาพอาหารดีและราคาไม่ใช่ถูกๆ ข้าอยากจะเชิญเจ้ากับเย่ว์ปิงไปกินฉลองชัยชนะกัน ไปกันเถอะน่า ไปดื่มและลืมเรื่องในอดีตให้หมด!”
“แน่นอนว่า ข้ามักจะขี้หลงขี้ลืม!” เย่ว์หยางยิ้มและพยักหน้า “ถ้าหากรองผู้อำนวยการใจดีให้รางวัลน้องสาวข้าและข้าด้วยไม้เท้าแก้วผลึก อาการหลงๆ ลืมๆ ของข้าคงกลับมาอีกทีแน่นอน” เมื่อสาวๆ ได้ยินเช่นนี้ พวกนางพูดไม่ออกเลยจริงๆ พวกนางเคยเห็นคนก้าวร้าวมาก่อน แต่พวกนางไม่เคยเห็นคนก้าวร้าวรีดไถครูตัวเองจนแห้งตาย!
*************