===============
หลังจากจับสลากได้กลุ่มสองแล้ว เย่ว์หยางก็ต้องแข่งกับศัตรูความรักของเขาเซี่ยเชียนเริ่นในการต่อสู้ครั้งที่ห้า
เย่ว์ปิงถูกวางตัวในการต่อสู้รอบที่สี่ในกลุ่มสี่ อย่างไรก็ตาม คู่ต่อสู้ของนางไม่แข็งแกร่งนัก ดังนั้นเย่ว์หยางไม่ห่วงว่านางจะแพ้ กลับเป็นเขาและโล่วฮัวพากันไปดูการแข่งขันระหว่างประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจิน เพื่อดูว่าพวกเขาแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ว่าเกิดเรื่องไม่คาดคิด ก่อนที่พวกเขาจะออกจุดนั่งชม พวกเขาเห็นเย่คงและเจ้าอ้วนไห่เดินคอตกด้วยสีหน้าราวกับว่าพวกเขาเป็นหญิงม่ายที่สูญเสียลูกชายไป เย่ว์หยางถามด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าล่ะ, ลูกพี่? อย่าบอกนะว่าเจ้ามีการแข่งขันที่จะต้องสู้กับประมุขนิกายน้อยหรือองค์ชายสือจิน?”
“เขาไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว” เย่คงยักไหล่ “เขาจะต้องสู้กับเหยียนพั่วจวินในรอบแรก”
“จริงเหรอ?” เย่ว์หยางรู้สึกเสียใจต่อเจ้าอ้วนไห่จริงๆ
ถ้าคู่ต่อสู้ไม่ใช่เหยียนพั่วจวิน บางทีเจ้าอ้วนไห่อาจสู้ได้มากกว่าสองรอบ แต่ไม่ว่าเจ้าอ้วนไห่จะฝึกมาหนักขนาดไหน เขาก็ยังไม่มีทางต่อกรกับเหยียนพั่วจวิน หนึ่งในสามดาวเพชรฆาตได้
พี่น้องตระกูลหลี่ที่อยู่ข้างหลังพูดเสริมอีกว่า “ถ้าเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถต้านทานเหยียนพั่วจวินได้ เขาก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปในรอบต่อไปได้ เพราะรอบต่อไปจะต้องไปเจอกับ แม่หญิงทวนมังกร”
เย่ว์หยางตระหนักได้ทันทีถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังที่ทำให้เจ้าอ้วนไห่มีสีหน้าตายด้าน
กลับกลายเป็นว่าเขาตกอยู่ในความสิ้นหวังที่ถูกวางตัวอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย
เจ้าอ้วนไห่ดูเหมือนคนถูกเลาะกระดูกสันหลังออกไป เขานั่งหงอยอยู่บนเก้าอี้ ก้มหน้าพูดว่า “เจ้าคงไม่รู้ว่าข้าเตรียมจะจีบสาวน้อยน่ารักนางหนึ่ง ข้ายังได้ซื้อตั๋วให้นางมาชมการแข่งขันของข้า ถ้านางเห็นว่าข้าถูกเหยียนพั่วจวินทุบจนเละ บางทีแม่สาวน่ารักคนนั้นคงไม่มีทางยอมชายตามองข้าอีกแน่ ในฐานะเป็นลูกพี่ของเจ้า มันไม่ง่ายเลยจริงๆ มันไม่ง่ายที่สาวน่ารักจะยินดีรับตั๋วของข้า ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าชะตาข้าช่างโหดร้ายนัก…”
“นี่ เอ่อ.. ถ้าเจ้าใช้หมัดฮิปโปดาวตกที่ข้าจะสอนให้เจ้า บางที…” เย่ว์หยางเริ่มพูด จากนั้นก็หยุดกึกทันที
“บางทีข้าอาจจะเอาชนะเหยียนพั่วจวินได้เหรอ?” เจ้าอ้วนไห่ทะลึ่งพรวดขึ้นมาราวกับกระสุนและถามด้วยความประหลาดใจ
“บางทีเจ้าอาจจะแพ้ช้าลงนิดนึง…” ด้วยคำพูดของเย่ว์หยางนี่เอง ร่างยักษ์ของเจ้าอ้วนไห่ถึงกับลงไปนอนกับพื้นเหยียดยาวหมดสติ
เพื่อเยียวยาหัวใจที่แตกสลายของเจ้าอ้วนไห่ ทุกคนตัดสินใจไปดูการแข่งขันเพื่อเชียร์เขา
แน่นอนว่า เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าทุกคนแค่จะไปดูความล้มเหลวของเขา เขาจึงปฏิเสธอย่างแข็งขัน
เย่ว์หยางโบกมือเป็นการใหญ่
เจ้าอ้วนไห่ปฏิเสธแข็งขันขอให้ทุกคนไม่ต้องไปดู ทั้งนี้เพราะเขาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าสาวน้อยผู้น่ารักกับสาวๆ คนอื่นรุมล้อมเหยียนพั่วจวินเพื่อขอลายเซ็นของเขา เสียงกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นของพวกนางทำให้เจ้าอ้วนไห่ถึงกับน้ำตาร่วงเผาะ
ก่อนที่พวกเขาจะได้ต่อสู้กันเขาก็พ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงแล้ว
แน่นอนว่า เหตุผลที่เหยียนพั่วจวินยินดียิ่งนักก็เป็นเพราะว่าองค์ชายเทียนหลัวตกรอบไปอย่างรวดเร็ว ทำให้แฟนคลับของเขากลับไปยังเมืองหลวงของเทียนหลัว มิฉะนั้นเจ้าอ้วนไห่คงจะไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ร้องไห้ เหยี่ยนพั่วจวินก็คงร้องไห้เป็นเพื่อนด้วย ตอนนี้องค์ชายเทียนหลัวออกจากการแข่งขันไปแล้ว ไม่ใช่ว่าสาวๆ ทุกนางจะตามกลุ่มแฟนคลับกลับเมืองหลวงไปอย่างนั้นเสียเมื่อไหร่ พวกนางยังคงหาหนุ่มหล่อคนอื่นๆ เพื่อเชียร์ต่อ เนื่องจากเยียนพั่วจวินเป็นหนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต แน่นนอนว่าสาวๆ ต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดลั่นเมื่อได้เห็นเขา
“ทุกๆ คน, ขอให้ข้าขึ้นเวทีเพื่อแข่งขันก่อนนะ แล้วข้าจะแจกลายเซ็นให้ทีหลัง!” เหยียนพั่วจวินโบกมือให้สาวๆ อย่างสง่างาม
“อะไรน่ะ มีหมูอ้วนขึ้นมาแข่งด้วยหรือ? รีบทำเขาให้เป็นหมูย่างเร็วๆ เข้า เรารอไม่ไหวแล้ว” สาวน้อยที่เจ้าอ้วนไห่ให้บัตรเข้าชมพยายามจะเข้าไปใกล้เหยียนพั่วจวินให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้
เจ้าอ้วนไห่ล้มลงนอนกับพื้นน้ำลายฟูมปาก ขาทั้งสองกระตุกทันที
พอเห็นเช่นนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวชักจะเป็นห่วง นางบอกเย่ว์หยางให้แนะนำเจ้าอ้วนไห่ให้รู้จักหักอกหักใจเสียบ้าง
เย่ว์หยางโบกมือพูดว่า “ไม่ต้องห่วง, เขาถูกสาวๆ หักอกเฉลี่ยแล้ววันละครั้ง ผลกระทบเช่นนี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก อย่าไปกวนใจเขาเลย เราต้องหาที่นั่งเพื่อดูการแข่งขัน…”
เจ้าเมืองโล่วฮัวสงสัย “เจ้าอ้วนไห่ยังต้องการจะสู้ให้จบอีกหรือ?”
เย่ว์หยางหัวเราะและพยักหน้า “ยิ่งมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งใช้ทักษะในการสู้ได้มาก!” เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวมองดูอีกครั้ง เจ้าอ้วนไห่ความจริงดูเหมือนพวกผีพนันที่สูญเสียทรัพย์ของครอบครัวจนหมดตัวในขณะที่เขาเล่นพนัน นัยน์ตาของเขาแดงก่ำ เขารีบวิ่งขึ้นเวทีทันที และถูฝ่ามือของเขาเตรียมสู้เดิมพันชีวิตกับเหยียนพั่วจวิน เขาเหมือนกับหมาบ้าตัวหนึ่งที่ต้องการขย้ำเหยียนพั่วจวินให้ขาดวิ่นเป็นชิ้น ต่อให้เขาเอาชนะไม่ได้ก็ตาม
เหยียนพั่วจวินเดินขึ้นเวทีพร้อมสาวๆ กองเชียร์นับสิบ เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ครั้งนี้คือเจ้าอ้วนไห่ เขาชี้นิ้วมาที่เจ้าอ้วนไห่อย่างสง่างาม “สู้กับเจ้า ข้าใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็พอ เจ้าจะตายภายในสิบวินาที!”
“อย่างนั้นเหรอ?” เจ้าอ้วนไห่ไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะแทน เขาเรียกคัมภีทองแดงออกมาและกางโล่แสงออก
ตอนแรก เหยียนพั่วจวินแสดงสีหน้าไม่สบายใจ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าอ้วนไห่ก็เป็นเจ้าของคัมภีร์อัญเชิญด้วย
ในอดีตที่ผ่านมา ความเร็วในการเรียกคัมภีร์ของเขาช้ามากจนน้องของเหยียนพั่วจวินสามารถน็อคเจ้าอ้วนไห่ได้ภายในสิบวินาที นี่เป็นการทำลายสถิติการแข่งขันที่จบเร็วที่สุด
เหยียนพั่วจวินคาดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างนั้น เจ้าอ้วนไห่จะมีความก้าวหน้ามากขนาดนี้ ความเร็วในการเรียกคัมภีร์แทบจะใกล้เคียงกับเขา อย่างไรก็ตาม เหยียนพั่วจวินยังไม่เรียกคัมภีร์เขาออกมา เขาเพียงแต่ล้วงศิลาอัญเชิญออกมาสองลูกและเรียกราชสีห์เพลิงและเสือดำคลั่งออกมา เขาไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงสู้ เขาแค่รู้สึกว่าอสูรทองแดงระดับ 3 เพียงสองตัวก็มากพอจัดการเจ้าอ้วนไห่ได้แล้ว ถ้าเป็นเหมือนเมื่อก่อน สัตว์อสูรเหล่านี้สามารถย่างเจ้าอ้วนไห่ได้ทั้งเป็น..
อย่างนั้นตอนนี้เล่า?
เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย ถ้าเจ้าอ้วนไห่ใช้พลังของเขาเต็มพิกัด อย่างนั้นเหยียนพั่วจวินคงมีปัญหาหนักมือแน่
เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นเจ้าอ้วนไห่เรียกแรดเหล็ก อสูรสายเสริมพลังและจากนั้นก็เรียกฮิปโปน้อย อสูรสายเสริมพลังอีกตัวหนึ่งออกมาด้วยแล้วใช้ทั้งสองตัวเสริมพลังให้กับตนเอง ร่างของเจ้าอ้วนไห่มีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาในเวลาสั้นๆ อีก กล้ามเนื้อของเขาขยายออก แม้แต่ท้องที่ดูนูนก็ยังมีกล้ามเนื้อโผล่มาให้เห็น เจ้าเมืองโล่วฮัวถามเย่ว์หยางอย่างประหลาดใจ “เจ้าสอนวิธีเสริมพลังทวีคูณให้เขาด้วยหรือ?”
เย่ว์หยางส่ายหัว “เขายังไม่ได้เรียนวิธีเสริมพลังทวีคูณ ที่สำคัญที่สุดนี่เป็นเพียงการเสริมพลังทับซ้อนเท่านั้น ถ้าเป็นการเสริมพลังทวีคูณ เขาจะสามารถใช้พลังได้ถึงสิบเท่าเลยทีเดียว แต่นี่ทำให้เขาใช้พลังได้มากกว่าปกติเพียงสองเท่าเป็นอย่างมาก เขายังต้องฝึกกันอีกนาน
“นั่นก็นับว่าไม่เลว เสริมพลังด้วยอสูรสายเสริมพลังทับซ้อนสองชั้น ปกติแล้วจะส่งผลในแง่ลบกับนักสู้ธรรมดา สามารถกำจัดข้อบกพร่องเหล่านั้นได้นับว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว” เจ้าเมืองโล่วฮัวยกย่องเขา
“แม่สาวน้อย! นั่นเป็นเพราะข้าสอนเขาได้ดีไงเล่า!” เย่ว์หยางเหมือนกับเตือนนางให้ช่วยยกย่องเขาด้วยพร้อมๆ กัน
บนเวที ร่างของเจ้าอ้วนไห่ดูเหมือนกับแรด
ทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปี่ยมไปด้วยพลัง ตอนนั้น ร่างของเขาขยายโตขึ้นเหมือนกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ เขาดูเหมือนยักษ์กระหายเลือดที่มีนิสัยก้าวร้าว
แม้ว่าเหยียนพั่วจวินดูจากภายนอกเหมือนจะผ่อนคลาย แต่ภายในตัวของเขาตื่นตัวยิ่งนัก
พอกรรมการให้สัญญาณ การแข่งขันก็เริ่มอย่างเป็นทางการ
เจ้าอ้วนไห่ผลักคัมภีร์ออกไป ก่อนที่ราชสีห์เพลิงและเสือดำคลั่งจะกระโจนเข้าใส่ข้างหน้าเขา เขากระโดดด้วยท่าทางเหมือนคางคก พุ่งเข้าใส่เหยียนพั่วจวิน
แววตาเหยียนพั่วจวินเย็นชาเล็กน้อย เปลวไฟนับไม่ถ้วนพ่นขึ้นไปในอากาศราวกับว่าภูเขาไฟพ่นไฟออกมาฉะนั้น
“หมัดฮิปโปดาวตก!” เจ้าอ้วนไห่คำรามลั่นขณะที่เขาใช้แรงส่งจากร่างยักษ์ของเขาเพื่อเพิ่มพลังหมัดของตน ก็เหมือนกับดาวตก เขากระแทกลงมาด้วยพลังที่รุนแรง
“นี่คงเป็นหมัดน้องเต่าแน่ๆ เลยใช่ไหม?” เหยียนพั่วจวินแค่นเสียง หมัดช้าอย่างนั้นจะต่อยเขาถูกได้อย่างไร? เขาตีลังกากลับหลังหลบอย่างรวดเร็ว ในท่ามกลางเปลวไฟลุกโหม เสือดำคลั่งมีความเร็วมากที่สุด มันทะยานขึ้นไปในท้องฟ้าพุ่งเข้าใส่เจ้าอ้วนไห่กลางอากาศ มันพุ่งเข้าไปหมายเอาที่คอหอยของเจ้าอ้วนไห่อย่างเร่งร้อน ด้วยพลังกัดของมัน แม้แต่ขาของควายป่าก็ยังหักได้ เหยียนพั่วจวินรู้ดีว่าเมื่อใดที่เจ้าอ้วนไห่ถูกเสือดำกัดได้ การต่อสู้ก็จะจบ ยังไม่ต้องพูดถึงราชสีห์เพลิงที่ตามเสือดำไปอย่างกระชั้นชิด ยังมีพลังมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไห่ขยับมือทันที
มือของเขากดลงบนหัวของเสือดำคลั่งด้วยความเร็วที่คาดไม่ถึงและในช่วงเวลาที่พอดีเหลือเชื่อ
เป็นการเร่งความเร็วของร่างเขาทำให้ดูเหมือนดาวตกอย่างแท้จริง ด้วยระยะห่างเพียงสิบเมตร เขาก็ทันถึงตัวเหยียนพั่วจวินที่พลิกตัวกลับไปด้านหลัง
หมัดของเขา ซึ่งเก็บกักพลังไว้มากพอ ต่อยเข้าที่ท้องน้อยของเหยียนพั่วจวินด้วยพลังที่ไม่อาจจะยับยั้งได้
บึ้ม!
เสียงระเบิดลั่น สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
ร่างของเหยียนพั่วจวินพุ่งออกไปเหมือนกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิง เพียงกระบวนท่าเดียว เขาก็กระเด็นหลุดออกนอกเวที
ราชสีห์เพลิงและเสือดาวคลั่งหมุนตัวได้แล้วพุ่งเข้ามา แต่เจ้าอ้วนไห่ใช้ทักษะของนักสู้ธรรมดา ‘หมัดไบซัน’ ต่อยสัตว์อสูรทั้งสองตัวในอากาศได้อย่างง่ายดาย
กับภาพที่เกิดขึ้นอยู่ต่อหน้านี้ ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง รวมทั้งกรรมการบนเวทีผู้ยังตื่นตะลึงมองอยู่ เหยียนพั่วจวินพ่ายแพ้ต่อเจ้าอ้วนที่ไร้ชื่อเสียงอย่างนั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไรกัน… เหยียนพั่วจวิน หนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต หนึ่งในตัวเต็งในการแข่งขันครั้งนี้ แพ้ต่อเจ้าอ้วนได้อย่างไร?
เหยียนพั่วจวินโบกมือกลางอากาศ จนทำให้เปลวเพลิงกระจายออก
ทั้งร่างของเขากำลังลอยอยู่ อีกระยะเพียงนิดเดียวเขาก็จะตกถึงพื้น เขาลอยตัวกลับขึ้นไป เหยียนพั่วจวินขี่เปลวไฟบินกลับไปบนเวที
ก่อนที่เจ้าอ้วนไห่จะพุ่งเข้ามาหา เหยียนพั่วจวินฉวยโอกาสเรียกคัมภีร์เงินออกมา
ผู้ชมบางคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยังคงคิดว่าเหยียนพั่วจวินกลับขึ้นเวทีได้อย่างง่ายดาย จึงส่งเสียงเชียร์เขาลั่น อย่างไรก็ตาม นักรบผู้มีสายตาแหลมคมเข้าใจว่า กรณีนี้เหยียนพั่วจวินสูญเสียความสามารถต่อสู้ไปแล้ว มิฉะนั้น เขาคงไม่จำเป็นต้องเรียกคัมภีร์ออกมากางม่านพลังป้องกันตนเองแน่
เหยียนพั่วจวินพยายามเท่าที่เป็นไปได้ที่จะปกปิดความจริงว่าเลือดกลบเต็มปากเขาไปหมด อย่างไรก็ตาม ยังคงมีรอยเลือดไหลออกมาจากปากของเขา
มันหยดลงบนคัมภีร์เงิน
ทุกคนตะลึงขณะมองดู
หมัดเจ้าอ้วนไห่เพียงหมัดเดียวสร้างความบาดเจ็บรุนแรงให้กับเหยียนพั่วจวินได้จริงๆ หรือนี่?
ในจุดที่นั่งชม เย่ว์หยางกำลังยิ้ม
นี่คือกลยุทธ์ที่เย่ว์หยางวางไว้อย่างพิถีพิถัน
ตอนแรก ก็ไม่ได้ปรับแต่งอะไรเป็นพิเศษเมื่อต้องสู้กับเหยียนพั่วจวิน อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไห่เปลี่ยนแปลงมันเล็กน้อย เพื่อที่ว่าจะได้ใช้มันสู้กับเขา
เพราะเหยียนพั่วจวินเข้าใจเจ้าอ้วนไห่ เขาจึงติดกับและพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ เป็นที่น่าเสียดายที่เจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถใช้การเสริมพลังทวีคูณในช่วงนี้ มิฉะนั้น เหยียนพั่วจวินคงจะบาดเจ็บหนักกว่านี้
“เจ้าอ้วนนี่มีฝีมือจริงๆ แต่กลยุทธ์เหล่านี้สามารถใช้ได้ครั้งเดียว ครั้งต่อไปมันจะใช้ไม่ได้ ถูกแล้ว หมัดไบซันที่เขาใช้ต่อราชสีห์เพลิงและเสือดำดูเหมือนจะแตกต่างอยู่นะ มันไม่จำเป็นที่เขาต้องแปลงร่างเลยนี่ จริงไหม? ไม่ใช่แค่นั้น พลังของมัน ก็ไม่ได้แข็งแกร่งแต่อย่างใด นั่นเป็นท่าใหม่ที่เจ้าคิดขึ้นมาหรือ?” ตาของเจ้าเมืองโล่วฮัวแหลมคมนัก นางรู้จักท่าใหม่ได้ทันที แม้ว่ามัดจะดูเหมือนธรรมดาแต่ก็เปี่ยมไปด้วยพลัง ด้วยสติปัญญาที่โง่เขลาอย่างเจ้าอ้วนไห่ นางสงสัยว่าเขามีความสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้ถึงขนาดนั้น นางมั่นใจเก้าส่วนว่าเป็นผลมาจากเย่ว์หยาง
“ท่านั้นเรียกว่าแรดจันทร์เต็มดวง มือขวาของเจ้าอ้วนไห่ใช้พลังของแรด ขณะที่มือซ้ายของเขาใช้พลังของฮิปโป ประสิทธิภาพออกมาก็แค่พอใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาสามารถรวมพลังตนเองเป็นหนึ่งได้ ข้าเชื่อว่าประสิทธิภาพของกระบวนท่านี้จะต้องเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า ถ้าเสือดำคลั่งและราชสีห์เพลิงโดนหมัดเสริมพลังทวีคูณ มันจะตายทันที!”
เย่ว์หยางมีความสุขที่เจ้าอ้วนไห่เรียนรู้เทคนิคได้ดี อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่ฝึกมีน้อยเกินไปหน่อย มันยังไม่ได้ตามมาตรฐานที่เขาคาดไว้
หลังจากผ่านไปได้สองนาทีเต็ม เหยียนพั่วจวินก็ฟื้นกำลังเต็มที่
ก่อนอื่น เขาเรียกราชสีห์พิโรธที่เป็นอสูรพิทักษ์ของตนเองออกมา จากนั้นก็เรียกอสูรสายธาตุจำเพาะต่อเนื่องทันที อสรพิษพ่นระเบิดและไฟประกบอยู่ข้างๆ เขา จากนั้นเขาจ้องเจ้าอ้วนไห่อย่างเย็นชาและคำรามว่า “ข้าไม่คิดเลยว่านักเรียนอย่างเจ้าไห่ จะหลอกลวงได้ดีพอๆ กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เหยียนพั่วจวินเกือบพ่ายแพ้ในการต่อสู้แล้ว บทเรียนครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนของข้าจากการประเมินศัตรูต่ำเกินไป ข้าจะจำไว้ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ หลังจากที่พี่ไห่ประทานการสั่งสอนที่ดีให้ข้าด้วย”
เสือดำคลั่งและราชสีห์เพลิงที่เจ้าอ้วนไห่ทำร้ายจนบาดเจ็บ เดินกระโผลกกระเผลกไปอยู่ข้างๆ เจ้านายมันและส่งเสียงคำรามเบาๆ ใส่เจ้าอ้วนไห่
เมื่อทุกคนคิดว่าเจ้าอ้วนไห่คงจะต้องโดนเหยียนพั่วจวินเล่นงานจนตายแน่ เนื่องจากเหยียนพั่วจวินอับอายกลายเป็นโทสะ ทันใดนั้นพวกเขาเห็นว่าเจ้าอ้วนไห่กระโดดลงจากเวทีลงไปยืนข้างล่างหน้าตาเฉย เขาใช้ท่าทางเช่นเดียวกับที่เหยียนพั่วจวินแสดงออกเมื่อครู่ “คุณชายผู้นี้ขอยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นักเรียนเหยียนพั่วจวิน เชิญเจ้าไปต่อตามเส้นทางของเจ้าได้เลย…”
หน้าของเหยียนพั่วจวินบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
สาวๆ ที่เป็นผู้ชมเยาะเย้ยด่าทอเจ้าอ้วนไห่สำหรับการกระทำที่น่ารังเกียจและหยาบคาย อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนไห่ยกนิ้วกลางให้พวกแฟนคลับแทนคำตอบ
“เจ้าอ้วนนี่เคยขี้ขลาดมาก่อนไม่ใช่หรือ? เขากล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร? ข้าพนันว่าเจ้าคงชี้นำเขาผิดแล้วในฐานที่เจ้าเป็นลูกพี่ของเขา” เจ้าเมืองโล่วฮัวยังหัวเราะไม่หยุดกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ นางหัวเราะจนเพลียถึงกับต้องคว้าไหล่ของเย่ว์หยางช่วยพยุงตัวไว้ เย่ว์หยางรีบกอดนางทันที ถือโอกาสชิงความได้เปรียบโอบเอวบางของนางไว้ก่อน “เขาเป็นลูกพี่ใหญ่ นั่นเพราะเราตัดสินจากน้ำหนักต่างหาก”
***********