===============
เย่ว์หยางต้องการจะผ่านด่านวิหารปลาคู่ในรอบเดียวเพื่อให้จบการผ่านด่านสิบสองนักษัตรทีเดียว
ไม่มีใครู้ว่าจะเกิดอะไรหลังจากมีคนผ่านด่านสิบสองนักษัตรได้ทั้งหมดในอดีตที่ผ่านมาหมื่นปีแล้ว ขึ้นอยู่กับรางวัลที่ได้รับหลังจากผ่านด่านในแต่ละวิหารได้ คงต้องมีรางวัลที่น่าทึ่งที่เขาจะได้รับหลังจากผ่านได้ทุกด่านแล้ว เนื่องจากความยากของวิหารสิบสองนักษัตร ขณะที่ผลของการผ่านด่านหกวิหารรวดเดียวนับแต่เขาผ่านด่านวิหารเทพสตรีได้ พลังของเย่ว์หยางถูกใช้ไปมาก ร่างกายของเขาอ่อนเพลียหลังจากเอาชนะอสูรพิทักษ์ในวิหารกุณโฑได้ เนื่องจากเขาห่วงโล่วฮัว เชี่ยนเชี่ยนและคนที่เหลือ เขาจึงตัดสินใจออกมาพักก่อนแล้วค่อยผ่านด่านวิหารปลาคู่ต่อไป
ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หยางไม่อาจรอที่จะแบ่งปันความสุขและความตื่นต้นที่ได้น้ำตาเทพธิดาและน้ำทิพย์กับสาวๆ ทุกคน
พวกเขาสามารถใช้น้ำตาเทพธิดาและน้ำทิพย์ช่วยชีวิตสาวงามอมโรคได้
เย่ว์หยางสังเกตว่าหญิงงามลึกลับและหญิงงามอมโรคหายไป ไม่ได้อยู่กับเจ้าเมืองโล่วฮัว, เย่ว์หวี่, อี้หนานและเย่ว์ปิงหลังจากเย่ว์หยางออกมาจากประตูเทเลพอร์ตไม่นาน นางทำท่าทางบอกเย่ว์หยางโดยไม่สนใจถามถึงเรื่องราวการต่อสู้เลย “เร็วเข้า เราต้องไปกันเดี๋ยวนี้!”
“เกิดอะไรขึ้น?” เย่ว์หยางสงสัย
เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องที่แม่นางอู๋เสียบอกไว้จะกลายเป็นความจริง?
นางพูดถึงเรื่องแย่ๆ บางเรื่องที่อาจเกิดขึ้นในวันต่อไป และเขาจะไม่สามารถผ่านด่านเทพสตรีได้ ขณะที่มันอาจจะไปกระตุ้นปีศาจภายในของเขาให้รู้เรื่องนั้น นี่ก็ผ่านไปแล้ววันหนึ่ง ซึ่งก็หมายความว่าเหตุการณ์ที่อู๋เสียพูดถึงอาจจะเกิดขึ้นในวันนี้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฉุดมือเย่ว์หยางและออกไปโดยไม่ตั้งคำถามเย่ว์หยางเลย
เมื่อพวกเขากลับมาที่โรงเตี๊ยมสายลม เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงตาแดงระเรื่อ พวกนางมองดูเย่ว์หยางเหมือนกับว่าพวกนางมีบางอย่างจะบอกเขา แต่พวกนางพูดอะไรไม่ได้
เย่ว์หยางงง เป็นไปได้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับแม่สี่อย่างนั้นหรือ?
นี่เป็นไปไม่ได้แน่ เพราะเย่ว์ปิงคงร้องไห้อย่างหนักแน่นอน หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับแม่สี่ ยิ่งไปกว่านั้น จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าสัญญากับเขาแล้วว่าพวกเขาจะส่งแม่สี่ไปไว้ในสถานที่ปลอดภัยที่ศัตรูไม่สามารถหานางเจอ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่สี่ อย่างนั้นยังจะมีอะไรเกิดขึ้นได้อีกเล่า? เย่ว์หยางมองดูเจ้าเมืองโล่วฮัวหวังว่านางจะให้คำอธิบายเขาได้
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ได้พยายามจะปิดบังเอาไว้จากเย่ว์หยาง นางเดินตรงมาที่เย่ว์หยางและนั่งลงข้างๆ เขา “มีคนส่งจดหมายถึงจุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และแม่ทัพใหญ่เย่ว์แฉว่าเย่ว์ซานรักษาการประมุขตระกูลเป็นหุ่นเชิดของปีศาจ…”
“ล้อกันเล่นหรือเปล่า?” เย่ว์หยางสะดุ้ง แม้ว่าลุงเย่ว์ซานจะไม่น่าไว้วางใจมากก็ตาม แต่ร่างของเขาและกลิ่นอายของตัวเขาดูไม่เหมือนปีศาจ
เขาอาจไม่รู้สึกได้ขณะที่เขาไม่ได้อยู่ใกล้กับเย่ว์ซาน แต่มันเป็นไปไม่ได้ ที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่จะไม่รู้ความเปลี่ยนแปลงบุตรชายของตนเอง ยิ่งไปกว่านี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ภรรยาของเย่ว์ซานผู้นอนกับเขาบนเตียงเดียวกัน อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลาจะไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของสามีของนาง นอกจากนี้เย่ว์หยางไม่คิดว่าบุตรและธิดาของเขาอย่างเย่ว์เทียน, เย่ว์ถิง, เย่วหวี่และที่เหลือก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าบิดาของตนถูกปีศาจครอบงำ ถ้าเย่ว์ซานถูกปีศาจครอบงำ ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่องครักษ์พิทักษ์ฟ้าและนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะไม่พบว่าเขาเป็นปีศาจ เนื่องจากเย่ว์ซานเข้าๆ ออกๆ ขณะที่เขารับใช้อาณาจักรต้าเซี่ย
ขณะที่เย่ว์หยางคิดเรื่องนี้ ความจริงเขาไม่อยากเชื่อการกล่าวหาที่ไร้สาระ เย่ว์หยางคงเชื่อ ถ้ามีคนบอกว่าเย่ว์ซานเป็นพวกชอบหักหลังทรยศหรือเป็นฆาตกรที่ฆ่าเย่ว์ชิว บิดาของสหายผู้น่าสงสาร
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของเย่ว์หยาง ถ้าเย่ว์ซานถูกกล่าวหาว่าโดนปีศาจครอบงำ มันเป็นไปไม่ได้ที่ไม่มีใครในพวกเขาแม้แต่คนเดียวจะสังเกตออก เว้นแต่นักรบจากทวีปมังกรทะยานตาบอดกันหมด
เย่ว์หยางไม่เชื่อการแฉข้อมูลแบบนี้ คนที่เปิดเผยนี้ต้องกำลังโกหกแน่
เย่ว์หยางคงยอมอนุโลมตามถ้าหากมีคนต้องการจะป้ายสีชื่อเสียงของเย่ว์ซาน เขาจะไม่คัดค้านไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร อย่างไรก็ตาม คนผู้นั้นใช้วิธีแบบนั้น ทำให้เขาพูดไม่ออกจริงๆ นี่มีแต่จะทำให้ผู้คนเห็นอกเห็นใจเย่ว์ซานมากขึ้น พอได้ยินข่าวนี้ จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่บางทีคงปลอบโยนเย่ว์ซานหลังจากรู้เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าตำแหน่งรักษาการประมุขตระกูลของเย่ว์ซานจะไม่กระทบกระเทือนในช่วงเวลาสั้นๆ นี้
เย่ว์หยางถามด้วยความสงสัย “คนน่าเบื่อแบบไหนกันที่เขียนจดหมายเช่นนี้ได้”
ริมฝีปากเย่ว์หวี่สั่นขณะนางตอบคำ “เป็น.. เป็นอาสาม เขากลับมาเมื่อวานนี้….”
คำตอบนั้นเป็นเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เย่ว์หยางถึงกับสั่นเมื่อได้ยินคำตอบ โอว..พระเจ้า บิดาของสหายผู้น่าสงสารกลับมาจริงๆ ด้วย
เย่ว์หยางไม่มีความสนใจการเปิดเผยความจริงว่าเย่ว์ซานเป็นปีศาจหรือไม่ เขาเริ่มห่วงตัวเอง ถ้าเย่ว์ชิวบังเอิญสังเกตได้ว่าเขาไม่ใช่ลูกชาย ก็เป็นอันจบกัน
“ขะ..เขากลับมาเมื่อไหร่?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเสียงของเขาชักจะติดอ่าง
“อย่าวุ่นวายนักเลย..” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจับมือเย่ว์หยางไว้ขณะที่นางนั่งอยู่ข้างๆ เย่ว์หยาง “เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็นเย่ว์ชิวตัวจริงหรือไม่ในช่วงเวลานี้ ที่สำคัญ บิดาเจ้าตายในสงครามเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว ตอนนี้พอเจ้าช่วยให้ตระกูลเย่ว์เรืองอำนาจขึ้นมา จู่ๆเขาก็โผล่ออกมาทันทีแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย….. ที่สำคัญที่สุดทุกคนคิดว่ายอดฝีมือลึกลับที่สอนวิทยายุทธให้เจ้าก็คือบิดาเจ้า และคนที่กลับมาตอนนี้เป็นตัวปลอม แม่ทัพเฒ่าเย่ว์เอารูปวาดปลอมของเจ้าให้เขาดู ซึ่งทำให้บิดาเจ้าตื่นตัวเล็กน้อย ในที่สุด เขาก็ผงกศีรษะและพูดว่าเจ้าดูเหมือนกับเขา นั่นก็หมายความว่าเขาจำลูกตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่ามันเป็นเพียงรูปเขียน ยังไม่อาจอธิบายอะไรได้ อย่างไรก็ตาม นี่ก็เพียงพอทำให้เขาน่าสงสัย… ตอนนี้เราหวังว่าเจ้าจะอยู่อย่างเงียบๆ ไปก่อน ถ้าเขาเป็นตัวจริงก็ดีไป ถ้าเขาเป็นเย่ว์ชิวตัวปลอมเราจะต้องสืบเรื่องนี้จนได้”
“เจ้าหมายความว่าเจ้าต้องการให้ข้าระบุว่าเขาเป็นเย่ว์ชิวตัวจริงใช่หรือเปล่า?” เย่ว์ร่ำร้องในใจ ยอดฝีมือลึกลับที่สอนวิทยายุทธเขาไม่ใช่เย่ว์ชิวเลย แต่เป็นเทพธิดากระบี่ฟ้าต่างหากเล่า คงจะดีไม่น้อยที่เขาผู้มาจากโลกอื่นพบกับเย่ว์ชิวตัวปลอม แต่เขาคงเสร็จแน่ถ้าเย่ว์ชิวที่จะไปพบนั้นเป็นตัวจริง
“ไม่เลย มันตรงกันข้ามกับที่เจ้าคิด เราหวังว่าเจ้าจะไม่พบกับเขาทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเจ้า ถ้าบิดาของเจ้าเป็นคนสอนวิทยายุทธให้เจ้า อย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่รู้เลยหรือว่าเจ้าเก่งขนาดไหน ตอนนี้เราไม่มีข้อพิสูจน์ เราจำเป็นต้องหาหลักฐานอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นเย่ว์ชิวตัวปลอม” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตือนเย่ว์หยางให้อยู่อย่างสงบ “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากพบกับบิดาของเจ้ามาก แต่คนผู้นี้ไม่เคยกลับมาก่อน จู่ๆ ก็มากล่าวหาว่าพี่ชายตนเองถูกปีศาจครอบงำหลังจากที่เขากลับมา มีบางอย่างผิดปกติแน่นอน… พระบิดาข้าและแม่ทัพไห่กำลังสงสัยว่าเย่ว์ชิวตัวปลอมนี้เป็นปีศาจปลอมตัวมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง อาจมีจ้าวปีศาจหรือราชันย์ผีอมตะ (ลิช) ใช้วิธีการลับบางอย่างเปลี่ยนวิญญาณคนอื่นใส่ร่างของบิดาเจ้าหลังจากที่เขาตายในสงคราม ก่อนจะปล่อยเขากลับมาตระกูลเย่ว์ ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสสงสัยว่าเป้าหมายของเย่ว์ชิวตัวปลอมก็คือเจ้า”
“เราเปิดเผยฐานะเขาไม่ได้หรือ?” เย่ว์หยางกังวล
เขาต้องการจะพิสูจน์ว่าเย่ว์ชิวนี้เป็นตัวปลอม จากนั้นเขาก็จะอยู่อย่างปลอดภัย
ถ้าเขาเป็นเย่ว์ชิวตัวจริง คนที่โชคร้ายจะไม่ใช่แค่คนหน้าซื่อใจคดอย่างเย่ว์ซานเท่านั้น แต่ตัวเขาก็จะพลอยโชคร้ายไปด้วยเช่นกัน
เบ้าตาของเย่ว์หวี่แดงระเรื่อและน้ำตานางก็ไหลออกมา “ข้าได้ยินว่าคนนั้นดูเหมือนอาสามมาก ทั้งลักษณะ เสียง สัตว์อสูรและวิทยายุทธก็เหมือนกันมากเขาสามารถบอกประสบการณ์การต่อสู้ต่างๆ ได้ ข้าเฝ้าหวังว่าอาสามจะกลับมา แต่ข้าหวังว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่ใช่เรื่องจริง แม้ว่าบิดาข้าจะชอบอำนาจและยศศักดิ์ แต่เขาก็ไม่ใช่ปีศาจ …. ข้าสับสนกับเรื่องนี้จริงๆ”
เย่ว์ปิงก็มีความคิดที่คล้ายกัน แม้แต่นางยังกังวลว่าลุงสามตัวปลอมจะฆ่าพี่ชายนาง
เย่ว์หยางรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “นั่นหมายความว่าเขาเป็นตัวจริงใช่ไหม?”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโบกมือพัลวันขณะที่นางไม่เห็นด้วยกับเย่ว์หยาง “ไม่..ข้าเห็นตรงกันข้าม.. เขาถือโอกาสพูดเรื่องในอดีตเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากทุกคน หมายความว่ายังไง? นี่หมายความว่าเขาต้องการพิสูจน์ว่าเขาเป็นเย่ว์ชิวตัวจริง ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อย่างนั้นถ้าเขาเป็นตัวจริง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ารักษาการประมุขตระกูลเป็นตัวปลอม ทำไมเขาถึงต้องกังวลเรื่องเปิดเผยตัวเขาด้วย? ทำไมเขาไม่แฉเย่ว์ซานหลังจากรวบรวมหลักฐานได้มากพอ? ยังมีจุดที่น่าสงสัยบางจุดคือ ประการแรก เขาบอกว่าเขาถูกจับเป็นเชลยศึกในแดนปีศาจนานถึงสิบห้าปี หลังจากได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองสตรีในแดนปีศาจ เขาก็แหกคุกไฟนรกหนีกลับมายังทวีปมังกรทะยานได้ บิดาของเจ้าเป็นคนสัตย์ซื่อ ข้าไม่คิดว่าเขาจะขายตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด ประการที่สอง บางทีคนที่สำคัญที่สุดผู้สอนวิทยายุทธตั้งแต่เจ้ายังเล็กอาจเป็นบิดาเจ้าก็ได้ ถ้าเขาอยู่ในแดนปีศาจมาตลอดหลายปีมานี้ แล้วเขาจะสอนเจ้าได้ขนาดนั้นอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือว่าเขากังวลอยากพบเจ้าทันทีที่เขากลับมา เขาไม่พูดถึงการหายไปของมารดาเจ้าเลย..”
“อย่างนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร? เผชิญหน้ากับเขาโดยตรงอย่างนั้นหรือ?” เย่ว์หยางยังรู้สึกว่าเขายังอยู่ในอันตราย แม้ว่าพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าเย่ว์ชิวเป็นตัวปลอม บางทีพวกเขาอาจไม่พบความจริงที่ว่าเขามาจากมิติอื่น หญิงงามลึกลับรู้ความลับเขา อย่างน้อยนางก็รู้สิ่งที่เป็นปีศาจภายในของเขา
ตอนนี้นางไปที่ไหนแล้ว?
ดูเหมือนนางรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อวานและต้องการให้เขาผ่านด่านวิหารเทพสตรีทันที
นี่ก็แสดงว่านางสนับสนุนเขา… ดูเหมือนว่านางยินดีเก็บความลับไว้ให้เขา แม่สาวอู๋เสียผู้นี้ นางคิดอะไรอยู่ในใจกันแน่?
เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาต้องถามนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้านางอยู่ที่นี่ในตอนนี้
เพื่อที่ว่าจิตใจของเขาจะได้ไม่สับสนวุ่นวายเหมือนตอนนี้
เจ้าเมืองโล่วฮัวใช้มือนางกดแขนเย่ว์หยางเบาๆ “เราคุยกันไว้ก่อนแล้ว เรายังคิดว่าเจ้าไม่ควรกลับไปพบเขา ถ้าเขาเป็นตัวจริง ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่เจ้าจะไปพบเขาในภายหลัง เขาจะไม่ตำหนิเจ้าหรือทำอย่างอื่นแน่ ถ้าเขาเป็นตัวปลอม เจ้าก็ไม่ควรกลับไปพบเขา เพื่อที่ว่าศัตรูจะได้ไม่มีโอกาสเอาเปรียบเจ้า อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับเราที่จะกลับไป หลังจากผู้อาวุโสสืบสวนเรื่องในทางลับและทุกอย่างชัดเจนแล้ว”
“ก็ได้” เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีความสุขในหัวใจมากมาย แม้ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะในลักษณะฝืนใจก็ตาม
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกโล่งใจเมื่อพวกนางได้ยินเย่ว์หยางรับปากว่าเขาจะไม่กลับไปที่ตระกูลเย่ว์ พวกนางกังวลว่าเขาจะแสดงอารมณ์เสียออกมาอีก จนเขาปฏิเสธที่จะฟังคำแนะนำและกลับไปตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นแทน ทุกคนจะกังวลมากถ้าเรื่องในทำนองนั้นเกิดขึ้น
ยังไม่ใช่เวลาที่จะสู้กับเย่ว์ชิวตัวปลอมทันที
ยิ่งไปกว่านั้น พวกนางยังไม่มีข้อพิสูจน์อะไร
สำหรับเรื่องอื่นๆ เป็นต้นว่าเย่ว์หยางเป็นตัวปลอมหรือไม่ พวกนางไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
มีเพียงหญิงงามลึกลับทีดูเหมือนจะสงสัยสถานะเย่ว์หยางมาก่อน แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบในทางลึกแต่อย่างใด แม้แต่นางยังตัดสินใจสนับสนุนเย่ว์หยางโดยไม่มีเงื่อนไข โดยช่วยเขาเอาชนะปีศาจภายในและผ่านด่านวิหารเทพสตรีได้สำเร็จ นี่หมายความว่าทวีปมังกรทะยาน มีเพียงเย่ว์หยางและนางรู้ความลับเล็กๆ นี้ แม้ว่าหญิงงามลึกลับจะไม่สามารถยืนยันสถานะที่แท้จริงของเย่ว์หยาง เป็นแค่ปีศาจภายในได้โอ้อวดจนปัดเป่าความสงสัยในใจนาง พวกเขาสามารถผ่านด่านวิหารเทพสตรีเพราะหญิงงามลึกลับเลือกที่จะลืมสถานะที่แท้จริงของเย่ว์หยางและให้ความไว้วางใจสนับสนุนเขาเต็มร้อย นางยังคงไม่กังวลเรื่องปัญหานี้อีกต่อไป
“เราควรทำเป็นว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้เราควรกลับไปเข้าร่วมในการแข่งขันสุดยอดร้อยโรงเรียนได้แล้ว หลังจากจบการแข่งขัน เราจะได้หาส่วนผสมเพื่อมาปรุงยาชุบชีวิต จากนั้น เราจะไปสำรวจดินแดนล่มสลายแห่งเทพหลังจากที่เรารักษาอู๋เหินเสร็จแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูเย่ว์หยาง นี่เป็นครั้งแรกที่นางมองดูเขาด้วยสายตาวิงวอน
นางไม่ต้องการให้เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง ถ้านั่นเป็นเย่ว์ชิวตัวปลอม อย่างนั้นศัตรูก็ต้องมาหาเย่ว์หยางโดยเฉพาะ
เขาเพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดไม่นาน เหล่านักสู้จากแดนปีศาจต่อไปจะไม่มีโอกาส ถ้าพวกเขาไม่เคลื่อนไหวก่อนที่เย่ว์หยางจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
ตราบใดที่พวกนางยื้อเวลาได้มากขึ้นอย่างในช่วงเวลานี้ เย่ว์หยางก็สามารถก้าวหน้าไปเป็นนักสู้ระดับสูงได้ จะเป็นเรื่องยากที่ศัตรูจะทำอะไรได้สำเร็จแม้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีหักหลัง โดยสรุปก็คือเย่ว์หยางต้องการเวลา เพราะศัตรูกำลังตามล่าเย่ว์หยาง
เย่ว์หวี่ยื่นจดหมายให้เย่ว์หยาง เป็นจดหมายที่จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้และผู้เฒ่าไห่เขียนขึ้น
มีแค่เพียงไม่กี่ประโยคในจดหมาย แต่เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงความรักและความต้องการปกป้องของพวกท่าน
“ซานเอ๋อ! อย่าห่วงเรื่องครอบครัว แม้ว่าจะมีปริศนามากมายในโลกนี้และยากจะแยกแยะความแตกต่างระหว่างถูกกับผิดได้ชัด แต่ความจริงจะเปิดเผยขึ้นสักวัน จงรักษาตัวให้ดี อย่าเชื่อสิ่งที่เจ้าได้ยิน ไม่ว่าเรื่องอะไรจะเกิดขึ้นในครอบครัวเจ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดดูแลตัวเจ้าเอง ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์….”
เนื่องจากจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ได้บอกเย่ว์หยางไม่ต้องกลับไปพบเย่ว์ชิว แน่นอนเย่ว์หยางยินดีจะทำตามคำแนะนำของพวกท่าน
เย่ว์หยางไม่สนใจอยู่แล้วว่าเย่ว์ซานหรือเย่ว์ชิวจะเป็นปีศาจหรือไม่
หากเย่ว์หยางวิเคราะห์เหตุการณ์ทั้งหมดโดยไม่คำนึงถึงสถานะของเขา ก็จะมีจุดที่น่าสงสัยหลายอย่างในเรื่องนี้
“ไปกันเถอะ เนื่องจากเราไม่สามารถจัดการเรื่องเหล่านั้นได้ ก็มาให้ความสนใจการแข่งขันกันเถอะ” ตอนแรกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ไม่สนใจเรื่องการแข่งขัน แต่ตอนนี้นางต้องการลากเย่ว์หยางให้ไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันสุดยอดร้อยโรงเรียน เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่มีเวลาคิดเรื่องของบิดาเขา
หลังจากที่พวกเขากลับไปที่เกาะก้วนจวิน เจ้าอ้วนไห่และเย่คงก็ดีใจที่ได้เห็นเย่ว์หยาง “เร็วเข้า! สายมากแล้ว ถ้าเจ้าไม่กลับมา เราแพ้ใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่เซี่ยเชียนเริ่น”
เย่ว์หยางเพิ่งนึกออกว่าเขายังมีการแข่งขันแบบแพ้คัดออก
***********