===============
“พละ…แพลตตินัม…อสูรรูปมนุษย์ชั้นแพลตตินัมหรือ?” ประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกรู้สึกเหมือนถูกอาวุธร้ายแรงตีเข้าที่ศีรษะ
อสูรระดับแพลตตินัมและระดับทองคือสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
นักรบทั่วไปอาจไม่รู้เรื่องนั้น แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่ประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกอย่างเขาจะไม่รู้เรื่องนั้น? สัตว์อสูรตัวหนึ่งมีโอกาสเกิดใหม่และกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เมื่อมันถึงระดับแพลตตินัม แม้แต่อสูรระดับสามัญ, ทองแดง, เงินและทองก็สามารถวิวัฒนาการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ กระบวนการจะใช้เวลาอย่างน้อยพันปีหรืออาจถึงหมื่นปี ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่ว่าสัตว์อสูรทั้งหมดมีศักยภาพที่จะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ อสูรตัวหนึ่งสามารถวิวัฒนาการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ ถ้าเวลาและเงื่อนไขลงตัว จากนั้นอสูรที่โชคดีบางทีจำเป็นต้องได้รับการอบรมบ่มเพาะมานานหลายปีก่อนจะวิวัฒนาการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
การบ่มเพาะเลี้ยงที่ต้องใช้เวลายาวนานขนาดนั้นไม่ใช่สิ่งที่ชีวิตนักรบชาวมนุษย์จะรอคอยกันได้
ในการเปรียบเทียบ วิวัฒนาการของอสูรระดับแพลตตินัมจะช้ากว่าอสูรสามัญเป็นร้อยเท่า และอาจเป็นสิบเท่าหรือหลายเท่าเมื่อเทียบกับอสูรชั้นทองแดง, เงินและชั้นทอง
อสูรแพลตตินัมโดยปกติแล้วจำเป็นต้องใช้เวลาหลายทศวรรตหรือเกือบร้อยปีเพื่อวิวัฒนาการให้มีลักษณะของมนุษย์
หลังจากนั้น มันจำเป็นต้องเรียนรู้และยกระดับสติปัญญาก่อนที่พวกมันจะพัฒนาไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
อสูรระดับทองต้องการเวลาอย่างน้อยร้อยปี อย่างน้อยก็ 200-300 ปีเพื่อวิวัฒนาการเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเจ้านายของมันอาจจะกลายเป็นคนแก่หง่อมรอคอยให้อสูรของเขาวิวัฒนาการจากชั้นทองไปเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายของพวกมันต้องการศักยภาพของเจ้าของ ดังนั้นพวกมันจึงไม่อาจวิวัฒนาการได้มากนัก
“นี่..นี่คืออสูรแพลตตินัม ร่างมนุษย์ที่มีปัญญาด้วยนี่!” หัวหน้ากรรมการตกใจลืมตัว
ในการประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนก่อนหน้านั้นทั้งหมด นักเรียนที่มีอสูรชั้นทองหาพบได้ยาก แต่ก็มีนักเรียนที่ไม่ธรรมดามีอสูรชั้นทองอยู่ในความครอบครองของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ในฐานะเป็นผู้ตัดสินระดับคุณภาพและมีประสบการณ์ เขาไม่เคยเห็นนักเรียนผู้ครอบครองอสูรชั้นแพลตตินัมมาก่อน อย่าว่าแต่ยังเป็นอสูรร่างมนุษย์และมีสติปัญญาอันจะเป็นพื้นฐานให้กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ อสูรที่มีระดับสติปัญญาสูงอย่างนางพญากระหายเลือด แม้ว่านางจะไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็คงอีกไม่นานนักที่นางจะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้
ตอนแรก หัวหน้าผู้ตัดสินคิดว่า ไป๋หวินเฟยได้ครอบครองจ้าวมังกรทอง อสูรทองระดับ 7 ก็ถือว่าเข้มแข็งเกินกว่าใครจะเปรียบได้
แต่เขาก็ไม่มีทางเทียบได้กับนักเรียนไตตันผู้ครอบครองนางพญากระหายเลือด อสูรแพลตตินัมได้เลย
อสูรอย่างจ้าวมังกรทองน่ะหรือ?
นางพญากระหายเลือดเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ อสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับแพลตตินัม
หัวหน้ากรรมการประหลาดใจอย่างมากขณะมองดูอสูรลึกลับอีกตนหนึ่งที่ยังซ่อนตัวอยู่ภายในผ้าคลุม อสูรนี่ก็ยังเป็นอสูรร่างมนุษย์อีกเช่นกัน หมายความว่านักเรียนไตตันมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ถึงสองตนเชียวหรือ?
ผู้ชมทั้งแสนคนในสนามชิงแชมป์เงียบอยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่พวกเขาจะมีอาการตอบสนองได้ในที่สุด
ผู้ชมบางส่วนส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้นทันที และผู้ชมอีกมากก็เชียร์ตาม เสียงเชียร์เป็นเหมือนกับคลื่นสึนามิลูกใหญ่ที่สามารถกลืนสนามชิงแชมป์ได้ทั้งสนาม ผู้ชมทั้งหมดลุกขึ้นยืนเพื่อจะได้เห็นเวทีต่อสู้ได้ถนัด ทุกคนจับตาดูที่นางพญากระหายเลือด คนนับจำนวนไม่ถ้วนต้องการมองหาสัญลักษณ์ที่พิสูจน์ว่านางไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็นมนุษย์ แต่แล้วแม้แต่คนที่ช่างสงสัยเป็นที่สุดก็ยังต้องผิดหวังจนได้ ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาสามารถเห็นได้ว่าที่หน้าผากของนางพญากระหายเลือด อสูรแพลตตินัมผู้มีดวงหน้างดงามทรงเสน่ห์ มีลวดลายเล็กๆ เป็นสัญลักษณ์ว่านางเป็นอสูรที่ทำสัญญาแล้ว นั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่อสูรจะพึงมี มนุษย์ไม่มีลวดลายอย่างนั้นบนหน้าผากตนเอง เพราะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่สามารถทำสัญญาแบบนี้กับมนุษย์อีกคนหนึ่งได้
“กรรรร!” ไป๋หวินเฟยรู้สึกเหมือนคลื่นริษยากำลังระเบิดออกมาจากหัวใจของเขา
ความรู้สึกชนิดนี้เป็นเหมือนกับว่า เขาเป็นขอทานที่อดอยากมานานถึงสามวัน หิวจัดจนท้องร้องด้วยความหิวโหยและดวงตาของเขากลับกลายเป็นมืดมัวในยามที่ตนเองมองเห็นชายผู้มั่งมีกำลังบริโภคอาหารเลิศรสอยู่ตรงหน้าเขา
ความรู้สึกที่ระเบิดออกมาจากหัวใจไม่ใช่แค่เพียงความริษยาเท่านั้น แต่ยังเป็นความเกลียดชังล้วนๆ ความริษยาที่ต้องการจะทำลายครอบงำจิตใจเขาทั้งหมด เขาไม่อาจทนต่อความรู้สึกเหมือนคนตกจากสวรรค์ลงสู่นรก ไป๋หวินเฟยรู้สึกว่าผู้ชมทั้งหมดเริ่มจะเยาะเย้ยเขา ทั้งนี้เป็นเพราะทัศนคติของเขาที่ผ่านมาเป็นเหมือนกบที่อยู่ก้นบ่อแหงนมองท้องฟ้าและรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับตัวเอง
มีทางเดียวที่จะกำจัดความรู้สึกแบบนั้นได้ก็คือทำลายเย่ว์หยาง!
กำจัดศัตรูผู้นี้ไปตลอดกาล!
หลังจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นนักสู้ผู้แข็งแกร่งที่สุดในทวีปมังกรทะยานอย่างแท้จริง
พอไป๋หวินเฟยออกคำสั่ง จ้าวมังกรทองกางปีกแล้วทะยานขึ้นไปในก้อนเมฆ
มันใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดจากพลังความเร็วในการบินของมันและพลังทำลายล้างของไฟมังกรพ่นทำลายเย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดผู้เป็นดุจมีดแทงใจของไป๋หวินเฟย ไป๋หวินเฟยคิดว่า ทำไมอสูรที่งดงามและฉลาดอย่างนี้ถึงได้เป็นของคนอื่น? เนื่องจากเจ้าไม่ใช่ของข้า เจ้าก็ไม่มีทางเป็นของคนอื่นด้วย ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้
ผึ้งเพชฌฆาตทองบินด้วยความเร็วดุจประกายไฟพุ่งเข้าหานางพญากระหายเลือด “หง” เผยให้เห็นเหล็กในของมันในเศษเสี้ยววินาที
ตราบใดที่มันสามารถแทงเข้าร่างนางพญากระหายเลือดได้สักครั้ง อสูรสาวแสนสวยจะกลายเป็นศพทันที
ตายเสียเถอะ หวังว่าเจ้าคงยังจะสวยอยู่ได้นะ ถ้าเจ้าตาย
ไป๋หวินเฟยมองดูหน้านางพญาหงพลางกำหมัดแน่น หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังลึกจนถึงกระดูก ถ้าอสูรแสนสวยนี้เป็นของเขาแต่เพียงคนเดียว อย่างนั้นเขาจะหวงแหนนางตลอดไป แต่ในเมื่อนางไม่ได้เป็นของๆ เขา ดังนั้นนางต้องตาย… ความรู้สึกที่เขามีในตอนนี้ทำให้ไป๋หวินเฟยคิดถึงเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก บิดาเขาพาเขาไปยังปราสาทแก้วทะเลตะวันออก แล้วเขาได้เห็นแจกันแก้วผลึกที่มีค่ามากที่นั่น เมื่อเขาคิดเรื่องที่ปราสาทแก้วทะเลตะวันออกปฏิเสธที่จะให้แจกันที่มีค่ากับเขา ทั้งหมดที่เขาทำก็คือลอบผลักแจกันที่มีค่านั้นจนตกลงกับพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการทำเช่นกัน
ไป๋หวินเฟยขบกราม ขณะที่รอยเส้นเลือดปรากฏอยู่ในตาเขาทำให้ตาเขาเหมือนเปล่งประกายสีแดง แสดงถึงความเกลียดชังออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ
“วี้ดดดดดดด!”
เสียงกรีดร้องแหลมชัดสั่นสะท้านวิญญาณของผู้ที่นั่งชมในสนามชิงแชมป์ คลื่นเสียงที่ถูกปล่อยออกมาโดยนางพญาหง กระจายออกมารอบๆ ตัวนางราวกับมีรูปลักษณ์ ทุกคนรู้สึกเหมือนกับจะหน้ามืด ผู้ชมที่มองดูจากที่ไกลรู้สึกเหมือนหูอื้อขณะที่คนที่อยู่ใกล้ๆ ถัดออกไปรู้สึกเหมือนถูกค้อนทุบที่ศีรษะ
คลื่นเสียงหวีดร้องที่น่ากลัวเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยง มันสามารถสั่นสะท้านวิญญาณคนได้โดยเฉพาะ
ในชั่วเศษเสี้ยวของวินาทีเมื่อผึ้งทองเพชฌฆาตกำลังจะใช้เหล็กในพิษต่อยใส่นางพญากระหายเลือด นางหายตัววับไปทันที ไปปรากฏตัวอีกครั้งที่ศีรษะของจ้าวมังกรทอง
แรงกดดันของจ้าวมังกรทองในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์มังกรและเป็นจ้าวอสูรไม่มีผลต่อนางแม้แต่น้อย นางพญาหงก็เป็นจ้าวอสูรด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางเป็นอสูรชั้นแพลตตินัม ดังนั้นแค่ระดับชั้นนางก็ชนะได้ทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าจ้าวมังกรทองเป็นอสูรทองระดับ 7 ไปแล้ว นางพญาหงก็คงใช้แรงกดดันของนางกดดันมันได้บ้าง เผ่าพันธุ์มังกรถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากสำหรับอสูรทั่วไป แต่สำหรับนางพญากระหายเลือดผู้มีปัญญา ความคงอยู่ของมันก็แค่เหมือนกับจิ้งเหลนตัวใหญ่ที่พ่นไฟได้เท่านั้น มันไม่ใช่ศัตรูที่น่ากลัว มันเป็นศัตรูที่ต้องถูกฆ่า
มีดทองฆ่ามังกรในมือนางพญาหงเป็นอาวุธพิฆาตที่เตรียมเอาไว้แค่จัดการอสูรอย่างจ้าวมังกรทอง
คลื่นเสียงที่นางพญาหงปล่อยต่อหน้าผึ้งทองเพชฌฆาตยังส่งมาถึงหัวของจ้าวมังกรทองในชั่วเสี้ยววินาทีอีกด้วย
เมื่อจ้าวมังกรทองหันหัวมาพ่นไฟใส่นางพญาหง มันกลายเป็นอัมพาตจากคลื่นเสียงของนางพญาหงไปแล้ว ในช่วงเวลานี้มีดทองฆ่ามังกรได้ฟันขวางใส่ดวงตาจ้าวมังกรทอง.. แม้ว่าจ้าวมังกรทองจะทนต่อคมหอกคมดาบ แต่ก็ไม่สามารถทนต่อความคมของมีดทองฆ่ามังกรได้ รอยแผลสดปรากฏอยู่บนนัยน์ตาของมัน
จ้าวมังกรทองมีปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณของมัน มันบิดตัวอย่างบ้าคลั่งเพื่อหลบหลีกการโจมตีดุเดือดของศัตรูของมัน ขณะเดียวกัน ปีกมังกรยักษ์ก็กวาดใส่ร่างบอบบางของนางพญาหงอย่างดุดัน
ปีกมังกรทรงพลังอย่างมาก ไม่มีใครช่วยใครได้ถ้าหากโดนมันฟาดใส่
แม้ว่ามันจะฟาดใส่ไม่ถูก แต่ปีกมังกรก็ยังสามารถสร้างแรงลมจนพัดศัตรูกระเด็นออกไปก็ได้
ปีกแพลตตินัมของนางพญาหงบนหลังนางพญาหงกางออกขณะที่นางบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและหลบปีกของจ้าวมังกรทองที่โจมตีเข้าใส่นาง จากนั้นนางบิดร่างกลางอากาศและบินไล่ตามมังกรทองที่กำลังบินเข้าหาเจ้านายของนาง นางใช้มีดในมือนางฟันไขว้เป็นรูปกากบาท เกล็ดมังกรที่มีความแข็งเหมือนโล่แตกกระจายเป็นชิ้น รอยแผลรูปกากบาทปรากฏอยู่บนคอของมังกร รอยหนึ่งจะลึกกว่าอีกรอย
เลือดมังกรหยอดกระเซ็นจากอากาศลงสู่พื้น
บนเวที ส่วนที่คอดกิ่วของผึ้งทองเพชฌฆาตตรงที่เชื่อมต่อหน้าอกกับท้องได้แยกออกจากกันทันที โดยอกของมันแยกออกมาจากส่วนท้อง
ท้องของมันยังคงพุ่งตรงเข้ามาจากแรงเหวี่ยงของความเร็ว แต่อกและหัวของมันยังลอยอยู่ในอากาศ
จ้าวมังกรทองที่อยู่ในอากาศปล่อยพลังลมรุนแรง ขณะที่มันกลับไปอยู่ข้างๆ ตัวของเจ้านายมัน
นางพญากระหายเลือดก็กลับมาข้างหลังเย่ว์หยาง โดยไม่ได้รับอันตรายแม้แต่เพียงขนปีก มีความรู้สึกเทิดทูนเจ้านายอยู่เต็มดวงหน้าที่งดงามและทรงเสน่ห์ของนาง ทำให้คนอื่นๆ รู้สึกอิจฉาแทบคลั่ง นางทั้งฉลาดและแข็งแกร่ง ได้รับการปฏิบัติและความรักจากเจ้านายของนางเหมือนกับเป็นราชินี ใครจะคิดกันว่าความจริงนางกลับนอบน้อมยำเกรงอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง คุกเข่าข้างหนึ่งแสดงความเคารพ
นี่…นี่ทำให้ทุกคนอยากจะกระอักเลือดเสียจริงๆ
ส่วนท้องของผึ้งทองเพชฌฆาตไม่อาจต่อยถูกเป้าหมายได้ มันตกลงอยู่ต่อหน้าคนคลุมหน้าลึกลับคนที่สอง
อสูรร่างมนุษย์ลึกลับตนที่สองที่ยังปกปิดตัวเองอยู่ภายใต้ผ้าคลุมก็เปิดเผยตัวทันทีเผยให้เห็นขาที่แทบจะเหมือนมนุษย์ แต่ใต้เข่าลงมาเป็นขาวัว ด้วยแรงย่ำเพียงครั้งเดียว ส่วนท้องของผึ้งทองเพชรฆาตก็กลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน…
บึ้ม!
แรงย่ำนั้นทำให้เกิดแรงสะเทือนไปทั้งเวที
คลื่นกระแทกที่มองไม่เห็นกระจายออกไปทั่วทั้งสนาม ผู้ชมที่นั่งอยู่ห่างออกไปร้อยเมตรรู้สึกเวียนหัวและคลื่นไส้
ผึ้งเพชฌฆาตนั้นพอสูญเสียท้องของมันไปก็ควบคุมตนเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง มันร้องขู่อย่างบ้าคลั่งและบินเข้าโจมตีใส่อสูรร่างมนุษย์ลึกลับผู้นั้น แต่ก่อนที่มันจะได้อ้าปากกัด ทันใดนั้นผู้ชมทุกคนสามารถเห็นได้ชัดว่าอสูรร่างมนุษย์ลึกลับนั้นที่อยู่ปิดบังตัวอยู่ภายในผ้าคลุมนั้น ได้พ่นเปลวไฟสีทองออกมาจากปากและจมูก
นัยน์ตาของอสูรร่างมนุษย์ลึกลับที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุมเปล่งประกายสว่างขึ้นทันที
แม้แต่พวกที่นั่งอยู่เบื้องหลังอสูรร่างมนุษย์ลึกลับยังรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ มีความรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาถูกทิ่มแทงหัวใจอย่างโหดอำมหิต
ผู้ชมที่มองเห็นแสงสว่างวาบขึ้นทุกคนเริ่มสั่นอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ มันเหมือนกับว่าเงาแห่งความตายปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
โชคดีที่เป้าหมายของการจ้องดูครั้งนี้คือผึ้งทองเพชรฆาตที่บ้าคลั่งควบคุมตนไม่ได้
ทั้งสนามถูกความเงียบปกคลุม
ตอนนี้ทุกคนสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
ความจริงผึ้งทองเพชฌฆาตตายในวินาทีต่อมา มันพยายามดิ้นรนกระพือปีกแล้วจากนั้นก็หยุดทันที และผึ้งทองเพชฌฆาตที่มีแต่หัวและอกก็ร่วงลงพื้นทันที ไป๋หวินเฟยไม่อาจยกเลิกการอัญเชิญได้ทันเวลา และในที่สุดผึ้งทองเพชฌฆาตก็ตาย
“สวรรค์ช่วย, นั่นมันเนตรประหาร! เป็นเนตรประหารของกระทิงป่า!” นักรบผู้คุ้นเคยกับความสามารถของสัตว์อสูรยังทำอะไรไม่ถูกได้แต่ตะโกนออกมา
เนตรประหาร ทันทีที่มันถูกปล่อยออกมา มันก็กลายเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
จะต้องมีการตายทันทีด้วยการจ้องดูเพียงครั้งเดียว
แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้ว มีเพียงอสูรที่อ่อนแอกว่าจะตายจากเนตรประหารของกระทิงป่า สำหรับอสูรระดับทอง แม้ว่าเนตรประหารจะถูกปล่อยออกไป บางทีมันอาจจะไม่ตาย บางทีวิญญาณของมันอาจแค่ได้รับบาดเจ็บ แต่มันจะไม่ถูกทำลาย แต่ตอนนี้กระทิงป่ามีร่างเกือบเหมือนมนุษย์ยังฆ่าผึ้งทองเพชรฆาต อสูรทองระดับ 5 ได้ด้วยหรือ?
“นี่มันเป็นไปไม่ได้..” หน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของไป๋หวินเฟยก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นเหมือนไร้ชีวิต
เขาไม่อาจจะเชื่อความจริงที่เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาเขาได้เลย จ้าวมังกรทองของเขาก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ขณะที่ผึ้งทองเพชฌฆาตของเขาถูกฆ่าทันที เรื่องอย่างนี้เป็นไปได้อย่างไร?
ไป๋หวินเฟยตะโกนเสียงดังลั่น “ไม่” ก่อนที่เย่ว์หยางและนางพญากระหายเลือดจะก้าวมาอีกก้าว ทันใดนั้นไป๋หวินเฟยเรียกคัมภีร์ทองและเรียกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาโดยไม่คำนึงอะไรอีกต่อไป ความต้องการของเขาก็คือเอาชนะศัตรูด้วยจำนวนอสูรที่มากกว่า… อสรพิษโลหะอสูรเงินระดับ 7, อินทรีสายฟ้าอสูรเงินระดับ 7 เสือดาวสายฟ้าตาม่วงอสูรเงินระดับ 6 และตะกวดศิลาอสูรทองแดงระดับ 8 ออกมาทีละตัวๆ
สุดท้ายไป๋หวินเฟยยังเรียกอสูรพิทักษ์สายเสริมพลัง อสูรทองระดับ 6 ก็คือมังกร(จีน)หางดำ และได้ผสานเข้ากับร่างของตนกลายเป็นเกราะมังกรเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้
“เจ้าพยายามจะท้าแข่งในเรื่องของจำนวนหรือ?” เสียงของเย่ว์หยางยังคงราบเรียบไม่มีใครเดาออกว่าน้ำเสียงเขาเยาะเย้ยหรือไม่ใส่ใจกันแน่
อย่างไรก็ตาม หลังจากเย่ว์หยางโบกมือ อสูรร่างมนุษย์ที่คลุมตัวลึกลับก็เผยให้เห็นศีรษะของเมดูซ่าที่เต็มไปด้วยงูซึ่งทั้งหมดนั้นมีเปลวไฟลุกไหม้
เมดูซาถือธนูทองอยู่ในมือตรงเข้ามาหาเย่ว์หยาง ในทำนองเดียวกัน นางโค้งคารวะเย่ว์หยางเหมือนกับที่นางพญากระหายเลือดทำ ผู้ชมปากอ้าตาค้างด้วยความประหลาดใจ ยังมีอสูรร่างมนุษย์ปกปิดตัวอยู่ในผ้าคลุมอีกตนหนึ่งหรือนี่?
และแล้วผู้ชมก็ล้มระเนระนาดกับพื้นอีกครั้ง
ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาเห็นนางเงือกผมทองงดงามปานจะล่มเมือง อยู่ในชุดคลุมกำลังเข้ามามือถือของประหลาดที่ดูคล้ายหอยสังข์
ยังมีอสูรซ่อนตัวอยู่ในผ้าคลุมอีกมากเท่าไหร่กันนี่? เมื่ออสูรตนที่สามนาคาสายฟ้าออกมาจากผ้าคลุม คราวนี้ผู้ชมทั้งหมดแทบจะกระอักเลือดทันที
นี่… มันจะเป็นการแข่งขันได้อย่างไร? นี่มันข่มเหงกันชัดๆ!
***************