เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 26 – นางพญาเฟ่ยเหวินหลี

===============
กายครึ่งล่างของโฉมสะคราญผมทองเป็นหางงูยาวประมาณ 2-3 เมตร ดูคล้ายหยกขาวงดงามจนไม่อาจบรรยายได้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังเป็นหางงูอยู่ดี

ถ้าเป็นขาของมนุษย์ เย่ว์หยางคงชอบยิ่งกว่า

แขนทั้ง 6 บนตัวนาง มีมากเกินไปหน่อย ถ้ามีแขนที่ขาวดุจหยกเพียงคู่เดียว นั่นคงจะสมบูรณ์แบบแน่นอน

เย่ว์หยางจ้องมองหางงูและแขนทั้ง 6 ของโฉมงามผมทอง ผ่านไปเนิ่นนาน เขาถึงได้มีอาการสนองตอบ เขาจับมือขาวดุจหยกของโฉมสะคราญผมทอง ถามด้วยรอยยิ้มเต็มหน้าว่า “เจ้าคือแม่นางไป๋ซู่เจิน นางพญางูขาวหรือเปล่า? ข้ามตามมาเพื่อพบเจ้า ข้าสวี่เซียนสามีเจ้าไงล่ะ”

“พูดเหลวไหลอะไรกัน? ข้าชื่อเฟ่ยเหวินหลี ช่วยเรียกข้านางพญางูผู้เลอโฉมที่สุดในโลกให้ถูกเสียด้วย” โฉมสะคราญผมทองยิ้มอย่างมั่นใจ

“ข้ายินดีที่ได้พบท่าน” เย่ว์หยางทึกทักต่อและพยายามแสดงออกว่าเป็นสุภาพบุรุษเต็มที่

“เจ้าต้องพิ่มคำว่า “ผู้เลอโฉมที่สุดในโลก” ต่อท้ายอีกหน่อยจะทำให้ข้าสุขใจยิ่งขึ้น ตอนนี้เรามาสนทนากันเถอะ มนุษย์หนุ่มน้อยผู้น่ารัก เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าทำลายผนึกหลุมดำได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าบรรลุขั้นปราณก่อกำเนิดขณะที่ยังเยาว์วัยนัก?” นางพญางูผมทองเฟ่ยเหวินหลีถามพลางกระพริบตากลมโตงดงามของนางอย่างสงสัย จับจ้องตาของเย่ว์หยาง

“เรื่องนี้ข้าไม่ได้ทำอะไร ข้าเป็นอัจฉริยะ” เย่ว์หยางยักไหล่อย่างไม่คำนึงถึงมารยาท แม้ว่าทั้งร่างเขาจะเปลือยเปล่า ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจ เนื่องจากอีกฝ่ายก็เปลือยเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองแต่ละฝ่ายก็ตรงไปตรงมา มันเป็นความรู้สึกที่ดีงาม

แน่นอน ถ้าเป็นไปได้ที่ผลักนางนอนลงหรือให้นางผลักเขานอนลง นั่นก็น่าจะดีกว่า

ปัญหาก็คือ เย่ว์หยางรู้กำลังของเขาดีพอที่จะรู้ว่าเขาไม่อาจเอาชนะมือของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแม้จะใช้แค่มือเดียวก็ตาม ดังนั้นเขายับยั้งความคิดท่าทีลามกของเขาเอาไว้

อัจฉริยะแน่นอน ไม่สิ จริงๆ แล้วเจ้าเป็นอัจฉริยะลามกคนหนึ่ง ข้าไม่เคยพบคนอย่างเจ้าในหมู่มนุษย์มาก่อนเลย ข้าถูกคุมขังหลับลึกมานานหนึ่งหมื่นปีแล้ว ข้าไม่สามารถออกมาจากฝันนิรันดรมานานหมื่นปีแล้ว แต่ก็ได้เลือดเจ้ามาปลุกข้าทันที..ไม่ว่าเป็นชีวิตแบบไหนที่ผ่านเข้ามา ผนึกหลุมดำนี้จะบดขยี้ทุกอย่างจนเป็นผุยผง ข้าพยายามทุกวิธีที่ทำได้ แต่ทำได้แค่เพียงสร้างความมั่นใจว่าวิญญาณข้าจะไม่สลายไป ร่างเนื้อข้าถูกหลุมดำกลืนกินไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม เด็กมนุษย์ตัวเล็ก กลับมายืนหยัดอยู่ต่อหน้าข้าในสภาพสมบูรณ์ โดยไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าทำได้อย่างไร บางทีเจ้าคงมีทักษะคืนชีพโดยอัตโนมัติเป็นทักษะธรรมชาติก็ได้ นอกจากนี้ เจ้ายังมีความสามารถต้านทานการดูดกลืนของหลุมดำได้ ที่น่าอัศจรรย์กว่าอะไรอื่นทั้งหมด ข้าไม่เคยพบผู้เยาว์ที่เป็นนักสู้ชั้นปราณก่อกำเนิดมาก่อน ถ้าเป็นในโลกเวทมนต์ที่ไม่มีที่สุดนี้ ข้าพูดได้เลยว่าข้าเป็นที่ 2 ไม่มีใครกล้าอ้างว่าเป็นอันดับที่ 1 แม้เป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังใช้เวลา 50 ปีเพื่อเตรียมตัวเองก่อนเริ่มปลูกฝังขั้นปราณก่อกำเนิด การบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด ทำให้ข้าต้องใช้เวลามากกว่า 100 ปี อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชีวิตของเจ้าเรืองรองขึ้นมา เจ้ายังคงเป็นเด็กมนุษย์หนุ่ม ข้าหาเหตุผลไม่เจอ….”

พอได้ยินเช่นนี้ เย่ว์หยางก้มหน้าลง ไม่ใช่เป็นเพราะฟังคำยกย่องของนาง แต่ว่าเป็นเหตุผลอื่น

ยกตัวอย่างเช่น นอนหลับมานานหมื่นปีหรือ?

ตอนนี้ดูเหมือนเมื่อนางพูดว่าหนึ่งหมื่นปี แต่เวลานั้นเขายังคงมึนเล็กน้อย จึงได้ยินไม่ถนัด

ตอนนี้ เย่ว์หยางได้ยินนางอย่างชัดเจนจริงจังมาก

นางพญาอายุเท่าไหร่แล้ว?

“เมื่อกี๊นี้ท่านบอกว่าร่างของท่านถูกหลุมดำกลืนไปจนไม่เหลือแล้วใช่ไหม?” เย่ว์หยางตั้งใจจับใจความสำคัญของเรื่องนี้ให้ได้เพียงพอ นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้นี้ยืนอยู่ต่อหน้าเขาผู้เปลือยเปล่า ร่างของนางสีขาวดุจหยกตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า นางบอกว่าไม่มีร่างเหลืออยู่แล้วได้อย่างไร?

“สิ่งที่เจ้าเห็นก็คือร่างเสมือนจริง แม้ว่าข้าจะหลับมาเป็นหมื่นปี ร่างข้าก็ยังคืนมาได้ไม่ถึงครึ่ง”

ใบหน้านางพญาเฟ่ยเหวินหลีเศร้าลงทันทีที่ได้ยินคำถามเขา

เย่ว์หยางยื่นมือเขาออกมาทันที และรู้สึกเหมือนกับว่ามันผ่านมวลของน้ำ นิ้วมือของเขาผ่านร่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไปอย่างไม่ติดขัด อย่างที่คาดไว้ ไม่ใช่ร่างเนื้อของนาง แต่ก็ไม่ใช่เงา นางพญาเฟ่ยเหวินหลีขยับมือมายกตัวเย่ว์หยางขึ้น ขณะที่นัยตางดงามจ้องมองที่เขา “หน้าโง่! อย่าแตะต้องตัวผู้หญิงตามใจตัวเองสิ ไม่ต้องพูดถึงว่าข้าคือนางพญา เจ้าไม่ควรทำอย่างนี้แม้กับเด็กผู้หญิงธรรมดาด้วย”

เขาหัวเราะ และยื่นแขนเขาออกมาจับแขนนาง เขาตระหนักได้ว่ามือนางมีมวลมากกว่าร่างกายนาง รู้สึกเหมือนได้สัมผัสปุยฝ้าย

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหลบก่อนที่เขาจะเอื้อมมือมาสัมผัสหน้านาง “อย่าเสียมารยาท คอข้าและส่วนที่เหนือขึ้นไปก็เหมือนของเจ้า ยังมีเลือดมีเนื้อ เจ้าต้องบ้าไปแน่ๆ ไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าแล้วชิงเอาร่างกายเจ้าหลบหนีไปจากผนึกหลุมดำหรือ?”

เมื่อเย่ว์หยางได้ฟังดังนั้น เขาหัวเราะ

เสียงหัวเราะของเขาแจ่มใสเหลือเกิน

“ถ้าข้ากลัว ท่านยังจะละเว้นไม่ฆ่าข้าหรือ?” เย่ว์หยางคิดว่าความรู้สึกกลัว ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ แม้ว่านางต้องการฆ่าเขาจริงๆ ไม่จำเป็นต้องพูดเกินจำเป็นเลย นางสามารถฆ่าเขาได้ทันที ตั้งแต่ในตอนแรกที่เขาเพิ่งเข้ามา ทำไมนางต้องมาถามเขาด้วยว่ากลัวหรือไม่? ที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากเย่ว์หยางสงบใจลงได้ มีความรู้สึกแปลกในหัวใจเขา นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไร้อันตรายโดยสิ้นเชิง เขามั่นใจว่านางจะไม่ทำอันตรายเขา

ความรู้สึกเช่นนั้นแปลกประหลาดอย่างมาก

เย่ว์หยางไม่สามารถอธิบายได้ แต่ในใจเขา เขารู้ว่านางดูเหมือนจะใกล้ชิดกว่าญาติดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีวางเย่ว์หยางลงอย่างนุ่มนวล แล้วเอากำปั้นเขกศีรษะเขาเบาๆ “ข้ายังคงต้องการฆ่าเจ้า แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเราลงชื่อทำสัญญาวิญญาณโลหิตกันแล้ว.. หนุ่มน้อยผู้ประหลาด เส้นเลือดเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? เลือดของเจ้าปลุกข้าจากฝันนิรันดร์ได้อย่างไร? เลือดของเจ้ารุกล้ำวิญญาณข้าและบังคับให้ทำสัญญาวิญญาณโลหิตได้อย่างไร? ข้าไม่มีทางเข้าใจจริงๆ ภายใน 3 โลก มีคนแปลกอย่างเจ้าคงอยู่ได้อย่างไร? สหายน้อย! เจ้าเป็นมนุษย์จริงๆ หรือเปล่า?”

“สัญญาวิญญาณโลหิตคืออะไรกันแน่?” เย่ว์หยางไม่มีความรู้ด้านนี้ นี่เป็นสิ่งที่คัมภีร์ทองแดงไม่ได้บอกเขาไว้ มันเป็นความรู้ใหม่

“เป็นสัญญาประเภทที่เทพเท่านั้นที่ทำได้ แต่เจ้าเป็นมนุษย์ชัดๆ ฉะนั้นเจ้าอธิบายเรื่องนั้นสักหน่อยได้ไหม?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถามด้วยสีหน้าสงสัย

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…” เย่ว์หยางสั่นศีรษะ

หลังจากเที่ยวมายังมิตินี้ มีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นกับเขาหลายอย่าง เขายังคงไม่เข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่รำคาญที่จะอยู่อย่างนี้

ตราบใดที่ไม่มีอะไรแย่ อย่างนั้นก็ดีแล้ว

สีหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีสลดลงเล็กน้อย “ข้าลงชื่อทำสัญญาวิญญาณโลหิตกับมนุษย์คนหนึ่งไปได้ยังไงกันนี่? ถ้าเจ้าตาย ข้าก็จะตายด้วย นี่ช่างน่าสมเพทจริงๆ”

“ข้าใจกว้างดุจท้องฟ้า ข้าไม่รังเกียจหรอกที่จะมีนางพญาผู้เลอโฉมจะมาคลุกคลีปกป้องข้า” เย่ว์หยางพูดแบบนี้เพื่อลองใจนางพญางู เพื่อดูว่านางสามารถไปจากผนึกหลุมดำได้หรือไม่ ตอนนี้เขามีพลังความเข้มแข็งไม่พอ แม้ว่านางจะไม่ทำร้ายเขา แต่การปล่อยให้นางพญาผู้แข็งแกร่งอยู่ข้างๆ นางอาจจะข่มเขาได้ และทำให้เขาจิตใจหนักอึ้ง นอกจากจะผลักเขาตกเตียง เย่ว์หยางมีความภูมิใจของลูกผู้ชายอยู่ และเขาคงไม่ยอมให้สตรีที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่ข้างตัวเขาทั้งวัน ความเป็นชายของเขาคงทนรับความอดสูเช่นนี้ไม่ได้

“บางทีข้าคงไม่อาจออกไปได้ตลอดกาล… ไม่มีร่างเนื้อจริงๆแล้ว ไม่มีทางออกจากผนึกหลุมดำได้ แม้เจ้าถูกศัตรูแข็งแกร่งฆ่า ข้าคงได้แต่เพียงยอมรับความตายอย่างช่วยไม่ได้…” ใบหน้าของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีแสดงออกว่าเสียใจจนแทบทำให้ผู้เห็นใจแตกสลายได้

เมื่อเย่ว์หยางได้ยินดังนั้น เขาแอบสบายใจเงียบๆ

ดีแล้วที่นางหลุดออกไปจากผนึกไม่ได้

“อย่าห่วง ข้าจะปกป้องตัวเองให้ดี และข้าจะปกป้องเจ้าไปในเวลาเดียวกัน เจ้ามีเครื่องมืออะไรที่ใช้ได้หรือของทำนองนั้นบ้างไหม? ให้ข้ายืมใช้สักหน่อยได้ไหม?” เย่ว์หยางถาม คุยโตจนออกนอกหน้า

************************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset