===============
“ถ้าท่านต้องการเชิญเราไปวังสายรุ้ง ท่านต้องพิสูจน์ความสามารถของท่านต่อพวกเรา” เย่ว์หยางตัดสินใจสู้กับศัตรู แต่เขาก็ยังคงพูดถึงเงื่อนไขอื่น “เมื่อนักสู้แข็งแกร่งสู้กัน ผลกระทบจากการปะทะกันอาจทำร้ายชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้ ข้าแค่ขอให้ท่านปล่อยผู้ชมออกไปก่อน ในเมื่อท่านบอกว่ามีธุระกับพวกเราสิบคน แล้วเราก็มารวมตัวอยู่ต่อหน้าท่านแล้วในตอนนี้”
“ไม่มีปัญหา” อสูรคะนองตาทองที่แปลงร่างเป็นบุรุษวัยกลางคนเห็นพ้องด้วยในที่สุด “เราแค่เชิญแขกผู้มีเกียรติของเราเท่านั้น เราไม่สนใจมนุษย์คนอื่นอยู่แล้ว พวกเขามีเสรีที่จะจากไปก็ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคนในหมู่พวกเขาสนใจจะอยู่ดูการแข่งขัน เราก็จะไม่ห้ามพวกเขา มันเป็นทางเลือกของพวกเขา ถ้ามีใครในหมู่พวกเขาต้องการจะตามเราไปวังสายรุ้งเพื่อพบกับจักรพรรดิของเรา เราจะยินดีมาก”
คนจำนวนมากถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของคนวัยกลางคน
เป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าพวกเขาสามารถจากไปได้
ใครอยากจะอยู่ที่นี่กัน?
พวกที่ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวที่นี่เหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการจากไปยิ่งเร็วยิ่งดี
อย่างไรก็ตาม คนอย่างเย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ กลับตรงกันข้ามไม่ยินยอมจากไป พวกเขาหวังว่าพวกเขาสามารถอยู่ต่อได้ ปรารถนาว่าพวกเขาสามารถช่วยเย่ว์หยางสักเล็กน้อยก็ยังดี
การหลบหนีเอาตัวรอดและปล่อยให้เย่ว์หยางสู้ตามลำพังไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาทนได้
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเข้าใจความคิดพวกเขาแน่นอน แต่เขาต้องทำเป็นระบายความโกรธใส่เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นขณะที่เขาเอาผ้าคลุมเย่ว์ปิงปิดบังตัวนางไว้และกระซิบออกคำสั่ง “ทุกคน จงออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ นี่คือโอกาสหลบหนีที่เย่ว์หยางจัดการให้พวกเราด้วยความยากลำบาก! เย่คง, เจ้าอ้วนไห่ เจ้าทั้งสองคนนำทาง บางทีอาจมีคนหักหลังหรือศัตรูชาวทวีปมังกรทะยานพยายามจะฆ่าเราในระหว่างทาง ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ เจ้าต้องนำหน้าเบิกทางให้คนที่เหลือ.. ทุกคนต้องระวังตัวด้วย ทันทีที่เราออกไปจากพื้นที่ที่ผนึกมิติไว้นี้ พวกเจ้าต้องใช้ม้วนเทเลพอร์ตทันทีและเทเลพอร์ตไปยังที่ปลอดภัยที่สุดและซ่อนตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก!”
เย่ว์ปิงยังไม่ต้องการจะจากไป แต่นางรู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญมากที่นางควรจะจากไป
ถ้านางไม่จากไป พี่ชายนางจะไม่อาจมีสมาธิอยู่กับการต่อสู้ได้เลย
เนื่องจากพี่ชายนางเอาใจนาง จนนางค่อยๆ กลับไปมีบุคลิกของเด็กผู้หญิงแต่เดิมก่อนหน้านั้น ร้องไห้และหัวเราะง่าย นางไม่ใช่คนปิดกั้นจิตใจเหมือนกับที่ผ่านมาก่อนนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่านางจะอ่อนแอ
เมื่อนางเผชิญสถานการณ์วิกฤติ จิตวิญญาณนักสู้ที่กล้าแข็งยืนกรานของนางก็จะกลับมาปรากฏจากใจนางทันที
นางมองพี่ชายนางอย่างมีความหมาย จากนั้นปาดน้ำตาและฉุดดึงอี้หนานและเย่ว์หวี่ไปจากสนามแข่งขัน
อี้หนานและเย่ว์หวี่ยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอ ตอนนี้พี่ชายนางไม่สามารถดูแลพวกนางได้เต็มที่ ดังนั้นถึงคราวนางต้องปกป้องพวกเขา เย่ว์ปิงไม่ได้มองหาเจ้าเมืองโล่วฮัว นางรู้ว่าพี่โล่วฮัวจะไม่จากไปแน่นอน ถ้าไม่มีโอกาสหลบหนี พี่โล่วฮัวจะอยู่ปกป้องทุกคน อย่างไรก็ตาม ถ้ามีโอกาสหลบหนีนางก็ยังจะอยู่ต่อ เพราะนางต้องการต่อสู้เคียงข้างพี่ชายนาง
แสงอุษาของพี่โล่วฮัวหลังจากผ่านการฝึกผสานร่างแล้วเป็นหนึ่งในอาวุธลับของพี่ชายนาง
“ข้าเกลียดที่ต้องเป็นแบบนี้จริงๆ ทั้งที่ข้าเป็นลูกพี่แท้ๆ แต่ข้าก็ยังหลบหนีปล่อยให้รุ่นน้องข้าสู้ตามลำพัง แล้วข้าจะสู้หน้าคนอื่นได้อย่างไร ก็ลูกพี่เป็นเสียอย่างนี้!” นัยน์ตาของเจ้าอ้วนไห่แดงเหมือนหมาป่าขณะที่เขาวิ่งไปข้างหน้า เขาพร้อมจะเผชิญกับเรื่องใดๆ ก็ได้ที่อาจเกิดขึ้น เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ยังคงตามมาติดๆ เพื่อเบิกทางข้างหน้าให้คนอื่น
ถ้าเย่ว์ปิง, อี้หนาน, เย่ว์หวี่และคนอื่นๆ ไม่อยู่ที่นั่น เจ้าอ้วนไห่, เย่คงและคนอื่นๆ จะไม่ยอมจากมาแน่ ต่อเขาพวกเขาอยู่ในอาการปางตายก็ตาม
แต่ตอนนี้ พวกเขาต้องออกไปเพื่อปกป้องผู้หญิง จนกว่าจะถึงสถานที่ปลอดภัย
สนามกีฬาทั้งหมดตกอยู่ในความวุ่นวาย ถ้าพวกเขายินยอมให้ไปจากที่นี้ ก็ย่อมไม่มีผู้ใดต้องการอยู่แน่นอน
มีบางคนเรียกอสูรบินของเขาออกมาแล้วขี่จากไป ส่วนพวกที่บินไม่ได้ก็วิ่งไปที่ประตูทางออก พวกทหารรับจ้างตื่นตระหนกและหวาดกลัว แต่พวกนักเรียนกลับตรงกันข้าม พวกเขายังคงสงบและเชื่อฟังมากกว่า พวกเขาฟังครูของตนและคำสั่งของกรรมการ พวกเขารีบจับกลุ่มกันแล้วออกไปจากสถานที่อย่างเป็นระเบียบ
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ามองดูเย่ว์หยางและทำมือส่งสัญญาณว่าไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นเขาก็วิ่งไปอยู่ข้างเย่ว์ปิงและคนอื่นเพื่อคุ้มกันพวกเขา
คนผู้ต้องการอยู่ต่อมากที่สุดก็คือเขา แต่เขาไม่อาจปล่อยให้นักเรียนหลายคนจากไปโดยไม่มีนักสู้แข็งแกร่งคอยคุ้มครอง จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีศัตรูลอบซุ่มทำร้าย
ความจริงมีคนอยู่ต่อค่อนข้างน้อย
บางพวกเป็นทหารรับจ้างที่ห้าวมากกว่าคนอื่นๆ บางพวกเป็นศิษย์นิกายต่างๆ เช่นศิษย์ของนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตกและนักเรียนของสถาบันหมาป่าเทา ไม่มีองค์ชายสือจิน พวกเขาไม่สามารถจากไปได้ มิฉะนั้น การกลับไปอาณาจักรสือจินก็หมายถึงตาย บรรดาพวกที่รั้งอยู่เหล่านี้ มีบางส่วนที่เป็นฝ่ายจัดงานแข่งขัน พวกเขาทั้งหมดเพียงครอบครองอสูรรูปแบบพิเศษ ดังนั้นพวกเขาจึงมีพลังต่อสู้ไม่มาก อย่างไรก็ตาม พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการรักษาและฟื้นฟู ดังนั้นพวกเขาจึงรั้งอยู่ด้วยความหวังว่าจะช่วยเย่ว์หยางและคนอื่นๆ เมื่อพวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
ยังคงมีวีรสตรีทวนมังกร, เจ้าเมืองโล่วฮัวและนักรบผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ แอบรออยู่ด้านนอกเวทีต่อสู้ เกร็งพลังรอไว้เพื่อช่วยเย่ว์หยางและคนอื่นๆ เมื่อใดก็ได้
สุดท้ายก็ยังมีไป๋หวินเฟยผู้ซ่อนตัวอยู่ภายในที่นั่งชมส่วนตัว ไม่ยอมเปิดเผยตัวแม้แต่น้อย
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่จากไปและถือโอกาสหลบหนี แต่กลับรั้งอยู่แทน
จากภายในใจกลางลำแสงสีดำที่เชื่อมกับกลางวงเวทอักษรรูน บุรุษตัวใหญ่คนหนึ่งมีปีกลายพยัคฆ์อยู่ข้างหลังกำลังกระพือปีก
เขาตะโกนมาทางอสูรคะนองตาทองที่แปลงตัวเป็นบุรุษวัยกลางคน “จินจิง เจ้าช้าเกินไปแล้ว พาเป้าหมายเหล่านั้นไปจากที่นี่ทันที เราต้องเสียสละหัวอสูรถึงพันหัวเพื่อรักษาทางผ่านนี้ ดังนั้นท่านจะล่าช้าไม่ได้ พี่น้องอสูรหมีและเหมยฮัว จับคนพวกนั้นทันที ตราบใดที่เจ้าไม่ฆ่าพวกเขาและละเมิดข้อตกลงของเรา เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรทั้งนั้น ปฏิบัติเดี๋ยวนี้!
สีหน้าของอสูรคะนองตาทองเปลี่ยนไปทันที เมื่อเขาเห็นผู้มาเยือนอีกคนหนึ่ง เขาประสานมือคารวะเขาด้วยความนับถือ “ขอคารวะท่านทูตพยัคฆ์บิน เนื่องจากท่านพูดแบบนั้น จินจิงขอมอบความไว้วางใจทุกอย่างให้ท่านพยัคฆ์บินตัดสินใจ จินจิงขอตัว”
เช่นเดียวกับทูตพยัคฆ์บิน บุรุษวัยกลางคนบินเข้าไปในใจกลางวงเวทอักขระรูนและหายไป
ก่อนที่เขาจะจากไป ดูเหมือนเขาชำเลืองมองดูเย่ว์หยางทันที
พอได้ยินคำพูดของทูตพยัคฆ์บินแล้ว บุรุษชุดดำทั้งสองคนและบุรุษชุดแดงทั้งวิ่งเข้าไปราวสายฟ้า เหยียนพั่วจวิน เฟิงชิซาและคนอื่นๆ เตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาเรียกคัมภีร์ออกมาแทบจะพร้อมกัน พวกเขาป้องกันการโจมตีของคนทั้งสี่ได้ทันเวลา ในกลางอากาศ ทูตพยัคฆ์บินสร้างลูกบอลแสงไว้ในมือขณะที่เขาตะโกนมาทางเย่ว์หยาง หยุดต่อต้านแล้วยอมตามแต่โดยดี ถ้าพวกเจ้าหยุดต่อต้านและยอมออกไปพร้อมกับเรา เราอาจปล่อยให้พวกเจ้าเก็บพลังต่อสู้ไว้ต่อไป มิฉะนั้นถ้าพวกเจ้าต่อต้าน ข้าจะไม่รักษามารยาทเมื่อจับพวกเจ้าได้ภายหลัง… คิดดูให้ดี ข้าไม่เหมือนกับจินจิงที่ชอบคุยด้วยมารยาท ข้าคือพยัคฆ์บิน จะใช้พลังรุนแรงกับพวกที่ไม่อนุโลมตาม”
“….” เย่ว์หยางตระหนักว่าทูตพยัคฆ์บินนี้มีพลังแข็งแกร่งกว่าอสูรคะนองตาทองมาก อย่างไรก็ตาม พิจารณาจากปัญญาและศักยภาพต่อสู้ ก็พอตัดสินได้ว่าจินจิงน่ากลัวกว่า
เมื่อเย่ว์หยางเห็นว่าจินจิงจากไปและทูตพยัคฆ์บินเตรียมเข้าโจมตี เขาไม่สามารถถ่วงเวลาต่อสู้ได้อีกต่อไป
ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถรอองครักษ์พิทักษ์ฟ้าจากอาณาจักรต่างๆ เดินทางมาถึง
บางทีองครักษ์พิทักษ์ฟ้ากำลังสู้อยู่ ดังนั้นพวกนั้นคงวุ่นเกินกว่าจะมาที่นี่ได้
โชคดีที่เย่ว์ปิงและคนอื่นๆ ออกไปจากที่นี้แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะยังไปได้ไม่ไกล แต่ถ้าเย่ว์หยางและคนอื่นสู้ในตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้
“ฟังให้ดี, ข้าจะนับถึงสิบ ถ้าพวกเจ้ายังคงซ่อนตัวอยู่หลังโล่ป้องกัน ข้าจะปล่อยคลื่นระเบิดพยัคฆ์ ทุกๆ สิบวินาทีจะปล่อยใส่เจ้าพวกที่พยายามจะหลบหนี ข้ารับรองได้เลยว่าพวกสหายและเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเจ้ายังไปได้ไม่ไกล พวกเขาจะตายอย่างสยดสยอง หนึ่ง สอง สาม…” ทูตพยัคฆ์บินชูบอลแสงขึ้นในอากาศ หากเขาปล่อยออกไปเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดคนที่อยู่ข้างนอกจะต้องบาดเจ็บแน่นอน
“เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคน มาสู้ด้วยพลังที่เรามีทั้งหมดเถอะ” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่สามารถถ่วงเวลาได้อีกต่อไป เขาเป็นคนแรกที่เรียกคัมภีร์ออกมาและเริ่มเปลี่ยนสภาพตั๊กแตนมรณะให้กลายเป็นเกราะ เขาเปลี่ยนมันเป็นเกราะตั๊กแตนมรณะที่ไม่ธรรมดา น่าเสียดายที่ว่าเขายังเรียนรู้การแปลงเกราะได้ไม่มากนัก จึงยังไม่สามารถใช้พลังที่หญิงงามอมโรคอู๋เหินสอนไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ตั๊กแตนมรณะยังไม่ถือว่าเป็นอสูรเกราะที่ดีในเวลาอย่างนี้ เย่ว์หยางดึงพลังมันมาใช้ได้แค่สามในสิบส่วนในการแปลงเป็นเกราะครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นแค่นั้นก็ยังทำให้ทูตพยัคฆ์บินขมวดคิ้วได้
ทูตพยัคฆ์บินชี้มาที่เย่ว์หยางและตะโกนบอกพี่น้องหมีดำ “ปล่อยเจ้าเด็กนี่ไว้ให้ข้า ไปจัดการคนอื่นๆ เร็วเข้า เรามีเวลาไม่มาก!”
เหยียนพั่วจวิน, เฟิงชิซา, ทูตมังกรชังหลันวี่และตัวแทนไป๋หวินเฟยทุกคนเริ่มเรียกอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาและเริ่มโจมตีอสูรหมีคนพี่ พวกเขารู้สึกว่ามีโอกาสมากที่สุดที่จะชนะได้ในการต่อสู้สี่ต่อหนึ่ง
เสวี่ยทันหลางสู้กับอสูรหมีคนน้องตามลำพัง
เขารู้ว่าเขายังไม่สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เองตามลำพัง แต่เขาทำอย่างนั้นเพื่อลดแรงกดดันให้กับสหายของเขา
อีกคนหนึ่งที่มีความคิดเหมือนกับเขาก็คือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน นางสู้กับเหมยฮัวคนพี่ของพี่น้องเหมยฮัว เพื่อให้โอกาสหญิงงามลึกลับกับหญิงงามอมโรคสู้กับเหมยฮัวคนน้องสองต่อหนึ่ง วีรสตรีทวนมังกรและเจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงรวบรวมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ เตรียมพร้อมช่วยเหลือทุกเมื่อ สิ่งที่แปลกก็คือไป๋หวินเฟยยังซ่อนตัวอยู่จุดนั่งชมส่วนบุคคลกลับซ่อนตัวแทนที่จะปรากฏตัวโดยไม่ได้ทำอะไร
นางพญากระหายเลือดหงยังคงตามหลังเย่ว์หยางไม่ห่าง นางเหินบินพร้อมกับเย่ว์หยางขณะที่พวกเขาบินเข้าหาทูตพยัคฆ์บิน
การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่เปิดฉากแรงระเบิดจากคลื่นเสียงของนาง
ชาวเผ่าปีศาจบูรพาไม่มีอสูรอัญเชิญ คงเป็นเพราะลักษณะของพวกเขาก็เหมือนกับอสูรอัญเชิญอยู่แล้ว เมื่อคลื่นเสียงระเบิดยิงใส่เข้ามา ทูตพยัคฆ์บินแยกร่างตนเองเป็นสองร่าง ร่างหนึ่งกลั่นคลื่นระเบิดพยัคฆ์เป็นลูกบอลแล้วยิงใส่เย่ว์หยางอย่างอำมหิต อีกร่างหนึ่งเคลื่อนไหวไวกว่าแสงเป็นร้อยเท่าพุ่งเข้าหาอสูรหมีดำผู้กำลังต่อสู้กับเหยียนพั่วจวินและอีกสามคน
สองมือของเขากลั่นบอลแสงหัวพยัคฆ์ขึ้นมาสองลูกแล้วแยกย้ายยิงใส่หลังของเฟิงชิซาและเหยียนพั่วจวิน
ทูตมังกรชังหลันวี่เพิ่งจะหมุนตัวได้เมื่อเขาเห็นทูตพยัคฆ์ปล่อยคลื่นรูปพยัคฆ์ออกมาจากปากของเขาและมันระเบิดใส่หน้าของชังหลันวี่
อีกด้านหนึ่ง หมัดของอสูรหมีชุดดำผู้พี่อยู่ห่างจากตัวแทนของไป๋หวินเฟยเพียงหนึ่งเมตร.. แต่ตัวแทนของไป๋หวินเฟยหลบได้แล้วต่อยหมัดใส่หน้าอกของหมีดำผู้พี่ แต่ว่าเขาถูกดันถอยไปเพียงสองก้าวเท่านั้น ไม่มีผลตามมาอย่างอื่น ตัวแทนของไป๋หวินเฟยแปลกใจที่พบว่าเฟิงชิซาและคนอื่นๆ อีกสองคนไม่ช่วยเขาโจมตีใส่บุรุษชุดดำ ที่ด้านหลังของเขา มีหมัดที่กำลังพุ่งหาเขาเร็วราวกับดาวตกปรากฏอยู่ ตัวแทนไป๋หวินเฟยตกใจอย่างหนักกระโดดขึ้นในอากาศทันทีพยายามหลบการโจมตี
“นักสู้ชาวมนุษย์ระดับ 8 ไม่เลวเลย… แต่น่าเสียดายที่เจ้าพบกับข้า พยัคฆ์บิน!” ร่างของพยัคฆ์บินหายวับทันที
จากนั้นก็มาปรากฏอยู่ด้านบนของตัวแทนไป๋หวินเฟยที่เพิ่งกระโจนขึ้นมาในอากาศ
เขากางนิ้วทั้งห้าพลางกระแทกฝ่ามือที่ไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ใส่ศีรษะของตัวแทนไป๋หวินเฟย
เกิดพลังคลื่นกระแทกที่น่ากลัว พลังโจมตีนั้นก่อให้เกิดลำแสงกระแทกใส่ตัวแทนไป๋หวินเฟยจนร่วงลงมาปะทะกับพื้นและจมลงไปในพื้นเวที
ขณะที่ตัวแทนไป๋หวินเฟยพยายามคลานออกมาด้วยความเจ็บปวด หนึ่งในร่างพยัคฆ์บินเงื้อมือขนาดใหญ่ของเขาและกลั่นคลื่นระเบิดพยัคฆ์อีกลูกหนึ่งเตรียมกระแทกใส่ตัวแทนของไป๋หวินเฟย…
นัยน์ตาของตัวแทนไป๋หวินเฟยเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและหวาดผวา.
**************