ตอนที่ 278 – ตอนที่ 258 ใครอยากตายเป็นคนต่อไป?
===============
หมาไม้ (มาร์เทิน) ม่วงสายฟ้าตัวน้อยปรากฏตัวอยู่ด้านข้างหญิงเปลือยริมฝีปากม่วงทันที
เมื่อมันมองเห็นจิ้งจอกหิมะสามหางของเจ้าเมืองโล่วฮัว มันขู่ฟ่อเสียงแหลมดัง
หมาไม้สายฟ้ามองดูขณะที่มันยิงกระแสไฟฟ้าออกจากตาสีม่วงของมัน รังสีสังหารปะทุออกมาจากตัวของมัน เหมือนกับว่ามันมีความเกลียดชังฝังลึกกับจิ้งจอกหิมะสามหาง
จิ้งจอกหิมะสามหางมีสติปัญญาเหนือกว่าหมาไม้สายฟ้ามากมายนัก สัญญาณเตือนรังสีฆ่าฟันก็ปรากฏอยู่ในนัยน์ตาของจิ้งจอกหิมะสามหางเช่นกัน มันค่อนข้างเข้าใจว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสถานการณ์เบื้องหน้ามัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้เริ่มต้นโจมตี มันรอคอยอยู่เคียงข้างเจ้านายของมันแทน รอเวลาที่เหมาะสม หมาไม้สายฟ้าแยกเขี้ยวอวดฟันคมและยังคำรามอย่างไม่ลดละ ขนของมันตั้งชันเหมือนกับว่าจะท้าทายให้จิ้งจอกหิมะสามหางเข้ามาสู้และยังคงขู่ต่อไม่หยุด
จิ้งจอกหิมะสามหางที่เพิ่งจะฆ่าจิ้งจอกกระต่ายและงูเขียวได้สำเร็จแสดงแววตาคล้ายกับที่มนุษย์มี
ถ้าใครบางคนสังเกตดูแววตาของมันให้ดี ก็จะพบว่ามันเยาะเย้ยคู่ต่อสู้ของมันอย่างเงียบๆ
เทียบกับศัตรูของมัน จิ้งจอกหิมะสามหางเหมือนมนุษย์มากกว่าสัตว์อสูร ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาหรือความรู้สึก
กลยุทธข่มขู่ของสัตว์อสูรทุกชนิดไม่ส่งผลต่อเจ้านายของมัน หญิงสาวร่างเปลือยริมปรารถนาจะฉีกเย่ว์หยางให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วกลืนกินให้หมดทั้งตัว นางไม่รีบร้อนใส่เสื้อผ้า แต่กลับปล่อยพลังปราณอย่างต่อเนื่อง ร่างของนางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูและปล่อยกลิ่นประหลาดออกมาด้วย
มันคือกลิ่นที่ทำให้ใครก็ตามที่สูดดมจะหมดพลังและอ่อนแอ
เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงจ้องดูหญิงสาวริมฝีปากม่วง แสงอุษาในมือของนางสะสมพลังจนอยู่ในระดับสูงสุด อย่างไรก็ตาม นางยังคงพยายามเติมพลังลงไปในแสงอุษาของนางอย่างต่อเนื่อง
เป็นเวลานานก่อนที่นางจะได้ฝึกทักษะผสานร่างกับเย่ว์หยาง เย่ว์หยางชี้ให้เห็นว่าพลังแสงอุษาของนางความจริงยังใช้ได้ไม่เต็มศักยภาพของมัน ความจริงเช่นนี้สร้างความตกใจให้กับเจ้าเมืองโล่วฮัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเย่ว์หยางบอกนางว่าแสงอุษาเกลียวจะสร้างความเสียหายได้มากกว่าแสงอุษาที่ยิงแนวตรง เจ้าเมืองโล่วฮัวสงสัยเต็มเปี่ยมว่าแสงอุษาวิถีตรงของนางสามารถโค้งงอได้หรือ อย่าว่าแต่ทำให้มันหมุนเลย อย่างไรก็ตาม ความเป็นไปไม่ได้นี้เริ่มจะกลายเป็นไปได้เมื่อนางฝึกทักษะผสานร่างกับเย่ว์หยาง เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นอยู่หลายครั้งว่าเย่ว์หยางสามารถบิดโค้งแสงอุษาได้และทำให้มันหมุนวนก่อนจะเพิ่มมันให้กับแสงอุษาของนาง พลังโจมตีร่วมประสานนี้มีพลังทะลุทะลวงมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า
แสงอุษานี้แกนในจะยิงเป็นแนวตรงและภายนอกจะหมุนเป็นเกลียว เป็นผลของการฝึกผสานกายของเย่ว์หยางและเจ้าเมืองโล่วฮัว มันคือพลังแสงอุษาคู่
พลังของแสงอุษาคู่มีอำนาจถล่มฟ้าทลายดินอย่างแท้จริง
ตั้งแต่นั้นมา เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อลองสิ่งใหม่ๆ และโยนทิ้งแนวความคิดเดิมออกไป ปรับเปลี่ยนวิถีแสงอุษาวิถีตรงแต่ก่อนของนางเป็นแสงอุษาเกลียว
“รอก่อน, ไปช้าๆ และทนอดกลั้นไว้ เมื่อท่านพยายามดัดแปลงถึงเพียงนี้แล้ว ก็พยายามสะสมพลังมันให้มากขึ้น” นอกจากเย่ว์หยางจะเป็นอัจฉริยะในทุกอย่างแล้ว เมื่อเย่ว์หยางกำลังวุ่น หญิงงามลึกลับอู๋เสีย คือสาวงามตัวเลือกอันดับแรกที่จะมาช่วยให้พวกนางได้ฝึกฝน
ไม่สามารถบิดโค้งแสงอุษาเหมือนตอนที่เย่ว์หยางร่วมมือกับเจ้าเมืองโล่วฮัว แต่นางสามารถช่วยให้เจ้าเมืองโล่วฮัวควบคุมมันได้
แสงอุษาเกลียวคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับการควบคุมของเจ้าเมืองโล่วฮัวในระดับนี้ แต่นางเป็นคนฉลาดมาก ถ้าไม่สามารถเชี่ยวชาญแสงอุษาเกลียวได้ นางก็จะพยายามทำให้เชี่ยวชาญแสงอุษาทวีคูณให้ได้ก่อน นางสร้างบอลแสงอุษาเล็กๆ หกลูกนอกจากลูกกลมแสงอุษาลูกใหญ่ที่นางสะสมพลังไว้พร้อมแล้ว เมื่อบอลแสงอุษาลูกใหญ่ยิงออกไปที่ศัตรูของนาง บอลแสงอุษาเล็กอีกหกลูกก็จะยิงออกไปเพื่อสร้างแรงทำลายพิเศษ ผลของการโจมตีแบบนี้ จากการประเมินของหญิงงามอมโรคอู๋เหิน นางว่ามีพลังรุนแรงกว่าการโจมตีแบบเดิมของนางถึงสามเท่า
บอลแสงอุษาเล็กๆ หกลูกร่วมประสานกับบอลแสงอุษาลูกใหญ่ในแง่ของความเร็ว มุมของพวกมันถูกตัดหายไป จึงสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่า
เป้าหมายของเจ้าเมืองโล่วฮัวก็เพื่อให้บอลแสงอุษาลูกเล็กทั้งหกลูกสร้างคลื่นเกลียวหมุนรอบแสงอุษาลูกใหญ่ นางยังคงปล่อยแสงอุษาเพิ่มขึ้นเพื่อเพิ่มพลังลำแสงอุษา
หญิงสาวร่างเปลือยที่พยายามเกลี้ยกล่อมเย่ว์หยางต่อหน้าธารกำนัลจะต้องพบกับพลังโกรธเกรี้ยวของเจ้าเมืองโล่วฮัว
นางตัดสินใจจะให้ผู้หญิงไร้ยางอายนางนี้ได้ลิ้มรสแสงอุษาของนาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยืนอยู่ข้างเจ้าเมืองโล่วฮัวจ้องไปที่หญิงงามที่อุ้มผีผาหยก ทักษะแฝงหกรับรู้ของนางรู้สึกได้ว่าสตรีนางนี้กับผีผาหยกอันตรายมากกว่าหญิงเปลือยเสียอีก บรรดาสี่ขุนพลเผ่าปีศาจแดนใต้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือหญิงสาวผู้ถือผีผาหยก นางยังคงน่ากลัวกว่าบุรุษผอมอ่อนแอที่ยังคงไอต่อไปเหมือนคนเป็นวัณโรค
หญิงงามอมโรคอู๋เหินเพิ่งเตรียมพร้อม นางพร้อมจะหนุนเสริมเย่ว์หยางได้ทุกเมื่อ
ก่อนที่เย่ว์หยางจะเริ่มการโจมตี ศัตรูก็ล้อมเขาไว้ก่อนทันที ทันใดนั้น เขาต้องการโล่แก้วของนางเพื่อป้องกันการโจมตีทั้งหมด เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่ต้องห่วงและสามารถทุ่มเทจู่โจมศัตรูได้..
“เจ้าอ้วน มาคอยหนุนเสริมข้า ข้าต้องการฉีกเจ้ามนุษย์หน้าโง่นี่ให้เป็นชิ้น!” หญิงสาวร่างกายยั่วยวนนี้เกลียดเย่ว์หยางเข้ากระดูกดำเสียแล้ว
“ขยันอย่างหนักเพื่อสาวสวยถือเป็นเกียรติของข้า” เจ้าอ้วนคางคกทองตอบพร้อมกับหัวเราะก๊าก
“แค่ก แค่ก, ถ้าเจ้า..แค่ก แค่ก แค่ก, ไม่ต้องการข้า แค่ก..แค่ก..อย่างนั้นข้าจะไปนอนก่อน แค่ก แค่ก!” ตัวประหลาดผอมเอนตัวนอนบนหลังม้าที่ดูเหมือนม้าหรือลาแล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ในฝันของเขา เขาก็ยังไอออกมาเล็กน้อย
ขณะที่ตัวประหลาดผอมนอนหลับ อสูรคะนองตาทองที่อยู่ในภาวะตื่นตัวสูงสุดก็ตัวโอนเอนทันที เหมือนกับว่าเขาจะล้มลงกับพื้นด้วยความเพลีย
อสูรคะนองตาทองร้องโหยหวนลั่น ทั้งสองมือของเขาที่ติดอาวุธกรงเล็บกับแขนเริ่มขูดเการ่างตนเองอย่างบ้าคลั่งจนเกิดรอยแผลนับไม่ถ้วน
เย่ว์หยางประหลาดใจมาก … เจ้าผู้นี้ตกเข้าไปในกับดักศัตรูหรือ?
ทักษะญาณทิพย์ของเขาพลาดไปได้อย่างไร?
ทันใดนั้นอสูรคะนองตาทองหมุนตัวมาตะโกนบอกเย่ว์หยาง “เขาคือขุนพลปีศาจกินฝัน เขาสามารถเข้าไปในฝันของคนอื่นๆ และบังคับคนอื่นในความฝันได้ ในโลกแห่งความฝัน เขาเป็นผู้ไร้เทียมทาน พวกเจ้ารีบจากไปซะขณะที่ข้ายังรู้สึกตัวดีอยู่ แฮก..”
เขายังพูดไม่จบประโยคดีก่อนจะล้มลงกับพื้น
แม้ว่าร่างของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ความเจ็บปวดก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เขาหลับได้
เมื่อเขาหลับ ทันใดนั้นปากของเขาพูดออกมาเป็นเสียงของบุรุษผอมเหมือนเป็นวัณโรค “เจ้าโง่, แค่ก แค่ก เขารู้ชัดเจนว่าข้าไร้เทียมทานในโลกแห่งความฝัน แค่ก แล้วทำไมเขาถึงพยายามต่อต้านข้า? แค่ก แค่ก เจ้าโง่เอ๋ย เจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้าทันทีหรือ? แค่ก แค่ก ข้าจะทรมานเจ้าทั้งเป็นถึงขนาดที่เจ้าจะต้องเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้..”
หญิงสาวทั้งสี่ตกตะลึงกันหมด โชคดีที่พวกนางกางโล่ป้องกันไว้ก่อน
มิฉะนั้น คงต้องพบจุดจบแน่ ถ้าปล่อยให้บุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคผู้นี้เข้าไปในความฝันของพวกนางได้
โล่ที่เกิดจากการเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมามีความสามารถป้องกันต่อต้านพลังโจมตีทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นดาบ, ระเบิด หรือพลังจิต ตราบใดที่ยังไม่เกินขีดจำกัดป้องกันของโล่ พวกนางทุกคนก็ยังปลอดภัย อสูรคะนองตาทองไม่ได้ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญ ดังนั้นจึงเป็นจุดจบของเขาจริงๆ เพราะเขาไม่มีความสามารถต่อต้านการโจมตี
เย่ว์หยางมีความกล้ากว่า เขาเดินออกจากโล่ของเขาตรงไปหาอสูรคะนองตาทองและเตะเขาเบาๆ
เขาขมวดคิ้ว ค่อนข้างสับสนว่าบุรุษผอมวัณโรคเข้าไปในความฝันคนอื่นได้อย่างไร ความฝันยังถูกคนอื่นควบคุมได้ด้วยหรือ?
“น้องชายผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยกลัว เจ้าบอกเราได้ไหมว่าทำไม?” หญิงสาวผู้ถือผีผาหยกสงสัยเมื่อเห็นเย่ว์หยางดูเหมือนจะไม่กลัวถูกบุกรุกในดินแดนความฝัน
“พูดถึงเรื่องฝันกลางวัน ไม่มีใครดีกว่าข้าอยู่แล้ว” เย่ว์หยางไม่สนใจสาวร่างยั่วยวนที่ยังโมโหอยู่และรอโอกาสฉีกร่างของเขา และนางหันไปทางอื่นแทน มีเสียงฝีเท้าหนักๆ อีกด้านหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พวกเขาทีละก้าวๆ เป็นจังหวะ เย่ว์หยางและสี่สาวเห็นยักษ์ที่สูงราวๆ ห้าเมตรเดินก้าวยาวๆ ตรงมาทางพวกเขา เขาก้าวยาวมากกว่าสิบเมตรในแต่ละก้าว
ยักษ์แปดแขนนั้นกำทูตพยัคฆ์บินไว้ในมือราวกับว่าเขากำลังจับแมลง
ทูตพยัคฆ์บินยังไม่ตาย แต่เขาก็ใกล้ตายเต็มที
มีบาดแผลแห่งเดียวบนร่างของเขา
อกของเขาแบนยุบด้วยฝีมือศัตรู ซี่โครงของเขาหักหมด แม้ว่าร่างของชาวเผ่าปีศาจบูรพาจะแข็งแรง แต่เป็นเรื่องยากที่จะฟื้นจากอาการบาดเจ็บเพราะพลังหมัดแบบนั้น
ยักษ์แปดแขนโยนทูตพยัคฆ์บินลงบนพื้นเหมือนกับโยนกระต่ายที่ล่าได้ เขากวาดตามองดูเย่ว์หยางและเย่ว์หยางก็สบตากับเขา เหมือนกับว่าสายตาของเขามีพลังไร้สภาพ ถึงกับทำให้เย่ว์หยางถอยหลังไปหนึ่งก้าว ร่างของเย่ว์หยางโอนเอนเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขาจะเป็นลม
“มีสิ่งมีชีวิตสามประเภทที่สามารถใช้นัยน์ตาอย่างเดียวโจมตีได้ หนึ่งคือตามาร สอง กิ้งก่าหน้าผี และสามมังกร เมื่อมังกรฝึกพลังมังกรของพวกมันจนถึงขีดจำกัด พวกมันสามารถสร้างนัยน์ตาดาบที่สามารถทำร้ายศัตรูของพวกมันได้.. เย่ว์หยาง, ยักษ์แปดแขนที่อยู่ต่อหน้าเจ้า ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด เขาต้องเป็นมังกรเก้าหัว ผู้ที่พยัคฆ์บินเรียกว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัว” หญิงงามลึกลับอู๋เสียปิดหนังสือโบราณของนางและวิเคราะห์ต่อไป “ตอนนี้ จะมากจะน้อยข้าสามารถอนุมานได้ว่าแม่ทัพปีศาจเก้าหัวทำร้ายศัตรูของเขาด้วยพลังมังกรของเขา เขาเป็น “ตา” ในหมู่สัมผัสทั้งห้า ผู้หญิงชั้นต่ำที่ปล่อยกลิ่นหอมออกมาจากร่างนางก็คือจมูก เจ้าที่เหมือนคางคกนั่นพอจะพูดได้ว่าก็คือปากแน่นอน สตรีผู้ถือผีผาหยกต้องเป็น “หู” พวกเขาทั้งห้าก่อตัวรวมกันเป็นองคาพยพเดียวกัน เมื่อพวกเขาสู้ด้วยกัน พวกเขาจะหนุนเสริมการโจมตีกันและกันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของพวกเขา นอกจากนี้ ยังมีบุรุษผอมวัณโรคที่สามารถรุกรานเข้าความฝันผู้คนได้ เขาจะจัดการกับสมองของศัตรู ถ้าเราต้องการเอาชนะพวกเขา เราต้องทำลายการประสานงานของพวกเขา เราต้องไม่ปล่อยให้พวกเขาเติมเต็มส่งเสริมการโจมตีของพวกเขา”
“…..” ศัตรูสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหญิงงามลึกลับอู๋เสีย พวกเขาไม่เคยคิดว่าด้วยการมองเพียงครั้งเดียว นางจะสามารถมองเห็นไม้ตายก้นหีบของพวกเขาได้ ศัตรูแข็งแกร่งของพวกเขามากมายต้องตายเพราะพวกเขาไม่รู้ความลับนี้ วันนี้ พวกเขากลับถูกมองทะลุโดยผู้หญิงตัวน้อยที่ไม่ได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดด้วยซ้ำ มิน่าเล่า นักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์ถึงได้แข็งแกร่งกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์อื่นถึง 2-3 เท่า ภูมิปัญญาของมนุษย์ช่างน่ากลัวจริงๆ
“พูดได้ดี อย่างนั้นข้าจำเป็นต้องทำอะไร?” เย่ว์หยางคิดว่ามันสมเหตุสมผลมาก แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำยังไง?
“ข้าเองก็ยังไม่รู้!” อู๋เสียโบกมือ แสดงว่านางก็ช่วยไม่ได้
“บึ้ม!” ศัตรูที่เหลือรวมทั้งหญิงสาวผีผาหยกถึงกับตึงเครียดก้มหัวลงกับพื้นก่อน พวกเขากลัวตายกันทั้งนั้น พวกเขาไม่เคยคิดว่านางจะเห็นข้อบกพร่องของพวกเขา
เมื่อพวกเขาดึงความรู้สึกกลับมาได้ สี่ขุนพลเผ่าปีศาจแอบโล่งใจกันทุกคน เพราะว่าสาวน้อยผู้นี้เห็นแต่ไม้ตายที่ซ่อนอยู่ของพวกเขา แต่นางไม่สามารถบอกจุดอ่อนของพวกเขาได้
ถ้านางพบจุดอ่อนของพวกเขา พวกเขาคงต้องปวดหัวกันจริงๆ แล้ว
บุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคไอทันที 2-3 ครั้งโงนเงนอยู่บนหลังม้าประหลาด เหมือนกับว่าเขาพบฝันร้าย
เร็วๆ เข้า เสียงของเขาก้องออกมาจากปากของทูตพยัคฆ์บิน ตาของทูตพยัคฆ์บินเหลือกขาวขณะที่เขาสูญเสียสัมปชัญญะ อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขาแสดงออกมาเหมือนกับว่าเห็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างที่สุด เหมือนกับว่าหินหลอมเหลวแม็กมาท่วมกระเด็นใส่หน้าของเขา
ในที่สุดทูตพยัคฆ์บินก็ตายอย่างเงียบกริบ
ก่อนที่เขาจะตาย เขาอ้าปากที่ใหญ่กว้าง และลิ้นของเขาห้อยออกมา
เหมือนกับว่าใครบางคนบีบคอเขา ในที่สุดทูตพยัคฆ์บินก็ตายจากอาการขาดอากาศ
เย่ว์หยางเห็นว่าทูตพยัคฆ์บินหยุดหายใจแล้ว เขาเพียงแต่เห็นขาของพยัคฆ์บินกระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะหยุดหายใจ เย่ว์หยางได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆ
“อย่าห่วง เจ้าก็จะตายในไม่ช้า…” เจ้าอ้วนที่อุ้มคางคกสามขายิ้มหวานให้เย่ว์หยาง เหมือนกับว่าเขาเป็นพ่อค้าเขียงเนื้อมองเนื้อในเขียงและเตรียมลงมีดของตน
“เอ๋?” เย่ว์หยางรู้สึกง่วงจนสุดจะพรรณนาปรากฏขึ้นมาภายใต้จิตสำนึกของเขา เหมือนกับว่ามีอำนาจที่มองไม่เห็นบางอย่างดึงเขาเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน เขาสูญเสียการควบคุมกายหยาบของเขาขณะที่เขาเซเล็กน้อย เย่ว์หยางไม่ต่อต้านการโจมตีทางจิต แต่ร่างของเขาไม่ล้ม เขากลับยืนหลับเหมือนกับคนปกติ ผลอยหลับไปพร้อมกับจังหวะหายใจที่เงียบสงบ
ทุกคนมีอิริยาบถหลับที่แตกต่างกัน แต่คนที่สามารถยืนหลับได้อย่างสบายๆ เห็นจะมีแต่เย่ว์หยาง
นี่คือพลังแห่งบุคลิกภาพของเขาที่มีอยู่แล้วก่อนจะเข้ามาในโลกนี้
ในดินแดนแห่งความฝัน เย่ว์หยางเห็นบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคหัวเราะอย่างน่าสะอิดสะเอียนอยู่ต่อหน้าเขา เหมือนกับเป็นยมทูต เขายกเคียวโลหิตและหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“เจ้าบอกมา ข้าจะทรมานเจ้าอย่างไรถึงจะทำให้ข้าบันเทิงใจที่สุด? เฉือนหน้าท้องของเจ้าแล้วดึงลำไส้เจ้าออกมาดีไหม? หรือจะให้ข้าใช้ค้อนทุบฟันเจ้าทีละซี่ๆ จากนั้นดึงออกมาช้าๆ?” แต่ก่อนที่บุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคจะพูดจบ เย่ว์หยางกระโดดขึ้นไปอยู่บนศีรษะเขาและย่ำเขาลงกับพื้น จากนั้นระดมหมัดต่อยไปบนใบหน้าเขาอย่างหนัก เขาทุบบุรุษผอมคล้ายคนเป็นวัณโรคจนเขาร้องออกมาอย่างน่าสงสาร
“นี่เป็นไปไม่ได้!”
“นี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน! มีแต่ข้าที่ควบคุมดินแดนในความฝันได้ ข้าเป็นผู้ไร้เทียมทาน! เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้!” บุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคร้องออกมาอย่างเจ็บปวดและน่าสมเพช ด้านนอกในเขตทางผ่านโบราณ ร่างของบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคนอนอยู่บนหลังม้าประหลาดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด บาดแผลปรากฏบนใบหน้าเขาเห็นได้อย่างชัดเจน แม้แต่ฟันของเขาก็กระเด็นหลุดออกมาจากปากทีละซี่
เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไร เขายังคงระดมหมัดชุดใส่ต่อไป
เขาต้องรีบ ถ้าเขาไม่รีบทุบเจ้านี่ในตอนนี้ เขาจะไม่มีโอกาสถ้าพี่สาวคนสวยในฝันปรากฏตัวออกมา
แน่นอนว่า ก่อนที่เย่ว์หยางจะระดมหมัดได้ครบร้อยหมัด พี่สาวคนสวยในดินแดนแห่งความฝันก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ว์หยาง นางมองดูบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ นางค่อยๆ ยกมือและใช้บทสวด “ผลาญวิญญาณ”..
ปราณกระบี่แพรวพราวนับพันรวมตัวกันเป็นกระบี่ขนาดใหญ่ และสังหารบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคผู้บุกรุกเข้ามาในดินแดนแห่งความฝันได้อย่างง่ายดาย
เขาสูญหายไปอย่างสมบูรณ์
บุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคไม่สามารถร้องออกมาได้แม้แต่คำเดียวก่อนที่เขาจะสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์
ร่างกายหยาบของเขาที่อยู่ในทางผ่านโบราณแสดงสีหน้าว่าชะงักค้างด้วยความหวาดกลัว ยังน่ากลัวกว่าเมื่อพยัคฆ์บินตายเป็นร้อยเท่า…. นอกจากเย่ว์หยาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่าบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคผู้นี้เห็นอะไรก่อนที่วิญญาณเขาจะถูกทำลาย ม้าประหลาดตัวที่เขาขับขี่มาจู่ๆ ก็ระเบิดขึ้น เลือดเนื้อของมันกระจายไปทั่วพื้น แม้แต่บุรุษผอมเจ้านายของมันที่นั่งอยู่ข้างบนก็มีร่างกายขาดสองท่อนจากแรงระเบิดนี้ เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นอย่างนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดกันไปหมด…
หญิงสาวทั้งสี่นางรู้ว่าเย่ว์หยางมีท่าทางแปลกไปเล็กน้อยก่อนหน้านั้น เขามีแผนแน่นอนเมื่อวิ่งออกไปนอกโล่ป้องกันและล่อหลอกให้บุรุษผอมโจมตีเขา
อย่างไรก็ตาม พวกนางไม่เคยคิดว่าเย่ว์หยางสามารถฆ่าขุนพลกินฝันผู้ว่ากันว่าไร้เทียมทานในดินแดนแห่งความฝันนี้ได้ … ในที่สุดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็บ่นพึมพำตามหลัง “เจ้าบ้านี่! ผิดมนุษย์มนาเกินคนจริงๆ”
หญิงสาวผู้ถือผีผาหยกมองดูบุรุษผอมคล้ายเป็นวัณโรคซึ่งตายด้วยทั้งตาที่เบิกกว้าง นางไม่อาจทำความเข้าใจได้ว่า ผู้กินฝันมรณะที่ไม่น่าจะตายที่สุดกลับถูกฆ่าตายด้วยอสูรกินฝันของเขาในดินแดนแห่งความฝันได้ รูปแบบชีวิตใดกันแน่ที่คงอยู่ในดินแดนแห่งความฝันของมนุษย์น้อยผู้นี้?
เย่ว์หยางลืมตาและแสดงรอยยิ้มลี้ลับชั่วร้ายบนใบหน้า “ใครอยากตายเป็นรายต่อไป?”
*****************